บทที่ 212
ล่อหลอกเหล่าโจร
ลั่วอู๋ได้เจอกับหลี่หยินแล้ว และในตลอดเวลาที่เขาเดินทางอยู่ในพื้นที่ล่าสัตว์นี้ เขาก็ได้รับแผ่นหยกมาถึง 21 แผ่น หากไม่เกิดเหตุอะไร เขาสามารถมั่นใจได้เลยว่าพวกเขาคนใดคนหนึ่งจะต้องสามารถผ่านการทดสอบในรอบที่สองไปได้อย่างแน่นอน
ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอะไร
ยังมีเวลาเหลืออยู่อีกมาก
ระหว่างกำลังเดินทางลั่วอู๋ได้หันมาถามหลี่หยิน “ในตอนที่เจ้าตกอยู่ในอันตราย ทำไมเจ้าไม่ส่งแผ่นหยกให้พวกมันไปล่ะ เจ้าไม่น่าจะรู้อนาคตได้เลยนี่นาว่าข้าจะมาช่วยเจ้าได้ทัน?”
ความประทับใจของลั่วอู๋ก็คือหลี่หยินนั้นเป็นคนที่ฉลาดมาก แม้จะขี้อายไปนิดแต่เขาก็เข้าใจมาตลอดว่าสาวใช้ของเขามีความคิดความอ่านยังไง
เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง การไม่ยอมส่งแผ่นหยกไปให้กับอีกฝ่ายและสามารถพูดตอบอีกฝ่ายออกไปอย่างหนักแน่นว่า “ไม่” จึงเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ
หลี่หยินพูดออกมาอย่างไร้เดียงสา “นั่นเป็นเพราะข้าต้องการเข้าไปที่สำนักเฉียนหลงกับนายน้อยเจ้าค่ะ หากข้าเสียมันไปแล้วข้าคงจะไม่สามารถตามไปรับใช้นายน้อยได้” เพราะเหตุผลนี้แผ่นหยกจึงมีความสำคัญกับนางมาก
ดีมาก
จู่ ๆ ลั่วอู๋ก็ตระหนักได้ว่าการเชื่อมต่อกับเหล่าผีได้ถูกตัดออกไปบางส่วน
จากนั้นเหล่าผีหลายร้อยตัวที่เขาปล่อยออกไปก็รีบกลับมาหาเขาในทันที พวกมันทุกตัวดูตกใจและตื่นกลัวมาก ลั่วอู๋จึงรีบเก็บพวกมันทั้งหมดกลับเข้าไปในไหปีศาจ
“มีศัตรูจำนวนมากงั้นสินะ” ลั่วอู๋ตื่นตัวขึ้น
แต่ขณะเดียวกันเขาก็สงสัยและสับสน ทั้งที่เจอคนจำนวนมากแล้วทำไมคนเหล่านั้นถึงไม่ยอมสู้กันเอง? มันเป็นไปได้ยังไง?
“ตาข่ายสวรรค์!”
แรงดันวิญญาณมหาศาลพรวดพราดขึ้นมา
นี่เป็นทักษะระดับ S
มันสามารถสร้างตาข่ายแห่งขึ้นมาในความว่างเปล่า เพื่อคุมขังทุกชีวิตทั้งหมดในพื้นที่นั้น มันเป็นความสามารถในการปิดกั้นพื้นที่
“กรร!” ทันใดนั้นต้าหวงก็เริ่มเห่าอย่างดุเดือด
มันสัมผัสได้ถึงความเป็นปรปักษ์จากในทุก ๆ ด้าน
สีหน้าของลั่วอู๋เปลี่ยนไปอย่างเคร่งเครียด
เขาไม่ได้คาดหวังว่าการโจมตีจะเข้ามาเร็วขนาดนี้
หลี่หยินเรียกเสี่ยวไป่ออกมาในทันทีเพื่อใช้ทักษะ “ทะลวงมิติ” แต่ทว่าแสงสีขาวนั้นกลับกะพริบอยู่เพียงครู่หนึ่งแล้วดับลงไป
การใช้ทักษะล้มเหลว
“แย่แล้วสิ” ลั่วอู๋รู้สึกประหม่า
แม้ว่าระดับทักษะของ [ทะลวงมิติ] จะสูง แต่ระดับของเสี่ยวไป่ที่เป็นผู้ใช้นั้นต่ำเกินไป
มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้ทักษะทะลวงมิติลอดผ่านตาข่ายสวรรค์
ตาข่ายสวรรค์ที่ตกลงมานั้นครอบคลุมทั่วท้องฟ้าถึงขนาดที่ แม้แต่ลั่วอู๋ก็ยังไม่คาดคิดว่าทักษะทะลวงมิติจะล้มเหลว ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถรับมือได้ทันเวลาและถูกจับอยู่ในตาข่าย
และแล้วกองกำลังที่แข็งแกร่งเข้ามาล้อมพวกเขาเอาไว้
“ทำไมทั้ง ๆ ที่เขาเป็นเพียงแค่ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับกลาง แต่กลับมีแผ่นหยกมากมายถึงขนาดนี้” เสียงที่บ้าคลั่งดังขึ้น จากนั้นชายสวมหน้ากากก็เดินออกมาพร้อมกับแมงมุมยักษ์หลากสี
แมงมุมยักษ์หลากสี
สัตว์วิญญาณระดับทอง
มันมีทักษะสามารถคายตาข่ายออกมาได้ทุกชนิด ข่มคู่ต่อสู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเรียกได้ว่ารอบด้าน แต่จุดอ่อนที่ชัดเจนมากคือการป้องกันค่อนข้างอ่อนแอ
อย่างไรก็ตามแมงมุมตัวนี้นั้นยังไปไม่ถึงระดับทองขั้นสูง
มิฉะนั้นเพียงแค่ทักษะตาข่ายสวรรค์นี้ก็อาจฆ่าลั่วอู๋และพรรคพวกทั้งหมดได้ในครั้งเดียว
ขณะที่ลั่วอู๋กำลังเสียเปรียบ ชายสวมหน้ากากอีกเกือบ 20 คนก็ปรากฏตัวขึ้น พวกเขาเองก็สนใจในแผ่นหยกที่ลั่วอู๋ครอบครองเอาไว้อยู่
“ข้าเองก็จะได้แผ่นหยกบ้างแล้ว” หลังจากปรากฏตัวชายสวมหน้ากากก็พูดแล้วเดินเข้าไปหาลั่วอู๋
“เดี๋ยวก่อนสิ”
ทว่ากลับมีคนหยุดเขาเอาไว้
ชายร่างใหญ่พูดด้วยความโกรธ “เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ออกไปซะ”
เห็นได้ชัดว่าพันธมิตรชั่วคราวของพวกเขานั้นไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกันเท่าไหร่
“แผ่นหยกมันไม่ได้มีผลขนาดนั้นเสียหน่อย ยังไงแผนของพวกเราก็คือตามฆ่าทุกคนที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มพันธมิตรอยู่แล้วนี่ ทำไมเจ้าถึงดูให้ความสำคัญกับแผ่นหยกมากเป็นพิเศษล่ะ?” มีคนคนหนึ่งกล่าวขึ้นมา
ชายสวมหน้ากากกล่าว “เจ้ามันโง่ ถ้าเกิดว่าพวกเจ้า ฆ่าคนอื่นนอกกลุ่มพันธมิตรได้ไม่หมดขึ้นมาล่ะ ในตอนนั้นถ้าเกิดพวกเจ้าไม่มีแผ่นหยกติดตัวมากพอขึ้นมา เจ้าก็คงจะไม่สามารถผ่านรอบสองไปได้ใช่ไหมล่ะ ? การจะบอกว่าแผ่นหยกไม่สำคัญ มันก็เหมือนกับการหลอกให้คนอื่นไม่คิดจะชิงแผ่นหยกไปจากเจ้าเท่านั้นแหละ ไม่ว่ายังไง ข้าก็ต้องการฆ่าเขาคนนี้ และชิงแผ่นหยกทุกใบของเขามา หากพวกเจ้าคนใดมีปัญหา ก็สามารถมาท้าสู้ข้าได้ ต่อต้านข้าเลยถ้ากล้า ”
ดูเหมือนว่าจะมีช่องโหว่ในหมู่พันธมิตรชั่วคราวเสียแล้ว
พวกเขารู้ตัวดีว่าที่ชายสวมหน้ากากพูดออกมานั้นเป็นความจริง แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดแบบนั้นออกมาง่ายๆ เพราะเมื่อพูดไปแล้วมันก็รังแต่จะทำให้เกิดความขัดแย้งเปล่า ๆ
ท้ายที่สุดแล้วจุดประสงค์ของการรวมตัวกันครั้งนี้ก็คือการผ่านการทดสอบรอบที่สอง
หากลงแรงไปแล้วแต่ผลลัพธ์ไม่ได้ดังที่หวัง ใครเล่าจะทนได้
ครู่ต่อมาบรรยากาศก็ดูสงบลง
พวกเขาไม่คิดที่จะรักษาระยะห่างจาก ลั่วอู๋เลยแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าพวกเขามองว่าลั่วอู๋นั้นไม่ได้ต่างไปจากปลาที่นอนรออยู่บนเขียง มีเพียงมู่เฉิงเท่านั้นที่จ้องมองไปที่ลั่วอู๋อย่างหวาดระแวง
เจ้าหยีเทียนเฉินหายไปอยู่ที่ไหนแล้ว?
อย่าบอกนะว่าเขาลืมที่จะจัดการกับลั่วอู๋ไปแล้ว!
ทำไมลั่วอู๋ถึงยังมีชีวิตอยู่ เขามาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
การเสียโควตาให้กับเขา มันช่างไร้ประโยชน์ สุดท้าย มู่เฉิงก็ต้องกำจัดลั่วอู๋ด้วยตัวเอง
ขณะที่มู่เฉิงกำลังเตรียมตัวเริ่มจัดการกับศัตรูของเขาอย่างเงียบ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น มันดังมากเสียจนแทบจะทำให้หูของเขาหนวก
“ มู่เฉิง แกคิดจะขโมยแผ่นหยกอย่างนั้นเหรอ ?” เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้น
เมื่อได้ยินประโยคนั้นมู่เฉิงก็คำรามไปทั่ว ราวกับมีพลุระเบิดในหัวของเขา แต่เขาก็สะท้อนมันออกมาอย่างรวดเร็ว เพราะเขารู้ตัวว่าเขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่แย่
ตอนนี้ดูเหมือนว่าทุกคนในกลุ่มต่างก็มองมาที่เขาด้วยแววตาอันโกรธเกรี้ยว
แผ่นหยกกว่า 21 แผ่น ตราบใดที่ถือครองแผ่นหยกเป็นจำนวนมาก ผู้นั้นก็จะสามารถผ่านการทดสอบในรอบที่สองไปได้ เวลานี้พันธมิตรและกฎใด ๆ ถือเป็นโมฆะไปในบัดดล
ตราบเท่าที่ได้พวกมันมาครอบครอง ก็เท่ากับได้ผ่านการทดสอบรอบนี้ไปแล้ว
“ไม่ ๆ ข้าแค่อยากจะฆ่าพวกมันเฉย ๆ ข้าไม่ได้มีเจตนาจะขโมยแผ่นหยกไปนะ” มู่เฉิงรีบอธิบาย แต่ก็ไม่มีใครคิดจะเชื่อเขา
ทุกคนคิดว่าเขากำลังจะอาศัยจังหวะที่ทุกคนกำลังถกเถียงกันเรื่องเกี่ยวกับความเป็นเจ้าของแผ่นหยก เพื่อที่จะขโมยแผ่นหยกทั้งหมดมาเป็นของตนเอง ทุกคนจึงโกรธเขามาก
ในใจของมู่เฉิงมีเสียงบ่นไม่รู้จบ
ไอ้เจ้าลูกหมานั่นมันบังอาจมาใส่ร้ายข้า คิดจะกำจัดข้าด้วยวิธีนี้สินะ
จู่ ๆ พื้นดินก็เริ่มสั่นสะเทือนและแยกออก เม็ดทรายและกรวดกลายเป็นการโจมตีอันน่ากลัวระเบิดเข้าใส่ทุก ๆ คน
เปิดใช้ทักษะระดับ S [สะเทือนปฐพี]
“ใครเป็นคนร่ายทักษะสะเทือนปฐพี!” เหล่าฝูงชนต่างโกรธเกรี้ยว
เห็นได้ชัดว่าทักษะสะเทือนปฐพีนี้จะทำให้เกิดการตะลุมบอนขึ้นในหมู่พันธมิตร
“ฮ่าฮ่าฮ่า แผ่นหยกของชายคนนี้พวกข้าจะขอรับไปก่อนล่ะ มู่เฉิงข้าจะรอเจ้าอยู่ที่เก่านะแล้วพบกันใหม่” เสียงที่ไม่ชัดเจนดังขึ้น
จากนั้นก็มีชายสวมหน้ากากเปื้อนเลือดปรากฏตัวข้างๆลั่วอู๋และพวกเขาทุกคน
ชายคนนั้นใช้ไฟผีสีเขียวเข้มทำลายห่วงที่สร้างขึ้นโดย “ตาข่ายสวรรค์” อย่างรวดเร็ว
ลั่วอู๋ตกใจไปครู่หนึ่ง
แต่ด้วยเสียงแบบนี้และไฟสีเขียว ชายคนนี้ต้องเป็นฉูจงฉวนไม่ผิดแน่
ภายใต้คำสั่งของหลี่หยินเสี่ยวไป่ได้ใช้ทักษะ “ทะลวงมิติ” ในทันทีแสงสีขาวส่องสว่างกะพริบผ่านพวกเขาทั้งสามคนหนีรอดออกไป
ในมุมมองของเหล่าพันธมิตร ลั่วอู๋และพรรคพวกของเขาหายตัวไปอย่างปริศนา
แน่นอนว่าหายไปพร้อมกับแผ่นหยกทั้ง 21 แผ่น
“ใครวะ! ใครเป็นคนเอาตัวมันไป” ผู้คนในกลุ่มพันธมิตรแทบคลุ้มคลั่ง
ใครจะไปยอมทนสงบอยู่ได้ในสถานการณ์ที่เพิ่งสูญเสียโอกาสล้ำค่าไปเช่นนี้
“ใครคือมู่เฉิง แสดงตัวออกมาซะ”
“เดี๋ยวก่อนนะ ดูเหมือนว่าเจ้าคนที่พยายามขโมยแผ่นหยก ก็มีชื่อว่ามู่เฉิงเหมือนกันเลยนี่นา”
“ให้ตายเถอะ ข้าจะฆ่ามันและให้มันกลายเป็นอาหารเลี้ยงแมงมุมของข้า”
มู่เฉิงใจสลาย ไอ้บ้าคนไหนเอาเขามาเป็นข้ออ้างและใส่ร้ายเช่นนี้กัน ตอนนี้เขากำลังพยายามอ้อนวอน
แต่ก็คงไม่มีใครยอมรับฟังเหตุผลของเขา
การถูกใส่ร้ายว่าคิดจะขโมยแผ่นหยกทำให้มู่เฉิง พลาดโอกาสที่จะจัดการกับลั่วอู๋และพรรคพวกไป