พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – บทที่ 1697 ใครขวางข้า ตาย!

บทที่ 1697 ใครขวางข้า ตาย!

อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ หนิวโหย่วเต๋อคนเดียวสามารถโยงให้ทุกคนสิ้นเปลืองกำลังความคิดเยอะเกินไปจริงๆ ยิ่งคิดไม่ถึงว่าจะก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้ได้ ถ้าแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้ อย่าว่าแต่เขาเลย แม้แต่โค่วหลิงซวีก็โล่งอกเช่นกัน ต่อให้เป็นโค่วเจิงก็ตาม ถ้าลองคิดย้อนไปแล้วก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นเช่นกัน

ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างนี้ โค่วเจิงเข้าใจแล้ว ทุกคนกำลังจนใจ เขากล่าวอย่างกลุ้มใจว่า “ถ้ารู้ตั้งแต่แรก…” คำพูดช่วงท้ายไม่ได้เอ่ยออกมา เขาจะบอกว่าตอนแรกไม่น่าแย่งไปประสมโรงเลย ตอนนี้แม้แต่ลูกชายตัวเองก็ติดกับดักไปด้วยแล้ว

ถังเฮ่อเหนียนยิ้มอย่างขื่นขม มีลูกชายเพียงคนเดียว ตอนนี้หายไปแล้ว ไม่ว่าใครก็รู้สึกทุกข์ใจทั้งนั้น เรื่องนี้ปลอบใจไม่ได้ง่ายๆ เลย

สุดท้ายโค่วหลิงซวีที่เงียบมาตลอดก็เอ่ยว่า “เหวินไป๋เสียสละชีวิตเพื่อตระกูลโค่ว ให้ฉูฉู่คลอดใหม่อีกสักคนเถอะ ข้าอนุญาตให้พวกเจ้าสองคนคลอดใหม่อีกสองคนเป็นกรณีพิเศษ”

โค่วเจิงก้มหน้าอย่างหดหู่ “ข้าไม่รู้จะอธิบายเรื่องนี้กับฉูฉู่ยังไง”

ในตำหนักเงียบงัน จินตนาการออกเลยว่าหลังจากสุยฉูฉู่รู้ข่าวแล้วจะเศร้าใจขนาดไหน แม้แต่โค่วหลิงซวีเองยังปวดใจ ถึงอย่างไรนางก็เป็นสะใภ้ใหญ่ของตระกูลโค่ว

“เฒ่าถัง!” โค่วหลิงซวีสูดหายใจลึก “เจ้าหาโอกาสเหมาะๆ คุยกับพ่อแม่ของฉูฉู่สักหน่อย บอกพวกเขาว่าข้าบอกว่า ในอนาคตฉูฉู่จะได้เป็นนายหญิงของตระกูลโค่ว การเสียสละบางอย่างนั้นเราจำเป็นต้องเผชิญหน้า ต้องรู้จักปล่อยวาง ให้พวกเขาเกลี้ยกล่อมลูกสาวตัวเองให้ดี” คำพูดบางอย่างฝั่งนี้ไม่สะดวกจะพูด ให้ครอบครัวของสุยฉูฉู่โน้มน้าวเองจะดีกว่า

เมื่อกล่าวคำนี้ แม้แต่โค่วเจิงเองก็ยังประทับใจ ถ้าสุยฉูฉู่จะได้เป็นนายหญิงของตระกูลโค่ว เช่นนั้นในอนาคตก็หมายความว่าเขาจะได้เป็นหัวหน้าตระกูลของตระกูลโค่ว ท่านพ่อเท่ากับสัญญาต่อหน้าเขาแล้ว ขอเพียงไม่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น ท่านพ่อก็จะไม่กลืนคำพูดตัวเอง

ถังเฮ่อเหนียนย่อมรู้ว่าคำพูดนี้หมายความว่าอะไร เขาชำเลืองมองปฏิกิริยาของโค่วเจิงแวบหนึ่ง แล้วโค้งตัวเล็กน้อย “ขอรับ!”

ในขณะนี้เอง จู่ๆ ด้านนอกก็มีเงาคนคนหนึ่งแฉลบเข้ามา แล้วรายงานเสียงดัง “ท่านอ๋อง ทูตตรวจการขวาเกาก้วนไม่สนใจกำลังพลที่คอยกันอยู่ข้างนอก ถือคำสั่งมังกรนำคนบุกเข้ามาแล้ว”

“คงจะมาเพราะสายลับคนนั้นของหน่วยตรวจการขวา” ถังเฮ่อเหนียนกล่าวเสริมทันที

“อ้อ!” โค่วหลิงซวีเอียงหน้ามองไปนอกตำหนัก แล้วกล่าวกลั้วหัวเราะ “เกาก้วนมาด้วยตัวเองแล้ว สงสัยจะไม่ได้มาดี ไปเถอะ ข้าจะไปพบเขาด้วยตัวเองสักหน่อย”

ผู้พิพากษาหน้านิ่งมาหาถึงที่ เขาไม่ออกหน้าไปพบด้วยตัวเองไม่ได้หรอก คนอื่นๆ ของตระกูลโค่วยืดอกไม่ได้เมื่ออยู่ต่อหน้าอินทรีและสุนัขของราชันสวรรค์

คนที่อยู่นอกตำหนักรีบหลีกทางไปอยู่ด้านข้าง โค่วหลิงซวีที่ก้าวออกจากตำหนักใหญ่มีอำนาจบารมีในตัวเอง เยื้องย่างดุจพยัคฆ์มังกร โค่วเจิงกับถังเฮ่อเหนียนเดินตามอยู่ทางซ้ายและขวา

เงาคนกลุ่มหนึ่งเหาะลงมาจากฟ้า เหยียบลงนอกประตูใหญ่ของจวนอ๋องสวรรค์โค่วที่ใหญ่โตโอ่อ่า

ผู้ที่นำหน้ามาก็คือเกาก้วน สวมหมวกทรงสูงสีดำ ผ้าคลุมบ่าสีดำที่แนบติดหลังปลิวตามลมอย่างช้าๆ ใบหน้าแข็งทื่อดุจแม่พิมพ์ทั้งยังไร้อารมณ์เงยขึ้นช้าๆ เหลือบมองป้ายที่แขวนอยู่บนวงกบของประตูหลัก จากนั้นโบกมือสะบัดผ้าคลุมที่เกะกะมือ แล้วเดินก้าวยาวขึ้นบันไดไป

กำลังพลสองกลุ่มตามอยู่ข้างหลัง มีหนึ่งรอยคนเต็มๆ พวกเขาสวมหมวกสีดำปักลายเมฆทอง ชุดคลุมสีดำขอบทอง ตรงเอวคาดเข็มขัดหยก

คนกลุ่มหนึ่งพุ่งออกจากใต้วงกบประตูที่สูงใหญ่ มาขวางอยู่หน้าประตู มีสองคนเดินนำออกมาเคียงกัน ทั้งคู่ยกมือสองข้าง ตะคอกกล่าวพร้อมกัน “ผู้ที่มาหยุดก่อน!”

เกาก้วนที่เดินขึ้นบันไดมาไม่หลีกทาง ยังเดินไปข้างหน้าต่อด้วยสีหน้าเรียบเฉย

ผู้ติดตามข้างหลังเกาก้วนกวาดสายตาเย็นเยียบมองประตู ไม่เห็นนายท่านของตระกูลโค่วออกมาตรงรับ เขาไม่เชื่อหรอกว่าทูตขวาเกานำคนบุกเข้ามาแล้วคนตระกูลโค่วจะไม่รู้สถานการณ์ อาศัยฐานะของทูตขวาเกา ไม่ว่าอย่างไรก็ควรจะมีบุคคลระดับสูงของตระกูลโค่วสักคนออกมาต้อนรับ ตอนนี้กลับไม่เห็นเลยสักคน เห็นได้ชัดว่าจงใจจะไม่ไว้หน้าทูตขวาเกา

เมื่อเห็นเกาก้วนเดินเข้ามาตรงๆ โดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุด สองคนตรงประตูก็ตะคอกอีกครั้ง “ผู้ที่มาโปรดหยุเ จะไปรายงานก่อน…”

เกาก้วนเดินก้าวยาวไม่หยุด ไม่แม้แต่จะเหลียวหลัง แต่กลับยื่นมือไปคว้ากระบี่จากเอวลูกน้องข้างหลัง “ชวิ้ง…” กระบี่วิเศษออกจากฝัก งอศอกกวาดกระบี่ในแนวขวาง แสงสะท้อนคมกระบี่วับวาบ มีเลือดกระเด็นสองวง

สองคนที่เข้ามาขวางยังพูดไม่ทันขาดคำ เสียงชักกระบี่ยาวออกจากฝักก็ดังก้อง ศีรษะสองใบกระเด็นขึ้นมาแล้ว

“ชวิ้ง…” เกาก้วนงอแขนเก็บกระบี่กลับมา แสงกระบี่แวบไปด้านหลัง กระบี่ยาวเสียบกลับเข้าฝักกระบี่ตรงเอวของลูกน้องข้างหลังแล้ว

สองคนที่ศีรษะกับลำตัวอยู่คนละที่ยังไม่ทันล้มลง เลือดร้อนจากคอพุ่งขึ้นฟ้า กระบี่นี้รวดเร็วเกินไปจริงๆ เร็วจนทั้งสองทำอะไรไม่ถูก ไม่ว่าใครก็นึกไม่ถึงว่าเกาก้วนจะกล้าลงมือฆ่าคนในจวนอ๋องสวรรค์โค่วโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

ผู้ติดตามข้างหลังเกาก้วนรีบแย่งก้าวมาข้างหน้า ควงมือขวางเลือดสดที่กระเด็นออกมา จะได้ไม่เลอะบนตัวเกาก้วน ขณะเดียวกันก็ผลักศพสองร่างที่ยังไม่ทันล้มลงจนกระเด็นออกไปทางซ้ายและขวา จะได้ไม่ขวางทาง

กระบี่ยาวออกจากฝักและกลับเข้าฝัก ราวกับเมฆเหินน้ำไหล รวดเร็วราบรื่นจนทำให้คนต้องยกนิ้ว จะเห็นได้ว่ายามทูตขวาเกาจะลงมือกับคนของตระกูลโค่วขึ้นมา ก็ไม่เคยลังเลเลยสักนิด ไม่เห็นจวนอ๋องสวรรค์โค่วอยู่ในสายตาเลย คนอื่นๆ ที่เฝ้าประตูอกสั่นขวัญแขวน ถ้าไม่ได้รับคำสั่ง ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าลงมือกับทูตขวาเกาท่านนี้ เช่นเดียวกัน เมื่อไม่ได้รับคำสั่งก็ไม่มีใครกล้าหลีกทาง คนกลุ่มหนึ่งยังขวางอยู่ตรงหน้าเกาก้วนเหมือนเดิม แต่กลับรีบถอยหลังถามจังหวะที่เกาก้วนก้าวเข้ามา ทั้งหมดเผยอาวุธแล้วเช่นกัน

มีบางคนรีบหันตัวกลับเข้าไปรายงานในจวน ผ่านไปไม่นาน ทหารสวมเกราะทุกที่ในจวนอ๋องสวรรค์โค่วก็เหาะมารวมตัวกัน ความเคลื่อนไหวนี้สะเทือนทั้งจวนอ๋องสวรรค์โค่วทันที ทุกคนแทบจะวิ่งออกมาดูความเคลื่อนไหว อยากจะทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

ตรงหน้าประตูพระจันทร์ มีสมาชิกในครอบครัวที่เป็นผู้หญิงของตระกูลโค่วมารวมตัวกันเร็วมาก ทั้งหมดกำลังจ้องเกาก้วนที่นำกลุ่มบุกผ่านลานกว้างของตำหนักหน้า ส่วนกำลังพลจวนอ๋องสวรรค์โค่วที่ขวางหน้าเกาก้วนกลับถูกกดดันจนถอยหลังมาตลอดทาง เรียกได้ว่าทำให้พวกผู้หญิงอกสั่นขวัญแขวน

ทุกคนของจวนอ๋องสวรรค์โค่วพลันย้ายมาทางนี้ ตอนได้ยินข่าวว่ากำลังพลในใต้หล้าเคลื่อนไหว ก็ได้ยินข่าวลือแว่วมาแล้ว เหมือนจะบอกว่าท่านอ๋องกำลังจะก่อกบฏ!

และในตอนนี้เห็นเกาก้วนนำคนจำนวนมากมาด้วยตัวเอง ทั้งยังเกิดฉากแบบนี้ขึ้น ถึงขนาดใช้อาวุธกับเกาก้วนแล้ว ก็ยิ่งทำให้ผู้หญิงกลุ่มนี้ตกใจ บางคนอดไม่ได้ที่จะสงสัย เพราะเกาก้วนเป็นขุนนางคนสนิทของราชันสวรรค์ อย่าบอกนะว่าเกาก้วนได้รับคำสั่งให้มาจัดการท่านอ๋อง?

พวกผู้หญิงที่ยามปกติใช้ชีวิตหรูหราไร้กังวล จู่ๆ ก็ได้เห็นฉากของจริงแบบนี้ บางคนตกใจแทบแย่แล้ว ตอนนี้เพิ่งจะตระหนักได้ ว่าถ้าท่านอ๋องถูกเกาก้วนจัดการขึ้นมา แล้วในอนาคตทุกคนจะทำอย่างไรล่ะ? ถ้าไม่มีท่านอ๋องคอยบัญชาการกำลังพลทัพเหนือเป็นที่พึ่ง แล้วใครจะเห็นพวกนางอยู่ในสายตา จุดจบของผู้หญิงในตระกูลที่ก่อกบฏก็ยิ่งน่าเวทนา ต่อให้ไม่ตายแต่ก็ไม่ได้มีจุดจบดีไปกว่าผู้หญิงในหอนางโลมสักเท่าไร ไม่ว่าใครก็อยากจะลิ้มรสชาติหงส์ตกอับทั้งนั้น

ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผู้หญิงบางคนในจำนวนนี้ยังบ่นอย่างคับแค้นที่ท่านอ๋องนำลูกหลานผู้หญิงในจวนอ๋องสวรรค์โค่วไปแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ ตอนนี้ถึงได้พบว่า ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการทำให้ตระกูลโค่วไม่ล้ม

“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” อนุภรรยาบางคนที่ขี้ขลาดอดไม่ได้ที่จะถ่ายทอดเสียงถามคนข้างๆ

อวิ๋นจือชิวที่ออกมาถึงทีหลังก็ปรากฏตัวอยู่ท่ามกลางผู้หญิงพวกนี้เช่นกัน นางเดินมาข้างกายสุยฉูฉู่ หร่วนจิ้งและซูฮวนเหนียง แล้วถามอย่างตกใจ “พี่สะใภ้ทั้งสาม เกิดอะไรขึ้นคะ?”

“ไม่รู้สิ” ผู้หญิงทั้งสามที่มีสีหน้ากังวลล้วนส่ายหน้า

ชูเจี้ยน สามีของโค่วเชี่ยน เป็นหัวหน้ากลุ่มอารักขาของจวนอ๋องสวรรค์โค่วเช่นกัน ในเวลานี้สวมเกราะรบสีแดงทั้งตัว ในมือถือทวนยาวเฉียงลากพื้น เดินก้าวยาวเข้าไปรับเกาก้วนด้วยสีหน้าดุร้าย ข้างหลังเขามีทหารสวมเกราะติดตามหลายร้อย ในมือถืออาวุธตามไปข้างหน้า

ชั่วขณะนั้นเสียงเกราะรบเคลื่อนไหวก็ดังไปทั้งลานกว้าง บรรยากาศอึดอัดจนแม้แต่อากาศก็ไม่กล้าเคลื่อนไหว

ฉากนี้ทำให้ผู้หญิงไม่น้อยตกใจจนหน้าซีด พวกนางตกใจจนหยุดหายใจ โดยเฉพาะโค่วเชี่ยนที่อยู่ในตระกูลโค่วเป็นเวลานานโดยไม่แยกบ้าน เมื่อเห็นสามีตนเองนำกลุ่มคนบุกอยู่ข้างหน้า นางก็อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากแน่น นางรู้ดีว่าเกาก้วนเป็นคนอย่างไร ขุนนางคนสนิทของราชันสวรรค์ที่คุมหน่วยตรวจการขวาได้ ศักยภาพต้องไม่ด้อยแน่นอน เมื่อสู้กับคนแบบนี้สามีตนอาจจะไม่ชนะ แต่นางกลับไม่อาจห้ามสามีไม่ให้เสี่ยงอันตรายได้ เพราะนางเข้าใจแจ่มแจ้ง ว่าบทบาทของชูเจี้ยนก็มีตายเพื่อปกป้องตระกูลโค่ว ตั้งแต่วันที่แต่งงานกับนาง สามีของนางก็หนีไม่พ้นภารกิจนี้แล้ว นี่ก็คือสาเหตุที่บิดาให้ชูเจี้ยนเป็นหัวหน้ากลุ่มอารักขา

อีกด้านหนึ่ง โค่วฉินกับโค่วเหมี่ยนถามจนรู้ชัดแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งสองเหาะจากฟ้าลงมาเหยียบระหว่างกำลังพลสองกลุ่มที่เข้าใกล้กัน บนใบหน้าทั้งคู่ฉายแววเดือดดาล

ยามเผชิญหน้ากับเกาก้วนที่ประชิดเข้ามา โค่วฉินโบกมือชี้พร้อมตะคอกถาม “เกาก้วน ใครมอบอำนาจให้เจ้ามาฆ่าคนของตระกูลโค่ว!”

เกาก้วนยังคงไม่หยุด มองข้ามการปรากฏตัวของทั้งสองไปเลย จ้องเพียงกำลังพลกลุ่มใหญ่ข้างหลังทั้งสองที่ประชิดเข้ามา พลางโบกมือเผยคำสั่งมังกร เสียงอันเยียบเย็นดังก้องอย่างช้าๆ “ใครขวางฆ่า ตาย!”

เกิดเสียงดังอย่างกะทันหัน ผู้ติดตามข้างหลังร้อยคนเผยอาวุธทันที ยืนจัดกระบวนทัพข้างหลังเขาอย่างรวดเร็ว ตามหลังเกาก้วนบุกไปข้างหน้าต่อ

“หยุดเดี๋ยวนี้! ถอยออกไปให้หมด!” ขณะที่ศึกใหญ่กำลังจะปะทุ เสียงอันน่าเกรงขามของโค่วหลิงซวีก็ดังก้องอยู่บนฟ้าเหนือจวนอ๋องสวรรค์โค่ว

ชูเจี้ยนถือทวนในแนวขวางทันที ชั่วพริบตาเดียวกำลังพลข้างหลังก็หยุดนิ่ง เรียกได้ว่ายามเคลื่อนไหวราวกับกระต่ายวิ่งหนี ยามนิ่งก็สงบเสงี่ยมราวกับหญิงสาวบริสุทธิ์

พอชูเจี้ยนโบกมือ กำลังพลข้างหลังก็แยกออกเป็นสองฝั่งทันที เรียงสองแถวอย่างเป็นระเบียบ

คนแถวแรกที่ขวางตรงหน้าเกาก้วนรีบหลีกทางไปด้านข้าง เผยให้เห็นโค่วฉินกับโค่วเหมี่ยนที่อยู่ข้างหลัง ทั้งสองยังคงยืนอย่างเย็นชาอยู่ตรงนั้น โค่วเหมี่ยนยกฝ่ามือบอกให้ให้ผู้ที่มาหยุดอยู่ตรงนั้น

เกาก้วนพลิกมือเผยป้ายคำสั่ง แต่กลับไม่หยุดเดิน พอโบกแขนหนึ่งที ก็ปัดแขนของโค่วเหมี่ยนที่ยื่นเข้ามาออกไปด้านข้าง จากนั้นใช้ฝ่ามืออีกข้างผลักหน้าโค่วฉินออกไป ผลักจนโค่วฉินเซถอยหลังไม่หยุด ชั่วพริบตาเดียวก็ทำให้สองพี่น้องหลีกทางได้แล้ว จากนั้นนำกำลังพลข้างหลังบุกไปข้างหน้าต่อ

ท่ามกลางสายตาฝูงชน สองพี่น้องที่เป็นลูกชายอ๋องสวรรค์ เดิมทีไม่อยากทำให้ตระกูลโค่วดูอ่อนแอ แต่ใครจะคิดว่าถูกเกาก้วนทำเสียหน้าต่อหน้าธารกำนัลแล้ว เกาก้วนโยนทั้งสองแล้วเดินผ่านไปโดยไม่ชายตาแลด้วยซ้ำ

กำลังพลหน่วยตรวจการขวาเดินไปข้างหน้าตามทางที่กำลังพลตระกูลโค่วหลีกให้ เกาก้วนอยู่ข้างหน้า หมวกดำทรงสูงที่เป็นเอกลักษณ์และผ้าคลุมบ่าสีดำที่ปลิวลมตามย่างก้าวโดดเด่นอยู่ท่ามกลางกลุ่มคน

กำลังพลตระกูลโค่วที่เรียงแถวอยู่สองฝั่งตามจับตาดู

บนแท่นบันไดหน้าตำหนัก มีคนสามคนเดินลงมาอย่างไม่รีบร้อน โค่วหลิงซวีอยู่ตรงหน้าสุด ขณะที่เดินก็ใช้สายตาซักถามอันเย็นเยียบก้มมองเกาก้วนที่นำคนเดินเข้ามา

สำหรับโค่วหลิงซวี การเผชิญหน้ากับเกาก้วนในรังตัวเอง เขายังจำเป็นต้องใช้คนมากมายปกป้องด้วยเหรอ? สถานการณ์ตึงเครียกเกินไป ถ้าให้คนอื่นเห็นจะนึกว่าตนกลัวเกาก้วน ดังนั้นโค่วหลิงซวียกมือดีดนิ้ว นักรบสวมเกราะหลายร้อยหยุดฝีเท้าทันที มีเพียงชูเจี้ยนที่ถือทวนเดินอยู่ข้างๆ เพียงลำพัง เดินต่อไปข้างหน้าตามกำลังพลของหน่วยตรวจการขวา

…………………………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา!

เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’

เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น

เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง

ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง!

หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน

แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น

ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด

ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท