บทที่ 11 อยากได้เหยาซูเป็นอนุภรรยา
ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา สิ่งที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุดก็คืออาจื้อและอาซือที่มีนิสัยร่าเริงขึ้น
ต้าเป่าซึ่งเป็นพี่คนโตแน่นอนว่าย่อมรู้ความมากที่สุด เขารู้สึกว่ามารดาของตนแตกต่างไปจากเมื่อก่อน
ทุกวันท่านแม่จะเรียกเขากับน้องสาวเข้าไปคุยในห้อง นางจะเช็ดมือให้เขาอย่างอ่อนโยน ทั้งยังเกล้ามัดมวยผมสวย ๆ ให้กับน้องสาวอีกด้วย
มีครั้งหนึ่งที่เขากับน้องสาวเด็ดดอกไม้กลับไปให้นาง ท่านแม่ถือไว้ในมือพร้อมยิ้มอย่างอ่อนโยน และหอมแก้มของน้องสาวหนึ่งครั้ง
ความอ่อนโยนเหล่านี้ เขาและน้องสาวไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนเลย
และซานเป่า น้องชายของเขาเองก็โตขึ้นมากภายในอ้อมแขนของมารดา
….
เหยาซูรู้สึกเบื่อหน่ายกับการที่ต้องอยู่แต่ในห้องเป็นเวลาร้อยวัน จนในที่สุดนางก็สามารถเดินออกมาจากห้องได้เสียที สิ่งนี้ทำให้นางถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
นางเพิ่งลุกออกจากเตียง ยังไม่ทันที่เท้าจะแตะพื้น ก็เห็นมารดาเดินเข้ามาจึงรีบเก็บเตียงและผ้าห่มอย่างเรียบร้อย “ท่านแม่”
แม่เฒ่าเหยาเห็นท่าทางของลูกสาวก็แสร้งทำท่าทางโมโห “เจ้ายังอยากจะลุกจากเตียงอีกเหรอ?”
“หืม? ร่างกายของข้าก็ดีขึ้นมากแล้ว ข้าไม่ได้อาบน้ำสระผมมาร้อยวัน ข้าเหม็นตัวเองไปหมดแล้วเจ้าค่ะ”
เมื่อหญิงชราเห็นสีหน้าออดอ้อนของลูกสาว ริมฝีปากจึงยกโค้งขึ้นเล็กน้อย “ก็ได้ แต่แม่ว่าเจ้าดูดีกว่าตอนเพิ่งกลับมาเป็นไหน ๆ”
ดูดีกว่าเมื่อก่อนอย่างนั้นเหรอ? นั่นก็คงเป็นเพราะได้รับการดูแลอย่างดีน่ะสิ
วันนี้เหยาซูจ้องมองร่างกายนี้ในกระจกอย่างละเอียด ดวงตาของนางงดงามราวกับภาพวาด ยามที่ไม่ได้ส่งเสียงใด ๆ ก็แฝงไปด้วยความสง่างามอ่อนโยนของสตรีชาวใต้ นัยน์ตาคู่งามเชิดขึ้นเล็กน้อย ถือได้ว่าเป็นสตรีที่งดงามคนหนึ่งเลยทีเดียว
ในขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น แม่เฒ่าเหยาก็พูดขึ้นมาว่า “อีกเดี๋ยวแม่จะให้พี่สะใภ้ทั้งสองนำน้ำเข้ามาให้เจ้าอาบนะ พรุ่งนี้พ่อของเจ้าจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดครบรอบหนึ่งร้อยวันให้กับซานเป่า”
เหยาซูยังไม่ทันได้พยักหน้าตอบรับ แต่เมื่อได้ยินประโยคถัดมาก็อดรู้สึกปวดหัวไม่ได้ “ท่านแม่ เด็ก ๆ ไม่เคยถูกตามใจจัดงานฉลองให้แบบนี้ พวกท่านไม่จำเป็นต้องจัดงานเลี้ยงให้เขาหรอกเจ้าค่ะ”
ทว่าแม่เฒ่าเหยายังคงยืนกราน “แม้ว่าเด็ก ๆ จะไม่เคยได้จัดงานเลี้ยงวันเกิดครบหนึ่งร้อยวันมาก่อน เจ้าดูต้าเป่าและเอ้อเป่าสิ ตอนอยู่ตระกูลหลินพวกเขาเคยได้จัดงานเลี้ยงวันเกิดหรือไม่? ในเมื่อตอนนี้พวกเขามาอยู่กับตระกูลเหยาของเราแล้ว เด็ก ๆ ควรจะได้สังสรรค์อย่างมีความสุข!”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หัวใจของเหยาซูพลันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
ซานเป่ายังคงเด็กอยู่ไม่มีความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ แต่ท่านพ่อกับท่านแม่ก็ยังคิดเผื่อลูก ๆ อีกสองคนของนางอีกด้วย
เมื่อเหยาซูนึกถึงเรื่องนี้ นางจึงไม่ได้ปฏิเสธอีกต่อไป หญิงสาวคล้องแขนมารดาที่อยู่ด้านข้างแล้วพยักหน้าเบา ๆ “เช่นนั้นเรื่องนี้เราต้องเตรียมการให้ดี! ท่านแม่ ท่านว่าเราควรเชิญใครมา…”
……
วันงานเลี้ยงครบรอบหนึ่งร้อยวัน
ตระกูลเหยาเปรียบเสมือนเมืองเมืองหนึ่ง ไม่ต้องเอ่ยอะไรให้มากความ ผู้คนในหมู่บ้านก็พร้อมใจกันมาร่วมงาน แม้แต่คนในเมืองและมณฑลก็ต่างเดินทางมาร่วมงานด้วยเช่นกัน
ส่วนใหญ่จะเป็นสหายของพ่อเฒ่าเหยาและพี่ชายใหญ่ของเหยาซูที่รู้จักเมื่อตอนทำการค้าขายด้วยกัน
จากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงคนตะโกนอย่างรีบร้อนดังมาจากด้านนอก “ท่านนายอำเภอมาถึงแล้ว!”
สีหน้าแม่เฒ่าเหยาพลันเปลี่ยนไป “เขามาที่นี่ได้อย่างไร?”
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนว่า ‘นายอำเภอ’ จากปากเพื่อนบ้าน แม่เฒ่าเหยาก็รู้สึกโกรธมากพลางพูดกับเหยาซูว่า “อย่างเขาจะนับว่าเป็นนายอำเภอได้อย่างไรกัน! เดิมทีบรรพบุรุษก็ไม่มีแม้กระทั่งนามสกุล เพียงเพราะตอนเด็กเป็นบ่าวรับใช้ให้กับปู่ทวดของเจ้า ตอนนั้นปู่ทวดของเจ้ายังดำรงตำแหน่งขุนนางในราชสำนัก จึงมอบแซ่เหยาให้กับเด็กรับใช้ผู้นี้ ลูกหลานของเขาล้วนแต่ใช้แซ่เหยา”
เหยาซูพยักหน้าอย่างเข้าใจ…
หลังจากตระกูลเหยาได้ผ่านพ้นไปสองชั่วอายุคน ลูกหลานของตระกูลเหยาก็ลาออกจากราชการกลับไปใช้ชีวิตทำไร่ทำนา แต่ลูกหลานของคนรับใช้กลับไม่ยอมเปลี่ยนจากขุนนางเป็นชาวนา เขาจึงได้ตำแหน่งไป
แม่เฒ่าเหยาพูดอย่างรังเกียจว่า “หากไม่ใช่เพราะเขา ลูกชายคนโตของตระกูลหลินก็คงไม่ถูกจับไปเป็นทหาร! ลูกสาวของข้าจะกลายเป็นแม่ม่ายสามีตายได้อย่างไร?”
สะใภ้รองที่อยู่ด้านข้างก็พูดขึ้นมา “ใช่แล้วเจ้าค่ะ นิสัยของนายอำเภอคนนี้ไม่ดีเอาเสียเลย ไม่เคยมีผลงานทางการเมือง มัวแต่เก็บเงินรอบด้านเท่านั้น ตำแหน่งของเขาเองก็อาศัยภรรยาและแม่ยายใช้เงินหมื่นตำลึงซื้อมา!”
บ้านสะใภ้รองอยู่ในเมือง จึงรู้เกี่ยวกับเรื่องภายในอำเภอเป็นอย่างดี
ขณะที่แม่สามีและสะใภ้กำลังนินทานายอำเภออยู่นั้น พ่อเฒ่าเหยาก็พาคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา
คนที่เดินนำหน้าสวมใส่อาภรณ์อย่างดี ใบหน้าขาวสะอาด แต่ลักษณะของเขาไม่เหมาะสมที่จะเป็นเจ้าคนนายคนเลยแม้แต่น้อย
โดยเฉพาะดวงตาที่หรี่ลง กวาดสายตามองเหยาซูตั้งแต่หัวจรดเท้า จนนางรู้สึกขนลุกชันไปทั้งตัว
“ลูกสาวของท่านอยู่บ้านเป็นอย่างไรบ้าง?”
ยังไม่ทันที่ชายชราจะทันได้พูดอะไร นายอำเภอก็เอ่ยปากออกมา
เหยาซูแอบสบถในใจ ‘ไอ้ขี้หลี!’
พ่อเฒ่าเหยาจึงพูดออกมาเพื่อรับมือ “ทุกอย่างเรียบร้อยดี”
นายอำเภอเหยาพยักหน้าและกล่าว “ตอนนี้ลูกชายคนโตของตระกูลหลินได้เสียไปแล้ว ครอบครัวของข้าก็ยังขาดคน…”
เมื่อเห็นว่าเขายิ่งพูดจาไม่น่าฟังมากเท่าไร ชายชราเหยาก็พยายามขัดคำพูดของเขาอย่างไม่สนใจสิ่งใด “ท่านคงเดินทางมาเหนื่อย เข้าไปนั่งพักก่อนแล้วค่อยคุยเรื่องอื่นกันดีกว่า นั่งเถอะ ๆ!”
นายอำเภอชำเลืองมองพ่อเฒ่าเหยา “ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นหรอก ขอเพียงเหยาซูตกลง ก็ไม่มีอะไรมาก”
ในคำพูดของเขาแฝงไปด้วยความหมายที่บอกว่าต้องการอาซูไปเป็นอนุของเขา
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อย่ามาชีกอใส่น้องนะ คิดว่ารวยและมีอำนาจแล้วผู้หญิงต้องเข้าหาเหรอ
ไหหม่า(海馬)