พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – บทที่ 1851 ข่าวลือแพร่กระจาย

บทที่ 1851 ข่าวลือแพร่กระจาย

เห็นได้ชัดว่าเขาก็รู้เช่นกัน ว่าถ้าถูกจับตัวออกไปจากที่นี่แล้วจะอันตรายขนาดไหน

หยางเจาชิงไม่ได้สนใจสิ่งนี้เลย หยิบมีดสั้นออกจากกำไลเก็บสมบัติของอิ๋งอู๋หม่านอีก แล้วจ่อไปที่ซี่โครงของอิ๋งอู๋หม่านโดยตรง แทงลงไปช้าๆ พร้อมถามว่า “แล้วตกลงท่านโหวจะไปส่งหรือไม่ไปส่งล่ะ?”

อิ๋งอู๋หม่านที่รู้สึกได้ว่าคมมีดสั้นแทงเข้าไปในผิวแล้วรีบบอกว่า “ได้!”

มีดสั้นในมือเคลื่อนไหวช้าลง หยางเจาชิงจ้องไปทางเจ๋อชุนชิวและลูกน้องของเขา “ข้ากลัวว่าตอนที่พวกเราเพิ่งจะไป สองคนนั้นจะให้อ๋าวเฟยส่งทหารตามไปทันที”

เจ๋อชุนชิวรีบโบกมือ “เจ้าไม่ต้องห่วง ไม่หรอก ข้าไม่ทำแน่นอน”

“เจ้าพูดไปก็ไม่มีประโยชน์” หยางเจาชิงปฏิเสธเสียเลย แล้วกระซิบข้างหูอิ๋งอู๋หม่านอีก “ท่านโหว ให้ลูกน้องเจ้าควบคุมสองคนนี้ไว้ก่อน รอให้ท่านโหวรอดกลับมาแล้วค่อยปล่อยพวกเขาสองคนก็ยังไม่สาย มีปัญหาหรือเปล่า?” มีดสั้นในมือกดแทงช้าๆ อีกครั้ง

อิ๋งอู๋หม่านขยับลูกกระเดือก สั่งอู๋เซียนฉีทันที “ทำตาม”

อู๋เซียนฉีที่หน้าตึงหันไปมองพวกเจ๋อชุนชิว ส่วนเจ๋อชุนชิวก็ถอยหลังช้าๆ กล่าวด้วยสีหน้าอึดอัดว่า “ท่านโหว แบบนี้ไม่เหมาะกระมัง?”

รอยเลือดบนซี่โครงอิ๋งอู๋หม่านซึมเปื้อนเสื้อผ้าเป็นวงกว้างแล้ว กัดฟันสั่งว่า “ลำบากพวกเจ้าชั่วคราว ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับข้า พวกเจ้าก็ไม่รอดเหมือนกัน”

ระโยคสุดท้ายก็คือใจความสำคัญ เจ๋อชุนชิวหยุดเดิน ทำสีหน้าลังเลสับสน

อิ๋งอู๋หม่านรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของมีดสั้นตรงซี่โครงได้อย่างชัดเจน เขาตะคอกอู๋เซียนฉี “เร็วหน่อย!”

อู๋เซียนฉีกุมหมัดคารวะเจ๋อชุนชิว “ผู้จัดการใหญ่ ล่วงเกินแล้ว” พูดจบก็ถลันตัวเข้ามาใกล้ แล้วลงมืออย่างรวดเร็ว ผนึกพลังบนร่างกายทั้งสอง

เจ๋อชุนชิวและลูกน้องเม้มริมฝีปากแน่นโดยไม่ได้ขัดขืน

ใครจะคิดว่าหยางเจาชิงจะบอกสวีถังหรานทันทีว่า “พี่สวี เข้าไปตรวจสอบสักหน่อย” ขณะที่พูดก็ส่งสายตาให้สวีถังหราน

สวีถังหรานเข้าใจแล้ว ถลันตัวเข้าไปพร้อมใบหน้ายิ้มเจ้าเล่ห์

เจ๋อชุนชิวตระหนักได้ถึงอันตรายจากรอยยิ้มชั่วร้ายที่แวบผ่านหน้าสวีถังหราน รีบก้าวถอยหลัง หมายความว่ายังไง “หมายความว่ายังไง?”

อู๋เซียนฉีเองก็ตระหนักได้ถึงความไม่ชอบมาพากลเช่นกัน มาขวางตรงหน้าสวีถังหรานเอาไว้ “เจ้าคิดจะทำอะไร?”

ใครจะคาดคิด อิ๋งอู๋หม่านที่อยู่ในศาลาตะคอกว่า “เจ้าหลีกไป!”

อู๋เซียนฉีอึ้งไปชั่วขณะ แล้วหลีกทางให้พร้อมสีหน้าบึ้งตึง

สวีถังหรานไม่พูดพร่ำทำเพลง พุ่งเข้าไปตบทั้งสองคนละที ทำให้เจ๋อชุนชิวและลูกน้องฟันในปากเกือบครึ่งกระเด็นออกไปพร้อมเลือดสด ก่อนหน้านี้เขาก็เคยถูกทั้งสองจัดการแบบนี้ ฟันในปากหายไปครึ่งหนึ่งแล้ว เขาเคยบอกเจ๋อชุนชิวไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ว่าอย่าตกอยู่ในมือเขาบ้างแล้วกัน!

สองคนที่โดนตบคว่ำพยายามส่ายหน้าอย่างมึนงง ภาพตรงหน้าพร่ามัว รู้สึกมึนศีรษะ ร่างกายถูกผนึกพลังเอาไว้ ไม่สามารถร่ายอิทธิฤทธิ์ต้านทานฝ่ามือของสวีถังหรานได้

หลังจากตรวจสอบแล้วว่าทั้งสองถูกผนึกพลังแล้ว สวีถังหรานก็เด็ดกระเป๋าสัตว์ใบหนึ่งจากตัวทั้งสอง แล้วเก็บทั้งสองเอาไว้เสียเลย

ขณะกำลังจะถลันตัวผ่านไป ผลปรากฏว่าถูกอู๋เซียนฉีคว้าตัวไว้ อู๋เซียนฉีดักไว้กลางทาง บีบคอสวีถังหรานไว้อีกแล้ว

อิ๋งอู๋หม่านรู้สึกได้ทันทีว่ามีดสั้นแทงตรงซี่โครงแรงขึ้น จึงตะโกนอย่างตกใจ “อู๋เซียนฉี เจ้าทำอะไร?”

อู๋เซียนฉีบีบคอสวีถังหราน กล่าวด้วยสีหน้าเย็นเยียบว่า “ท่านโหว ข้าน้อยก็หวังดีกับท่านเหมือนกัน ถ้าพวกเขาพาท่านไปอย่างนี้ แล้วไม่ปล่อยท่านไป ท่านจะทำยังไง? ท่านโหว ข้าเคยได้ยินชื่อเสียงหนิวโหย่วเต๋อมาก่อนเหมือนกัน มันเป็นคนบ้า ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทำได้หมดถ้าท่านตกอยู่ในมือเขาจริงๆ ก็จะอันตรายมาก!”

เขาอยากปกป้องตัวเอง เป็นเพราสิ่งที่เจ๋อชุนชิวประสบทำให้เขาค่อนข้างผิดหวัง ถ้าหยางเจาชิงคนนี้เอาอิ๋งอู๋หม่านมาขู่ให้เขายอมถูกจับขึ้นมาจะทำอย่างไรล่ะ? เพื่อปกป้องชีวิตตัวเองตอนนี้ ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าอิ๋งอู๋หม่านจะตอบตกลง พอเห็นสิ่งที่เจ๋อชุนชิวประสบแล้ว เขาก็ไม่ยอมให้ตัวเองตกอยู่ในมืออีกฝ่ายเด็ดขาด การเอาชีวิตไว้ในมืออีกฝ่ายนั้นอันตรายเกินไป ต่อให้เป็นคำพุดของอิ๋งอู๋หม่านเขาก็ไม่เชื่อฟังอยู่ดี

อิ๋งอู๋หม่านเอียงหน้า “ที่เขาพูดก็ถูก หยางเจาชิง ข้าจะเชื่อได้ยังไงว่าเจ้าจะปล่อยข้ากลับมา?”

หยางเจาชิงตอบว่า “เรื่องนี้ง่ายมาก! ได้ยินท่านโหวเพิ่งเรียกเมื่อกี้ เจ้าชื่ออู๋เซียนฉีใช่มั้ย? อู๋เซียนฉี ตลอดทางนี้ให้เจ้าเป็นผู้คุ้มกันส่ง หลังจากหลุดออกจากฝั่งนี้แล้ว ข้าจะส่งท่านโหวให้เจ้าทันที ถ้าข้าไม่ยอมปล่อยคน พวกเราอยู่ใกล้กันแค่คืบ อาศัยวรยุทธ์ของเจ้าก็สังหารข้าได้ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ คนอื่นอยากจะช่วยชีวิตข้าก็คงไม่ทัน เป็นยังไง? ท่านโหว เจ้าคิดว่ายังไง?”

“ได้! หวังว่าเจ้าจะพูดคำไหนกันคำนั้น! อู๋เซียนฉี เจ้าฟังให้ดีนะ ถ้าเขากลับคำ ฆ่าพวกเขาทันที” อิ๋งอู๋หม่านกล่าว

“ข้าน้อยน้อมรับคำสั่ง!” อู๋เซียนฉีตอบอย่างตรงไปตรงมา แล้วผลักสวีถังหรานออกไป หลังจากแน่ใจแล้วว่าจะไม่เอาอิ๋งอู๋หม่านมาขู่เพื่อควบคุมเขาอีก แน่ใจแล้วว่าตัวเองไม่มีอันตรายถึงชีวิต เขาก็วางใจแล้วเช่นกัน ชีวิตของอิ๋งอู๋หม่านล้วนเป็นเรื่องรอง จึงปล่อยคนไปอย่างไม่ลังเล

สวีถังหรานที่ได้กลับมาข้างกายหยางเจาชิงอีกครั้งส่งยิ้มให้อย่างชื่นชม นับว่าเข้าใจเจตนาที่หยางเจาชิงอ้อมค้อมจัดการพวกเจ๋อชุนชิวแล้ว เพราะถ้าไม่วางแผนควบคุมสองคนนี้ไว้ก่อน เกรงว่าเจ๋อชุนชิวคงไม่ยอมให้จับแต่โดยดีเช่นกัน

“พี่สวี เจ้าใส่เขาไว้ในกระเป๋าสัตว์ของข้า ขอเพียงพลังอิทธิฤทธิ์ของข้าขาดสัญญาณกับข้างในกระเป๋าสัตว์ ก็อย่าลังเล ฆ่าเขาทันที” หยางเจาชิงจ้องอู๋เซียนฉีที่มีสีหน้าดุร้ายพลางสั่งสวีถังหราน ขณะเดียวกันก็ส่งอิ๋งอู๋หม่านให้สวีถังหรานคุมตัวไว้ จากนั้นก็เก็บทั้งสองคนเข้ากระเป๋าสัตว์ตัวเองพร้อมกัน

ทางนี้ไม่กล้าถ่วงเวลาต่อไปอีก หลังจากคุยทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หยางเจาชิงก็รีบปลอมตัว สวมเกราะรบให้กลายเป็นลูกน้องของอู๋เซียนฉี

จากนั้น อู๋เซียนฉีก็อยู่ข้างหน้า หยางเจาชิงและทหารยศเล็กอีกคนติดตามอยู่ทางซ้ายและขวาของอู๋เซียนฉี ออกจากชัยภูมิถ้ำสวรรค์ด้วยกัน

เมื่อมีอู๋เซียนคอยพรางตา ก็ผ่านทัพใหม่มาได้ตลอดทางอย่างราบรื่น พวกเขาออกจากดาวเคราะห์ดวงนี้อย่างรวดเร็ว เร่งเหาะไปยังจุดลึกของดาราจักรอันกว้างใหญ่…

ทัพใหญ่หนึ่งแสนที่ตระเวนอยู่ในดาราจักรหยุดอยู่นอดดาวเคราะห์ที่อยู่อาศัยของผ่าเทพอสรพิษดำ แม่ทัพคนหนึ่งมองเจียงเชียนหลี่ที่อยู่ข้างๆ พร้อมบอกว่า “นายท่าน ไม่ต้องบอกเลย เผ่าเทพอสรพิษดำที่อยู่บนดาวดวงนี้ก็อพยพไปแล้วแน่นอน”

“ภารกิจของพวกเราก็คือล่อคนออกมา ไม่เกี่ยวว่าเผ่าเทพอสรพิษดำจะอพยพออกไปหรือไม่!” เจียงกล่าวเสียงเรียบเชียนหลี่ จ้องดาวเคราะห์ตรงหน้าครู่หนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็กล่าวอย่างเย็นเยียบว่า “ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ถ้าเป็นดาวเคราะห์ที่อยู่อาศัยของสระน้ำมังกรดำ เผาให้ข้าให้หมด! เผาเสร็จแล้วถล่มให้พัง! ข้าต้องการให้สระน้ำมังกรดำกลายเป็นสถานที่ไร้ชีวิต คอยดูซิว่าพวกเขาจะทนไม่ยอมออกมาต่อไปได้ไหม!”

“เอ่อ…” แม่ทัพที่อยู่ข้างๆ ตกใจไม่เบา “นายท่าน ถึงยังไงในมือเผ่าเทพอสรพิษดำก็ควบคุมแหล่ง ‘น้ำตากลั่น’ พวกเราทำแบบนี้เกินไปหน่อยหรือเปล่า?”

“นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องพิจารณา ภารกิจของข้าคือล่อคนออกมา” เจียงเชียนหลี่เอียงหน้าบอก แล้วกล่าวเสียงต่ำอีกว่า “ไปปฏิบัติเดี๋ยวนี้!”

“รับทราบ!” แม่ทัพกุมหมัดเอ่ยรับคำสั่ง

ผ่านไปไม่นาน ทัพใหญ่ก็บุกเข้ามาในดาวเคราะห์ ตามติดด้วยควันไฟลอยโขมงขึ้นทั่วทุกทิศ…

ในโถงถ้ำ ตรงหน้าแผนที่และเข็มทิศโลหะ เมื่อได้รับรายงานจากเผ่าเทพอสรพิษดำอีกครั้ง ชางไห่ก็เริ่มร้อนรนแล้ว เขาจ้องเหมียวอี้ที่ยืนอยู่ตรงข้ามพร้อมกล่าเสียงดัง “ผู้บัญชาการหนิว นี่เป็นดาวเคราะห์ดวงที่สิบห้าแล้ว เจ้ายังจะรอถึงเมื่อไรอีก?” เขาดวงไม่ดี เพราะบริเวณที่เจียงเชียนหลี่เริ่มทำลายคืออาณาเขตของเขา

เหมียวอี้จ้องเข็มทิศพลางกล่าวเสียงต่ำ “รอ! รอให้เขามาถึงอาณาเขตที่มีกำลังพลของพวกเราดักซุ่ม ช้าเร็วเขาก็ต้องมาถึง ถ้าเจ้ารอไม่ไหว ก็นำคนของเจ้าไม่สกัดไว้ก่อนได้เลย”

“เจ้า…” ชางไห่โบกมือชี้

กลับเป็นโม่โหยวที่ตะคอกว่า “หุบปาก! เข้าพูดถูกแล้ว พวกเราอยู่ไกลมาก ถ้ารีบเข้าไปตอนนี้ นอกจากจะหยุดพวกเขาไม่ได้แล้ว ระหว่างทางยังจะเจอกำลังพลดักซุ่มด้วย”

“ฮึ่ย!” ชางไห่สะบัดแขนเสื้อสองข้าง เอามือไขว้หลังเดินไปเดินมาไม่หยุด

ตานฉิงชำเลืองมองเขา แล้วกล่าวกลั้วหัวเราะว่า “เจ้าเด็กนี่อารมณ์ร้ายไม่เบา!”

ชางไห่พลันหันกลับมาตะคอก “เจ้าว่าใคร?”

ตานฉิงเอามือไขว้หลังเดินอ้อมเข็มทิศไป เดินตรงไปตรงหน้าชางไห่ “ข้าก็ว่าเจ้าไง เบื่อหน่ายที่จะมีชีวิตอยู่แล้วเหรอ?”

“พอแล้ว!” เหมียวอี้ตะคอก

ตำหนักดาราจักร วันนี้ประมุขชิงว่างงาน นั่งอ่านหนังสืออย่างเอื่อยเฉื่อยอยู่หลังโต๊ะยาวตลอด ที่จริงแล้วกำลังติตตามความเคลื่อนไหวทางสระน้ำมังกรดำ

ซ่างกวนชิงที่ยืนอยู่ข้างหลังวางระฆังดาราลง แล้วรายงานว่า “ฝ่าบาท เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”

“เรื่องใหญ่?” ประมุขชิงย้ายสายตาจากม้วนหนังสือ “เรื่องใหญ่อะไร?”

ซ่างกวนชิงกล่าวว่า “มีคนปล่อยข่าวไปทั่ว บอกว่าเพื่อที่จะฆ่าหนิวโหย่วเต๋อ อิ๋งจิ่วกวงยอมส่งคนไปปลอมตัวเป็นโจรเพื่อจับรองหัวหน้าภาคสวีถังหรานเป็นตัวประกัน ล่อให้ทัพใหญ่แดนรัตติกาลไปปราบโจรที่สระน้ำมังกรดำ บอกว่าอิ๋งจิ่วกวงแอบระดมทัพตะวันออกห้าล้านไปปลอมตัวเป็นโจรดักฆ่าหนิวโหย่วเต๋อที่สระน้ำมังกรดำ ตอนนี้ข่าวลามไปทั้งใต้หล้าเร็วเหมือนไฟลามทุ่ง สะเทือนกันทั้งใต้หล้า ลือกระฉ่อน!”

ประมุขชิงวางม้วนหนังสือในมือช้าๆ แล้วหรี่ตาถามว่า “ทัพตะวันออกห้าล้าน? อิ๋งจิ่วกวงปิดความลับได้ดีจริงๆ เคลื่อนพลเยอะขนาดนั้น ไม่น่าเชื่อว่าข้าจะไม่ได้ข่าวเลยสักนิด? ยังไม่ได้ข่าวคนทางสระน้ำมังกรดำอีกหรือ? ยืนยันได้หรือเปล่าว่ามีกำลังพลมากขนาดนั้น?”

ซ่างกวนชิงตอบว่า “ตอนนี้สถานการณ์ทางสระน้ำมังกรดำซับซ้อนมาก ทุกที่มีแต่สายลับของทั้งสองฝ่าย พอโผล่หน้าไปก็อาจจะถูกพบและตามไล่ฆ่าได้ ถึงตอนนั้นจะซ่อนตัวก็ไม่ทันแล้ว ทางเผ่าเทพอสรพิษดำก็ติดต่อไม่ได้เหมือนกัน คาดว่าครั้งนี้อิ๋งจิ่วกวงกับหนิวโหย่วเต๋อคงไม่มีใครเลิกราง่ายๆ ต้องประมือกันให้ได้แน่นอน เผ่าเทพอสรพิษดำที่อยู่กลางการต่อสู้ระหว่างสองฝ่ายคงจะถูกจี้ตัวไว้แล้ว ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีเหตุผลที่จะติดต่อใครไม่ได้เลย คาดว่าอำนาจแต่ละฝ่ายคงสืบข่าวตามปกติไม่ได้เช่นกัน แต่ดูจากสถานการณ์แล้ว ทางทัพตะวันออกคงจะมีคนไปไม่น้อยแน่ มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นเรื่องจริงขอรับ”

“รู้มั้ยว่าใครเป็นคนปล่อยข่าว?” ประมุขชิงถาม

“คนปล่อยข่าวถูกจับตัวไว้หลายคน เป็นคนของโถงชุมนุมอัจฉริยะขอรับ” ซ่างกวนชิงตอบ

“ทัพตะวันออกห้าล้าน…” ประมุขชิงนั่งเอนเก้าอี้เงียบๆ พักหนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็กล่าวกลั้วหัวเราะ “สงสัยเจ้าลูกลิงนั่นคงถูกอิ๋งจิ่วกวงบีบจนเป็นสุนัขกระโดดกำแพงแล้ว เลยคิดจะอาศัยอำนาจภายนอก แม้แต่เรื่อง ‘ใส่ร้าย’ ขุนนางใหญ่ตำหนักสวรรค์ก็ยังทำได้ แบบนี้เท่ากับฉีกหน้ากันถึงที่สุดแล้ว ต้องการจะสู้แบบมัจฉาตายตาข่ายขาด! ถ่ายทอดคำสั่งข้า สั่งให้ทัพใต้เคลื่อนทัพเข้าไปตรวจค้นในสระน้ำมังกรดำ ดูว่ามีการโจรกรรมจริงหรือเปล่า สั่งให้ผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์ขวาระดมกำลังพลหนึ่งกองไปที่สระน้ำมังกรดำ เออใช่ พาหยวนจุนไปด้วย ให้เขาดูสักหน่อยว่าลูกน้องคนสนิทของเขากำลังทำอะไร”

“รับทราบ!” ซ่างกวนชิงเอ่ยรับบัญชา

ร่มไม้ริมแม่น้ำ เกิดเสียงดังเพล้ง แผนที่และเข็มทิศโลหะหนักถูกเสยกลิ้งตกพื้น อิ๋งจิ่วกวงเอามือไขว้หลังเดินไปเดินมาอย่างกระฟัดกระเฟียด ราวกับเป็นสัตว์ป่าที่ถูกยั่วโมโห จั่วเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ข้างกันตกใจจนไม่กล้าพูดอะไร

ข่าวลือแพร่ไปทั้งใต้หล้าเร็วมาก อิ๋งจิ่วกวงมีช่อทางข่าวสารว่องไว้ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้ ลูกน้องของอ๋องสวรรค์ผู้สง่าผ่าเผยปลอมตัวเป็นโจรไปดักฆ่าขุนนางตำหนักสวรรค์ แบบนี้หมายความว่าอะไร บอกประมาณว่าอิ๋งจิ่วกวงยอมระดมทัพใหญ่หลายล้านเพื่อความแค้นส่วนตัว คนภายในทัพตะวันออกก็สนใจแอบสืบว่าเพื่อนร่วมงานไปไหนแล้วเช่นกัน เหมือนอยากจะยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เบื้องบนออกคำสั่งระงับการสืบข่าวซี้ซั้ว ผลก็คือทำให้เบื้องล่างสงสัยยิ่งกว่าเดิม

……………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา!

เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’

เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น

เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง

ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง!

หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน

แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น

ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด

ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท