บทที่ 289 ผู้จงรักภักดีของตู้เหิง
บทที่ 289 ผู้จงรักภักดีของตู้เหิง
นัยน์ตาที่เปล่งประกายของตู้เหิง บัดนี้ได้ถูกความคิดด้านลบกัดกร่อนอย่างช้า ๆ ความมืดมนจนไม่เห็นแม้แต่แสงสว่างยังไม่จางหายไป
ตู้เหิงกลับมาถึงจวนและขบคิดเรื่องในวันนี้ ไม่อาจทำใจสงบลงได้
อาซู่รินน้ำชาถ้วยหนึ่งให้นาง ก่อนถอยออกไปอย่างเงียบเชียบ
กระทั่งแม่นมเดินเข้ามาเห็นท่าทางไม่มีความสุขของตู้เหิง ใบหน้านางก็เต็มไปด้วยร่องรอยความรู้สึกเจ็บปวด เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “คุณหนู ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น อย่าได้เป็นกังวลเลยเจ้าค่ะ เหนื่อยใจเสียเปล่า ๆ”
ตู้เหิงมีแม่นมผู้นี้ดูแลและปกป้องมาตั้งแต่เด็กจนโต
บัดนี้เป็นเพราะความห่วงใยอันคุ้นเคยนี้ของแม่นมทำให้ความห่างเหินในใจจางลงไปหลายส่วน จู่ ๆ ก็คิดจะกำเริบเสิบสานสักตั้ง! เดิมพันสักตั้ง!
นัยน์ตาคู่งามของนางเริ่มมีหมอกจาง ๆ ปกคลุม ก่อนจะปรายตามองหญิงชราผู้นั้น และพึมพำแผ่วเบา “แม่นม…”
แม่นมถอนหายใจเบา ๆ หนึ่งครั้ง จากนั้นก็เดินเข้าใกล้ ให้ตู้เหิงพักพิงบนร่างกายของตนเองอย่างแผ่วเบา
ความใกล้ชิดที่หายไปเนิ่นนาน ทำให้ทั้งสองคนไม่ได้พูดคุยกันไปชั่วขณะ
น้ำเสียงที่แหบแห้งของแม่นมได้เปล่งออกมาอย่างอ่อนโยน “นับตั้งแต่คุณหนูยังอยู่ในผ้าอ้อม ฮูหยินก็มอบคุณหนูให้ข้าดูแล ข้ายังจดจำช่วงเวลาที่ฮูหยินจากไปได้ คุณหนูเพิ่งจะโตได้ไม่เท่าไร เลยเอาแต่ร้องห่มร้องไห้หาผู้เป็นแม่”
เสียงที่ดูชราภาพเหมือนกับดังแว่วมาจากที่ไกลแสนไกล น้ำเสียงของนางแฝงไปด้วยความทรงจำ “และไม่รู้ว่าเมื่อใด คุณหนูกลับโตขึ้นแล้ว ข้าน้อยรู้ดีว่าหัวใจของคุณหนูผูกติดกับข้าเสมอ น่าเสียดายที่ข้าแก่แล้ว ยิ่งนานวันก็ยิ่งไม่เข้าใจว่าคุณหนูต้องการสิ่งใด ไม่สามารถแบ่งเบาความทุกข์ของคุณหนูได้….”
ความคิดของตู้เหิงคล้อยตามนางอย่างอดไม่ได้ ครั้นย้อนกลับไปยังอดีต นางเหมือนอยู่กันคนละภพ
เมื่อครั้งวัยเยาว์ มารดาของนางได้ลาจากโลกใบนี้ นางในตอนเด็กจึงมักจะพึ่งพาอาศัยแม่นมผู้นี้เสมอ
เพียงแต่สถานะที่แตกต่างกัน ประกอบกับคำพูดไร้สาระที่อนุภรรยาพร่ำบอกกับบิดาของนาง บิดาจึงสั่งห้ามนางอย่างเข้มงวด ไม่ให้ใกล้ชิดกับคนรับใช้มากเกินไป
มีแค่ช่วงเวลากลางคืนเท่านั้นที่นางจะสามารถแอบแทรกตัวเข้าไปในอ้อมกอดอันอบอุ่นของแม่นม แล้วพูดคุยกับนางอย่างเงียบ ๆ ได้…
ครั้นคิดได้ถึงตรงนี้ ตู้เหิงก็เงยหน้าขึ้น จากนั้นก็มองผู้อาวุโสอีกครั้ง พลางกัดริมฝีปากและพูดว่า “แม่นม ท่านจะปกป้องข้าตลอดไปใช่หรือไม่? เหตุใดท่านถึงดีกับข้าเช่นนี้?”
น้ำเสียงของนางราวกับได้ย้อนกลับไปในช่วงที่ยังเป็นเด็กไร้เดียงสา
แม่นมยิ้มบาง ๆ พลางลูบไล้เคลียคลอแก้มของนางด้วยความสงสาร ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “ข้าปรนนิบัติรับใช้ข้างกายฮูหยินมาครึ่งชีวิต ครึ่งชีวิตหลังได้อยู่เป็นเพื่อนคุณหนูจนเติบใหญ่ เมื่อเห็นคุณหนูอมทุกข์เช่นนี้ ในใจของข้าทรมานยิ่งนัก คุณหนูโตแล้วมีเรื่องรำคาญใจ ข้าน้อยก็แก่แล้วคงช่วยคุณหนูไม่ได้…”
เรื่องกลับชาติมาเกิดใหม่ ตู้เหิงไม่ได้บอกผู้ใด
แต่เมื่อได้รับการปฏิบัติของหลินเหราในวันนี้ อีกทั้งนางสัมผัสได้ถึงความจริงใจและความจงรักภักดีของแม่นม ในใจก็พลันหวั่นไหว
นางกอดหญิงชรา หยาดน้ำตาค่อย ๆ หลั่งรินออกมา และพูดพลางสะอื้นว่า “แม่นม…บัดนี้ข้าคิดว่า แม่นมคือคนของท่านย่า…”
ฮูหยินใหญ่ของจวนตู้ไม่ชอบมารดาของตู้เหิงมาโดยตลอด แม้แต่ตู้เหิงเองก็ยังไม่ได้รับความเอ็นดูจากนาง
กลับเป็นเด็กที่เกิดจากอนุภรรยาเหล่านั้น เพราะอนุภรรยาเป็นคนในครอบครัวฝ่ายมารดาของฮูหยินใหญ่ จึงมักได้รับความรักใคร่กว่าคุณหนูที่เกิดจากสายเลือดโดยตรงอย่างนาง
ฮูหยินใหญ่ค่อนข้างเข้มงวดกับตู้เหิง และมักจับผิดนางอยู่เสมอ ทุกคนในจวนล้วนรู้ดี
ครั้นแม่นมได้ยินตู้เหิงพูดเช่นนี้ ก็อดประหลาดใจไม่ได้ “คุณหนูคิดจะทำอย่างไรหรือเจ้าคะ?! จะเป็นไปได้อย่างไร!”
ตู้เหิงส่ายหน้า
นางไม่สามารถอธิบายเรื่องในอดีตชาติได้เลย เพราะในอดีตนั้นนางได้รับรู้จากผู้อื่นว่าแม่นมผู้นี้สนิทสนมกับฮูหยินใหญ่มาโดยตลอด จึงเกิดความสงสัย
วันนั้นที่พาอาซู่และแม่นมไปเมืองชิงถงด้วย ไม่ได้มีเจตนาหยั่งเชิงพวกนางแต่อย่างใด
โชคดีที่อาซู่และแม่นมจงรักภักดีมาโดยตลอด…
ตู้เหิงพูดเสียงเบา “ต่อไปแม่นมห้ามสนิมสนมกับฮูหยินใหญ่จนเกินความจำเป็นอีกนะ เข้าใจหรือไม่?”
แม่นมขมวดคิ้วแน่น พลางเอ่ยถามว่า “คุณหนูไปฟังใครพูดสิ่งใดมาเจ้าคะ?”
ตู้เหิงไม่พูดสิ่งใด
แม่นมยังคงพูดอย่างจริงใจ “ฮูหยินก็จากไปนานแล้ว นายท่านเองก็ยุ่ง มีเรื่องราวมากมายที่ไม่มีใครช่วยชี้แนะให้คุณหนู คุณหนูได้รับข่าวอะไรมา จะต้องไตร่ตรองให้มากนะเจ้าคะ ว่าคนพูดนั้นคือใคร? เปิดเผยแก่คุณหนูด้วยจุดประสงค์อะไร? ข่าวนั้นเชื่อได้หรือไม่?”
ตู้เหิงกัดริมฝีปาก แล้วส่ายหน้า
ชาติที่แล้วตู้เหิงได้ยินมาจากฮูหยินใหญ่…. คนที่พูดนั้นก็คือสาวใช้ที่นางเชื่อใจที่สุดในจวน และจงรักภักดีต่อนางมาโดยตลอด
หรือว่าในอดีตชาติ แม้แต่คนข้างกายของนางก็ล้วนเป็นพวกต่ำตมชั่วร้ายเหล่านี้?
แต่ชายหนุ่มที่ทรยศนาง จะรู้เรื่องเหล่านี้มากน้อยเพียงใด?
ครั้นเห็นตู้เหิงกำหมัดแน่นทั้งสองข้าง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความหม่นหมอง แม่นมจึงพูดอย่างปวดใจ “พอได้แล้ว คุณหนู เรื่องที่มันไม่ดีเหล่านี้ อย่าไปคิดถึงเลยนะเจ้าคะ”
เรื่องในอดีตชาติ นางไม่อยากเอ่ยถึงอีก แต่บัดนี้ไม่ใช่เพราะนางอยากได้ความสงบสุข นางเพียงอยากได้ความมั่นคง
ทางฝั่งของหลินเหรายังคงมีเหยาซูคั่นอยู่ตรงกลาง ทำให้นางถึงกับพูดไม่ออก
ตู้เหิงทำจิตใจให้สงบลง จากนั้นก็ปรายตามองแม่นมและพูดว่า “แม่นมโปรดวางใจ ข้าไม่เป็นไร”
แม่นมเข้าใจความคิดของนาง จึงอดเป็นกังวลไม่ได้
ตู้เหิงไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามว่า “สองสามวันนี้ คุณชายลู่เคยมาเยี่ยมเยียนบ้างหรือไม่?”
แม่นมไม่เข้าใจความหมายของตู้เหิง พูดแค่เพียงว่า “คุณชายลู่มาสามถึงสี่ครั้ง คุณหนูไม่อยากเจอเขาไม่ใช่หรือเจ้าคะ? บางทีอาจจะสังเกตเห็นการปฏิเสธของคุณหนู ช่วงสองสามวันนี้คุณชายลู่จึงไม่มา”
ตู้เหิงพยักหน้าเล็กน้อย
มือของแม่นมวางบนเรือนผมสลวยเคลียบ่าของตู้เหิงอย่างถ่อมตน ก่อนจะพูดอย่างจริงจัง “บัดนี้คุณหนูก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ฮูหยินใหญ่ในจวนไม่อยากคุยเรื่องแต่งงานออกเรือนกับคุณหนู เพราะต้องการไปขอร้องพระสนมกุ้ยเฟยในวัง ให้ช่วยมองหาชายหนุ่มในเมืองหลวงอย่างละเอียด….”
ตู้เหิงรู้สึกขมขื่นอยู่ในใจ ใบหน้ายังคงเรียบเฉยอย่างชัดเจน ก่อนจะแค่ถามว่า “แม่นมคิดว่า คุณชายลู่เป็นอย่างไร?”
แม่นมยิ้มและพูดว่า “ใต้เท้าลู่ดูแลฝ่ายทหาร ภูมิหลังเรืองอำนาจ คุณชายลู่มีฐานะเป็นลูกชายคนโตทางสายเลือด วงศ์ตระกูลก็ต้องเป็นคุณหนูที่เหมาะสม เป็นชายหนุ่มที่มีบุคลิกที่ดี ยิ่งไปกว่านั้น เขาผู้ซึ่งเป็นสหายกับท่านอ๋องน้อยในวังตั้งแต่วัยเยาว์ เรื่องตำราเรียนไม่ต้องเอ่ยถึง ทั้งยังมีมิตรภาพสมัยวัยเยาว์กับคุณหนูอีกด้วย…”
เมื่อได้ยินคำพูดของแม่นม ตู้เหิงก็ค่อย ๆ คลี่ยิ้ม เพียงแต่ในรอยยิ้มนั้นจนถึงตอนนี้ก็ยังคงเย็นเยือกบาดถึงกระดูก
คนที่ตู้เหิงออกเรือนด้วยในชาติก่อนนั้นก็คือลู่หัวคุณชายผู้ฉลาดปราดเปรื่อง
เพียงแต่คุณชายเจ้าสำราญผู้เจนจัดเรื่องทางโลกเช่นนี้มาหลงชอบน้องสาวต่างมารดาของนาง แต่เป็นเพราะลำดับขั้นการแต่งงาน จึงจำต้องตบแต่งนางเข้าตระกูลเสียก่อน
จะบอกว่าเป็นความรักแบบเหมยเขียวม้าไม้ไผ่(1)ได้อย่างไร ก็แค่ต้องการน้องสาวต่างมารดาของนางมาเป็นอนุภรรยาไม่ใช่หรือ?
เขากับนางยังจะพูดถึงมิตรภาพอันใดอีก!
ครั้นเห็นความประหลาดใจบนสีหน้าของตู้เหิง แม่นมจึงพูดขึ้นมาว่า “คุณหนู เป็นอะไรไปหรือ?”
ตู้เหิงจัดการอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง ก่อนส่ายหน้าและพูดว่า “ข้าไม่เป็นไร แม่นมส่งคนไปเรียกคุณชายลู่มาได้หรือไม่? ข้าเพิ่งคิดได้พอดี เมื่อสองสามวันก่อนเคยรับปากว่าจะวาดภาพให้เขา แต่กลับยังขาดสี”
คุณหนู…เพิ่งคิดได้?
แม่นมประหลาดใจ “ได้ๆๆ ข้าจะส่งคนไปเชิญเขาเจ้าค่ะ”
นางกลัวว่าคุณหนูของตนจะมองแต่คุณชายหลิน ไม่ต้องเอ่ยถึงวงศ์ตระกูลไม่เหมาะสม เขายังมีภรรยาและลูกแล้วด้วย! จะเป็นไปได้อย่างไร!
ในเมื่อตอนนี้ตู้เหิงคิดได้ นางจึงรีบเป็นคนกลางติดต่อให้คู่นี้ทันที
ใบหน้าของแม่นมเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพูดกับตู้เหิงว่า “ถ้าคุณชายลู่รู้ว่าคุณหนูเป็นคนนัดแนะ จะต้องรีบออกมาแน่นอนเจ้าค่ะ”
ตู้เหิงยิ้มบาง “แม่นมไปถามเสียเถอะ”
ลู่หัวในเวลานี้มีความกระตือรือร้นกับนางเป็นร้อยเท่า เอาใจใส่และใจกว้างอย่างต่อเนื่อง
หากไม่เป็นเช่นนี้ ชาติก่อนนางคงไม่มีวันชมชอบเขา และยอมเลือกแต่งงานกับเขาอย่างเต็มใจท่ามกลางบรรดาบุรุษหล่อเหลาในเมืองหลวง
เพียงแต่ไม่รู้ว่า เขาในตอนนี้จะจริงจังหรือหลอกลวง?
เขาจะยังเกี่ยวข้องกับน้องสาวต่างมารดาของนางหรือไม่?
………………………………………………………………………………………………………
ความรักที่เกิดจากการเป็นเพื่อนเล่นกันในวัยเด็ก
สารจากผู้แปล
หมายความว่าในชาติก่อนนางแต่งงานการเมืองกับคุณชายลู่อะไรนี่ ก่อนจะมารักกับอาเหราในสภาพวิญญาณตามติดเหรอ?
ถ้าจะตั้งฮาเร็มหนุ่มเมืองหลวงไปหาคนอื่นค่ะนังตู้ อย่าเอาอาเหราไปเป็นหนึ่งในคอลเลคชั่นหลัวของเธอ
ไหหม่า(海馬)