ตอนที่ 80 ใช้ธาตุหยินบำรุงธาตุหยาง ?
หลินเว่ยเว่ยเดินเข้าไปลูบศีรษะของเจ้าเทาเบา ๆ แล้วกล่าวว่า ขาของเจ้าดีขึ้นมากแล้ว อีกอย่างก็ไม่ต้องเคลื่อนไหวมากนักหรอก ข้าคิดว่าไม่นานจะปล่อยเจ้าเป็นอิสระ !
เจ้าเทาส่ายหน้าพร้อมลุกขึ้นยืนอย่างเกียจคร้าน จากนั้นมันก็วิ่งไปยังทุ่งหญ้าแล้วพุ่งตัวเข้าใส่กวางตัวหนึ่งอย่างรวดเร็ว
หยุด ! หยุดเดี๋ยวนี้ ! หลินเว่ยเว่ยลนลาน สิ่งมีชีวิตในมิติน้ำพุวิญญาณมีไม่มากนัก พวกมันถูกเลี้ยงไว้เผื่อยามฉุกเฉินอย่างเช่นตอนเสบียงขาดแคลน หากเจ้ากัดมันตาย เย็นนี้ข้าคงต้องกินขาหมาป่าย่าง !
เจ้าเทาที่กำลังตะปบกวางจนล้มลงกับพื้นถึงขั้นชะงัก
มันก้มหน้ามองยังขาทั้งสี่ หลังจากชั่งน้ำหนักแล้วว่าสามขาคงไม่สะดวกเท่ากับสี่ขา มันจึงปล่อยกวางตัวนั้นไป
ส่วนเจ้ากวางที่รอดชีวิตก็รีบพลิกตัวขึ้นแล้ววิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว !
หลินเว่ยเว่ยนำไก่ป่าตัวหนึ่งมาห่อด้วยโคลนเพื่อทำไก่ยัดไส้เป็นมื้อกลางวันแล้วดื่มน้ำพุในมิติน้ำพุวิญญาณไปอีกสองสามอึก แทะผลชิงไปอีกหนึ่งผล
อันธพาลคนที่สองซึ่งไปเรียกเจ้าหน้าที่ศาลมาช่วย ตอนมาถึงในตรอกก็เหลือเพียงพี่หลิวนอนไม่ได้สติอยู่บนพื้น แต่เจ้าเด็กแรงเยอะที่น่ากลัวผู้นั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย
มันไปไหนแล้ว ? มันหนีไปไม่ไกลแน่นอน รีบตามไป ! อันธพาลคนที่สองกล่าวอย่างลนลาน
เจ้าหน้าที่หลายคนมองไปที่หลิวผิงซึ่งขาทั้งสองข้างผิดรูปนอนสลบบนพื้นแล้วมองสำรวจไปโดยรอบ
นี่เป็นตรอกที่ปิดตายไปแล้ว สองข้างทางเป็นกำแพงสูงสุดทาง พวกเขาได้ยินเสียงก็เข้ามาในตรอกเลย หรือว่าคนผู้นั้นจะเป็น…จอมยุทธ์ที่สามารถบินข้ามกำแพงได้ ?
ในหมู่พวกเขาถูกจัดอยู่ในระดับคนไม่ได้มีความสามารถอันใด ในสายตาของจอมยุทธ์ที่มีฝีมือขั้นสูงไม่เกินปลายนิ้วด้วยซ้ำ ! ตอนนี้หลิวผิงพิการไปแล้ว คุณชายท่านนายอำเภอคงไม่มีทางเลี้ยงคนพิการเช่นนี้แน่นอน เหตุใดพวกเขาจะต้องมาแบกรับความเสี่ยงกับคนพิการแค่คนเดียว ?
เจ้าหน้าที่ศาลไม่กี่คนช่วยกันมองหาอย่างรีบร้อน จากนั้นก็แบกหลิวผิงขึ้นมาแล้วจากไป
กว่าที่หลินเว่ยเว่ยจะออกมาที่ตรอกนั้นอีกครั้งทุกอย่างก็สงบเงียบแล้ว ดูเหมือนว่าไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้นมาก่อน นางมองสำรวจไปรอบ ๆ ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใด นางจึงกลับมาที่ถนนหลักแล้วหาร้านผ้าปักเพื่อนำผ้าที่นางเฝิงปักในช่วงพักไปขาย และนางก็ขายในราคาที่สูงกว่าเขตเริ่นอัน
นางเดินผ่านร้านผลไม้เชื่อมแห่งหนึ่งจึงตั้งใจเข้าไปดู ผลไม้เชื่อมและผลไม้อบแห้งภายในร้านมีไม่กี่ชนิด ผลชิงอบแห้งก็มี แต่ไม่ว่าจะเป็นสีสัน ความมันวาวหรือคุณภาพล้วนเทียบกับสินค้าของพวกนางไม่ได้ ส่วนราคาก็ถือว่าสูงมากทีเดียว นางได้ถามราคารับซื้อก็พบว่าให้ราคาต่ำกว่าราคาขั้นต่ำของร้านเถียนฟู่กุยไม่น้อย
เฮอะ พ่อค้าหน้าเลือด !
เวลานี้ก็ปลายยามเว่ย1แล้ว วันนี้คงกลับบ้านไม่ทัน หลินเว่ยเว่ยยึดถือหลักการที่ไม่สูญเปล่า นางเอาเหยื่อที่ตายแล้วในมิติน้ำพุวิญญาณออกมาและขายในราคาที่ดี จากนั้นก็เข้าพักในโรงเตี๊ยมหนึ่งคืน วันต่อมาจึงเดินทางกลับบ้าน
ตอนกลับไม่มีเกวียนให้อาศัย หลินเว่ยเว่ยจึงต้องใช้สองขาเดินจากอำเภอจิงหยุนไปยังหมู่บ้านฉือหลี่โกวด้วยระยะทางที่ห่างกันหนึ่งร้อยกว่าลี้ ทำให้นางต้องใช้เวลาถึง 4 ชั่วยามเต็ม ๆ ในการเดินทางจนฝ่าเท้าพุพองเล็กน้อย
ขณะเดินมาถึงพื้นที่ห่างจากหมู่บ้านฉือหลี่โกวราวยี่สิบกว่าลี้ บริเวณนี้เป็นป่าเล็กแห่งหนึ่ง หลินเว่ยเว่ยแวะเข้าไปในป่าแล้วเอารถลากกระดานออกมา นางลากรถเสบียงที่หนักหนึ่งพันกว่าชั่งด้วยสองขาอย่างหนักหน่วงพลางมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านอย่างช้า ๆ
เด็กอ้วนหรือ ? ทันใดนั้นก็มีเสียงเรียกดังขึ้นและคำเรียกนี้คงเป็นผู้ใดไปไม่ได้นอกจากบัณฑิตหนุ่ม
หลินเว่ยเว่ยที่เหนื่อยจนแทบตายจึงไร้กะจิตกะใจมาต่อล้อต่อเถียงกับเขา นางเช็ดเหงื่อแล้วเงยหน้ามองเงาที่สูงชะลูดแล้วกล่าวว่า มัวยืนงงอยู่ได้ ยังไม่รีบเข้ามาช่วยข้าอีก !
เจียงโม่หานมองรถลากที่เหมือนภูเขาเล็กหนึ่งลูก ในใจก็ตกตะลึงไปพักหนึ่งแล้วจึงกล่าวว่า โลภมากลาภหาย เหตุใดเจ้าจึงไม่เหนื่อยตาย ?
เจ้าบัณฑิตคนนี้ไม่ช่วยแล้วยังพูดไร้สาระอีก ! ข้าเหนื่อยตายแล้วเจ้าจะได้ประโยชน์อันใด ? หลินเว่ยเว่ยหายใจหอบขณะเหลือบมองอีกฝ่าย
เจียงโม่หานส่งเสียงในลำคอแล้วเดินเข้ามาอย่างเจียมตัว เขายื่นมือออกมาลากรถแล้วกล่าวว่า หากไม่มีเจ้าที่คอยทำให้ข้าโกรธ ข้าก็จะได้มีอายุยืนไปอีกหลายปีอย่างไรเล่า !
บัณฑิตชั่วร้ายเยี่ยงเจ้า คาดไม่ถึงเลยว่าจะใช้อายุขัยของข้ามาต่ออายุให้ตน นี่เรียกว่าเป็นการใช้ธาตุหยินบำรุงธาตุหยางหรือไม่ ? หลินเว่ยเว่ยจีบปากจีบคอพูด
ไม่เคยอ่านตำราก็พูดให้น้อยหน่อย ! เจียงโม่หานหน้าร้อนผ่าว เด็กคนนี้กล้าพูดไปหมด ธาตุหยินบำรุงธาตุหยางอันใดกันเล่า คิดว่าเขาจะกระทำชำเรานางหรือ ? ต่อให้เขาจะทำก็ไม่มีทางทำกับนางผู้ที่ดูไม่เหมือนสตรีหรอก !
บัณฑิตน้อย แม้ข้าไม่เคยอ่านตำรา แต่เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์มาลิดรอนการแสดงความคิดเห็นของข้า การที่เจ้าดูถูกชาวบ้านธรรมดาอย่างข้า ในอนาคตหากเจ้าเป็นขุนนางแล้ว ความคิดนี้ใช้ไม่ได้เด็ดขาด ! พอมีคนมาทะเลาะด้วย หลินเว่ยเว่ยกลับรู้สึกว่าไม่ได้เหนื่อยถึงเพียงนั้นแล้ว
เจียงโม่หานพ่นลมหายใจออกมาแล้วช่วยออกแรงลากรถไปเพียงเล็กน้อย จากนั้นก็กล่าวว่า ข้าคิดว่าเจ้าดูไม่ค่อยเหนื่อยเลย !
อันที่จริงข้าเหนื่อยแทบลงไปคลานกับพื้นแล้ว แต่พอได้เห็นใบหน้ารูปงามของบัณฑิตน้อยเช่นเจ้าก็รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที บัณฑิตน้อย เจ้าเป็นฝนที่ตกมาได้ทันเวลาเสียจริง ! หลินเว่ยเว่ยเย้าแหย่บัณฑิตหนุ่มรูปงาม
บัณฑิตหนุ่มมีภูมิต้านทานการเย้าแหย่ของนางอยู่แล้วจึงไม่โกรธ ที่แท้หน้าตาของข้ายังมีข้อดีหรอกหรือ ? เช่นนั้นข้ายืนให้เจ้ามองสักสองอึดใจก็ไม่ต้องช่วยลากรถแล้วใช่หรือไม่ ?
เป็นวิธีที่ดี ! มา มาให้ข้าได้ยลโฉมเจ้าเพื่อบำรุงกำลังสักหน่อย หลินเว่ยเว่ยหัวเราะคิกคัก
เจียงโม่หานฟังเสียงที่แหบของนางออก สายตาของเขามองสำรวจรอบรถลากหนึ่งครั้งแล้วดึงกระบอกไม้ไผ่ที่แขวนอยู่บนรถลากลงมา เขาเปิดฝาแล้วรีบก้าวมาข้างนางพลางกล่าวว่า หุบปากเถิด มา ดื่มน้ำสักอึก !
ปากหุบอยู่แล้วจะดื่มน้ำอย่างไร ? บัณฑิตน้อย เจ้าป้อนข้าหน่อยสิ หลินเว่ยเว่ยไม่ยอมหยุด จากนั้นนางก็อ้าปากรอให้อีกฝ่ายป้อน
เจียงโม่หานขมวดคิ้วแล้วเอ่ยอย่างไม่เต็มใจว่า ดื่มเองสิ !
หลินเว่ยเว่ยเอ่ยอย่างไม่พอใจว่า ตอนที่เจ้าโดนผู้อื่นทำร้าย ข้าป้อนน้ำให้เจ้าตั้งหลายครั้งตลอดทาง เจ้าเข้าใจการตอบแทนซึ่งกันและกันหรือไม่ ?
ไม่เข้าใจ ! ข้ารู้แค่ว่าชายหญิงไม่ควรแตะเนื้อต้องตัวกัน ! เจียงโม่หานพูดแย้ง
หลินเว่ยเว่ยมองไปที่ริมฝีปากสีอ่อนของเขาแล้วกล่าวว่า หึหึ ข้าไม่ได้ให้เจ้ามาจูบเสียหน่อย แค่อยากให้เจ้าป้อนน้ำกับมือเท่านั้นเอง !
ไม่ต้องดื่มแล้ว ! เจียงโม่หานเม้มปากแล้วปิดฝากระบอกไม้ไผ่พร้อมทำท่าว่าจะวางกลับที่เดิม
ดื่ม ข้าจะดื่ม ! หลินเว่ยเว่ยเผชิญกับแสงแดดอันแรงกล้าจากการเดินทางมาครึ่งวันจนทำให้คอและดวงตาแหบแห้งและพร่ามัวเต็มทนอยู่แล้ว นางถอนหายใจและหยุดรถลาก จากนั้นรับกระบอกไม้ไผ่จากมือของบัณฑิตหนุ่มมาดื่มไปอึกใหญ่
เจียงโม่หานมองท่าทางการดื่มน้ำอย่างกระหายของนางแล้วแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น
หลินเว่ยเว่ยใช้แขนเสื้อเช็ดปาก ในตอนที่นางยกรถลากขึ้นและกำลังจะออกเดินทางต่อ ข้างหน้าก็มีมือเรียวยาวได้สัดส่วนยื่นมาหานาง
รับไปสิ ! ชอบกินไม่ใช่หรือ ! บัณฑิตหนุ่มผู้เย่อหยิ่งถลึงตาใส่นางอย่างไม่สบอารมณ์คล้ายจะบอกว่า มองอันใด ? เหตุใดยังไม่รับไปอีก ?
หลินเว่ยเว่ยพบว่าบนมือที่งดงามของบัณฑิตหนุ่มถือผลชิงเอาไว้หนึ่งลูก นางจึงรับมาอย่างดีใจแล้วถามว่า เจ้าตั้งใจเอามาให้ข้าหรือ ?
1 ยามเว่ย คือ ช่วงเวลา 13.00 – 14.59 น.
ตอนต่อไป