หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง – ตอนที่ 159 ถูกผู้อื่นขายแล้วยังจะช่วยนับเงิน

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 159 ถูกผู้อื่นขายแล้วยังจะช่วยนับเงิน

“เหมือน ! ” เจียงโม่หานไม่ไว้หน้านางแม้แต่น้อย “แค่ถ้อยคำดี ๆ ไม่กี่ประโยคก็กล่อมจนเจ้าไม่รู้เหนือรู้ใต้ได้แล้ว ! ”

“เป็นไปไม่ได้ ! ” หลินเว่ยเว่ยเถียงด้วยน้ำเสียงหนักแน่น จากนั้นก็กล่าวด้วยถ้อยคำสุดแสนยั่วยุ “นอกเสียจากผู้ที่มีหน้าตา…เหมือนเจ้า ! ”

เจียงโม่หานสูดหายใจเข้าลึก หลังกัดฟันแล้วก็กล่าวว่า “หากข้าเป็นคนพูด เจ้าจะยอมทำตามทุกอย่างเลยหรือ ? ”

“หืม ? ใช่ ! ” หลินเว่ยเว่ยออกแรงพยักหน้า “พูดมาสิ เจ้าต้องการสิ่งใด ? เงิน ? อาหารเลิศรส ? หรือว่า…หญิงงาม ? ”

หลังกล่าวจบ นางก็ขยิบตาให้เขาพร้อมหัวเราะคิกคัก

“เจ้า…อย่าเชื่อผู้อื่นโดยง่ายได้หรือไม่ ? โดยเฉพาะบุรุษ ! ” เจียงโม่หานละสายตาจากนางแล้วมองเงาไม้ตลอดสองข้างทาง เสียงของเขาอ่อนลงเล็กน้อย

“เจ้าไม่ใช่คนอื่นเสียหน่อย ! ” เสียงเพิ่งเงียบลง เกวียนเทียมล่อก็เกิดกระแทกเข้ากับบางอย่าง หลินเว่ยเว่ยยังไม่ทันนั่งให้ดีจึงล้มไปทางเจียงโม่หาน มือนางรีบคว้าตัวบัณฑิตหนุ่มเอาไว้ หลังกลับมาทรงตัวได้อีกครั้งนางก็รีบปล่อยมือ “หากข้าบอกว่าไม่ได้ตั้งใจจะเอาเปรียบเจ้า เจ้าจะเชื่อหรือไม่ ? ”

เจียงโม่หานถลึงตาใส่นางทันที “เจ้าจำไว้นะ เจ้าเป็นสตรี ใครเอาเปรียบใครกันแน่ ! ? ”

“เจ้าไม่คิดมากก็ดี…ระหว่างเราสองคน ใครเอาเปรียบใครก็ยังไม่แน่หรอก ! ฮ่าฮ่า…” ใบหน้าของหลินเว่ยเว่ยเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มเยี่ยงโจรชั่ว

เจียงโม่หานกลับมาเงียบอีกครั้ง เขาหมดถ้อยคำที่จะเอ่ยออกมาแล้วจริง ๆ…

“มีสิ่งใดผิดปกติหรือ ? อารมณ์ไม่ดีหรือไร ? คงไม่ใช่เพราะข้าอีกนะ ข้าขอโทษเจ้าไปแล้วก็เลิกทำหน้าเย็นชาสักทีเถิด” หลินเว่ยเว่ยยื่นสองนิ้วไปดึงแขนเสื้อเขาเบา ๆ “หรือว่า…เรื่องที่เจ้าไปหาอาจารย์ฟ่านจะไม่ราบรื่น ? ”

“ถ้าวิธีเขียนบัญชีที่เจ้าคิดขึ้นมาสามารถใส่ได้แค่ชื่อข้าคนเดียว เจ้าคิดเช่นไร ? ” เจียงโม่หานมองเข้าไปในดวงตาของนางราวกับว่าอยากขุดหาความจริงจากก้นบึ้งของหัวใจนาง

หลินเว่ยเว่ยตกตะลึง จากนั้นก็ตบบ่าเขาแล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เจ้าคงไม่ได้อารมณ์เสียเพราะเรื่องนี้กระมัง ? ข้าไม่ได้บอกไปแล้วหรือ ? นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับข้าเลย ! ”

“แม้เจ้าไม่อยากสร้างชื่อเสียงให้ตน แต่เจ้าไม่คิดจะเก็บไว้ให้น้องชายหรืออย่างไร ? ” เหตุใดต้องยกให้คนนอก ?

หลินเว่ยเว่ยคลี่ยิ้ม “วิธีเขียนบัญชีของข้าใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นเสียหน่อย เหตุใดเขาไม่คิดจะเรียบเรียงมันขึ้นมา ? ข้าเคยอ่านเนื้อหาที่เจ้าเรียบเรียงออกมาแล้ว มีหลายจุดพัฒนาไปไม่น้อยซึ่งพอรวมเข้ากับความเข้าใจของตัวเจ้าเอง การจะเขียนชื่อเจ้าลงไปก็ไม่ใช่เรื่องผิด เจ้าน่ะ ไม่ว่าสิ่งใดก็ดีหมด เสียอย่างเดียวคือเถรตรงเกินไป ! ” ถ้าพูดให้แย่อีกหน่อยก็คือหัวโบราณเกินไป !

เจียงโม่หานมองนางพักใหญ่ ก่อนละสายตากลับไป…เด็กโง่ ถูกผู้อื่นขายแล้วยังจะช่วยนับเงิน1 !

วิธีเขียนสมุดบัญชีแบบใหม่นี้ถูกส่งไปถึงช่างชูแห่งกรมคลังโดยสหายของอาจารย์ฟ่าน ช่างชูแห่งกรมคลังเป็นขุนนางผู้เที่ยงตรงและยังพูดจริงทำจริง เช่นนั้นคงไม่ถูกฮ่องเต้แต่งตั้งไปอยู่ในกรมคลังได้หรอก หลังจากที่เขาอ่านแล้วก็คิดว่านี่เป็นความคิดยอดเยี่ยม ด้วยเหตุนี้ขณะประชุมราชสำนัก เขาจึงหยิบเรื่องนี้ขึ้นทูลถวายแด่องค์ฮ่องเต้

หลังจากฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรแล้วก็ตรัสชมยกใหญ่ทันที พอได้สดับตรับฟังว่าเป็นผลงานของบัณฑิตในเขตเริ่นอัน พระองค์ก็ตรัสด้วยความดีพระทัยว่า “ดี ดี ! บัณฑิตผู้นี้มีความสามารถเป็นเสาหลักของบ้านเมือง ! ”

แค่บัณฑิตถงเซิงคนหนึ่งสามารถได้รับคำชมว่า ‘มีความสามารถเป็นเสาหลัก’ จากพระโอษฐ์ของโอรสสวรรค์ย่อมเห็นได้ชัดว่าบัณฑิตผู้นี้จะต้องมีอนาคตสดใสไร้ขีดจำกัดแน่นอน !

ช่างชูแห่งกรมคลังเห็นฮ่องเต้ทรงเกษมสำราญจึงนำข่าวที่ได้ยินมาจากเหยียนไว่หลางกราบทูลต่อฝ่าบาททั้งหมด “ทูลฝ่าบาท บัณฑิตผู้นี้ไม่เพียงประสบความสำเร็จในด้านการเขียนสมุดบัญชีรูปแบบใหม่ ทว่ายังสร้างกังหันวิดน้ำเพื่อหมู่บ้านของเขา ส่งผลให้คนทั้งหมู่บ้านมีน้ำสำหรับอุปโภคและบริโภคโดยชักน้ำจากแหล่งน้ำที่ไม่มีวันแห้งลงจากภูเขามาสร้างเป็นระบบชลประทาน สร้างความสะดวกสบายให้คนในหมู่บ้านนั้นอย่างมากพ่ะย่ะค่ะ ! ”

ฮ่องเต้ได้สดับแล้วก็ยืดกระวรกายตั้งตรงทันที จากนั้นก็ตรัสถามอย่างละเอียด “ว่าอย่างไรนะ ? บัณฑิตผู้นี้สร้างกังหันวิดน้ำเป็นด้วยหรือ ? หรือจะเป็นกังหันน้ำกระดูกมังกรที่สาบสูญไปนาน ? ”

“ทูลฝ่าบาท เรื่องจะเป็นกังหันน้ำกระดูกมังกรหรือไม่นั้น กระหม่อมก็ไม่อาจทราบได้พ่ะย่ะค่ะ ทว่าสามารถชักน้ำลงจากภูเขา แก้ไขภัยแล้ง ห่วงใยราษฎร เห็นอกเห็นใจประชาชน วันหน้าเขาต้องเป็นขุนนางที่ดีแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ ! ” ช่างชูแห่งกรมคลังคล้อยตามฝ่าบาทคือเอ่ยชมไม่หยุด !

เมื่อช่างชูแห่งกรมโยธาธิการได้ยินก็เอ่ยอย่างไม่ยอมตามหลังผู้อื่น “ทูลฝ่าบาท กังหันน้ำกระดูกมังกรริเริ่มขึ้นในสมัยราชวงศ์ฮั่น ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์กล่าวไว้ว่ากังหันน้ำกระดูกมังกรสามารถใช้ในการชลประทานสำหรับการเกษตร การระบายน้ำและอื่น ๆ อีกมากมาย นับเป็นอุปกรณ์สูบน้ำที่หายาก ทว่าน่าเสียดายเพราะความโกลาหลจากภัยสงครามในอดีตทำให้วิธีสร้างกังหันน้ำกระดูกมังกรหายสาบสูญไป…หากบัณฑิตผู้นี้ชำนาญด้านนี้จริง กระหม่อมอยากทูลขอให้เขามาทำงานในกรมโยธาธิการพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้พยักดวงพักตร์ทันที ทางทิศเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือกำลังประสบภัยแล้งอย่างรุนแรง แม้ทางใต้จะมีน้ำเยอะ แต่การดึงน้ำมาทำชลประทานก็เป็นปัญหา หากกังหันน้ำกระดูกมังกรกลับมาปรากฎตัวบนแผ่นดินอีกครั้งก็จะเป็นประโยชน์ต่อราษฎรและแผ่นดินอย่างแท้จริง !

ทันใดนั้นช่างชูแห่งกรมคลังก็หันไปมองช่างชูแห่งกรมโยธาธิการด้วยความไม่พอใจ…ผู้มีความสามารถท่านนี้เป็นกรมคลังค้นพบก่อนและก็เป็นกรมคลังที่เสนอเรื่องนี้แก่ฝ่าบาท หากจะให้เข้ามาทำงานเป็นกรณีพิเศษก็ต้องมาที่กรมคลังของข้า !

“ทูลฝ่าบาท พระองค์ทรงทราบหรือไม่ว่าบัณฑิตผู้นี้มีอายุเท่าไรพ่ะย่ะค่ะ ? ” ก่อนที่ฮ่องเต้จะตรัสออกมา ช่างชูแห่งกรมคลังก็รีบทูลถาม

“เท่าไร ? ” หรือจะเป็นชายชราอายุแปดสิบเก้าสิบปี ? เช่นนั้นจะรอช้าไม่ได้เพราะวิธีการที่สูญหายไปนี้ไม่ได้กลับมาปรากฏบนโลกง่าย ๆ จะปล่อยให้นำลงหลุมไปพร้อมกับเขาไม่ได้ !

ช่างชูแห่งกรมคลังทูลว่า “ทูลฝ่าบาท บัณฑิตผู้นี้มีอายุเพียง 15 ปี เขาเป็นบัณฑิตถงเซิงในรัชสมัยหยวนถ่งปีที่เก้า ตามที่อาจารย์ของเขาบอกมา หากไม่ใช่เพราะเขาป่วยหนักในสนามสอบปีที่แล้ว ด้วยพรสวรรค์ของเขาจะสอบให้ได้ตำแหน่งซิ่วไฉก็ไม่ใช่ปัญหาพ่ะย่ะค่ะ ! ”

“ว่าอย่างไรนะ ? พึ่งจะอายุ 15 ปีก็สร้างวิธีเขียนสมุดบัญชีรูปแบบใหม่และยังสร้างกังหันน้ำกระดูกมังกรออกมาได้” หากเอ่ยถึงเด็กอายุ 15 ปีที่สอบติดถงเซิงหรือซิ่วไฉในเจียงหนานย่อมถือว่าเป็นเรื่องปกติ ทว่าหากเป็นทางเหนือและยังเป็นเขตเล็ก ๆ ที่ห่างไกลอย่างเขตเริ่นอันก็ยิ่งเป็นไปได้ยาก

ผู้มีความรู้ความสามารถมักเย่อหยิ่งและไม่สนใจเรื่องทางโลก ทว่าเพื่อช่วยราษฎรแล้ว เขาถึงขั้นสร้างวิธีเขียนบัญชีซึ่งไม่เหมือนผู้ใดและเรียบง่ายขึ้นมา นอกจากนี้ยังทำให้ชาวบ้านได้มีน้ำใช้อุปโภคบริโภคด้วย ผู้มากความสามารถเช่นนี้จะปล่อยให้กลายเป็นฝุ่นผงไม่ได้เด็ดขาด

ช่างชูแห่งกรมคลังพยักหน้า “ทูลฝ่าบาท กังหันวิดน้ำอาจไม่ใช่กังหันน้ำกระดูกมังกรที่สาบสูญไปก็ได้ ทว่าการสามารถชักน้ำลงมาจากภูเขาก็เหมือนสามารถดึงน้ำขึ้นฝั่ง หากเผยแพร่มายังเจียงหนานและใช้ทำระบบชลประทาน ภัยแล้งก็จะบรรเทาลงและหมดความกังวลในที่สุดพ่ะย่ะค่ะ ! ”

ช่างชูแห่งกรมโยธาธิการเดินขึ้นหน้าเพื่อทูลขออนุญาต “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมยินดีช่วยแบ่งเบาความกังวลของฝ่าบาทเพื่อไปหาอัจฉริยะผู้นี้ยังเขตเริ่นอัน จากนั้นจะเผยแพร่การสร้างกังหันวิดน้ำโดยเร็ววันพ่ะย่ะค่ะ ! ”

ช่างชูแห่งกรมคลังรีบกล่าวทันที “ช่วงนี้กรมโยธาธิการงานรัดตัว เหตุใดต้องนำเรื่องนี้มารบกวนใต้เท้าหวงอีกเล่า ? ทูลฝ่าบาท เหยียนไว่หลางแห่งกรมคลังเป็นสหายกับอาจารย์ของบัณฑิตผู้นี้ วิธีเขียนบัญชีนี้ก็เป็นสิ่งที่กระหม่อมนำมาถวายแทนเขา กระหม่อมคิดว่าเรื่องนี้สามารถจัดการด้วยคนผู้เดียว เช่นนั้นให้ใต้เท้าฟางไปหา ดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ? ”

ล้อเล่นหรืออย่างไร ? ถ้าปล่อยให้คนของกรมโยธาธิการแย่งงานนี้ไป ชิงผู้มากความสามารถท่านนี้ไปก่อน ข้าก็ไม่เหมือนตัดชุดแต่งงานให้ผู้อื่น2หรอกหรือ ? ในเมื่อบัณฑิตหนุ่มเก่งเรื่องความเป็นอยู่และปากท้องของราษฎรก็ต้องมาร่วมงานกับกรมคลังอยู่แล้ว จะได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ !

1 ถูกผู้อื่นขายแล้วยังจะช่วยนับเงิน หมายถึง โง่เขลามาก, ซื่อบื้อมาก

2 ตัดชุดแต่งงานให้ผู้อื่น หมายถึง ตนไม่ได้รับประโยชน์แต่ยังสนับสนุนให้ผู้อื่นได้ประโยชน์แทน

ตอนต่อไป

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

Status: Ongoing
นักศึกษาเรียนดีจากวิทยาลัยเกษตรทะลุมิติมาเป็นเด็กสาวชาวนาผู้โง่เขลาและมีนิสัยป่าเถื่อน บิดาก็ตาย มารดาก็อ่อนแอ น้องชายดันมาตีตัวออกห่าง ส่วนพี่สาวก็มักจะคิดว่าเธอเป็นภาระเสมอ แต่โชคดีที่เธอมีมิติน้ำพุวิญญาณอยู่ในมือ เธอทั้งกลายเป็นนักล่าหมูป่า ทำให้ฝูงหมาป่าตกใจ ใช้น้ำพุวิญญาณมาปลูกพืชพันธุ์จนได้ผลผลิตดีงาม ทำสวนก็ได้ผลผลิตดี เลี้ยงสัตว์ก็เติบโต ไหนจะเสน่ห์ปลายจวักอีก เด็กโง่เขลาคนนี้นี่แหละจะนำพาทั้งครอบครัวไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองเอง ! ทว่าบัณฑิตหนุ่มหน้าหวานจอมหยิ่งคนข้างบ้านเนี่ย คิดว่าตัวเองหล่อแล้วจะทำอะไรก็ได้หรือไง ? คิดว่าเป็นขุนนางแล้วใครจะทำอะไรไม่ได้หรือ ? สุดท้ายก็ถูกเด็กโง่คนนี้กำราบไม่ใช่หรือไง ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท