ตอนที่ 195 อันตราย อันตราย อันตราย !
ตอนที่ 195 อันตราย อันตราย อันตราย !
เมื่อมนุษย์โอสถสบโอกาสก็ยกแขนสองข้างขึ้นแล้วโยนคนออกไปทันที องครักษ์นายหนึ่งหน้าอกกระแทกพื้นสภาพไม่น่ารอด ขณะเดียวกันองครักษ์อีกนายก็จับหน้าท้องเอาไว้ เขากระอักเลือดออกมา หลังดิ้นรนไปมาประมาณสองสามรอบ เขาก็ไม่เคลื่อนไหวอีกเลย
หมินอ๋องซื่อจื่อตะโกนเสียงดังลั่น เขากระโจนตัวขึ้น แทงกระบี่และเล็งไปยังใบหน้าของศัตรู มนุษย์โอสถรีบยกมือปิดบังใบหน้าเอาไว้ หลังรอให้ปลายกระบี่มาถึงแล้ว มันก็รีบสะบัดกระบี่ออกไปอย่างแรง
กระบี่ของหมินอ๋องซื่อจื่อโค้งงออย่างกะทันหันจนกลายเป็นไม้บรรทัด หมินอ๋องซื่อจื่อก็ใช้ความยืดหยุ่นของกระบี่เพื่อกระโดดถอยหลังออกมา ซึ่งเขารอดจากหมัดของมนุษย์โอสถมาได้
หลังร่วงสู่พื้นแล้วหมินอ๋องซื่อจื่อก็อ้าปากหายใจหอบเหนื่อย มือที่ถือกระบี่ไว้ก็ค่อย ๆ สั่นเล็กน้อย ทว่าอีกฝ่ายไม่คิดจะให้เขาได้พักหายใจอยู่แล้ว มันจึงเตะเขาด้วยเท้าอันใหญ่โต ทว่าสายเกินไปที่จะหลบสำหรับหมินอ๋องซื่อจื่อ เพราะเขากำลังคุกเข่าอยู่ข้างหนึ่งจึงได้แต่ใช้กระบี่ขวางไว้
ได้ยินเพียงเสียงดัง ‘ปึก’ กระบี่ในมือของเขาก็หักเป็นสองท่อน ตัวคนก็กระเด็นออกไปเหมือนกัน เมื่อร่วงลงแล้วก็กลิ้งไปกับพื้น ร่างกายของเขาสูญเสียสมดุล เลือดลมในหน้าอกแล่นพล่าน มุมปากปรากฏคราบเลือดขึ้นมาทันที
หัวหน้าองครักษ์อ้อมไปอยู่ข้างหลังมนุษย์โอสถ อาวุธในมือก็ถูกยกขึ้นสูงแล้วฟาดลงบนคอศัตรูอย่างรุนแรง ‘แกรก ! ’ ลำคอของมนุษย์โอสถไร้ซึ่งบาดแผล แต่ดาบของหัวหน้าองครักษ์กลับมีรอยร้าวเกิดขึ้น !
มนุษย์โอสถไม่ได้หันศีรษะกลับไป แต่มันสะบัดมือไปข้างหลัง หัวหน้าองครักษ์หลบไม่ทันจึงถูกซัดลอยออกไป โชคดีที่มนุษย์โอสถโจมตีโดนแขนของเขาจึงไม่อันตรายถึงชีวิต แต่เขาก็ต้องสูญเสียแขนซ้ายไปเลย !
จนถึงเวลานี้องครักษ์รอบตัวหมินอ๋องซื่อจื่อต่างล้มตายและบาดเจ็บ ส่วนตัวเขาเองก็บาดเจ็บภายในสาหัส เขาพยุงกายให้ลุกขึ้นด้วยด้ามกระบี่ที่หักแล้ว จากนั้นก็ยืนอย่างเซไปเซมา
มนุษย์โอสถแสยะยิ้มเผยให้เห็นฟันสีเลือด ทันใดนั้นตัวมันก็เหมือนสัตว์ร้ายกินคนพุ่งตรงมายังหมินอ๋องซื่อจื่อทันที
หมินอ๋องซื่อจื่ออยากจะหลบแต่อาการบาดเจ็บภายในรุนแรงเกินไป เพียงขยับตัวเล็กน้อยก็แทบจะหมดสติทันที ไฉนเลยจะยังเคลื่อนย้ายไปไหนภายในชั่วอึดใจได้ ?
เขาออกศึกตั้งแต่อายุ 13 รบชนะรวมกับฟู่หวาง1นับครั้งไม่ถ้วน ทำให้ศัตรูได้ยินเพียงเสียงลมก็หวาดกลัวยิ่งกว่าสิ่งใดแล้ว ต่างก็กล่าวกันว่าโถดินเลี่ยงไม่ให้แตกหักได้ยาก แม่ทัพเองก็ยากที่จะรอดจากสนามรบ คาดไม่ถึงว่าตัวเขาที่ยังไม่สิ้นชีพในสนามรบต้องมาจบชีวิตด้วยน้ำมือมนุษย์โอสถแดนใต้ ! หมินอ๋องซื่อจื่อเผยสีหน้าเศร้าสร้อยแสนสิ้นหวัง !
ฟู่หวางเคยกล่าวไว้ว่า ลูกผู้ชายค้ำฟ้ายันแผ่นดิน แม้จะตายก็ต้องยืนตาย ! ทันใดนั้นใบหน้าหล่อเหลาของหมินอ๋องซื่อจื่อก็เผยให้เห็นความเด็ดเดี่ยวและหนักแน่น…ชายชาตรีไม่กลัวตาย เข้ามาเลย !
ทันใดนั้นเอง ขณะที่มนุษย์โอสถอยู่ห่างเขาเพียงช่วงแขน มันก็ล้มลงกับพื้น อะ…อะไร เกิดอะไรขึ้น ?
ตอนที่มนุษย์โอสถล้มลง มันยังมีท่าทางยืดมือไปข้างหน้า ตัวมันล้มลงกับพื้นแต่ไม่อาจขยับลุกได้เลย
หมินอ๋องซื่อจื่อประหลาดใจยิ่งกว่าอะไร ด้วยพละกำลังของมนุษย์โอสถจะมีสิ่งใดล้มมันจนลุกไม่ขึ้นได้ ? หรือว่ามัน…เป็นโรคร้ายแรง ?
“ใต้เท้าซื่อจื่อ ยังจะนิ่งอยู่อีก รีบลงมือสิเจ้าคะ ! ” ภายใต้สถานการณ์น่าหวาดหวั่น หลินเว่ยเว่ยรีบพุ่งเข้าไปกอดขามนุษย์โอสถไว้…โชคดีที่มาทันจึงช่วยหมินอ๋องซื่อจื่อไว้ได้
ทว่าเจ้าหมินอ๋องซื่อจื่อจิตอ่อนไปหน่อยหรือไม่ ? โอกาสดีถึงเพียงนี้ไม่รีบคว้าไว้แล้วจัดการเจ้ายักษ์นี่ ยังจะรอสิ่งใดอยู่ ?
มนุษย์โอสถออกแรงถีบเพราะอยากสลัดตัวหลินเว่ยเว่ยออก นางจึงต้องกอดไว้ด้วยพละกำลังทั้งหมด เจ้ายักษ์ตนนี้มีพลังมหาศาล ถ้าถูกมันสลัดออกล่ะก็ ไม่เพียงรักษาชีวิตซื่อจื่อไม่ได้ แต่นางเองก็จะซวยไปด้วย ไม่สนแล้ว มีแรงเท่าไรก็ต้องใช้เท่านั้น อย่างไรก็ปล่อยให้มันลุกขึ้นไม่ได้ !
มนุษย์โอสถมียาบำรุงขนานพิเศษ มีเอ็นทองแดงกระดูกเหล็ก เป็นคู่ต่อสู้ที่ร้ายกาจเอาเรื่อง ด้วยระดับพลังของหลินเว่ยเว่ยแล้ว แค่ใช้กำลังครึ่งหนึ่งก็ทำให้คนกระดูกหักจนป่นได้ แต่ตอนนี้นางถึงขั้นใช้พลังทั้งหมดที่มียังไม่ได้ยินเสียงกร๊อบของขาสองข้างในอ้อมแขนและมันก็ยังมีแรงขยับได้อีก
หมินอ๋องซื่อจื่อยกกระบี่ในมือขึ้นสูงแล้วเล็งมาที่ใบหน้ามนุษย์โอสถ เขาแทงลงมาที่ใบหน้าอีกฝ่าย มันจึงรีบก้มหน้าลงพื้น แต่มือทั้งสองข้างยังอยากคว้าตัวเป้าหมายมาฉีกเป็นชิ้น !
กระบี่กระทบเข้ากับหลังศีรษะมนุษย์โอสถ สัมผัสของมันเหมือนกับท่อนเหล็ก จุดอ่อนเพียงอย่างเดียวถูกตัวมันซ่อนไว้อย่างมิดชิด แม้แขนทั้งสองข้างของหมินอ๋องซื่อจื่อจะชาหนัก แต่เขาก็ยังจัดการมนุษย์โอสถไม่ได้เสียที
หลินเว่ยเว่ยเงยหน้าขึ้นแล้วตะโกนไปทางหมินอ๋องซื่อจื่อ “เร็ว ! หลบไป ! ”
ร่ายกายของหมินอ๋องซื่อจื่อเร็วกว่าสมองจึงรีบหลบไปอยู่ด้านข้างทันที ทันใดนั้นหลินเว่ยเว่ยก็ปล่อยขามนุษย์โอสถ มือของมันตะปบพื้นอยู่ตลอดเวลาแล้วออกแรงคลานไปข้างหน้า แต่ทันใดนั้นมันก็เหมือนโดนใครผลักและไถลไปด้านหน้าทันที
แม้มนุษย์โอสถจะมีแรงมาก แต่การเคลื่อนไหวบนพื้นก็มีข้อจำกัด หรือจะเรียกว่าเงอะงะเลยก็ว่าได้ มันเหมือนเต่าทะเลยักษ์ตัวหนึ่ง หลังดิ้นอยู่บนพื้นสักครู่มันก็ยังลุกขึ้นมาไม่ได้
หลินเว่ยเว่ยลุกขึ้นยืนแล้วเดินมายังแผ่นหลัง ‘เต่ายักษ์’ จากนั้นกระโดดลงมาทับมันอย่างแรงราวกับแรงกดทับของภูเขาไท่ซานก็มิปาน
ต่อจากนั้นนางก็กดเข่าแนบลงที่แผ่นหลังมนุษย์โอสถ มันทำตัวเหมือนกับซุนหงอคงที่ถูกกักขังไว้ใต้ภูเขา มือและเท้าของมันขยับอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ว่าจะทำเช่นไรก็ลุกไม่ขึ้น
อึดใจต่อมาไม่รู้ว่าหลินเว่ยเว่ยไปหยิบก้อนหินที่ใหญ่กว่าศีรษะมนุษย์ถึงสองเท่ามาจากที่ใด เมื่อเล็งไปที่ศีรษะมนุษย์โอสถแล้วนางก็กัดฟันทุบมันลงไป หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง…
กะโหลกของมนุษย์โอสถเป็นเหมือนกับหินที่โดนตอกด้วยลิ่มลงไปลึกเรื่อย ๆ
ช่วงศีรษะแข็งมาก ! หลินเว่ยเว่ยตกใจที่มัน…มันฝึกวิชากระโหลกเหล็กมาหรือ หลินเว่ยเว่ยที่กลัวเศษกระโหลกจะระเบิดใส่จึงไม่ออมแรงอีกต่อไป นางใช้มือทั้งสองข้างจับหิน หลังตะโกนเสียงดังลั่นแล้วก็ทุ่มมันใส่ศีรษะตรงหน้าอย่างแรง
อึดใจต่อมาหินในมือนางก็แตกเป็นสี่ห้าเสี่ยง ด้านศีรษะมนุษย์โอสถตรงหน้าไม่บุบสลาย มันได้โอกาสรีบลุกขึ้นแต่หลินเว่ยเว่ยใช้เท้าเกี่ยวเข็มขัดมันไว้แล้วขึ้นไปนั่งบนคอของมัน ในบรรดาสตรี นางมีรูปร่างสูงโปร่ง แต่เมื่อมาอยู่บนตัวมนุษย์โอสถที่สูงกว่า 2 หมี่แล้ว นางเป็นเหมือนลิงขนทองที่ห้อยโหนอยู่บนต้นไม้ใหญ่
มนุษย์โอสถยื่นมือไปเกาหลังของตนเป็นอย่างแรก มันคิดจะจับคนที่ทุบจนมึนออกมาฉีกเป็นสองซีก หลินเว่ยเว่ยหลบไปมาบนหลังของมัน สภาพจึงดูเหมือนลิงที่ว่องไวกว่าเดิม
เมื่อไม่ได้ดั่งใจ มนุษย์โอสถก็ร้องคำรามด้วยความโมโห มันสะบัดตัวไปมาอย่างแรงทำให้มือของหลินเว่ยเว่ยแทบจะหลุดออก
เจียงโม่หานที่ไม่วางใจจึงเดินกลับมาอีกครั้ง เมื่อเห็นฉากนี้แล้ว ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างจนแทบจะหลุดออกจากเบ้า เขารีบตะโกนไปทางหลินเว่ยเว่ย “โจมตีมันที่ทวารทั้งเจ็ด นั่นคือจุดอ่อนของมัน ! ”
ทวารทั้งเจ็ด ? คือสิ่งใดกัน ? ไม่ใช่สิ บัณฑิตน้อยเจ้าระบุให้ชัดเจนหน่อยได้หรือไม่ ? หลินเว่ยเว่ยคิดว่าเวลานี้เหมือนตนกำลังควบอาชาพยศ อวัยวะภายในของนางแทบจะทะลักออกมาอยู่แล้ว !
นางเด็กโง่ ปกติไม่ได้ฉลาดนักหรือ ? เจียงโม่หานตะโกนออกมาอีกครั้ง “คือปาก จมูก ตา หูและลิ้นของมัน ! ”
เจ้าพูดให้มันเร็วกว่านี้ก็จบแล้วไม่ใช่หรือ ! ทันใดนั้นในมือของหลินเว่ยเว่ยก็มีเหล็กปลายแหลมที่ใช้ทำรองเท้าปรากฎขึ้น…มิติน้ำพุวิญญาณย่อมรู้ดีว่านางทำรองเท้าไม่เป็นจึงไม่พกของสิ่งนี้ติดกาย ทว่าช่างรู้ใจนางเหลือเกิน
1 ฟู่หวาง คือ คำที่บุตรใช้เรียกบิดาผู้เป็นท่านอ๋อง
ตอนต่อไป