หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง – ตอนที่ 283 ต้นไม้เรียกทรัพย์

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 283 ต้นไม้เรียกทรัพย์?

เจียงโม่หานเป่าซาลาเปาทอด หลังกัดกินหนึ่งคำแล้วเขาจึงเอ่ยว่า “อาจารย์เป็นผู้ชี้นำ ทว่าการฝึกฝนขึ้นอยู่กับตัวบุคคล ! หากจำเป็นต้องให้คนคอยจับตามองถึงจะเรียนได้ คนผู้นั้นจะได้เรื่องได้ราวอันใด ? สู้ยอมแพ้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ยังจะดีเสียกว่า ! ”

เมื่อเงยหน้าขึ้นมา เขาก็เห็นรถม้าและบ่าวรับใช้ของเผิงหยูเหยี่ยนยังอยู่ที่หน้าประตู ! ส่วนเผิงหยูเหยี่ยนกำลังหมกมุ่นอยู่กับหัวข้อที่ได้รับ คงลืมเรื่องพวกนี้ไปเสียสนิท

การโดนนายน้อยทอดทิ้งนับครั้งไม่ถ้วนทำให้บ่าวรับใช้คุ้นชินต่อพฤติกรรมนี้ของเจ้านายแล้ว เมื่อเห็นบัณฑิตเจียงเดินเข้ามาหา เขาก็รีบทำมือคารวะแล้วถามว่า “ของพวกนี้เป็นสัมภาระของนายน้อย ท่านว่า…”

เจียงโม่หานเปิดประตูบ้านหลังด้านข้างแล้วหันมาพูดกับอีกฝ่ายว่า “ย้ายเข้าไปด้านในเถิด ! ”

ในบ้านตระกูลเจียงมีเพียงเขาและมารดาสองคนจึงถือว่ากว้างขวางพอสมควร เจียงโม่หานชี้ไปยังห้องติดกำแพงด้านทิศตะวันตก “ต่อไปคุณชายของเจ้าจะพักอยู่ห้องนั้น ! ”

บ่าวรับใช้รีบย้ายสัมภาระเข้าไปทันที จากนั้นก็ตักน้ำในถังใหญ่เพื่อเริ่มทำความสะอาดเตียง โต๊ะ เก้าอี้ภายในห้องแล้ววางถ้วยชาลงข้างเตียง วางชั้นหนังสือนายน้อยที่ปลายเตียง จากนั้นก็นำเสื้อผ้าในหีบมาจัดวางให้เรียบร้อย…นอกจากอ่านตำราแล้ว ชีวิตของเผิงหยูเหยี่ยนก็แทบจะเหมือนคนอ่อนต่อโลก ตอนเลือกบ่าวรับใช้ให้เขา นางเผิงถึงขั้นทุ่มเทแรงกายแรงใจไปมากทีเดียว

เจียงโม่หานเห็นอีกฝ่ายจัดการของเจ้านายได้พอสมควรแล้วจึงเริ่มออกคำสั่ง “พอแล้ว เจ้ากลับไปเถิด ! ”

ดวงตาของบ่าวรับใช้เบิกกว้างทันทีพร้อมกล่าวขึ้นมาเบา ๆ ว่า “นายหญิงให้ข้าน้อยคอยติดตามนายน้อยรองเพื่อช่วยชงชา รินน้ำ…”

เจียงโม่หานมองด้วยสายตาเย็นชา บ่าวรับใช้จึงไม่กล้าพูดต่อ เจียงโม่หานจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “นายน้อยรองของเจ้าไม่มีมือมีเท้าหรือ ? ถ้าเขาสอบเยวี่ยนซื่อ ( ระดับท้องถิ่น ) ผ่านแล้วเข้าร่วมการสอบเซียงซื่อ ( ระดับมณฑล ) ก็ต้องอยู่ในก้งย่วน1 นานถึงเก้าวันหกคืน เจ้าจะเข้าไปช่วยเขาได้หรือ ? หากเจ้าอยู่ต่อไปก็จะไม่เป็นผลดีต่อเจ้านาย แต่เป็นการทำให้นายน้อยกลายเป็นคนพิการ ! ”

สุดท้ายบ่าวรับใช้ก็โดนไล่ออกมา เมื่อกลับถึงบ้านแล้ว เขาก็เล่าเรื่องราวทุกอย่างให้นางเผิงและพี่สะใภ้ใหญ่ฟัง สตรีทั้งสองรู้สึกสงสารและกังวลมาก แต่พวกนางก็รู้ดีว่าการทำเช่นนี้จะส่งผลดีต่อเผิงหยูเหยี่ยนจึงต้องปล่อยให้เป็นไปตามนั้น ทว่าในเวลาต่อมาทั้งสองก็ยังให้เผิงเจียเหลียงมาเยือนบ้านตระกูลเจียงอยู่บ่อยครั้งเพื่อดูว่าเขาขาดสิ่งใดหรือไม่ ? กินดีอยู่ดีหรือเปล่า ?

ส่วนนายท่านเผิงคิดว่าพวกนางกังวลจนเกินเหตุ มีพี่น้องตระกูลหลินเช่นนั้นอยู่แล้ว บุตรชายจะไม่กินดีอยู่ดีได้อย่างไร ?

เผิงเจียเหลียงเดินทางไปฉือหลี่โกวครั้งหนึ่ง ขากลับมาก็มีพุงกลมโตทุกครั้ง เมื่อเรอเพราะความอิ่มแล้ว เขาก็เอ่ยอย่างคนตะกละตะกลาม “พวกท่านวางใจได้แล้ว ท่านอามีชีวิตอยู่ดีกินดียิ่งกว่าสิ่งใด ! อาหารสามมื้อในหนึ่งวันไม่ซ้ำกันสักอย่าง แถมตอนสายและตอนเย็นยังมีขนมให้กินอีก ช่วงหลายวันนี้ดูเหมือนท่านอาจะอ้วนขึ้นกว่าตอนอยู่บ้านเสียอีกขอรับ ! ”

แม่สามีและลูกสะใภ้คู่นั้นถึงได้วางใจ เผิงเจียเหลียงยังหอบ ‘ของขวัญ’ กลับมาจากบ้านตระกูลหลินด้วย นั่นคือ…หมูฝอย ลือกันว่าสามารถกินได้เลย ไม่ก็กินคู่กับโจ๊กและยังสามารถใส่ลงในหมั่นโถวหรือกินกับข้าวขาวได้ด้วย

“ท่านย่า ท่านแม่ขอรับ ! คราวหน้าถ้าจะส่งของสิ่งใดไปให้ท่านอา พวกท่านอย่าลืมตะโกนเรียกข้าด้วย ! ในที่สุดข้าก็รู้แล้วว่าเหตุใดท่านอาถึงได้อยากพักอยู่บ้านตระกูลเจียง ก็เพราะอาหารเลิศรสของบ้านตระกูลหลินนั่นเอง ! ฝีมือทำอาหารของว่าที่อาสะใภ้อร่อยกว่าของร้านอาหารทั้งหมดในเขตเราตั้งหลายเท่า ข้าอยากให้อาสะใภ้แต่งเข้ามาเร็ว ๆ ! โอ๊ย ท่านแม่ขอรับ เหตุใดท่านต้องดึงหูข้า ? ข้าพูดสิ่งใดผิดอีกเล่า ! ” เผิงเจียเหลียงรีบจับใบหูแล้วถอยหลังออกไปทันที

พี่สะใภ้ใหญ่แห่งตระกูลเผิงตามหาที่ปัดฝุ่นด้วยความโมโห “อาสะใภ้แต่งเข้ามาเพื่อทำอาหารให้เจ้าหรือ ? ถ้าเจ้าอยากกิน…เจ้าก็แต่งภรรยาเข้าบ้านเอง เช่นนั้นก็มีคนทำอาหารให้เจ้ากินแล้วไม่ใช่หรือ ? ”

เผิงเจียเหลียงเหมือนหนูที่วิ่งหนีจากการตามล่า เขาวิ่งไปหลบภายในบ้าน “ท่านแม่ขอรับ ใช่ว่าข้าไม่อยากแต่งงาน แต่อาสะใภ้และน้องสาวหมั้นหมายแล้ว ข้าจะไปหาภรรยาที่มีฝีมือทำอาหารเก่งเหนือผู้ใดมาจากไหนอีก ? หากท่านหาคนทำอาหารเก่งกว่าอาสะใภ้ได้ ข้าจะรีบแต่งนางเข้าบ้านเลย แม้ว่านางจะเป็นจอมมารก็ตาม ! ”

นางเผิงหัวเราะไปพลางกล่าวไปด้วย “เหลวไหล ! ไฉนเลยแต่งงานจะดูกันแค่ฝีมือทำอาหาร ? บ้านเราไม่ได้จ้างพ่อครัวแม่ครัวมาทำอาหารไม่ไหวเสียหน่อย ! ”

เผิงเจียเหลียงรีบเข้าไปหลบด้านหลังท่านย่าแล้วถอนหายใจออกมายาวเหยียด “จะไปหาพ่อครัวฝีมือดีเช่นนั้นมาจากที่ใดขอรับ ? ข้ารอแค่ให้ท่านอาแต่งอาสะใภ้เข้าบ้านเร็ว ๆ วันใดหากอาสะใภ้อารมณ์ดีแล้วเข้าครัว ข้าก็จะได้มีลาภปากด้วย ! ”

สะใภ้ใหญ่บ่นใส่เขาทันที “ดูท่าทางไม่เอาไหนของเจ้าสิ ! โตถึงเพียงนี้แล้วยังคิดแต่เรื่องกิน ! ”

ชีวิตของเผิงหยูเหยี่ยนไม่ได้สุขสบายเหมือนที่เผิงเจียเหลียงเล่ามาหรอก…เพราะมีทั้งทุกข์และสุขผสมกัน ! ตัวเขาที่เพิ่งออกมาอยู่ข้างนอกเป็นครั้งแรกต้องฝนหมึกเอง ซักผ้าเอง แต่ละวันยังต้องเกี่ยวหญ้า ผ่าฟืน…เรื่องพวกนี้ยังไม่เท่าไร ทว่าเหตุใดเขาต้องมาปลูกต้นไม้ด้วย ?

“นี่ดูไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมในการปลูกต้นไม้” แม้เผิงหยูเหยี่ยนจะไม่รู้เรื่องการแตกดอกออกผล แต่ก็รู้ว่าอากาศเย็นขึ้นแล้วยังจะปลูกต้นไม้อีก ไม่เท่ากับว่าโอกาสรอดมีน้อยไปอีกหรือ !

หลินจื่อเหยียนออกแรงขุดหลุมปลูกต้นไม้ หลังได้ยินเช่นนั้นเขาก็กล่าวว่า “พี่รองบอกว่าได้ก็ต้องได้”

เฮอะ นอกจากเจ้าหนูน้อยแล้ว ยังมีลูกสมุนผู้โง่เขลาของหลินเว่ยเว่ยเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน !

หลินเว่ยเว่ยแบกต้นโอ๊กสูงใหญ่เข้ามาสองต้น นางวางต้นโอ๊กไว้ด้านข้างแล้วเริ่มริดใบด้านบนออก เผิงหยูเหยี่ยนอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ปลูกต้นไม้ไม่ควรปลูกต้นเล็กหรอกหรือ ? ต้นไม้ใหญ่เช่นนี้รากจะโดนทำร้ายได้ง่าย โอกาสรอดน้อย…ข้าเห็นในตำราพืชศาสตร์ ! ”

หลินเว่ยเว่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “แค่ไม่ทำร้ายรากของมันก็จบแล้วไม่ใช่หรือ ? เจ้ามองทางนั้นสิ ข้าย้ายพวกมันมาจากในหุบเขาเมื่อไม่กี่วันก่อน พวกมันก็ยังอยู่รอดไม่ใช่หรือ ? ”

เผิงหยูเหยี่ยนหันไปมองต้นโอ๊กเขียวชอุ่มไม่กี่ต้น ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง…พวกนี้เพิ่งถูกย้ายออกมาจากหุบเขาหรือ ? เขานึกว่าพวกมันอยู่ตรงนั้นตั้งนานแล้วเสียอีก ! ต่อจากนั้นเขาก็ไม่พูดสิ่งใดออกมา เพียงทุ่มเทแรงขุดหลุมปลูกต้นไม้ต่อไป

แต่เมื่อหันไปมองคนอื่น หลุมปลูกต้นไม้ใหญ่สองหลุมถูกขุดจนเรียบร้อยแล้ว ส่วนเขาเหนื่อยจนหอบ มือก็ขึ้นตุ่มน้ำใส แต่ตรงหน้ากลับมีหลุมเพียงตื้น ๆ…ต้องเป็นเพราะพลั่วของเขาไม่ดี ไม่ใช่เพราะเขาไม่พยายาม !

บุตรสาวคนโตตระกูลหลินทนมองต่อไปไม่ไหว นางจึงใช้เวลาที่เขาพักผ่อนไปหยิบพลั่วมาช่วยขุดหลุม พลั่วอันเดียวกัน หลุมเดียวกัน แต่แขนขาบอบบางและรูปร่างผอมเพรียวของคู่หมั้นกลับขยับพลั่วได้อย่างพลิ้วไหว…หรือว่า…การขุดหลุมปลูกต้นไม้ก็ต้องมีเคล็ดลับ ?

เขาจะปล่อยให้คู่หมั้นช่วยทำงานไม่ได้ อีกประเดี๋ยวนางต้องไปเข้าครัวทำอาหารแล้ว เผิงหยูเหยี่ยนรีบรับพลั่วมาจากมือนางแล้วขุดหลุมต่อทันที

หลินเว่ยเว่ยมองว่าที่พี่เขยและพี่สาวคนโต จากนั้นก็เอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม “พี่เขย ท่านจะเหนื่อยบ้างก็สมควรแล้ว เพราะต้นโอ๊กเหล่านี้จะเป็นสินเดิมของบุตรสาวคนโตตระกูลหลิน ! ”

เมื่อบุตรสาวคนโตได้ยินเช่นนั้นก็หน้าแดงด้วยความเขินอาย หลังถลึงตาใส่น้องสาวแล้วนางก็รีบวิ่งไปทางหลังบ้าน ฮ่าฮ่า คนสมัยก่อนเขินง่ายเกินไปแล้วกระมัง ?

เผิงหยูเหยี่ยนมองต้นโอ๊กสูงใหญ่ด้วยความงุนงง เจ้าพวกนี้จะเป็นสินเดิมหรอกหรือ ? เอาไปทำเครื่องเรือนหรือไร ? คงไม่ใช่หรอกกระมัง ? ถ้าเอาไปทำเครื่องเรือนก็ควรนำไปตัดก่อน พอแห้งแล้วถึงจะเอามาทำได้ไม่ใช่หรือ ?

สมองของหนอนหนังสือค่อนข้างแตกต่างจากคนธรรมดาอยู่บ้าง ทันใดนั้นเขาก็เริ่มมีความคิดแปลกใหม่ผุดขึ้นมาจึงกล่าวพึมพำว่า “ต้นไม้พวกนี้คงไม่ใช่ต้นไม้เรียกทรัพย์ใช่หรือไม่ ? ”

หลินเว่ยเว่ยหันไปมองเขาแล้วขยิบตาอย่างขี้เล่น “พี่เขย ท่านฉลาดมาก วันหน้าต้นไม้พวกนี้จะเป็นต้นไม้เรียกทรัพย์ ! มันจะทำเงินได้อย่างมหาศาล ! ”

1 ก้งย่วน คือ สถานที่จัดสอบขุนนางส่วนภูมิภาคในสมัยจีนโบราณ

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

Status: Ongoing
นักศึกษาเรียนดีจากวิทยาลัยเกษตรทะลุมิติมาเป็นเด็กสาวชาวนาผู้โง่เขลาและมีนิสัยป่าเถื่อน บิดาก็ตาย มารดาก็อ่อนแอ น้องชายดันมาตีตัวออกห่าง ส่วนพี่สาวก็มักจะคิดว่าเธอเป็นภาระเสมอ แต่โชคดีที่เธอมีมิติน้ำพุวิญญาณอยู่ในมือ เธอทั้งกลายเป็นนักล่าหมูป่า ทำให้ฝูงหมาป่าตกใจ ใช้น้ำพุวิญญาณมาปลูกพืชพันธุ์จนได้ผลผลิตดีงาม ทำสวนก็ได้ผลผลิตดี เลี้ยงสัตว์ก็เติบโต ไหนจะเสน่ห์ปลายจวักอีก เด็กโง่เขลาคนนี้นี่แหละจะนำพาทั้งครอบครัวไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองเอง ! ทว่าบัณฑิตหนุ่มหน้าหวานจอมหยิ่งคนข้างบ้านเนี่ย คิดว่าตัวเองหล่อแล้วจะทำอะไรก็ได้หรือไง ? คิดว่าเป็นขุนนางแล้วใครจะทำอะไรไม่ได้หรือ ? สุดท้ายก็ถูกเด็กโง่คนนี้กำราบไม่ใช่หรือไง ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท