ตอนที่ 327 แฮมตระกูลหลินแห่งฉือหลี่โกว
เจ้าหนูน้อยก็ทำตัวเหมือนลูกกระสุนปืนใหญ่คือพุ่งออกมาจากบ้านแล้วเข้าไปเดินวนรอบกายหลินเว่ยเว่ยประมาณ 2-3 รอบ ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ข้างเกวียนแล้วใช้นิ้วจิ้มจมูกเจ้าหมูตัวอ้วน เมื่อเจ้าหมูที่น่าสงสารตื่นจากภวังค์แล้ว มันก็กรีดร้องด้วยความตกใจ ตอนนี้คนทั้งหมู่บ้านจึงได้รู้ว่าตระกูลหลินซื้อหมูตัวเป็น ๆ มา !
หลินเว่ยเว่ยนำเกวียนเข้ามาจอดในลานบ้าน ส่วนหมูสองตัวก็นำไปไว้ที่คอกแพะหลังบ้าน เจ้าหนูน้อยเอาหญ้ากระต่ายมาแกล้งหมู ทั้งสองตัวเบียดกันอยู่ตรงมุมหนึ่งของคอกแพะด้วยความสั่นเทา
เจ้าหนูน้อยถามว่า “พี่รองจะเชือดหมูสองตัวเลยหรือ ? เอาขาหมูมาทำแฮมจินหัวได้หรือไม่ ? ”
“เจ้าคิดว่าพี่รองทำเป็นทุกอย่างหรือ ! แฮมจินหัวมีสูตรลับของมัน ถ้าใครทำเลียนแบบออกมาได้ มันจะยังโด่งดังเช่นนี้อยู่หรือไม่ ? แต่ถ้าเจ้าชอบกินแฮม พวกเราสามารถทำ ‘แฮมตระกูลหลินแห่งฉือหลี่โกว’ ได้ ! ” หลินเว่ยเว่ยเกาจมูกน้อย ๆ ของน้องชาย
“ดี ดีมากเลย ! เช่นนั้นทำ ‘แฮมตระกูลหลินแห่งฉือหลี่โกว’ ทำสองขา…ขาเดียวไม่พอกิน ! ” ในสายตาของเจ้าหนูน้อยคือหมูตัวอ้วนกลายเป็นแฮมจากขาหมูแสนอร่อยไปแล้ว
“ได้ ! เราทำสองขา ! แฮมยิ่งปล่อยไว้นานเท่าไร รสชาติก็ยิ่งเข้มข้น ส่วนแฮมจินหัวที่คุณชายลู่ส่งมาให้คราวก่อน อย่างน้อยก็น่าจะเก็บได้นานไม่ต่ำกว่า 2 ปี ! ”
“ว่าอย่างไรนะ ? ปล่อยไว้สองปี มันจะไม่เสียหรือ ? ” เจ้าหนูน้อยเบิกตากว้างทันใด
หลินเว่ยเว่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “แฮมที่มีคุณภาพสูงสามารถเก็บไว้ได้หลายปีเชียวล่ะ ! ”
เจ้าหนูน้อยยังถามอีก “ถ้าหมักตอนนี้จะได้กินเมื่อใด ? ”
“อย่างน้อยก็ครึ่งปี ! เจ้าแมวตะกละตัวน้อย เจ้าจะต้องอดทนรอหน่อย ! ” หลินเว่ยเว่ยบีบใบหน้าที่กำลังตกตะลึงของเขาพร้อมหัวเราะออกมา
หลังกินข้าวเย็นเสร็จแล้ว หลินเว่ยเว่ยก็ให้หลินจื่อเหยียนและเจ้าหนูน้อยไปที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน บ้านท่านหมอเหลียง บ้านซัวถัว บ้านหลิวต้าซวน บ้านพรานหวังแล้วยังมีบ้านหลิวว่ายจื่อเพื่อเชิญพวกเขามากินอาหารจากหมูที่จะเชือดในวันพรุ่งนี้ !
วันรุ่งขึ้น ผู้ชายห้าหกบ้านที่ถูกเชิญมาก็มาถึงอย่างรวดเร็ว พรานหวังเป็นมือเชือดหมู เมื่อก่อนถ้าใครในหมู่บ้านฉือหลี่โกวจะเชือดหมูก็มักมาเรียกเขาไปช่วยทั้งนั้น
พรานหวังและพวกผู้ชายเดินมายังลานหลังบ้าน ขณะมองหมูตัวอ้วนสองตัวนั้นเขาก็ถามว่า “จะเชือดหมูสองตัวนี้พร้อมกันเลยหรือ ? ”
หลินเว่ยเว่ยชี้ไปยังหมูที่ตัวเล็กกว่าหน่อย “เชือดตัวนั้นก่อน ! ส่วนตัวนี้เลี้ยงต่อไปแล้วค่อยเชือดเดือนหน้า ! ”
พรานหวังและผู้ชายอีกหลายคนที่เหลือจึงเริ่มจับหมูตัวนั้นแล้วแบกมายังลานด้านนอก…บ้านปกติทั่วไปจะเชือดที่ลานบ้านตนเอง แต่ลานบ้านตระกูลหลินเป็นสถานที่ใช้ทำอาหาร การเชือดหมูเลอะเทอะเกินไป พวกเขาจึงกลัวจะทำให้พวกนางเสียงาน
พอมีดใบยาวอาบไปด้วยเลือดสีแดงสดแล้ว เสียงร้องเสียดแก้วหูของหมูก็หยุดลง แม่ซัวถัวจึงรีบนำอ่างไปรองเลือดหมูและเริ่มคนเลือดอย่างต่อเนื่อง
ป้ากุ้ยฮวาและมารดาหลิวว่ายจื่อล้างเครื่องในหมูอย่างขยันขันแข็ง พวกนางนำไส้อ่อนหมูออกมาก่อน ส่วนหนึ่งเก็บไว้ทำไส้กรอกเลือด อีกส่วนหนึ่งก็จัดการไว้ทำกุนเชียง
พรานหวังเป็นผู้ถอนขนหมู นี่ถือเป็นงานที่ต้องใช้ทักษะ เขาจับดูว่าน้ำอุ่นพอดีหรือไม่ ก่อนจะพับแขนเสื้อขึ้นแล้วเริ่มแสดงฝีมือ หลังพรมน้ำลงไปสองครั้ง เขาก็ตักถ่านโยนลงไปจำนวนสามพลั่ว ตามด้วยกรวดหิน กาบมะพร้าวและเริ่มงานอย่างชำนาญจนหนังหมูสะอาดเรียบร้อย ได้รับเสียงชื่นชมจากทุกคน
ขณะที่ควันไฟเปลี่ยนจากหนาเป็นบาง หมูตัวอวบขาว อ่อนนุ่มและสะอาดเกลี้ยงก็ปรากฏสู่สายตาทุกคน พรานหวังตบบั้นท้ายเย้ายวนของเจ้าหมูหนึ่งครั้ง ก่อนจะตะโกนออกมาว่า “พี่น้องทั้งหลายรีบลงมือเร็วเข้า”
ต่อจากนั้นงานอันยุ่งเหยิงก็เริ่มต้นขึ้นอีกครา หัวคือหัว เนื้อคือเนื้อ และเครื่องในก็ถูกแยกออกมาเป็นส่วน ๆ
ก่อนจะถึงเทศกาลฤดูหนาวยังเหลือเวลาอีกสองวัน หนึ่งในผู้คนที่มามุงดูก็ถามว่า “นางหนูรอง เจ้าพอจะขายเนื้อหมูตัวนี้ให้บ้านข้าสักชั่งได้หรือไม่ ? พอถึงเทศกาลฤดูหนาวแล้ว ข้าจะได้เอาไปทำไส้เกี๊ยวให้พวกเด็ก ๆ กิน…”
ผู้ใหญ่บ้านพ่นควันจากกล้องยาสูบสองครั้ง เขาเองก็มองไปทางหลินเว่ยเว่ยที่กำลังทำไส้กรอกเลือดอยู่ด้านข้าง สิ่งที่ควรใส่ในเลือดหมูทั้งหมดก็ใส่แล้ว แต่นางยังเติมเครื่องปรุงสูตรลับลงไปอีก ตอนนี้เหลือแค่กรอกส่วนผสมลงไส้อ่อนเท่านั้น ซึ่งงานเหล่านี้พวกแม่ซัวถัวสามารถทำกันเองได้
หลินเว่ยเว่ยได้ยินเช่นนั้นก็ล้างมือให้สะอาดแล้วพูดกับคนที่มามุงดูว่า “หมูตัวอ้วนนี้ น่าจะมีเนื้อประมาณร้อยกว่าชั่งได้ คงแบ่งให้พวกท่านเท่ากันไม่ได้หรอก อย่างมากก็ได้แค่ชั่งสองชั่ง พวกท่านก็อย่าตำหนิกันเลย…”
“ไม่ตำหนิ ไม่ตำหนิเลย ! ” แม่เลี้ยงโก่วเชิ่งเอ๋อร์รีบชี้ไปยังส่วนที่ตนชอบแล้วพูดกับพรานหวังว่า “หั่นตรงนี้ให้ข้า 2 ชั่ง…”
ผู้ใหญ่บ้านขมวดคิ้ว หลังเคาะกล้องยาสูบที่ส้นรองเท้าสองครั้งแล้วก็พูดขึ้นมาเสียงดัง “ช้าก่อน ! พวกเจ้าเลือกเนื้อส่วนดี ๆ ไปหมด แล้วจะให้ตระกูลหลินกินอันใด ? ข้าคิดว่าบ้านละชั่งก็พอแล้ว ให้พรานหวังเป็นคนหั่น ใครอยากได้ก็ซื้อ อย่าเอาแต่เลือกผลประโยชน์ให้ตนเอง แล้วก็เรื่องราคาให้ยึดตามราคาขายเนื้อในเขตเริ่นอัน ! ถ้าใครเรื่องมากหรือคิดว่าราคาสูงเกินไปและอยากเอาเปรียบ เช่นนั้นก็ไปซื้อที่เขตเอง ! ”
พรานหวังและหลินเว่ยเว่ยปรึกษากันครู่หนึ่ง เนื้อดีไม่ดีผสมกัน แบ่งคนละชั่งได้ออกมาเป็น 30 ชุด แม่เลี้ยงโก่วเชิ่งเอ๋อร์และมารดาเจ้าอ้วนซานที่คิดจะเอาส่วนดี ๆ ก็มีสีหน้าหมองคล้ำทันที พวกนางได้แต่เลือกเหมือนทุกคนและจ่ายเงินตามสมควร
ส่วนบ้านที่มีสมาชิกเยอะเช่นบ้านของผู้ใหญ่วัง ลูกหลานรวมกันแล้วมี 10 กว่าคน พวกเขาไม่ได้แยกกันอยู่ ดังนั้นเนื้อหนึ่งชั่งจึงไม่พอให้เด็ก ๆ เคี้ยวเล่นด้วยซ้ำ ครอบครัวเช่นนี้หลินเว่ยเว่ยก็เข้าใจจึงขายให้สองชั่ง
คนเยอะแรงก็มาก พวกเครื่องในส่วนต่าง ๆ ของหมู ไม่ตกมาให้คนตระกูลหลินออกแรงเลย พวกมันถูกทำความสะอาดจนหมด ไส้กรอกเลือดก็กรอกเสร็จแล้ว กุนเชียงก็แขวนอยู่ที่ชายคาบ้านตระกูลหลิน ส่วนในครัวกำลังตุ๋นหมูที่เชือดในวันนี้ กลิ่นหอมหวนนั้นได้ลอยไปไกล…
ยำหมูสามชั้นจานใหญ่ หัวหมูตุ๋นหนึ่งจาน หัวใจหมูทอดหนึ่งจาน ไส้กรอกเลือดตุ๋นผักดองหนึ่งหม้อ เครื่องในต้มหนึ่งหม้อ ( ไส้ ตับ ปอด แล่ให้เป็นแผ่นบาง ๆ ) ผัดเนื้อติดกระดูกหนึ่งจาน…ผู้ชายหนึ่งโต๊ะ ผู้หญิงอีกหนึ่งโต๊ะ ทางฝั่งโต๊ะผู้ชายมีสุราขาว ส่วนฝั่งผู้หญิงมีสุราองุ่น พอพวกเด็ก ๆ กินอิ่มแล้วก็ออกไปวิ่งเล่นกันให้ทั่ว ช่างเป็นบรรยากาศแห่งความสุข…ทำงานหนักมาครึ่งวัน สิ่งที่อยากได้ก็ไม่ใช่ความคึกคัก มีสีสันและมีความสุขเหมือนในเวลานี้หรอกหรือ ?
หลังกินเสร็จแล้ว พวกผู้หญิงและลูกสะใภ้คนอื่นยังช่วยกันล้างถ้วยชามจนสะอาด ลานบ้านก็ถูกเก็บกวาดจนเรียบร้อย พวกนางทำทุกอย่างให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วจึงจะจากไป หลินเว่ยเว่ยยังห่ออาหารที่เหลือให้บ้านละชาม อาหารที่ทำจากหมูที่เชือดในวันนี้ล้วนเป็นอาหารเลิศรสทั้งสิ้น ในชามนี้จึงเต็มไปด้วยเนื้อ ! เมื่อปฏิเสธไม่ได้ พวกป้า ๆ น้า ๆ จึงถือชามกลับไปพร้อมความดีใจ
พอแขกกลับหมดแล้ว คนบ้านตระกูลหลินก็หันมามองหน้ากันไปมาเหมือนไม่มีที่ให้พวกตนต้องใช้แรงอีก ขณะมองเนื้อหมู 70-80 ชั่ง ซี่โครงหมู กระดูกหมู เท้าหมูแล้วยังมีขาหลังหมูที่เหลืออีกสองข้าง หลินเว่ยเว่ยก็พับแขนเสื้อขึ้น “ถึงเวลาที่ข้าจะแสดงฝีมือแล้ว ! น้องสี่ พี่รองจะหมักขาหมูให้เจ้า ! ”
นางหวงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เจ้านี่นะ ! ว่างไม่ได้เลย ! ”
แววตาเจ้าหนูน้อยเปล่งประกายด้วยความดีใจ วันนี้วังตงเฉียงและเสี่ยวถู่โต้วก็มากินข้าวที่บ้านด้วย เด็กทั้งสามคนกินจนปากมันแผลบและได้เล่นกันอย่างสนุกสนาน ! ขณะมองพี่รองทาเกลือบนขาหมูชั้นแล้วชั้นเล่า เจ้าหนูน้อยก็อดถามไม่ได้ว่า “พี่รอง บ้านเราจะทำอาหารจากหมูเชือดสด ๆ ครั้งต่อไปเมื่อใดหรือ ? ”
“อาหารจากหมูเชือดสดอร่อยถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ? ทำให้เจ้าเพิ่งกินเสร็จก็อยากกินใหม่อีก” หลินเว่ยเว่ยถาม “หรือฝีมือพวกป้า ๆ กับพี่สะใภ้เหล่านั้นอร่อยกว่าฝีมือพี่รอง ? ”