ตอนที่ 393 บัณฑิตน้อยเป็นสตรีในชุดบุรุษ?
หลินชิงหยูกำลังจะเอ่ยปฏิเสธอย่างสุภาพ แต่น้องสาวตัวแสบกลับยื่นมือไปรับขนมอย่างว่องไวแล้วฉีกยิ้มจนหน้าบาน “ไม่รังเกียจ ไม่รังเกียจเลย…ขอบคุณพี่ชายหลินเว่ยมาก ! ”
หลินชิงหยูหันไปถลึงตาใส่นางแล้วหันไปมองหลินเว่ยอย่างหวาดระแวง…เจ้าหมอนี่ ไม่เรียนหนังสือ ไม่เอาวิชาความรู้ แต่มาหลงมัวเมาอยู่กับอาหาร แค่มองก็รู้ว่าเป็นคนไม่เอาไหน ไม่คิดจะพัฒนาตนเอง มีใครบ้างที่มอบของกินให้คนอื่นตั้งแต่แรกพบ ? คงไม่ได้มีเจตนาแอบแฝงหรอกกระมัง ?
พอหันไปมองน้องสาวคนเล็ก ปีนี้นางมีอายุ 13 ปีแล้วก็จริง แม้จะยังดูโง่เขลาแต่รูปร่างหน้าตาก็ถือว่าไม่เลว…ไม่ได้การ เขาจะต้องดูแลน้องสาวสุดใสซื่อให้ดี ไม่อย่างนั้นได้โดนคนล่อลวงไปแน่ !
หลินชิงหยูมองหลินเว่ยตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแล้วจงใจถามว่า “คุณชายหลินเว่ยก็มาเข้าร่วมการสอบในปีนี้ด้วยหรือ ? สอบผ่านเซี่ยนซื่อหรือยัง ? คิดว่าจะผ่านระดับฝู่ซื่อหรือเปล่า ? ปีนี้มีแผนจะสอบเยวี่ยนซื่ออย่างไร ? ”
หลินเว่ยเว่ยตอบด้วยรอยยิ้ม “พี่หลินเข้าใจผิดแล้ว ข้ามาเป็นเพื่อนบัณฑิตคนอื่นเท่านั้น” ทำไมหรือ ? กำลังสอดรู้สอดเห็นหรือไร ! ท่าทางอะไรของเจ้า ? เหยียดหยามกันนี่ ? เจ้าสอบได้แล้วมันสุดยอดมากนักหรือ? เจ้าสอบเซี่ยนซื่อผ่านแล้วอย่างไร ? เจ้า…เจ้ารอก่อนเถิด ข้าจะให้บัณฑิตน้อยปราบเจ้า เจอกันที่สนามสอบ !
หลินฉานเอ๋อร์ใช้นิ้วจิ้มหลังพี่สี่เพื่อเตือนเขาว่าให้พอได้แล้ว พี่ชายหลินเว่ยเป็นคนดี อย่าไปผิดใจด้วยเลย !
นางครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะสามารถเปลี่ยนหัวข้อสนทนาได้ ทันใดนั้นนางก็หันไปเห็นใบหน้าอันงดงามของเจียงโม่หาน นางรู้สึกประหลาดใจทันที ก่อนจะกระซิบถามหลินเว่ยเว่ยว่า “พี่ชายหลินเว่ย ด้านข้างของท่านนี้…คงไม่ใช่สตรีในชุดบุรุษหรอกกระมัง ? ปลอมตัวไม่เหมือนบุรุษเลยสักนิด ! น่าจะทาผิวให้คล้ำอีกหน่อยแล้วก็เขียนคิ้วให้เข้มขึ้นอีกนิด…”
หลินเว่ยเว่ยรู้ว่าบัณฑิตน้อยหูดีกว่าคนทั่วไป พอหันไปมองก็พบว่าใบหน้าหล่อเหลานั้นดูมืดมนทันตา นางหัวเราะเสียงดังลั่นในใจ แต่ปากก็ช่วยอธิบายแทนคู่หมั้นว่า “ไม่ใช่หรอก เจ้าเข้าใจผิดแล้ว เขาก็แค่หน้าตาดีมากไปหน่อยเท่านั้น แต่เป็นชายแท้แน่นอน เรื่องนี้ข้ารับประกันได้ ! ”
เจียงโม่หานเหลือบมองนางด้วยสีหน้าที่ยังดูไม่ค่อยดี…เจ้าจะรับประกันอย่างไร ? เจ้าเคยเห็นหรือเคยจับมาแล้วล่ะ ?
หลินเว่ยเว่ยกะพริบตากลมโต…คราวนั้น ตอนที่กายแนบชิดกันตรงหน้าผา ทั้งสองอยู่ใกล้กันขนาดนั้นแล้วยังมีส่วนไหนที่นางยังไม่เคยสัมผัส ? เฮ้อ…เลิกคิด เลิกคิดเดี๋ยวนี้ มันทำให้นางเริ่มเขินอายแล้ว…
หลินฉานเอ๋อร์เปิดปากสีผลอิงเถาขึ้นเล็กน้อย นางพูดด้วยน้ำเสียงแสนเสียดายปนตื่นเต้น “ไอหยา ! น่าเสียดายใบหน้าเช่นนี้จริง ๆ ถ้าเขาใส่ชุดสตรีก็คงเป็นหญิงงามล่มเมืองแน่นอน…”
เจียงโม่หานแค่นเสียงดัง ฮึ แล้วตัดบทสนทนาของอีกฝ่าย “กู่เหนียงท่านนี้เอ่ยวิจารณ์บุรุษซึ่งหน้า เห็นว่ามีมารยาทแล้วหรือ ? เหมาะสมหรือไม่ ? ”
หลินเว่ยเว่ยแสร้งทำเป็นตกใจ “กู่เหนียง ? น้องหลิน เจ้า…”
หลินฉานเอ๋อร์พูดด้วยความเขินอายทันที “พี่ชายหลินเว่ย ข้าไม่ได้ตั้งใจหลอกท่าน วันนี้คฤหาสน์ศาสตร์หกแขนงไม่ต้อนรับแขกสตรี ข้าจึงต้องปลอมตัวแล้วให้พี่สี่พาเข้ามา…”
ทันใดนั้นหลินเว่ยเว่ยก็พุ่งเข้าไปกระซิบข้างหูนางว่า “ขอพูดตามตรง ข้าเองก็เหมือนกับเจ้า…”
“เจ้า ! จะพูดก็พูดสิ แต่ช่วยรักษาระยะห่างกับน้องสาวของข้าด้วย ! ” หลินชิงหยูเข้าไปดึงตัวนางออกด้วยความหงุดหงิด…แต่ไม่สามารถดึงออกมาได้ !
เจียงโม่หานเข้าไปจับมือเขาไว้ “จะพูดก็พูด อย่าใช้กำลัง ! ”
พอได้ยินคำพูดนี้แล้ว หลินชิงหยูก็ใจสั่นขึ้นมาทันที ทันใดนั้นเขาก็รีบหันไปมองเด็กหนุ่มที่น้องสาวเรียกว่า ‘พี่ชายหลินเว่ย’ อีกครั้ง อายุไม่น่าจะมาก รูปร่างค่อนข้างเพรียวบาง ใบหน้าหล่อเหลา ยิ้มแล้วดวงตาเป็นเสี้ยวพระจันทร์ มองแล้วน่ารักดี หากมองผิวเผินก็เป็นเด็กหนุ่มยิ้มเก่งคนหนึ่ง แต่ถ้ามองให้ดีแล้ว…แท้จริงก็เหมือนน้องสาว นางเป็นสตรี !
เขารีบชักมือกลับแล้วถอยออกไปสองก้าว จากนั้นก็กลับไปยืนข้างน้องสาว ก่อนจะหันไปมองบัณฑิตรูปงามที่กำลังมองเขาด้วยความไม่พอใจอยู่ข้าง ๆ ‘นาง’ …คนผู้นี้…คงไม่ใช่สตรีในชุดบุรุษหรอกกระมัง ?
น้องสาวใช้ข้อศอกกระทุ้งเอวเขาสองครั้ง เมื่อหันไปมองก็พบว่าหลินฉานเอ๋อร์กำลังขยิบตาให้และพูดเบา ๆ ว่า “พี่สี่ ท่านกำลังมองเขาตาไม่กะพริบ คงไม่ได้เห็นเขารูปโฉมงดงามแล้วคิดอะไรเกินเลยใช่หรือไม่ ? ท่านตัดใจเสียเถิด เขาเป็นบุรุษ ! พี่สี่ ท่านคงไม่ได้มีความคิดแบบชายรักชาย…”
“หุบปาก ! ถ้ายังพูดจาสิ้นคิดอยู่แบบนี้ ระวังข้าจะกลับไปฟ้องท่านแม่ว่าให้กักบริเวณเจ้า ! ” หลินชิงหยูเห็นเจียงโม่หานขมวดคิ้วจึงแทบอยากเอาเข็มมาเย็บปากน้องสาวไว้…วันนี้ไม่ควรพานางมาด้วยจริง ๆ
หลินฉานเอ๋อร์โยนเวเฟอร์ไส้ครีมชิ้นหนึ่งเข้าปากแล้วแค่นเสียง ฮึฮึ “ถ้าจะโดนลงโทษ ท่านต้องโดนก่อน อย่าลืมว่าท่านเป็นคนพาข้าออกมา ! ”
“เจ้า…ข้าไม่ควรใจอ่อนจริง ๆ ! ” หลินชิงหยูโมโหจนจมูกจะบิดเบี้ยวได้อยู่แล้ว น้องสาวตัวแสบและแสนดื้อ แม้ว่าต่อไปนางจะคุกเข่าอ้อนวอน เขาก็จะไม่พานางไปไหนมาไหนด้วยอีกแล้ว !
หลินเว่ยเว่ยเห็นพวกเมิ่งจิ่งหงได้พบกับบัณฑิตที่ถูกชะตากันหมดแล้ว นางจึงหันไปมองบุรุษแสนเย็นชาด้านข้างแล้วเข้าไปจิ้มแผ่นหลังเขาเบา ๆ “เหตุใดเจ้าไม่ไปพูดคุยกับคนอื่นบ้าง ? ”
เจียงโม่หานตอบกลับ “มีอะไรให้คุย ? คุยเรื่องบทกวีหรือบทความ ? หรือคุยเรื่องดนตรีหมากล้อมอักษรและภาพวาดดีล่ะ ? ”
ทำไม ? หรือว่าทั่วแคว้นแดนเหนือแห่งนี้จะไม่มีบัณฑิตที่เข้าตาเจ้าเลย ? ถ้าคำพูดนี้แพร่ออกไป บัณฑิตน้อยจะไม่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนอวดดีและไม่สนโลกหรืออย่างไร ?
เฮ้อ ! บัณฑิตน้อยดีหมดทุกอย่าง ติดแค่นิสัยหยิ่งทะนงเท่านั้นที่ทำให้ผิดใจกับคนอื่นง่าย ! หลินเว่ยเว่ยคิดว่าภารกิจของนางยังอีกยาวไกล…ต้องช่วยสานสัมพันธ์กับคนอื่นแทนคู่หมั้น !
ทว่าจ้าวหลินเฟิงที่ตัวอ้วนและสูงคนนี้ก็ดูเหมือนจะไม่รังเกียจความเฉยชาของบัณฑิตน้อย ตรงกันข้ามยังอยากแลกเปลี่ยนความรู้มากกว่า ตอนแรกยังคิดอยากเข้าสังคมเท่านั้น แต่ยิ่งคุยด้วยแล้ว จ้าวหลินเฟิงก็ยิ่งประหลาดใจ…ประหลาดใจในความรู้และความเข้าใจโลกของบัณฑิตรูปงามคนนี้ โดยเฉพาะความเข้าใจในการดำเนินชีวิตและยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้านอื่นอีก ทำให้อดนับถือไม่ได้เลย
ในสายตาของหลินเว่ยเว่ยคือบัณฑิตที่ดูไม่เหมือนปัญญาชนคนนี้น่าจะ ‘ไม่กลัวสายตาคนอื่น’ เพราะบัณฑิตน้อยชอบเมิน แต่เขาไม่ยอมถอยหนีแม้แต่ก้าวเดียว ตรงกันข้ามคือยังอยากเข้าหามากกว่าเดิม แบบนี้ก็ดี มีบัณฑิตคอยถามโน้นถามนี่กับเจียงโม่หาน อย่างน้อยในงานรวมตัวแบบนี้ก็จะไม่ดูแปลกแยกเสียทีเดียว
ตอนงานแข่งขันใกล้จบลง จ้าวหลินเฟิงก็เห็นเจียงโม่หานเป็นทั้งอาจารย์และสหายไปแล้ว…เข้าใจแล้วว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงหยิ่งทะนงขนาดนี้ ก็เพราะมีสิทธิ์ที่จะหยิ่งไงเล่า ! คงไม่ชอบความเสแสร้งในที่นี้ด้วยกระมัง ?
ดูเจียงโม่หานสิ มีความรู้กว้างขวางแต่กลับทำตัวนอบน้อมในงานแข่งขันกวี ตรงกันข้ามกับตนที่ได้สามอันดับแรกมาครอง แต่ยังทำตัวเป็นเหมือนตัวตลก…เป็นอย่างที่คิดว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือโลกหล้ายังมีคน…
เดิมทีจ้าวหลินเฟิงยังค่อนข้างกังวลอยู่ แต่ท้ายที่สุดเขาก็เริ่มกลับมาสงบได้เหมือนเดิม เขาถามด้วยรอยยิ้ม “วันนี้ได้พูดคุยกับน้องชายจึงทำให้ข้าคิดได้ไม่น้อย ไม่ทราบวันหน้าพอจะมีโอกาสขอคำชี้แนะจากน้องเจียงได้อีกหรือไม่ ? ”
เจียงโม่หานมีสีหน้าเรียบเฉย เขาเอ่ยปฏิเสธโดยไม่คิดแม้แต่น้อย “ไม่สะดวก ! ”
เจ้าอ้วนคนนี้ไม่ได้เป็นอะไรกับเขาเสียหน่อย เหตุใดต้องเปลืองแรงไปชี้แนะด้วย ? มองจากความรู้ของอีกฝ่ายย่อมสอบติดซิ่วไฉได้อย่างไม่มีปัญหา แล้วยังอยากได้อะไรอีก ? ชิงตำแหน่งก้งหยวน (สอบได้อันดับที่หนึ่งในการสอบระดับเมืองหลวง) น่ะหรือ ? น่าเสียดาย เพราะหากไม่มีข้าอยู่ บางทีเจ้าอาจจะมีโอกาส…