หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง – ตอนที่ 563 นี่เป็นชะตาชีวิตของเราทุกคน

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 563 นี่เป็นชะตาชีวิตของเราทุกคน

“ฟู่หวางไม่ได้จะสอนวิชาหอกของตระกูลจ้าวให้หรอกหรือ ? ถ้าเช่นนั้นก็ทำหอกสักอันเป็นอย่างไร ? ข้าไปเจอเหล็กนิลชิ้นหนึ่งที่แดนเหนือ นำมาทำอาวุธให้เจ้าก็แล้วกัน ? ”

หมินอ๋องซื่อจื่อนึกถึงเรื่องพละกำลังมหาศาลของนาง ดังนั้นเหล็กธรรมดาไม่มีทางทำให้นางพอใจได้แน่ น้ำหนักของเหล็กนิลมากกว่าเหล็กธรรมดาสามเท่า อาวุธที่ตีออกมาแล้วจะมีเพียงคนที่พละกำลังมหาศาลอย่างน้องสาวเท่านั้นถึงจะใช้ได้ ! หมินอ๋องซื่อจื่ออดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉา…เหตุใดไม่ใช่เขาที่ได้สืบทอดพละกำลังมหาศาลนี้ ? สูญ…สูญเปล่าเกินไปหรือไม่ ?

หลังจากหลินเว่ยเว่ยเติมเต็มความปรารถนาในการเดินซื้อของเสร็จแล้ว นางก็ยังไปที่ถนนหย่งอันเพื่อย้ายซัวถัวและหยาเอ๋อร์ออกมา นางเตรียมให้หยาเอ๋อร์ไปอยู่ข้างกายหนิงตงเซิ่งเพื่อให้เรียนรู้และสั่งสมประสบการณ์ดูแลร้าน ส่วนซัวถัวส่งไปอยู่ข้างกายพ่อบ้านตำหนักหมินอ๋อง แต่จะเรียนรู้ได้มากขนาดไหนก็ต้องดูที่สติปัญญาของเขา เพราะถ้าเขามาอยู่รับใช้ข้างกายเจียงโม่หาน ไม่เพียงต้องวิ่งไปทำธุระต่าง ๆ ทว่างานที่ต้องผูกสัมพันธ์กับคนอื่น เขาก็จำเป็นต้องเรียนรู้ !

เมื่อกลับมาถึงตำหนักหมินอ๋อง บนโต๊ะของหลินเว่ยเว่ยก็มีเทียบเชิญกองอยู่อีกครั้ง หลินเว่ยเว่ยไม่ชอบติดต่อกับพวกสตรีสูงศักดิ์เหล่านั้น แต่ละคนเป็นยอดฝีมือในจวนตัวเอง หูตาเยอะราวกับสับปะรด ปากหวานก้นเปรี้ยว ทำตัวเหนือกว่าเป็นครั้งคราว…นกขมิ้นที่ถูกขังอยู่ในกรง จะมีอะไรน่าภาคภูมิใจ ?

หลังพลิกดูแล้วนางก็พบชื่อที่คุ้นเคยอยู่หนึ่งชื่อ…โม่ชิงหลี ? นี่ไม่ใช่สาวน้อยน่ารักที่นั่งเรือลำเดียวกับนางมาหรือ ? ดั่งคำกล่าวที่ว่า ‘สร้างบุญร่วมกันร้อยปีร่วมลงนาวา’ นิสัยของสาวน้อยเข้ากับนางได้ หลินเว่ยเว่ยจึงเลือกเทียบเชิญนี้ออกมาแล้วพูดกับชุนซิ่ง “ให้คนตอบรับเทียบเชิญตำหนักหนิงอ๋อง บอกว่าช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ข้ามีเวลาว่าง”

ชุนซิ่งคิดในใจ ‘ท่านไม่ได้รับปากองค์หญิงเจียวเจียวไว้ว่าพรุ่งนี้จะทำขนมด้วยกันหรือ ? แล้วก็…หนิงอ๋องเป็นสายเลือดของราชวงศ์ก่อน จวิ้นจู่คบหากับจวิ้นจู่น้อยของพวกเขาแล้วจะเหมาะสมหรือ ? ’

ในเวลานี้หนิงหวางเฟยกำลังกล่อมบุตรสาวที่โมโหมารดาอย่างพระนางอยู่ “หลีเอ๋อร์ ถ้าหลินกู่เหนียงยังเป็นท่านอาที่นั่งเรือลำเดียวกับเรามาคนนั้น เจ้าส่งเทียบเชิญไปหา นางก็อาจมาเยี่ยมที่บ้านและแม่ก็จะไม่ห้ามเจ้าด้วย แต่ตอนนี้นางเป็นถึงบุตรสาวตำหนักหมินอ๋อง มิหนำซ้ำฮ่องเต้ยังแต่งตั้งนางเป็นองค์หญิงอีก เกรงว่าเทียบเชิญของเจ้า จะไปไม่ถึงมืออาหญิงหลิน…”

โม่ชิงหลีหันหลังให้พลางปาดน้ำตาและพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น “เหตุใด เหตุใดฟู่หวางต้องยกที่ดินศักดินาคืนราชสำนัก ? เหตุใดพวกเราต้องมาที่เมืองหลวงแล้วต้องทำตัวเหมือนอยู่ในคุกทุกวัน ? โดนกักบริเวณอยู่ในตำหนักเช่นนี้ เหตุใดลูกจึงไม่มีสิทธิ์เลือกคบหาสหาย ? ทั้งหมดนี้เป็นเพราะอะไรเพคะ ? ”

พอหนิงหวางเฟยได้ยินแบบนั้นก็ปวดหทัยขึ้นมาทันที นางดึงตัวบุตรสาวเข้ามาในอ้อมอก “ผู้ใดใช้ให้เราแซ่โม่ ? นี่เป็นชะตาชีวิตของเราทุกคน ! ”

หนิงอ๋องกุมพระอุระพลางดำเนินเข้ามาจากด้านนอก หลังกระแอมไอออกมาแล้วก็ตรัสกับหนิงหวางเฟยว่า “จะพูดเรื่องพวกนี้กับลูกทำไม ? ฮ่องเต้ไม่ได้จำกัดอิสรภาพของพวกเราเสียหน่อย เจ้าหาเวลาพาหลีเอ๋อร์กับหยูเอ๋อร์ไปที่วัดต้าเจวี๋ยบ้าง ดอกเหมยที่เนินเขาด้านหลังวัดกำลังบานสะพรั่ง เหมาะให้พวกเด็ก ๆ ได้ผ่อนคลาย เด็กชอบความสนุกสนาน อย่าเอาแต่กักพวกเขาไม่ให้ออกไปไหน ! ”

หนิงหวางเฟยครุ่นคิด “มันจะไม่สร้างผลกระทบร้ายแรงต่อพระองค์และตำหนักจริงหรือเพคะ ? ”

“ตอนนี้ข้ามีบรรดาศักดิ์อ๋องแค่ในนาม แล้วจะมีผลกระทบอะไรได้ ? อย่างมากสุดก็แค่โดนถอดยศอ๋องออกจากตัวเท่านั้น ! เจ้าไม่ต้องคิดมากหรอก ! เราเสนอจะคืนที่ดินศักดินาเองและยังไม่ได้ถูกจับตัวกลับมาที่เมืองหลวงด้วย แล้วจะกังวลอะไร ? ” หนิงอ๋องเริ่มไออีกรอบ

หนิงหวางเฟยรีบเข้ามาประคองให้นั่งลง จากนั้นก็รินน้ำชาร้อน ๆ ให้จิบเพื่อความชุ่มคอ “โรคของพระองค์ยังไม่หายขาดแล้วจะออกไปไหนได้อย่างไร ? ถ้าตากลมหนาวอีกก็ไม่เกิดผลดีตามมาเลยเพคะ”

หนิงอ๋องจิบชาหนึ่งอึก หลังวางถ้วยชาลงแล้วก็ตรัสต่อด้วยรอยยิ้ม “เจ้าไม่คิดว่าข้าดีขึ้นมากแล้วหรือ ? เจ้าคิดดูสิ ระหว่างทางมาเมืองหลวงนี้ลำบากยากเข็ญกันถึงขนาดนั้น แต่อาการป่วยของข้าไม่กำเริบเลยสักครั้ง เมื่อก่อนพอเข้าฤดูหนาวแล้วก็ต้องป่วยหนักถึงหลายครา หากล้มป่วยจนนอนติดเตียงก็ต้องใช้เวลาครึ่งเดือนขึ้นไป แต่ปีนี้กลับมีอาการเล็ก ๆ น้อย ๆ เพียงครั้งเดียว พอกินยาแล้วก็อาการดีขึ้นเร็วมาก บางทีเมืองหลวงอาจเป็นสถานที่ถูกโฉลกกับข้า ครั้งนี้พวกเราทำถูกแล้ว ! ”

โม่ชิงหลีเข้ามาหาหนิงอ๋องแล้วนั่งลงข้างบิดาอย่างเชื่อฟัง ดวงตากลมใสจับจ้องพระองค์ด้วยความหวัง “ฟู่หวาง ลูกไปเล่นกับอาหญิงหลินได้หรือไม่เพคะ ? ”

หนิงอ๋องไม่อยากทำให้นางผิดหวังจึงลูบศีรษะนางแล้วตรัสว่า “เจ้าไม่ได้ส่งเทียบเชิญไปที่ตำหนักหมินอ๋องแล้วหรือ ? พออาหญิงหลินของเจ้าเห็นแล้ว นางจะต้องตอบรับเทียบเชิญแน่นอน…”

โม่ชิงหลีมุ่ยปาก “แต่หมู่เฟยตรัสว่าเทียบเชิญของลูกอาจไปไม่ถึงมืออาหญิง…แล้วหมู่เฟยยังตรัสว่าช่วงหลายวันที่นางกลับไปอยู่ตำหนักหมินอ๋อง นางไม่ตอบรับเทียบเชิญของใครสักคน นางจะโดนหมินอ๋องและพระชายากักบริเวณอยู่ในตำหนักหรือไม่เพคะ ! ”

หนิงหวางเฟยคาดเดา “องค์หญิงเว่ยเว่ยกำลังเรียนรู้กฎและมารยาทอยู่ในตำหนักหรือเปล่า ? ”

หนิงอ๋องแย้มโอษฐ์ “เจ้าคิดว่าคนแข็งกระด้างอย่างหมินอ๋องจะให้ความสำคัญกับกฎระเบียบหรือ ? เขาเพิ่งตามหาบุตรสาวเจอ แล้วจะทำใจกักบริเวณนางลงหรือไร ? หลินกู่เหนียงคนนั้นมีความคิดเป็นของตัวเอง บางทีนางอาจไม่ชอบเข้าสังคมกับเจ้าของเทียบเชิญเหล่านั้นก็ได้ ? ”

“ทูลท่านอ๋อง พระชายา ข้ารับใช้ตำหนักหมินอ๋องตอบกลับเทียบเชิญมาพ่ะย่ะค่ะ…” พ่อบ้านที่ดูแลธุระภายนอกได้รับเทียบเชิญแล้วจึงรีบมาส่งให้เจ้านาย หนิงอ๋องกลับมาอยู่ตำหนักเดิมได้หนึ่งเดือนกว่าแล้ว แต่นี่เป็นเทียบเชิญฉบับแรกที่ได้รับ ! สำคัญที่สุดคือเป็นเทียบเชิญตอบกลับจากตำหนักหมินอ๋อง ! !

พอโม่ชิงหลีได้ยินแบบนั้นก็ลุกขึ้นมากระโดดโลดเต้นและตะโกนด้วยความดีใจ “ต้องเป็นอาหญิงหลินตอบรับเทียบเชิญลูกมาแน่ ! วิเศษไปเลย อาหญิงหลินเห็นเทียบเชิญของลูก ! เร็ว รีบเอาเทียบเชิญมาให้ข้า ! ”

สาวน้อยรีบวิ่งมาหาพ่อบ้าน หลังแย่งเทียบเชิญมาแล้วก็รีบเปิดอ่าน ใบหน้าที่เคยมืดมนพลันจางหาย นางวิ่งรอบห้องด้วยความดีใจ “วิเศษไปเลย ! อาหญิงหลินเชิญลูกไปเล่นที่ตำหนักของนางวันพรุ่งนี้เพคะ ! ยังบอกว่าจะสอนลูกทำขนมด้วย ! หืม ! ! องค์หญิงเจียวเจียวก็มาด้วยเพคะ ! ฟู่หวาง หมู่เฟย พวกพระองค์คิดว่าเราควรเตรียมของขวัญอะไรให้อาหญิงหลินเพคะ ? ”

องค์หญิงเจียวเจียว ? องค์หญิงน้อยเพียงหนึ่งเดียวของฮ่องเต้ ? หากบุตรสาวคบหากับองค์หญิงเว่ยเว่ยแล้ว ต่อไปเวลาเข้าร่วมงานเลี้ยงของพวกสตรีทั้งหลายก็จะไม่โดนดูถูก วิพากษ์วิจารณ์และโดดเดี่ยว !

หนิงอ๋องและหนิงหวางเฟยหันมามองหน้ากัน ในใจรู้สึกขอบคุณองค์หญิงติดดินผู้นี้มาก หนิงหวางเฟยลุกขึ้นแล้วตรัสกับบุตรสาวว่า “ไป ไปที่เรือนของเจ้า แม่จะช่วยเลือกเสื้อผ้าให้เจ้าเอง”

โชคดีที่ตอนเพิ่งกลับถึงเมืองหลวง นางเย็บเสื้อผ้าใหม่ให้บุตรสาวสองสามชุดและทำเครื่องประดับใหม่ไว้บ้าง ถ้าใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ ไปตำหนักหมินอ๋อง จะต้องเป็นการเสียมารยาทแน่นอน !

โม่ชิงหยูได้ยินว่าหมู่เฟยจะไปเรือนพี่สาว เขาจึงรีบซอยขาสั้น ๆ ติดตามพวกนางไปด้วย สาวใช้และแม่นมที่อยู่ข้างหลังรีบพูดเตือนไม่หยุดปาก “ท่านชายน้อย เดินช้าหน่อยเจ้าค่ะ ! ประเดี๋ยวจะลื่นล้มเอาได้ ! ”

หลังจากได้ทราบว่าโม่ชิงหลีจะไปพบอาหญิงหลินที่ตำหนักหมินอ๋องและยังได้ทำขนมด้วยกัน โม่ชิงหยูก็เกิดความคิดถึงรสชาติแสนอร่อยของขนมบนเรือ เขารีบเข้าไปออดอ้อนหนิงหวางเฟยทันที “หมู่เฟย ลูกเองก็อยากจะไปที่ตำหนักหมินอ๋องด้วย พาลูกไปด้วยคนได้หรือไม่ ? ”

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

Status: Ongoing
นักศึกษาเรียนดีจากวิทยาลัยเกษตรทะลุมิติมาเป็นเด็กสาวชาวนาผู้โง่เขลาและมีนิสัยป่าเถื่อน บิดาก็ตาย มารดาก็อ่อนแอ น้องชายดันมาตีตัวออกห่าง ส่วนพี่สาวก็มักจะคิดว่าเธอเป็นภาระเสมอ แต่โชคดีที่เธอมีมิติน้ำพุวิญญาณอยู่ในมือ เธอทั้งกลายเป็นนักล่าหมูป่า ทำให้ฝูงหมาป่าตกใจ ใช้น้ำพุวิญญาณมาปลูกพืชพันธุ์จนได้ผลผลิตดีงาม ทำสวนก็ได้ผลผลิตดี เลี้ยงสัตว์ก็เติบโต ไหนจะเสน่ห์ปลายจวักอีก เด็กโง่เขลาคนนี้นี่แหละจะนำพาทั้งครอบครัวไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองเอง ! ทว่าบัณฑิตหนุ่มหน้าหวานจอมหยิ่งคนข้างบ้านเนี่ย คิดว่าตัวเองหล่อแล้วจะทำอะไรก็ได้หรือไง ? คิดว่าเป็นขุนนางแล้วใครจะทำอะไรไม่ได้หรือ ? สุดท้ายก็ถูกเด็กโง่คนนี้กำราบไม่ใช่หรือไง ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท