ตอนที่ 611 คนโง่มักกระเป๋าหนัก
หลังออกจากที่ว่าการอำเภอแล้ว หลินเว่ยเว่ยก็ตรงไปที่คอกเลี้ยงวัวทันที ตอนนี้คอกวัวเป็นแค่เพิงไม้ธรรมดาเท่านั้น คอกวัวกำลังสร้างเหมือนคอกหมูและคอกกระต่าย โดยพวกมันถูกสร้างโดยอิฐ…ชาวบ้านที่อยู่รอบ ๆ ต่างพูดอย่างติดตลกว่า ‘คอกเลี้ยงวัวของที่ว่าการอำเภอยังดีกว่าบ้านของคนมากโข ! บ้านเรือนในอำเภอหนิงซีต่างสร้างด้วยดินทั้งนั้น และนับตั้งแต่ภรรยานายอำเภอคนปัจจุบันเข้ามาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องหางานทำอีกแล้ว’
เนื่องจากภรรยานายอำเภอคนปัจจุบันยังทุ่มเงินซื้อต้นลูกท้อ ต้นสาลี่ ต้นผลซิ่ง เถาองุ่น ต้นซานจาและต้นผลไม้อื่น ๆ อย่างมากสุดก็ปลูกไปสามปีถึงจะออกผลให้เห็น ด้วยเหตุนี้พวกชาวบ้านจึงพากันขุดต้นผลไม้ที่ไม่ออกผลในบ้าน หรือต้นที่ให้ผลรสชาติไม่ดีออกมาทั้งหมด เพื่อลองดูว่าพวกมันจะหาเงินกลับเข้าบ้านได้หรือไม่
คาดไม่ถึงว่าภรรยานายอำเภอจะไม่ปฏิเสธ เพราะไม่ว่ารสชาติอย่างไรก็รับซื้อไว้ทั้งหมด…จนมีคนนินทาลับหลังนางว่า ‘คนโง่มักกระเป๋าหนัก’ ผ่านไปไม่นาน ในสวนผลไม้ของหลินเว่ยเว่ยก็มีต้นผลไม้มากกว่า 200 ต้นแล้ว ซึ่งในบรรดาพวกมันดูเหมือนต้นลูกท้อ ต้นสาลี่และต้นผลซิ่งจะมีมากที่สุด
ขณะมองต้นผลไม้ที่ยืนต้นคดเคี้ยวไปมาต้นแล้วต้นเล่า หลิวว่ายจื่อก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “นายหญิง ต้นไม้พวกนี้พอเห็นก็รู้แล้วว่ารสชาติไม่ดี แล้วรับซื้อมาทำไมหรือ ? ”
“รสชาติไม่ดีก็เอาไปทำผลไม้อบแห้งหรือผลไม้เชื่อมในโถกระเบื้องเคลือบได้ ! ” หลินเว่ยเว่ยคำนวณไว้ในใจแล้วว่าฤดูใบไม้ผลิปีหน้าจะต้องตอนกิ่งส่วนหนึ่งให้เสร็จ ส่วนที่ออกผลแล้วก็ส่งไปที่โรงงานแปรรูป แค่นี้กิ่งตอนชุดแรกก็น่าจะออกผลได้ในอีกสามปีข้างหน้า นอกจากนี้นางไม่เชื่อว่าผลไม้ที่รดด้วยน้ำพุวิญญาณจะมีรสชาติแย่ ! ผลไม้ในห้วงมิติก็มีรสชาติดีหมดไม่ใช่หรือ ? ขนาดผลก็ใหญ่ ! สวนผลไม้แห่งนี้จะไม่ใช่สวนผลาญเงิน แต่ต้องทำเงินเพิ่มได้กว่าเดิมแน่นอน !
“พี่รอง พี่รอง ! ต้าไป๋ของข้าคลอดลูกกระต่ายออกมาหนึ่งครอก กระต่ายขาว 8 ตัว แล้วก็มีสีผสมกันถึง 5 ตัว ! ” เจ้าหนูน้อยวิ่งออกมาจากเรือนหลังที่ว่าการอำเภอด้วยความตื่นเต้น
แม้เดินทางมายังอำเภอหนิงซีก็ไม่ลืมที่จะขยายกิจการเพาะเลี้ยงกระต่ายของตน เขาเลือกกระต่ายพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ออกมาจากคอกสองสามคู่แล้วใส่กรงมาด้วย ตอนนี้อยู่ในกรงของเรือนหลังที่ว่าการอำเภอ รอให้คอกกระต่ายเสร็จเมื่อใด เขาก็จะย้ายกระต่ายมาไว้ !
หลินเว่ยเว่ยเคาะศีรษะน้อย ๆ ของเขาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “อย่าเพิ่งสนใจลูกกระต่ายเหล่านั้นของเจ้า พรุ่งนี้ต้องไปเข้าสำนักศึกษาแล้ว กระเป๋าหนังสือกับพวกเครื่องเขียนเตรียมพร้อมแล้วหรือยัง ? ”
“เตรียมไว้หมดแล้ว พี่รอง ข้าอายุ 8 ขวบแล้วนะ ท่านอย่าทำเหมือนข้าเป็นเด็กน้อยได้หรือไม่ ! ” เจ้าหนูน้อยดึงกระโปรงของพี่สาวแล้วแกว่งเบา ๆ…เจ้าตัวน้อยชอบทำตัวขี้อ้อน แล้วยังกล้าบอกว่าตัวเองไม่ใช่เด็กน้อยอีกหรือ ?
“เจ้ากับเสี่ยวร่างไปเรียนกันหมด แล้วกิจการเลี้ยงกระต่ายจะทำอย่างไร ? ” หลินเว่ยเว่ยขยี้ผมเจ้าหนูน้อยพร้อมถามเขา
เจ้าหนูน้อยวางแผนไว้แล้ว “สำนักศึกษาของฝั่งนี้เรียนแค่ครึ่งวัน ข้าคุยกับเด็กไม่กี่คนในหมู่บ้านคนบาปไว้แล้ว พวกเขาจะเกี่ยวหญ้าให้กระต่าย ส่วนข้าเป็นคนรับซื้อ ! ตอนเช้าข้าไปให้อาหารหนึ่งครั้ง ตอนกลางวันพอเลิกเรียนมาแล้วค่อยให้อีกรอบและทำความสะอาดคอกกระต่าย ตอนบ่ายออกไปเกี่ยวหญ้ากระต่ายแล้วตอนเย็นค่อยกลับมาให้อีกรอบ…ตอนกลางคืนค่อยอ่านตำรากับพี่เขยรอง 1 ชั่วยาม…พี่รอง แผนของข้าไม่เลวใช่ไหม ? ”
หลินเว่ยเว่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “ตอนกลางคืนนั้นคอกกระต่ายของเจ้าไม่มีคนอยู่ดู กลัวว่าจะมีคนขโมยไปหมดคอกกระมัง ! ”
เจ้าหนูน้อยตกตะลึงทันใด เขาเกาศีรษะขณะพูด “ถ้าเช่นนั้น…ข้าจะจ้างคนมาช่วยเฝ้าคอกกระต่ายสักสองคนดีหรือไม่ ? แล้วก็เลี้ยงสุนัขฉลาดอย่างเจ้าดำอีกสักสองตัว น่าจะ…ไม่มีปัญหาอะไรแล้วกระมัง ? ”
ตอนที่คอกกระต่ายของเจ้าหนูน้อยสร้างเสร็จก็มีข่าวเรื่องการทำลายรังโจรภูเขาสำเร็จ ใครจะไปคาดคิดว่า หมู่บ้านทรุดโทรมบนหุบเขาจะเป็นที่ซ่องสุมของพวกโจรมือฉมัง ? พูดกันว่าเมื่อสตรีในหมู่บ้านนั้นหันมาจับดาบก็ดุดันยิ่งกว่าบุรุษเสียอีก แม้แต่เด็กน้อยก็ยังสามารถทำร้ายขาของเจ้าหน้าที่ทางการซึ่งไม่ทันระวังได้เลย…
ในถ้ำที่ห่างออกไปไม่ไกลจากหมู่บ้านแห่งนั้นได้ซุกซ่อนทรัพย์สมบัติที่พวกโจรภูเขาปล้นชิงมามากมายและยังมีข้าวสารที่พวกพ่อค้าหาซื้อส่งให้ที่ว่าการอำเภอด้วย ตามการตรวจสอบแล้วพบว่ามีโจรแฝงอยู่ในทุกสายอาชีพของอำเภอหนิงซี รวมถึงหัวหน้างานในที่ว่าการอำเภอคนหนึ่งด้วย…มีคนวงในอยู่นี่เอง เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเวลาออกไปทำลายรังโจรถึงได้ล้มเหลวทุกที !
หลังกำจัดโจรภูเขาได้แล้ว ชาวบ้านหนิงซีก็ปรบมือชื่นชมดังสนั่น เพราะโจรภูเขาพวกนี้ไม่เพียงปล้นทรัพย์สินของพ่อค้าเท่านั้น แม้แต่หมู่บ้านที่อยู่รอบ ๆ ก็ยังไม่ปล่อยไปด้วย โดยเฉพาะภัยแล้งเมื่อสองปีก่อน มีข้าวสารบรรเทาทุกข์ที่ทางการแจกของบางหมู่บ้านถูกขโมยไป ทำให้ผู้คนต้องอดตายเป็นจำนวนมาก ในมือของโจรภูเขาพวกนี้มีชีวิตผู้บริสุทธิ์อยู่แทบทั้งสิ้น ส่งตัวไปทำงานหนักที่บ่อเกลือ ถือว่าทำให้พวกมันสบายเกินไปด้วยซ้ำ !
คราวนี้นายอำเภอเป็นคนริเริ่มความคิดในการปราบปราม เขาร่วมมือกับกองทหารรักษาการณ์เมืองหนิงซี รังโจรก็เป็นท่านนายอำเภอที่พบก่อน พวกชาวบ้านต่างพูดว่านายอำเภอกำจัดภัยร้ายให้ราษฎร ! ชื่อเสียงของนายอำเภอจึงเริ่มโด่งดังขึ้นในเขตอำเภอหนิงซี ! คำสั่งของเขาก็ค่อย ๆ ได้รับการยอมรับและปฏิบัติตามอย่างราบรื่น
โดยเฉพาะเรื่องแผ้วถางที่ดิน ตอนแรกพวกชาวบ้านไม่ให้ความร่วมมือกันสักคน แต่ตอนนี้เริ่มถางพื้นที่รกร้างแล้ว การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เริ่มต้นตั้งแต่หมู่บ้านคนบาป
เฉินหยุนออกเช้ากลับดึกทุกวันและเขามักจะต้องผ่านแปลงปลูกข้าวโพดของภรรยานายอำเภอคนปัจจุบันทั้งสิ้น อำเภอหนิงซีฝนน้อยพายุทรายเยอะ หนึ่งเดือนที่ผ่านมามีฝนห่าเดียวในตอนที่เพิ่งหว่านข้าวโพดเสร็จเท่านั้น แต่เมล็ดข้าวโพดของท่านภรรยานายอำเภอกลับมีใบเขียวสด ลำต้นหนาอวบจนมองไม่ออกว่ากำลังปลูกอยู่ในดินทราย
นายอำเภอบอกว่าใครเป็นคนบุกเบิก ที่ดินก็จะเป็นของคนนั้นและภายในสามปีนี้ไม่ต้องจ่ายภาษีที่ดิน เมื่อเป็นเช่นนี้คนในหมู่บ้านคนบาปก็จะได้มีที่ดินเป็นของตัวเองเช่นกัน ! นอกจากซ่อมคลองแล้ว นายอำเภอยังคิดจะขุดอ่างเก็บน้ำด้วย ที่ดินของฝูเหรินอยู่ใกล้หมู่บ้านคนบาป นายอำเภอรักใคร่ภรรยา ดังนั้นอ่างเก็บน้ำนี้จะต้องสร้างให้ภรรยาสะดวกใช้และอยู่ไม่ห่างจากหมู่บ้านคนบาปแน่นอน ! ทุกอย่างเอื้ออำนวยขนาดนี้แล้วเหตุใดพวกเขาถึงจะไม่แผ้วถางที่ดินบ้างเล่า ?
หมู่บ้านคนบาปไม่มีผู้ใหญ่บ้าน แต่ในหมู่บ้านตะวันออกและตะวันตกก็ถือว่ามีไม่กี่ครัวเรือนที่จะเป็นผู้นำได้บ้าง ในเย็นวันหนึ่งเฉินหยุนเรียกครอบครัวไม่กี่หลังในหมู่บ้านคนบาปมารวมตัวกันแล้วเล่าเรื่องแผ้วถางที่ให้ทุกคนฟัง ก่อนจะตัดสินใจในวันนั้นเลย…ทุกอย่างเอื้ออำนวย มาลงมือกันเถิด !
คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านคนบาปล้วนออกไปเป็นแรงงานช่วยซ่อมแซมคลอง พวกผู้หญิงในหมู่บ้านจึงพาเด็ก ๆ ออกไปแผ้วถางที่ดินด้วยความยากลำบาก พวกนางเลียนแบบวิธีของภรรยานายอำเภอคือถางหญ้าในที่ดินก่อน จากนั้นค่อยเผาแล้วพรวนดินฝังกลบ
งานยากที่สุดในการถางที่ดินคือการพรวนดิน แม้ว่าจะเป็นแรงของผู้ชาย แต่อย่างมากสุดก็พรวนได้วันละหนึ่งถึงสองหมู่เท่านั้น แล้วนับประสาอะไรกับผู้หญิงที่อ่อนแอ ?
พอหลินเว่ยเว่ยเห็นแบบนั้นแล้วก็ชื่นชมในความกล้าที่จะดิ้นรนพลิกชะตาชีวิตของชาวหมู่บ้านคนบาป นางจึงพูดกับชายชราที่เลี้ยงวัวอยู่ว่า “วัวในคอกเรายังว่างงานอยู่ ถ้าอย่างไรเอาออกไปปล่อยเช่าให้พวกชาวบ้านไถพรวนที่ดินกันเถิด…”
เฉินเหล่าฮั่น ท่านปู่ของเฉินหยุนถอนหายใจ “ฝูเหริน ไฉนเลยในมือของพวกชาวบ้านจะมีเงินมาเช่าสัตว์ทุ่นแรงขอรับ…”
หลินเว่ยเว่ยครุ่นคิดก่อนจะพูดว่า “ไม่มีเงินก็ลงบัญชีไว้ก่อนได้ พอเก็บเกี่ยวในปีหน้าแล้วค่อยใช้พวกข้าวสารอาหารแห้งคืนมา ! เช่าวัวหนึ่งตัวต่อหนึ่งวันจ่ายเป็นธัญพืชหยาบ 2 ชั่ง ท่านปู่เฉิน ท่านเขียนอักษรเป็นใช่หรือไม่ ? ถ้าอย่างไรเรื่องเช่าวัวคงต้องรบกวนท่านแล้ว ! ”