หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง – ตอนที่ 635 โอ้! กลัวจะทำให้พระสวามีหิวอย่างนั้นหรือ

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่​ 635 โอ้​! กลัว​จะทำให้​พระ​สวามี​หิว​อย่างนั้น​หรือ​ ?

ผู้ดูแล​ไร่​คือ​อดีต​ลูกน้อง​ของ​ห​มิน​อ๋อง​ หลังจาก​แขน​ขาด​หนึ่ง​ข้าง​แล้ว​ เขา​ก็​ออกจาก​กองทัพ​และ​ถูก​ส่งตัว​มาที่​ไร่​แห่ง​นี้​ เขา​เกิด​ใน​ชนบท​ บิดา​มารดา​ทำการเกษตร​เก่ง​ แม้ว่า​ตัว​เขา​จะแค่​ดูแล​ผู้​ที่มา​เช่าไร่​แห่ง​นี้​ก็ตาม​ แต่​เพื่อ​ตอบแทน​ห​มิน​อ๋อง​และ​พระชายา​ที่​ช่วย​เขา​ใน​ยาม​ยากลำบาก​แล้ว​ จึงลงมา​ทำไร่​เอง​อยู่​หลาย​ปี​ติด​ เรียน​การ​ทำไร่ทำนา​จาก​บิดา​และ​ผู้​ที่มา​เช่า

การ​ที่​ผลผลิต​จาก​ไร่​ของ​ห​มิน​หวา​งเฟย​ได้​จำนวน​ไม่เลว​มาโดยตลอด​ จะไม่นับ​เป็น​ผลงาน​ของ​เขา​ได้​อย่างไร​ นอกจากนี้​เขา​ยัง​เลี้ยง​ไก่​ เป็ด​ หมู​ แกะ​และ​ปลูก​พืชผัก​ตามฤดูกาล​ใน​ไร่​อีกด้วย​ ไม่เพียง​ให้​ตำหนัก​ห​มิน​อ๋อง​พอ​กิน​พอใช้​ แต่​ยัง​นำ​ออก​ไป​ขาย​สร้าง​รายได้​เข้า​ไร่​อีก​ทาง​

หลังจาก​ไร่​นี้​กลายเป็น​สินเดิม​ของ​หลิน​เว่ยเว่ย​แล้ว​เขา​ก็​ยัง​จงรักภักดี​เหมือนเดิม​ แม้ครอบครัว​เจ้านาย​จะไม่อยู่​ที่​เมืองหลวง​ ตัว​เขา​ก็​ยัง​ขยัน​ดูแล​ไร่นา​เสมอมา​ เมื่อ​รอ​ให้​พวก​หลิน​เว่ยเว่ย​กลับมา​แล้ว​เขา​ก็​นำ​บัญชี​และ​รายได้​ของ​ไร่​ใน​ช่วง​หลาย​ปี​นี้​ไป​ให้​เจ้านาย​ตรวจสอบ​

ตอนที่​หลิน​เว่ยเว่ย​บอ​กว่า​จะทำ​อะไร​กับ​ไร่​แห่ง​นี้​บ้าง​ ผู้ดูแล​ฉูก็​ไม่ได้​พูด​อะไร​สัก​อย่าง​ เพียง​ทำ​ตามที่​นาง​บอก​เท่านั้น​ หลิน​เว่ยเว่ย​บอก​ให้​ใช้คันไถ​ล้อ​คู่​ เขา​ก็​ใช้ หลิน​เว่ยเว่ย​บอ​กว่า​ตรงนี้​ปลูก​อะไร​ เขา​ก็​ทำตาม​ หลิน​เว่ยเว่ย​บอ​กว่า​ต้อง​ใส่ปุ๋ย​อย่างไร​ เขา​ก็​ทำ​โดย​ไม่เถียง​สัก​คำ​เดียว​…

“ผู้ดูแล​ฉู ที่ดิน​ทาง​ฝั่งนั้น​เป็น​ของ​ใคร​ ? ” หลิน​เว่ยเว่ย​ชี้ไป​ยัง​ที่ดิน​ขนาดใหญ่​ข้าง​ไร่​ของ​ตน​และ​เนินเขา​เล็ก​ ๆ ด้านหลัง​พลาง​ถามฉูจื่อ​ลี่​

ผู้ดูแล​ฉูตอบกลับ​ “ที่ดิน​ผืน​นั้น​เป็น​ของ​ราชสำนัก​พ่ะย่ะค่ะ​ ยัง​ไม่ได้​ถูก​พระราชทาน​ให้​ใคร​ ! ” จาก​คำบอกเล่า​ของ​ผู้ดูแล​ฉูแล้ว​ หลิน​เว่ยเว่ย​จึงได้​รู้​ว่า​ที่ดิน​พื้น​นั้น​เป็น​ของ​ที่​ขุนนาง​ราชวงศ์​ก่อน​ถวาย​ให้​ฮ่องเต้​หลังจาก​ยอม​สวามิภักดิ์​เพื่อ​แลก​กับ​ความปลอดภัย​ของ​คน​ทั้ง​ครอบครัว​…ช่วง​เริ่ม​สถาปนา​ราชวงศ์​ ของ​ที่อยู่​ใน​ท้องพระคลัง​มาจาก​พวก​ขุนนาง​ราชวงศ์​ก่อน​ทั้งนั้น​ !

หลิน​เว่ยเว่ย​กลอกตา​ไปมา​ ก่อน​จะตัดสินใจ​พุ่ง​เป้า​ไป​ยัง​ที่ดิน​ผืน​นั้น​

ยาม​บ่าย​ นาง​พา​เด็ก​ ๆ ใน​ไร่​ออก​ไป​จับ​กุ้ง​ก้าม​แดง​ได้​ทั้งหมด​ 30 ชั่ง ก่อน​จะถือ​กลับมา​ที่​เมืองหลวง​ด้วยมือ​ข้างเดียว​

ฉูฉีจิน​บุตรชาย​ผู้ดูแล​ฉูมอง​การ​จากไป​ของ​นาย​หญิง​ หลัง​อดทน​อยู่​พัก​หนึ่ง​แล้ว​ ท้ายที่สุด​เขา​ก็​ทนไม่ไหว​ “ท่าน​พ่อ​ พวกเรา​จะเพาะปลูก​ตามที่​นาย​หญิง​สั่งจริง​หรือ​ขอรับ​ ! เมล็ดพันธุ์​ข้าวโพด​นั้น​มีน้อย​จะตาย​ หนึ่ง​หมู่​ใช้แค่​ 4 ชั่ง แล้ว​เรา​จะได้​ผลผลิต​กัน​เท่าไร​ขอรับ​ ? แล้วก็​ข้าว​ขาว​ไม่ได้​ปลูก​กันที่​แดน​ใต้​หรือ​ขอรับ​ ใน​แถบ​เมืองหลวง​ของ​พวกเรา​ก็​ปลูก​ข้าว​ขาว​ได้​หรือ​ ? ”

ผู้ดูแล​ฉูใช้มือ​ข้าง​ที่​เหลืออยู่​ตบ​ท้ายทอย​บุตรชาย​ “เจ้าไม่ได้ยิน​เรื่อง​ที่​นาย​หญิง​ของ​พวกเรา​อยู่​ใน​ภาค​ตะวันตกเฉียงเหนือ​อัน​แสน​แห้งแล้ง​แล้ว​ปลูก​ข้าวโพด​ได้​หมู่​ละ​ 600 ชั่งหรือ​ ? ใคร​มอบ​ความกล้า​กับ​เจ้า ถึงได้​กล้า​สงสัย​ใน​พรสวรรค์​ด้าน​การเกษตร​ของ​นาย​หญิง​ ? จำไว้​ว่า​บ่าว​อย่าง​พวกเรา​มีพรสวรรค์​ไม่มาก​ก็​ไม่เป็นไร​ แต่​สิ่งสำคัญ​ที่สุด​คือ​การทำตาม​คำสั่ง​ ! ”

ฉูฉีจิน​ลูบ​ท้ายทอย​ที่​แสน​เจ็บปวด​ของ​ตน​แล้ว​บ่น​เบา​ ๆ ว่า​ “ท่าน​พ่อ​ ท่าน​เชื่อ​เรื่อง​ข้าวโพด​ 600 ชั่งต่อ​หมู่​นั่น​จริง​หรือ​ขอรับ​ ? ”

100-200 ชั่งต่อ​หมู่​ถือว่า​ปกติ​ หาก​ 200-300 ชั่งต่อ​หมู่​ก็​นับว่า​เป็น​ผลผลิต​สูงของ​สมัยโบราณ​แล้ว​ ดังนั้น​ 600 ชั่งต่อ​หมู่​จึงเป็น​เหมือน​เทพนิยาย​ ได้​แต่​กล้า​ฟังโดย​ไม่กล้า​เชื่อ​ !

“ข้า​เชื่อ​ ! ” ผู้ดูแล​ฉูพูด​ด้วย​น้ำเสียง​หนักแน่น​ “ฮ่องเต้​ส่งองค์​ชาย​เจ็ด​ไป​ตรวจสอบ​การ​เก็บเกี่ยว​ที่​ภาค​ตะวันตกเฉียงเหนือ​ พระองค์​คง​ไม่กล้า​ร่วมมือ​กับ​นาย​หญิง​มาหลอกลวง​เบื้องสูง​หรอก​กระมัง​ ? อย่า​พูดจา​เหลวไหล​ที่นี่​ รีบ​ไป​ต้อน​วัว​กับ​ม้ามา แล้ว​ใส่คันไถ​ให้​พวก​มัน​ ! ”

หลังจาก​หลิน​เว่ยเว่ย​และ​สาวใช้​ใน​เรือน​ทำความสะอาด​กุ้ง​ก้าม​แดง​แล้ว​ นาง​ก็​แบ่ง​มัน​ออก​เป็น​สามส่วน​เพื่อ​ทำ​กุ้ง​ก้าม​แดง​สามรสชาติ​ พอ​ทำ​เสร็จ​แล้วก็​แบ่ง​ไป​ที่​ตำหนัก​ห​มิน​อ๋อง​และ​จวน​สกุล​หลิน​รสชาติ​ละ​ 3 ชั่ง

ผ่าน​ไป​ไม่นาน​ ผู้ติดตาม​ของ​เจียง​โม่หา​น​ก็​กลับ​มาจาก​ที่ทำงาน​ เขา​บอ​กว่า​วันนี้​หัวหน้า​และ​สหาย​ใน​ที่ทำงาน​ของ​นาย​ท่าน​ชวน​นาย​ท่าน​ออก​ไป​ดื่ม​สุรา​ที่​หอ​เต๋อ​เย​ว่​ ขอให้​ฝูเห​ริน​ผู้เฒ่า​และ​ฝูเห​ริน​ไม่ต้อง​รอ​

ขณะ​หลิน​เว่ยเว่ย​มอง​กุ้ง​ก้าม​แดง​สามจาน​ใหญ่​ นาง​ก็​ถอนหายใจ​ออกมา​ นาง​เฝิงรู้​ว่า​เพื่อ​อาหาร​มื้อ​นี้​แล้ว​หลิน​เว่ยเว่ย​ต้อง​ลงแรง​ไป​กว่า​ค่อนวัน​ จึงกลัว​นาง​จะรู้สึก​เสียใจ​ขึ้น​มา “เจ้าตัวแสบ​ไม่มีลาภปาก​ กุ้ง​ก้าม​แดง​อร่อย​ขนาด​นี้​ เขา​ไม่มีบุญ​ได้​กิน​ ! ”

“แม่สามี ข้า​ไม่ได้​ถอนหายใจ​เพราะ​เรื่อง​นี้​หรอก​ ถ้ากิน​กุ้ง​ก้าม​แดง​ที่​ค้างคืน​ก็​จะทำให้​ปวดท้อง​ได้​ง่าย​ กุ้ง​ก้าม​แดง​พวก​นี้​ แม้พวกเรา​จะกิน​จน​พุงกาง​ก็​ไม่หมด​หรอก​ ! ” ทันใดนั้น​ดวงตา​ของ​นาง​ก็​เปล่งประกาย​ นาง​แบ่ง​กุ้ง​ก้าม​แดง​แต่ละ​รสชาติ​ออกมา​อย่าง​ละ​ครึ่ง​ จากนั้น​ก็​จัด​ใส่กล่อง​อาหาร​แล้ว​ให้​ซุ่นจื่อ​นำ​ไป​ที่​หอ​เต๋อ​เย​ว่​เพื่อ​เป็นการ​เพิ่ม​กับแกล้ม​ให้​พวก​บัณฑิต​น้อย​ !

ตอน​ซุ่นจื่อ​ถือ​กล่อง​อาหาร​ใบ​ใหญ่​ขนาด​สามชั้น​มาที่​ห้องอาหาร​ส่วนตัว​ของ​หอ​เต๋อ​เย​ว่​ ผู้ตรวจการ​ซุ่น​เทียน​ก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​พูด​หยอก​ว่า​ “โอ้​ ! องค์​หญิง​กลัว​ว่า​พวกเรา​จะปล่อย​ให้​พระ​สวามี​หิว​จึงส่งอาหาร​มาให้​ด้วย​หรือ​ ? ”

ซุ่นจื่อ​รีบ​พูดว่า​ “นาย​หญิง​ของ​พวกเรา​เพิ่ง​ทำอาหาร​จาน​ใหม่​ บอ​กว่า​นำมา​ให้​ใต้เท้า​ทุกท่าน​ได้​ลอง​ชิม…”

ตอนที่​กุ้ง​ก้าม​แดง​ทั้ง​สามจาน​ถูก​ยก​ขึ้นโต๊ะ​แล้ว​ผู้ตรวจการ​ซุ่น​เทียน​และ​เจ้าหน้า​ที่สอง​สามคน​ที่นั่ง​อยู่​ตรงนั้น​ก็​หัน​มองหน้า​กัน​ไปมา​ “นี่​…เป็น​ของ​ใหม่​จริง ๆ​ รอง​ผู้ตรวจการ​เจียง​ช่วย​แนะนำ​หน่อย​ว่า​เรา​ต้อง​กิน​อย่างไร​ ? ”

“สัตว์​ชนิด​นี้​เรียก​ว่า​กุ้ง​ก้าม​แดง​ นี่​คือ​กุ้ง​ก้าม​แดง​รส​หม่า​ล่า​ รส​ห้า​เครื่องเทศ​และ​รส​กระเทียม​ขอรับ​” เจียง​โม่หา​น​ผู้​สง่างามพับ​แขน​เสื้อ​ขึ้น​ต่อหน้า​เจ้านาย​และ​สหาย​ร่วมงาน​ จากนั้น​หยิบ​กุ้ง​ก้าม​แดง​ขึ้น​มาตัว​หนึ่ง​ “กิน​เนื้อ​ด้านใน​กุ้ง​ก่อน​ จากนั้น​ค่อย​ดูด​กิน​มัน​ที่​หัว​กุ้ง​แล้ว​แกะ​เนื้อ​ตรง​หาง​กุ้ง​ออกมา​จิ้มน้ำแกง​ ก็​จะให้​รสชาติ​ที่​เข้มข้น​กว่า​เดิม​ ท่าน​ผู้ตรวจการ​หลิว​และ​ใต้เท้า​ทุกท่าน​ ลอง​ชิมสิขอรับ​…”

ผู้ตรวจการ​ซุ่น​เทียน​ก็​เป็น​นักกิน​จึงกล้า​ชิมอาหาร​แปลกใหม่​ เขา​หยิบ​กุ้ง​ก้าม​แดง​รส​หม่า​ล่า​ขึ้น​มาหนึ่ง​ตัว​ หลัง​แกะ​หัว​กุ้ง​ออก​แล้วก็​ใช้ปาก​ดูด​เบา​ ๆ ทันใดนั้น​รสชาติ​เผ็ด​ชาก็​พุ่ง​สู่ลำคอ​ ผู้ตรวจการ​หลิว​ไอ​ออกมา​ทันที​ ใบหน้า​ก็​เปลี่ยนเป็น​สีแดง​เช่นกัน​

“ใต้เท้า​หลิว​ หาก​ท่าน​กิน​เผ็ด​ไม่ได้​ก็​ลอง​กิน​รส​ห้า​เครื่องเทศ​กับ​รส​กระเทียม​สิขอรับ​” เจียง​โม่หา​น​ริน​น้ำอุ่น​ให้​เขา​แล้ว​เอ่ย​เตือน​เบา​ ๆ

ผู้ตรวจการ​ยก​น้ำขึ้น​ดื่ม​สอง​อึก​แล้ว​โบกมือ​ให้​เขา​ “ไม่เป็นไร​ ! เจ้านี่​ทั้ง​ชาทั้ง​เผ็ด​ กิน​แล้ว​ทำให้​หยุด​กิน​ไม่ได้​ ! ”

หลัง​แกะ​เนื้อ​กุ้ง​ออกมา​แล้ว​ เขา​ก็​เลียนแบบ​เจียง​โม่หา​น​คือ​จุ่มลง​ใน​น้ำแกง​ ทันใดนั้น​เขา​ก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​พยักหน้า​ “ไม่เลว​ ได้​รสชาติ​สุด​ ๆ ! กุ้ง​ก้าม​แดง​ก็​เป็น​กุ้ง​ชนิด​หนึ่ง​หรือ​ ? เหตุใด​ใน​เวลา​ปกติ​ไม่เห็น​มีขาย​เลย​ ? ”

“สัตว์​ชนิด​นี้​อาศัย​อยู่​ตาม​คูน้ำ​หรือ​ใน​ทุ่งนา​ เปลือก​หนา​เนื้อ​น้อย​ คน​จึงไม่นิยม​กิน​ขอรับ​” เจียง​โม่หา​น​ชอบ​อาหาร​รส​หวาน​และ​เผ็ด​ เขา​จึงกิน​กุ้ง​ก้าม​แดง​รส​หม่า​ล่า​…นี่​เป็น​ของ​ที่​ภรรยา​ทำให้​เขา​โดยเฉพาะ​ ถ้าไม่โดน​สหาย​ร่วมงาน​ลาก​มาร่วมวง​ด้วย​ ตอนนี้​เขา​ก็​คง​แกะ​กุ้ง​ให้​ภรรยา​อยู่​ที่​บ้าน​แล้ว​ เฮ้อ​ ของ​ดี ๆ​ ต้อง​มาเสียเปล่า​เพราะ​คน​พวก​นี้​ !

เมื่อ​เขา​กลับ​ถึงบ้าน​แล้วก็​พบ​ว่า​ไฟใน​ห้อง​หนังสือ​ยัง​สว่าง​อยู่​ เมื่อ​เข้า​ไปดู​จึงได้​เห็น​ภรรยา​กำลัง​ก้มหน้าก้มตา​เขียน​อะไร​บางอย่าง​อยู่​ เขา​จึงเข้า​ไปดู​ ‘แผน​กลยุทธ์​’ เมื่อ​อ่าน​ให้​ละเอียด​แล้ว​ถึงได้​รู้​ว่า​ภรรยา​ตัว​น้อย​พุ่ง​เป้า​ไป​ยัง​ที่ดิน​ใน​พระ​หัตถ์​ของ​ฮ่องเต้​

หลิน​เว่ยเว่ย​ใช้ภาษาจีนกลาง​เขียน​แผน​กลยุทธ์​เกี่ยวกับ​ ‘การเกษตร​แบบ​ผสมผสาน​’ อธิบาย​ง่าย ๆ​ คือ​การ​เลี้ยง​ไก่​…หมู​…วัว​…ปลา​แบบ​ห่วง​โซ่อาหาร​ หลัง​จัดการ​กับ​มูล​ไก่​แล้ว​สามารถ​นำ​ไป​ให้​หมู​กิน​ได้​ มูล​ของ​หมู​ก็​สามารถ​นำ​ไป​ให้​วัว​กิน​ ส่วน​มูล​วัว​ก็​ให้​ปลา​กิน​ได้​ แล้ว​ท้ายที่สุด​ดิน​ตะกอน​รอบ​บ่อ​เลี้ยง​ปลา​จะสามารถ​นำมา​ทำเป็น​ปุ๋ย​เพิ่ม​สารอาหาร​ใน​ดิน​ได้​อีก​ ซังข้าวโพด​ ลำต้น​พืช​และ​ใบ​รวมถึง​รำ​ข้าวสาลี​และ​ก้างปลา​ป่น​ยัง​สามารถ​นำมา​ทำเป็น​อาหาร​ไก่​ได้​ต่อ​…

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

Status: Ongoing
นักศึกษาเรียนดีจากวิทยาลัยเกษตรทะลุมิติมาเป็นเด็กสาวชาวนาผู้โง่เขลาและมีนิสัยป่าเถื่อน บิดาก็ตาย มารดาก็อ่อนแอ น้องชายดันมาตีตัวออกห่าง ส่วนพี่สาวก็มักจะคิดว่าเธอเป็นภาระเสมอ แต่โชคดีที่เธอมีมิติน้ำพุวิญญาณอยู่ในมือ เธอทั้งกลายเป็นนักล่าหมูป่า ทำให้ฝูงหมาป่าตกใจ ใช้น้ำพุวิญญาณมาปลูกพืชพันธุ์จนได้ผลผลิตดีงาม ทำสวนก็ได้ผลผลิตดี เลี้ยงสัตว์ก็เติบโต ไหนจะเสน่ห์ปลายจวักอีก เด็กโง่เขลาคนนี้นี่แหละจะนำพาทั้งครอบครัวไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองเอง ! ทว่าบัณฑิตหนุ่มหน้าหวานจอมหยิ่งคนข้างบ้านเนี่ย คิดว่าตัวเองหล่อแล้วจะทำอะไรก็ได้หรือไง ? คิดว่าเป็นขุนนางแล้วใครจะทำอะไรไม่ได้หรือ ? สุดท้ายก็ถูกเด็กโง่คนนี้กำราบไม่ใช่หรือไง ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท