ตอนที่ 647 แจ้งข่าวดีว่าตั้งครรภ์แล้ว!
ในช่วงที่หิมะตกหนัก หลินเว่ยเว่ยก็เริ่มทำรังในเรือนหลัง แต่ละวันนอนเกียจคร้านอยู่บนเตียง พอเบื่อก็ถักเสื้อไหมพรมให้ฟู่หวาง หมู่เฟย พี่ชายและยังมีสามีของตนเอง หมินอ๋องซื่อจื่อเฝ้าอยู่ที่ชายแดนตอนเหนือ ที่นั่นเข้าสู่ฤดูหนาวเร็วกว่า นางจึงให้คนไปส่งชุดกันหนาวให้เขาสองชุดตั้งนานแล้ว
ถ้าเบื่อมากอีกหน่อย นางจะเข้าครัวทำอาหารและขนมอย่างละสองสามอย่างแล้วส่งไปให้สามี คนทั่วทั้งเขตปกครองซุ่นเทียนรอเวลาอาหารเที่ยงและช่วงพักดื่มชาในยามบ่ายของทุกวัน บ่าวของรองผู้ตรวจการซุ่นเทียนมักนำอาหารกล่องใหญ่มาส่งให้เสมอ ส่วนอาหารและขนมด้านในก็มักทำให้คนมองอดน้ำลายไหลไม่ได้
เจียงโม่หานเหนื่อยหน่ายสุด ๆ เพราะเมื่อถึงเวลาอาหารเที่ยงหรือเวลาพักดื่มชายามบ่ายของทุกวัน ผู้ตรวจการซุ่นเทียนและเจ้าหน้าที่สองสามคนมักแกล้งมาเดินเตร่ที่ห้องทำงานของเขาเสมอ ถ้าเขาพูดอะไรออกมาเพียงประโยคเดียว พวกเขาก็จะเข้ามานั่งร่วมโต๊ะพร้อมกล่องอาหารที่บ่าวส่งมาให้ทันทีแล้วบอกว่ามาแบ่งกันกินเถิด…อาหารของพวกเขาน่ะหรือ เจียงโม่หานไม่ชอบเลยสักนิด !
เจียงโม่หานเล่าเรื่องนี้ให้หลินเว่ยเว่ยฟังแล้วให้นางไม่ต้องเปลืองแรงทำอาหารอีก มื้อเที่ยงเขาค่อยหาอะไรง่าย ๆ กินดีกว่า ไม่อย่างนั้นจะสิ้นเปลืองแรงของเราแล้วไปเติมท้องคนอื่นเปล่า ๆ หลินเว่ยเว่ยครุ่นคิดว่าแค่ใช้อาหารก็ช่วยผูกสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานให้บัณฑิตน้อยได้แล้ว ดีจะตายไป !
ด้วยเหตุนี้ นางจึงเตรียมอาหารของแต่ละวันมากขึ้น บางครั้งทำอาหารพิเศษสองสามอย่าง บางครั้งส่งชุดหม้อไฟไปให้เพื่อให้พวกเขาได้นั่งล้อมวงกินหม้อไฟด้วยกัน…กินหม้อไฟในฤดูหนาวเป็นเรื่องที่มีความสุขที่สุด !
วันนี้นางเตรียมจะทำปลาต้มที่สามีชอบ แต่ในขณะที่กำลังจะแล่ปลา จู่ ๆ นางก็ได้กลิ่นคาวแล้วอาเจียนออกมาไม่หยุด…หืม ? หรือว่าปลาไม่สดแล้ว ?
หลังจากชุนซิ่งที่เป็นลูกมือได้เห็นเหตุการณ์แบบนั้นแล้วก็คำนวณในใจพักหนึ่ง ก่อนจะทำหน้าชื่นตาบาน “นายหญิง เหมือนว่าเดือนก่อนระดูของท่านจะไม่มา ? ถ้าอย่างไร…เราเชิญหมอหลวงมาตรวจอาการของท่านดีหรือไม่เจ้าคะ ? ”
หลินเว่ยเว่ยวางปลาลงแล้วล้างมือให้สะอาด หลังจิบน้ำอุ่นสองอึกเพื่อลดความรู้สึกคลื่นไส้แล้ว นางก็พูดกับชุนซิ่งว่า “บางทีอาจเพราะกินอะไรไม่ดีเข้าไปจึงรู้สึกไม่สบายท้องกระมัง ? ”
‘ฟับ ฟับ ฟับ’ ชิงหลิ่วถือมีดมาแล่ปลาเป็นแผ่นแล้วยกให้แม่ครัวทำเมนูปลาต้มต่อไป หลังจากได้ยินแบบนั้น นางก็พูดด้วยรอยยิ้ม “นายหญิง ถ้าไม่ทำตามที่ชุนซิ่งพูด ก็เชิญหมอหลวงเหลียงมาตรวจชีพจรตามปกติก็ได้เจ้าค่ะ ! ”
หลินเว่ยเว่ยลองคำนวณ นางเข้าหอกับบัณฑิตน้อยมาได้ครึ่งปีแล้ว ทั้งสองคนได้น้ำพุวิญญาณปรับสมดุลร่างกายเป็นอย่างดีและยังไม่ได้ป้องกันอะไรเป็นพิเศษ การตั้งครรภ์จึงไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย นางจึงให้ชุนซิ่งหยิบป้ายหยกไปเชิญหมอหลวงเหลียงมาตรวจชีพจร
ชุนซิ่งเพิ่งออกจากตำหนัก หมินหวางเฟยก็ได้รับข่าวแล้วรีบมาเยือนเรือนของหลินเว่ยเว่ย เพิ่งเข้ามาเท่านั้นก็เห็นหลินเว่ยเว่ยกำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงพร้อมใบหน้าที่ดูซีดเซียวเล็กน้อย นางจึงรีบเข้าไปจับมือลูกสะใภ้ “เป็นอะไรไป ? รู้สึกไม่สบายตรงไหน ? สองวันนี้อุณหภูมิลดลง หรือว่าจะเป็นหวัด ? ”
นางเฝิงนั่งอยู่ที่ขอบเตียงพลางยื่นมือเข้าไปแตะหน้าผากลูกสะใภ้พร้อมถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ถ้าเป็นหวัดจะฝืนไม่ได้นะ ไม่อย่างนั้นโรคเล็ก ๆ จะลุกลามเป็นโรคร้ายแรงได้…”
เมื่อชิงหลิ่วเห็นแบบนั้นก็รีบเข้าไปช่วยแก้สถานการณ์ให้นายหญิง “เมื่อครู่ตอนแล่ปลา นายหญิงอาเจียนออกมาหลายครั้ง ชุนซิ่งบอกว่าเดือนที่แล้วระดูของนายหญิงขาดไป…”
เมื่อหมินหวางเฟยและนางเฝิงได้ยินแบบนั้นก็ดีใจทันที หมินหวางเฟยดีพระทัยจนไม่รู้จะตรัสอะไร “ดี ดี ! นี่เป็นเรื่องดีมาก ๆ…เจี๋ยเอ๋อร์ พวกเราจะได้เป็นย่าเป็นยายแล้ว…เจ้าเฉิงเอ๋อร์นั่น น้องสาวแย่งแต่งงานก่อนแล้วยังไม่รู้ตัวอีก ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย…ชักช้า ไม่รู้จะช้าไปถึงไหนแล้ว ! ”
หลินเว่ยเว่ยพูดด้วยน้ำเสียงเขินอายเล็กน้อย “หมู่เฟย แม่เฝิง ! ยังไม่แน่เลยเพคะ ! บางทีอาจเป็นแค่ความรู้สึกไม่สบายท้องก็ได้…”
“ตามหมอหลวงมาหรือยัง ? ให้หมอหลวงตรวจดี ๆ นี่เป็นบุตรคนแรกของเจ้าสองคน จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด ! นอกจากอาการคลื่นไส้ในวันนี้แล้วยังมีอาการอื่นอีกหรือเปล่า ? หรืออยากกินอะไรเป็นพิเศษ ? ” หมินหวางเฟยมีน้ำตาคลอเบ้า…บุตรที่พลัดพรากจากนางในสนามรบจะได้เป็นพ่อคนแล้ว !
แม้นางเฝิงจะตื่นเต้นเหมือนกัน แต่ยังกลั้นเอาไว้และพูดปลอบพระชายาว่า “พระชายาเพคะ ช่วงหลายวันมานี้เว่ยเอ๋อร์กินข้าวกับพวกเราตลอด หม่อมฉันไม่เห็นนางชอบอะไรเป็นพิเศษ อาจเพราะอายุครรภ์ยังน้อยเกินไปจึงไม่รู้สึกอะไรเพคะ ! ”
หลินเว่ยเว่ยพยักหน้าแล้วตีหน้าท้องของตน “ช่วงนี้ลูกกินดีอยู่ดีตลอด ไม่ได้รู้สึกเจ็บป่วยตรงไหน ดูสิเพคะ ลูกแข็งแรงอย่างกับแม่วัว ทรงเลิกกังวลเถิดเพคะ ! ”
หมินหวางเฟยและนางเฝิงตกใจจนรีบจับมือนางไว้ทันที “อย่าตี ! ช่วงสามเดือนแรกต้องระวังเป็นพิเศษ เจ้านี่นะ จะทำตัววู่วามเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว รู้หรือไม่ ! ”
เมื่อมือทั้งสองข้างของหลินเว่ยเว่ยถูกจับไว้ รอยยิ้มบนใบหน้านางก็หายไปทันที “นี่ยังไม่แน่ใจกันเลยเพคะ ! ”
ผ่านไปไม่นาน หมอหลวงเหลียงก็เข้ามาพร้อมสาวใช้ หลังปัดหิมะบนตัวที่นอกเรือนเสร็จแล้ว เขาก็ถอดเสื้อคลุมออกแล้วถึงจะเดินเข้ามา เมื่อคารวะหมินหวางเฟยแล้ว เขาก็มองมายังหลินเว่ยเว่ยที่กำลังถูกแม่สามีทั้งสองจับตัวไว้บนเตียง เขาถามด้วยความงุนงงว่า “เจ้าเป็นคนเชิญข้ามาหรือ ? รู้สึกไม่สบายตรงไหน ? ”
หมินหวางเฟยชิงตรัสก่อน “หมอหลวงเหลียง เมื่อครู่นางหนูคนนี้อาเจียนตอนแล่ปลา เมื่อก่อนไม่เคยเป็นแบบนี้เลย ท่านรีบเข้ามาตรวจเถิด ! ”
หมอหลวงเหลียงมองท่าทางเขินอายของหลินเว่ยเว่ย ก่อนจะพยักหน้าเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ววางมือจับชีพจรนางอย่างระมัดระวัง ต่อจากนั้นพักหนึ่งเขาก็ยกมือคารวะแสดงความยินดี “ยินดีด้วย ยินดีด้วย เป็นชีพจรมงคลจริง ๆ อายุครรภ์ยังไม่มาก น่าจะประมาณหนึ่งเดือน ชีพจรขององค์หญิงดีมาก ต่อไปแค่ระวังการกระทำและอาหารในชีวิตประจำวันก็พอพ่ะย่ะค่ะ”
หลินเว่ยเว่ยลูบหน้าท้องเบา ๆ ภายใต้ท่าทางเขินอายดูมีความดีใจพอสมควร นางพูดกับหมอเหลียงว่า “ขอบคุณท่านหมอเหลียง ในวันที่หิมะตกหนักขนาดนี้ยังให้ท่านลำบากเดินทางมา เมื่อครู่ข้าเพิ่งได้เขากวางมาคู่หนึ่ง ท่านเอากลับไปดูว่าพอจะใช้ได้หรือไม่ ? ”
เมื่อก่อนตอนอยู่ฉือหลี่โกว ถ้านางเก็บสมุนไพรหายากอะไรได้จากบนเขาก็จะนำกลับมาเสมอ เช่น เขากวาง ดีหมี กระดูกเสือที่เป็นสมุนไพรล้ำค่าทางยา นางจะยกให้โดยไม่ลังเล เพราะในช่วงเวลาที่บ้านนางยากลำบากที่สุด แม้แต่เงินค่ายา นางหวงยังหาไม่ได้ ต้องติดค่ายาจากหมอเหลียงหลายตำลึง เขาไม่เคยทวงถามสักครั้ง ทุกครั้งที่เชิญมาดูอาการ เขาก็จะยอมเสียทั้งเวลาและสมุนไพร เรื่องพวกนี้หลินเว่ยเว่ยล้วนจดจำได้ขึ้นใจ !
เขากวางคู่นี้ นางได้มาจากกวางที่เลี้ยงไว้ในห้วงมิติน้ำพุวิญญาณ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา มันเป็นของคุณภาพชั้นยอด เขากวางพวกนี้นางเก็บไว้หลายคู่ ! ห้วงมิติที่เคยมีกวางเพียงสองสามตัว หลังจากผสมพันธุ์กันแล้วก็มีมากถึง 20 กว่าตัว สำหรับคนอื่นแล้ว เขากวางเป็นสิ่งล้ำค่า แต่สำหรับนางแล้วเป็นแค่ของธรรมดาทั่วไป
ตั้งแต่หมอเหลียงมาที่เมืองหลวง ทั้งสองครอบครัวก็ติดต่อกันเสมอ ทุกครั้งที่ถึงช่วงเทศกาล หลินเว่ยเว่ยจะส่งขนมที่ทำเองไปให้พวกเขา หมินหวางเฟยก็เชิญภรรยาหมอเหลียงมาเป็นแขกที่ตำหนักอยู่บ่อยครั้ง หลินเว่ยเว่ยเรียก ‘หมอเหลียง’ เหมือนตอนยังอยู่ฉือหลี่โกวเสมอมา ทำให้หมอเหลียงรู้สึกอบอุ่นใจมาก
หมอเหลียงก็ไม่เกรงใจโดยรับเขากวางเอาไว้แล้วเอ่ยเตือนด้วยรอยยิ้ม “ช่วงสามเดือนแรกเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุด จะทำตามนิสัยเดิมของเจ้าไม่ได้แล้ว ประเดี๋ยวกลับไปข้าจะเขียนข้อห้ามเวลาตั้งครรภ์แล้วให้คนนำมาส่ง ข้าขอตัวก่อน ! ”