ตอนที่ 665 สารภาพมาเสียดี ๆ ว่าไปคบกับเทพบุตรตอนไหน
หลินเว่ยเว่ยตาโต นางยกมือทั้งสองข้างที่โชกเลือดขึ้นมาปิดปากตัวเอง น้ำตาไหลออกมาไม่หยุดราวกับเขื่อนแตก…เป็นเขา ! เขาก็มาด้วย ? ใต้เท้าโฉวฝู่รูปงามของนางก็ตามมาด้วย ? วิเศษไปเลย ! !
ชายหนุ่มรีบปลดเข็มขัดนิรภัยให้นาง พยายามเลี่ยงแขนข้างซ้ายที่มีเลือดออกของนางแล้วค่อย ๆ อุ้มนางออกมาทางกระจกหลังที่เป็นรูนั้น ในเวลานี้ถังน้ำมันเชื้อเพลิงของรถบัสเริ่มลุกไหม้
“รีบถอยออกมา ! รถจะระเบิดแล้ว ! ! ” ชายหนุ่มอุ้มหลินเว่ยเว่ยเอาไว้ ขณะตะโกนไปทางพวกนักศึกษาสาว หลังจากนั้นก็อาศัยช่วงขายาว ๆ ของตนวิ่งไปยังจุดที่มีผู้บาดเจ็บอยู่
วิ่งออกมาได้แค่ไม่กี่สิบก้าวเท่านั้น เสียงระเบิดก็ดังขึ้นแล้ว รถบัสระเบิดไฟลุกท่วม…ชายหนุ่มถูกแรงกระแทกของระเบิด ก่อนจะล้มกระแทกพื้น เขาใช้มือกอดหลินเว่ยเว่ยไว้แน่น ปกป้องเหมือนสมบัติล้ำค่าก็ไม่ปาน
จู่ ๆ พื้นก็กลายเป็นชั้นใบไม้ที่กองทับถมและหลินเว่ยเว่ยยังถูกปกป้องไว้อย่างดี ตอนกระแทกกับพื้นจึงไม่รู้สึกเจ็บอะไร นางใช้มือข้างที่ไม่บาดเจ็บของตนผลักชายหนุ่มที่กำลังนอนทับนางอยู่ด้านบนเบา ๆ แล้วถามว่า “เจ้า…ไม่เป็นไรใช่ไหม ? บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า ? ”
ชายหนุ่มใช้มือดันพื้น หลังจากลุกขึ้นแล้วก็กลับมาอุ้มหลินเว่ยเว่ยอีกครั้ง “ไม่เป็นไร อย่างมากก็แค่บาดแผลภายนอก เบากว่าของเจ้ามาก”
เขาวางหลินเว่ยเว่ยลงบนแผ่นหิน จากนั้นก็เริ่มสำรวจบาดแผลบนตัวนางอย่างละเอียด…โชคดีที่นอกจากแขนซ้ายซึ่งมีแผลค่อนข้างลึกแล้วก็ไม่มีบาดแผลตรงไหนอีก เขาเงยหน้าขึ้น ใช้ดวงตากระจ่างใสมองหลินเว่ยเว่ย ก่อนจะใช้มือขวาลูบเส้นผมอันยุ่งเหยิงของนางด้วยความอ่อนโยนแล้วถามเบา ๆ ว่า “ยังรู้สึกเจ็บตรงไหนเป็นพิเศษอีกหรือไม่ ? ”
หลินเว่ยเว่ยขยับขา บิดเอว จากนั้นก็ส่ายหน้า “ไม่มีแล้ว…” หลังจากพูดจบนางก็มองชายหนุ่มด้วยสายตาประหม่า ปากน้อย ๆ อ้าขึ้นแต่แล้วก็ปิดลงอีกครั้ง…นางไม่กล้าถาม เพราะกลัวคำว่า ‘จ่างกงจู่ของข้า’ ที่ได้ยินเมื่อครู่จะเป็นเพียงสิ่งที่นางคิดไปเอง
“เจ้านั่งก่อน อย่าเพิ่งขยับ ไม่อย่างนั้นแผลจะฉีกขาดกว่าเดิม ข้าโทรเรียกรถพยาบาลแล้ว” ชายหนุ่มเห็นนางดูนิ่งไปจึงบีบแก้มน้อย ๆ ของนางแล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ “ทำไมหรือ ? แค่เปลี่ยนหน้าใหม่แล้วเจ้าก็จำข้าไม่ได้ ? หรือว่า…ใบหน้านี้ไม่ดูดีเท่าหน้าเก่า เจ้าจึงวางแผนคิดนอกใจไปมีคนอื่น ? ”
“เหลวไหล ! ข้าเปล่าเสียหน่อย ! ใบหน้าของเจ้า…ก็ดูดีเหมือนเดิม ! ” หลินเว่ยเว่ยเห็นใบหน้าของเขาเปื้อนเลือดจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกจากห้วงมิติน้ำพุวิญญาณ ชุบน้ำพุวิญญาณให้ชุ่มแล้วใช้มือข้างที่ไม่บาดเจ็บถือมันเช็ดหน้าให้เขา
ชายหนุ่มเลิกคิ้ว คำพูดไม่น่าฟังสักเท่าไรแต่ทำให้คนใจเต้นได้ เขาเข้าไปกระซิบถามข้างหูของหลินเว่ยเว่ย “ห้วงมิติลึกลับของเจ้าก็ตามมาด้วยหรือ ? ”
หลินเว่ยเว่ยพยักหน้า เห็นริมฝีปากของเขาค่อนข้างแห้งจึงให้เขายืนบังสายตาคนอื่นไว้ แล้วนางแอบหยิบแก้วน้ำที่ใช้เป็นประจำออกมารินน้ำจนเต็ม ก่อนจะยื่นให้เขาดื่ม
ตอนเจียงโม่หานเพิ่งฟื้นขึ้นมา เขาเห็นสิ่งแปลกประหลาดกำลังพังย่อยยับอยู่ตรงเบื้องหน้าและด้านในสิ่งแปลกประหลาดมีคนแปลกหน้ากำลังบาดเจ็บเต็มไปหมด เขาจึงอึ้งงันไปพักหนึ่ง ผ่านไปไม่นานเขาก็ได้รับความทรงจำดั้งเดิมของเจ้าของร่าง รู้ว่าตัวเองอยู่บนรถบัสที่เกิดอุบัติเหตุ
เขาปลดเข็มขัดนิรภัยออก…โชคดีมากที่ตกจากที่สูงขนาดนี้ แต่ตัวเขาไม่บาดเจ็บตรงไหนเลย ขณะมองผู้โดยสารคนอื่นที่กำลังร้องไห้ขอความช่วยเหลือในรถ แม้จะคิดถึงภรรยาตัวเองแต่ก็ทำใจทิ้งคนที่บาดเจ็บมากขนาดนี้ไม่ลง…หืม ใจเขาเปลี่ยนมาอ่อนโยนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อใด ?
เขาจึงเริ่มขนย้ายผู้บาดเจ็บไปยังสถานที่ปลอดภัยทีละคน เด็กสาวคนหนึ่งเข้ามาคว้าแขนเขา “คุณ ได้โปรดช่วยเพื่อนฉันด้วย เธอนั่งอยู่เบาะหลังสุด เมื่อครู่ฉันตะโกนเรียกเธอตั้งหลายรอบ แต่เธอไม่ขานรับเลยสักครั้ง ได้โปรดล่ะ ช่วยเธอด้วย ! ”
หลังจากพูดจบเธอก็วิ่งไปที่ท้ายรถบัสแล้วออกแรงทุบกระจกที่แตกร้าวเหมือนใยแมงมุมและตะโกนเสียงดังลั่นว่า “เว่ยเว่ย ! หลินเว่ยเว่ย ! เธอรีบฟื้นสิ รีบฟื้นเร็วเข้า ! ”
เจียงโม่หานใจเต้นแรงทันที…หลินเว่ยเว่ย ? เป็นนางอย่างนั้นหรือ ? ทันใดนั้นความทรงจำแสนเลือนรางก็ผุดขึ้นมาในสมองของเขา ภรรยาเคยเล่าให้เขาฟังว่าเป็นเพราะระหว่างเดินทางไปฝึกงาน รถบัสที่นางนั่งเกิดอุบัติเหตุพลัดตกเหว นางถึงได้ทะลุมิติเวลามาที่นี่ หรือว่า…รถคันนี้ก็คือรถที่ภรรยานั่งมา ?
เขาขมวดคิ้วขณะตามหาคำตอบในใจ ใช่จริง ๆ เจ้าของร่างเดิมตามนักศึกษาฝึกงานของมหาวิทยาลัยเกษตรจีนเข้าหุบเขา เสียงหัวเราะค่อย ๆ จางหายพร้อมดวงตาที่ค่อยปิดลง…เขามาที่โลกของนางจริง ๆ แล้ว แต่ไม่รู้ว่า…นางกลับมาด้วยหรือเปล่า !
ขณะดีใจและวิตกกังวลในเวลาเดียวกัน เขาก็ถีบกระจกหลังรถแล้วช่วยสาวน้อยด้านในออกมา ลองใช้คำพูดที่ว่า ‘จ่างกงจู่ของข้า’ หยั่งเชิงนาง เป็นอย่างที่คิดคือนางตกตะลึงทันที ยกมือปิดปากและเริ่มร้องไห้อย่างไร้สุ้มเสียง…นางจะต้องเหมือนเขาแน่นอน กลัวไม่ได้เจอคู่ชีวิต ? แค่กแค่ก สาวน้อยยังไม่จบมหาวิทยาลัยเลย อย่างมากก็น่าจะอายุ 20 ปีต้น ๆ เรียกคู่ชีวิตคงดูไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไร
เด็กคนนี้มักเก็บซ่อนอารมณ์ไม่เก่งเสมอ ไม่เคยปกปิดใด ๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา ผู้บาดเจ็บที่เพิ่งช่วยออกมาจากรถได้ยังมีน้ำใจยื่นน้ำมาให้หนึ่งแก้ว ถ้าให้คนอื่นมาเห็นแล้วจะคิดอย่างไร ? โชคดีที่เขาเองก็ตามมาด้วย ถ้าให้คนอื่นเห็นความผิดปกติของนาง คงได้ถูกจับไปวิจัยในห้องทดลองแน่นอน ?
เขาใช้แผ่นหลังของตัวเองปิดบังสายตาของทุกคนแล้วรีบดื่มน้ำจนหมด…อืม ยังรสชาติเหมือนเดิม “รีบเก็บแก้วไปเถิด ! ”
เขากวาดสายตามองโดยรอบก็เห็นกระบอกเก็บความร้อนหล่นอยู่ห่างออกไปไม่ไกล เขาจึงเดินไปหยิบ ถานจิงจิงเพื่อนสนิทและรูมเมทของหลินเว่ยเว่ยก็พุ่งเข้ามาพร้อมรอยยิ้มคลุมเครือ เธอขยิบตาพลางพูด “ไอโหยว ! มองไม่ออกเลยว่าน้องสาวผู้ไร้เดียงสาของพวกเราจะแอบมีความรัก…สารภาพมาเสียดี ๆ ว่าเธอไปคบกับเทพบุตรของฉันตั้งแต่ตอนไหน ? ”
หลินเว่ยเว่ยกลอกตาใส่เพื่อน “เทพบุตรของเธออะไรกัน ? นั่นคือเทพบุตรของฉันต่างหาก”
ด้วยเหตุนี้ทั้งสองสาวจึงกลายเป็น ‘ไก่จิกกัน’ ประเดี๋ยวก็เถียงกันไปมาว่า ‘เทพบุตรของฉัน’ ต่างหาก ฉากนี้เกิดขึ้นที่หอพักของพวกเธอบ่อย ๆ บางครั้งก็แย่งเน็ตไอดอล บางครั้งก็แย่งหนุ่มหล่อในมหาวิทยาลัย…อันที่จริงก็ไม่ได้แย่งอะไรกันจริงจังหรอก เพราะเป็นแค่การแสดงออกว่าพวกเธอชื่นชอบผู้ชายพวกนั้นมากขนาดไหน !
“ชู่ว…เขามาแล้ว ว้าว ช่วงขาของเขายาวจัง ท่าเดินก็หล่อมาก ! ” ถานจิงจิงจ้องเขาจนน้ำลายจะไหลอยู่แล้ว “แขนของเขาแข็งแรงมาก รูปร่างจะต้องดีมากแน่เลย ! เขาเป็นฮีโร่ในใจฉัน เทพบุตรขี่ม้าขาวที่ช่วยฉันจากอันตราย อย่าห้ามฉัน…ฉันจะใช้ร่างกายตอบแทนเขา ! ”
หลินเว่ยเว่ยใช้มือข้างที่ไม่บาดเจ็บจิ้มหน้าผากเพื่อนสาว “เดี๋ยวก่อน ! เก็บความคิดเพ้อฝันของเธอไปเลย บอกแล้วไงว่าเขาเป็นของฉัน ของฉันคนนี้ ! ”
ถานจิงจิงถลึงตาใส่ “ยัยน้องเล็ก เธอจะกินคนเดียวไม่ได้ มีผู้ชายดี ๆ ก็ต้องแบ่งกัน ! พวกเรามาแย่งกันอย่างยุติธรรมดีกว่า ! ”
“แย่ง ? เธอไม่มีหวังแล้ว ! ” หลินเว่ยเว่ยคว้าแขนเจียงโม่หานแล้วพูดด้วยน้ำเสียงของคนเป็นเจ้าของ “สา..ของฉัน ใครก็อย่าคิดจะแตะ ถ้าไม่อยากโดนฝ่าเท้าพิฆาต ! ”