ตอนที่ 237 ทะเลทุกข์ไร้ขอบเขต กลับใจคือฟากฝั่ง (1)
“ท่านเจ้าสำนัก พวกเราเข้าใจผิดไปหรือไม่ เขาอาจจะไม่ได้ถูกส่งมาจากสำนักบำเพ็ญประจิม…”
“พี่อี่ เจ้าเป็นมังกรเจริญวัยเต็มตัวแล้ว อย่าได้หลงกลไปกับพฤติกรรมของเขา”
ในรูปปั้นของวิหารหลัก เจ้าสำนักเทพทะเล และรองเจ้าสำนักต่างก็สื่อสารกันผ่านเจตจำนงวิญญาณชั่วขณะหนึ่ง ทันใดนั้นพวกเขาก็ตระหนักได้พร้อมกันว่า… พวกเขาสามารถพูดคุยกันได้ตรงๆ ในหอโอสถโดยไม่จำเป็นต้องใช้พลังจิตในการสื่อสารผ่านเจตจำนงวิญญาณและมันยังค่อนข้างปลอดภัยอีกด้วย
เมื่อเห็นชายวัยกลางคนผู้นั้น แค่กๆ มังกรชายวัยกลางคน เดินอ้อยอิ่งไปรอบ ๆ หน้าห้องโถงหลักเป็นเวลานาน ในขณะนี้ อ๋าวอี่จึงกังวลเล็กน้อยว่า เขาเข้าใจอะไรผิดไปหรือไม่?
หลี่ฉางโซ่วชี้แจงสั้น ๆ
“ดูเหมือนว่าคนผู้นี้จะลังเล แต่เขาก็ตื่นตัวระแวดระวัง และคอยสังเกตรูปปั้นอยู่ตลอดเวลา ดวงตาของเขาไม่หวั่นไหว นี่ย่อมพิสูจน์ได้ว่าเขาได้เตรียมการว่าจะทำอะไรต่อไปเอาไว้แล้ว ดูสิ เขาทำลังเลมาตลอด แต่เหตุใดยามที่เขาก้าวขึ้นบันได ย่างก้าวของเขาจึงฉับไวราวกับมีลมพัดอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาเล่า?”
อ๋าวอี่มองเข้าไปใกล้ ๆ แล้วพยักหน้าพลางกล่าวอย่างละอายใจว่า “ยังคงเป็นท่านเจ้าสำนักที่สังเกตอย่างละเอียดรอบคอบนัก เช่นนั้น ท่านเจ้าสำนัก แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไปดีขอรับ? ”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ข้าได้เตรียมการบางอย่างเอาไว้แล้ว พี่อี่ คอยดูเถิด หากข้าไม่อาจจัดการกับปรมาจารย์เผ่ามังกรผู้นี้ได้ ข้าก็ต้องให้เจ้าปรากฏตัวให้ทันเวลา ”
อ๋าวอี่รีบกล่าวว่า “ท่านเจ้าสำนักโปรดวางใจ หากเขากล้าสร้างปัญหาที่นี่ในวันนี้ อี่จะไม่ละเว้นเขาไปอย่างแน่นอนขอรับ!”
“ไม่ต้องรีบร้อน ดูท่าทีเขาไปก่อน มีคำหนึ่งกล่าวไว้ว่า ใจร้อนก็กินเต้าหู้เหม็นไม่ได้[1]”
“ท่านเจ้าสำนักกล่าวได้ถูกต้องแล้วขอรับ เต้าหู้อยากจะเหม็น…เอ่อ…”
หลี่ฉางโซวอดจะหัวเราะไม่ได้ ทันใดนั้น เขาก็พบกับความสุขที่ยากจะเข้าใจ ซึ่งทำให้ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เบิกบานใจยิ่ง
แล้วก่อนที่เสียงหัวเราะในหอโอสถจะจางหายไป มังกรวัยกลางคนในวิหารเทพทะเลแห่งเมืองอันสุ่ย ก็มาถึงประตูห้องโถงหลักแล้ว
มังกรตัวนี้มีเขาสีม่วงสองเขาอยู่บนศีรษะ แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหรา หน้าตาดุร้ายและเหลี่ยมจัด นัยน์ตาคมกริบ เขากำลังจะเข้ามาในขณะนั้น
แต่เมื่อยกเท้าซ้ายขึ้น ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงตะโกนดังมาจากด้านข้างว่า
“หยุดนะ!”
มังกรชายวัยกลางคนขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วมองไปยังทิศทางของเสียงพลางก้าวเข้าไปในห้องโถงหลักทันที
ในขณะนั้น ก็มีชายร่างกำยำจากหมู่บ้านสง สวมเสื้อคลุมหนังหมีและมีร่างแข็งแกร่งดุจขุนเขา เดินเข้ามา
หมีตัวนั้น แค่กๆ คนผู้นั้นถือได้ว่าเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่บ้านสง
หากพิจารณาจากมุมมองของผู้ฝึกบำเพ็ญอย่างเดียว ล้วนๆ คนผู้นี้ก็อยู่ในขอบเขตคนกลับเต๋าวิถีขั้นที่สอง และไม่ธรรมดาเลย
แต่ร่างของเขาเต็มไปด้วยไอสังหารชั่วร้าย ร่างของเขาแข็งแกร่งมากจนแทบจะน่ากลัว ดูเหมือนว่าจะทรงพลังมหาศาลถึงขนาดจับมังกรและปราบพยัคฆ์ได้!
คนผู้นั้นมิใช่ใครอื่น เขาแต่งงานกับผู้บำเพ็ญสตรีที่งดงามในหมู่บ้านสง ไม่รู้ว่ามีกี่คืนนับไม่ถ้วน ที่เขาได้ทำร้ายสงหลิงลี่ให้สลบ ธิดาคนโตของเขาให้สลบในคืนที่เงียบเหงาอ้างว้าง[2] ตอนนี้เขาเป็นผู้พิทักษ์ที่หกของสำนักเทพทะเลทักษิณ และเป็นหัวหน้าหมู่บ้านสงในอนาคตที่ได้รับการแต่งตั้งจากเทพทะเล!
อย่างไรก็ตาม สงเหล่าซานเป็นชื่อเดิมในอดีต และในตอนนี้เขามีชื่อที่ยิ่งใหญ่ซึ่งเทพแห่งท้องทะเลมอบให้ด้วยตัวเอง——สงปู้ฮ่าน
สงปู้ฮ่านมีสีหน้าท่าทีเคร่งขรึม เขาเดินไปหามังกรชายวัยกลางคนและถามอย่างสุภาพว่า “ท่านมาจากที่ใดหรือ? เหตุใดถึงมาเยือนที่วิหารเทพทะเลหลักของเรา?”
“ไปให้พ้น” มังกรชายวัยกลางคนตวาดอย่างไม่เป็นมิตร และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ข้ามีเรื่องบางอย่างเกี่ยวข้องกับเทพแห่งท้องทะเล แล้วเมื่อใดกันที่ให้เศษซากเผ่าพ่อมดอย่างเจ้า ออกมาเสนอหน้าพูดได้?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น อ๋าวอี่ก็รู้สึกโกรธอย่างยิ่ง
หากมิใช่เพราะว่า อ๋าวอี่ได้วางเจตจำนงวิญญาณไว้บนรูปปั้นของเขา ซึ่งเทียบเท่ากับรูปปั้นหยก เขาจะรีบพุ่งออกไปข้างหน้าแล้วเตะเจ้ามังกรชายวัยกลางคนตัวนี้ออกไปทันทีอย่างแน่นอน!
เรื่องเหลวไหลอันใดกัน?
แม้ทูตเทวะของหมู่บ้านสงจะเป็นเผ่าพ่อมดจริงๆ แต่นั่นย่อมมิใช่ปัญหา ทว่าเขามีเจตนาชัดเจนที่จะสร้างความบาดหมางระหว่างกันให้เกิดขึ้น
เผ่ามังกรหาเรื่องจริงๆ กล้าดีอย่างไรมาสร้างปัญหาให้เทพแห่งท้องทะเล ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่หรือไม่!?!
ทว่าตามที่มังกรวัยกลางคนและอ๋าวอี่คาดหวังไว้ สงปู้ฮ่านไม่ได้เผยท่าทีโกรธเคืองใดๆ ให้เห็น…
สงปู้ฮ่านขมวดคิ้วและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้น เขาก็ได้ยินเสียงของเทพแห่งท้องทะเลในใจ …
ดังนั้น สงปู้ฮ่านจึงกล่าวอย่างชัดเจนว่า “พวกเราชาวหมู่บ้านสงได้รับพรจากเทพแห่งท้องทะเล เราได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทูตเทวะแห่งสำนักเทพทะเลจากเทพแห่งท้องทะเล เราได้เผยแพร่คำสอนของสำนักเทพทะเลไปในที่ต่างๆ ทุกหนแห่ง เพื่อปกป้องเหล่าสานุศิษย์ของสำนักเทพทะเล นี่คือวิหารของสำนักเทพทะเล และข้าคือ ผู้พิทักษ์สำนักเทพทะเล แล้วเหตุใดข้าถึงพูดไม่ได้เล่า?”
ขณะกล่าว ก็มีแสงสีทองสาดประกายขึ้นบนหน้าอกของสงปู้ฮ่านจริงๆ แล้ว เป็นโล่ขนาดเล็กที่เกิดจากบุญเครื่องสักการะซึ่งมีคำว่า ‘ผู้พิทักษ์สำนักเทพทะเล’ เขียนอยู่บนนั้น
“ข้าบอกให้ถอยไป” มังกรชายวัยกลางคนเอามือไพล่หลังแล้วมองมายังเขาด้วยจมูกที่เบ่งบาน “เหตุใดเล่า? ข้อดีอย่างเดียวของเจ้าคือ มีร่างกายไม่เลว แต่ก็สู้ข้าไม่ได้ แล้วยังคิดจะสู้กับข้าอีกหรือ?”
หลี่ฉางโซ่วยังคงส่งข้อความเสียงไปยังสงปู้ฮ่าน เขาไม่ลืมจะเตือน สงปู้ฮ่านให้ใส่ใจกับการเปลี่ยนแปลงของสีหน้าท่าทางและอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้นของเขา
สงปู้ฮ่านขมวดคิ้วและถามอย่างเย็นชาว่า “ท่านเป็นคนของสำนักเทพทะเลหรือ?”
มังกรกล่าวว่า “ไม่ใช่ แล้วอย่างไรเล่า?”
“หรือท่านคือ ผู้พิทักษ์มังกรแท้ของสำนักเทพทะเล?”
มังกรกล่าวต่อว่า “ไม่ใช่ เจ้าว่าอย่างไรเล่า?”
สงปู้ฮ่านพยักหน้าอย่างสงบและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ใช่ทั้งคนของสำนักเทพทะเลหรือ ผู้พิทักษ์มังกรแท้ของสำนักเทพทะเล แล้วเหตุใดท่านถึงต้องการเขตแดนสำคัญของสำนักเทพทะเล?”
มังกรชายวัยกลางคนกระตุกมุมปากเล็กน้อยและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ในตอนนี้ข้าจะเข้าร่วมสำนักเทพทะเลและเป็นสานุศิษย์ของสำนักเทพทะเล ว่าอย่างไรเล่า?”
สงปู้ฮ่านหัวเราะและแอบส่งข้อความเสียงในใจ และกล่าวอย่างสงบว่า “ต้องขออภัยด้วย พวกเรารับท่านไม่ได้”
“เจ้า!”
มังกรชายวัยกลางคนโกรธจัดทันที เขาจ้องไปที่สงปู้ฮ่านและก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวก่อนจะเข้าไปในห้องโถงหลักและยิ้มยั่วเย้า
“ข้าเพิ่งเข้ามาเช่นนี้ แล้วเจ้าจะทำอะไรข้าได้?!”
ในหอโอสถ อ๋าวอี่อดจะกัดฟันด้วยความโกรธไม่ได้
“เจ้าสารเลวผู้นี้! วอนมากขนาดนี้!”
“เขาอาจต้องการให้ทูตเทวะของหมู่บ้านสงลงมือโจมตี” หลี่ฉางโซ่ววิเคราะห์อย่างรอบคอบ ความคิดบางอย่างวาบเข้ามาในใจ และทันใดนั้นเขาก็คิดถึงความเป็นไปได้
นอกเหนือจากผู้บำเพ็ญเหวินจิง ปรมาจารย์จากสำนักบำเพ็ญประจิมอาจวางแผนเรื่องนี้
มังกรตัวนั้นจงใจเปิดเผยที่อยู่ของมันแต่แรก และเดินไปรอบๆ สถานที่สองสามครั้ง ปล่อยให้เหล่ามนุษย์รีบไปที่วิหารเทพทะเล นอกจากนี้ยังทำให้เหล่าผู้พิทักษ์มังกรแท้ของสำนักเทพทะเลที่ปกติมักจะฝึกบำเพ็ญอยู่ที่ขอบทะเลทักษิณได้สังเกตเห็นสถานที่นั้น…
แล้วเขาก็จงใจหาเรื่อง…
หรือว่าเขาจะพ่ายในการต่อสู้ครั้งต่อไป จากนั้นเขาก็จะพยายามจะมาพึ่งพาสำนักเทพทะเล?
เขาคิดจะหลอกลวงใช่หรือไม่? ปรมาจารย์จากสำนักบำเพ็ญประจิม เผ่ามังกร และการหลอกลวง… ครั้งหนึ่ง ท่านอาจารย์ลุงจ้าวเคยกล่าวไว้ว่า เขาได้จัดการปรมาจารย์จากสำนักบำเพ็ญประจิมมาหลายคนแล้ว…
ไม่ มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกน่า!
มังกรเซียนเทียนขั้นสูงสุด ไม่ใช่เครื่องมือของสำนักบำเพ็ญประจิม หรือเผ่ามังกร เขาเป็นแค่เหยื่อล่อ!
หลี่ฉางโซ่วตระหนักขึ้นมาได้ทันที และแนวเรื่องใหม่ก็ถูกสร้างขึ้นในใจของเขาอย่างรวดเร็ว
น่าสนใจ เขาได้เผชิญกับบรรพบุรุษแห่งการหลอกลวงแล้ว!
หลี่ฉางโซ่วกล่าวกับอ๋าวอี่ทันทีว่า “พี่อี่ ให้ปรมาจารย์มังกรที่เจ้าวางใจมาที่เมืองอันสุ่ยทันที แล้วข้าจะจัดการมังกรตัวนี้ก่อน! หากคาดไม่ผิด ต้องมีคนทำอะไรสักอย่างและลอบส่งมังกรตัวนี้มาที่นี่อย่างลับๆ มันอาจตายที่นี่ได้ตลอดเวลา!”
อ๋าวอี่ตกตะลึง เขาไม่ได้ถามเหตุผล แต่หยิบแผ่นหยกขนาดเท่าฝ่ามือออกมาแล้วกดสองสามครั้งเพื่อเปิดใช้กฎห้ามแล้วรีบพูดกับแผ่นหยก
ในอีกด้านหนึ่งนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ควบคุมตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ และส่งข้อความเสียงไปยังสงปู้ฮ่านอีกครั้ง
“ข้าจะไปจัดการเขาก่อน ถอยออกไปก่อนและปิดประตูวิหาร ข้าจะพาคนไปพาเหล่ามนุษย์ให้ออกไป…”
ด้วยเหตุนี้ หลี่ฉางโซ่วจึงออกคำสั่งอย่างละเอียดให้สงปู้ฮ่าน
……………………………………………………………………..
[1] เพราะการทำเต้าหู้เหม็น ต้องรอให้เต้าหู้เสียก่อนถึงจะเอาไปทำได้ ดังนั้น ถ้าใจร้อนก็จะไม่ได้กินเต้าหู้เหม็น
[2] ทำนองว่า เวลาที่เขาร่วมอภิรมย์กับมารดาของสงหลิงลี่ เขามักจะตีสงหลิงลี่ที่นอนอยู่ในห้องข้างๆ ให้สลบก่อนจะได้ไม่ต้องได้ยินเสียงจนต้องนอนไม่หลับ