ตอนที่ 350 คนดี (2)
เมื่อออกไปข้างนอก หลี่ฉางโซ่วก็จะใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายเส้นชีพจรปฐพีขนาดเล็กที่เขาแอบวางทิ้งเอาไว้อย่างลับๆ ในแนวเส้นชีพจรปฐพีของสำนักตู้เซียนก่อนหน้านี้
ทว่าค่ายกลเคลื่อนย้ายนั้นเป็นแบบทางเดียว เขาจึงไม่อาจย้อนกลับเข้ามาได้
หลี่ฉางโซ่วยังขาดสมบัติวิญญาณสองสามอย่างที่จะใช้ฝ่าทะลวงเข้าสู่ค่ายกลเวทพิทักษ์ขุนเขาโดยไม่เคลื่อนไหวมันได้
หลังจากนั้นไม่นาน หลิงเอ๋อร์ก็ขี่เมฆจากยอดเขาหยกน้อยไปที่ยอดเขาพิชิตสวรรค์ นางหยิบแผ่นหยกออกมาและรีบไปที่ประตูสำนักทันที
เซียนชราผู้พิทักษ์ประตู…แค่กๆ เซียนชรายังคงเป็นห่วง
เขาไม่สบายใจ จึงตักเตือนว่า “ศิษย์หญิงอย่างเจ้าควรระวังตัวเมื่อออกไปข้างนอกด้วย เพราะฐานพลังของเจ้ายังไม่สูงนัก ดังนั้น จงอย่าปล่อยให้คนชั่วช้าคิดทำร้ายได้”
หลิงเอ๋อร์รีบพยักหน้าตอบรับอย่างรวดเร็ว โดยบอกว่านางเพียงแค่เดินไปรอบๆ ในละแวกใกล้เคียงเพื่อมองหาสมุนไพรสองสามชนิดแล้วกลับมาศึกษาวิธีปรุงยาเท่านั้น
เมื่อบินออกจากประตูสำนักแล้ว หลิงเอ๋อร์ก็ขี่เมฆไปยังป่าภูเขาที่ศิษย์พี่ของนางเอ่ยถึง
หลี่ฉางโซ่วรออยู่ที่นี่มานาน และเมื่อเห็นร่างของศิษย์น้องหญิงของเขาขี่เมฆมาจากยอดป่า เขาก็อดจะเบิกบานใจไม่ได้
หลิงเอ๋อร์บินออกมาอย่างรวดเร็วหลังจากได้รับข้อความจากตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ แต่ถึงไม่ทันได้แต่งหน้า ใบหน้าสวยก็แสนงาม มีเสน่ห์ยิ่งนัก และยังมีผิวกระจ่างใสน่าชื่นชม…
สิ่งที่หายากที่สุดคือ ความรู้สึกสดชื่นและมีชีวิตชีวาตามธรรมชาติของนางเอง ซึ่งแทบจะหลั่งล้นออกมาภายใต้แสงอาทิตย์ยามเช้า…
นางสวมชุดกระโปร่งสีเขียวอ่อนซึ่งเข้าคู่กับสายคาดเอวที่ฝังบุษราคัมเล็กน้อยบนร่าง เผยให้เห็นเรือนร่างงดงามที่สุดของนาง
เพียงร่างเพรียวบางก็พอที่จะเผยความงามอย่างน่าชื่นชมได้ ช่างเป็นหยกงามหายากอย่างไร้ที่ติจริงๆ
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจในใจ และคิดว่า “การมองดูศิษย์น้องหญิงที่เฝ้าดูแลนางจนเจริญวัยขึ้นมานั้น ไว้ใจได้และมั่นคงมากกว่า
เอ่อ ข้าถูกปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ชักพาให้หลงทาง ความแล้ว ข้าเริ่มคิดถึงเรื่องไร้สาระสิ่งเหล่านี้จริงๆ แล้ว!
ทว่าข้าควรเปลี่ยนความคิดที่มีต่อศิษย์น้องหญิงของข้าหรือไม่ ข้าไม่ต้องการให้นางแคลงใจและอยากปล่อยให้นางมุ่งมั่นอยู่กับการฝึกบำเพ็ญของนาง?
“หือ?”
ทันใดนั้น หลิงเอ๋อร์ก็มาหยุดอยู่ห่างออกไปสิบฉื่อ นางกะพริบตาจนขนตายาวสั่นกระพือ และจู่ๆ นางก็ตระหนักได้ถึงบางสิ่ง
บางสิ่งที่ผิดปกติ!
ต้องมีบางอย่างไม่ถูกต้อง!
“เหอะ ศิษย์พี่ ท่านจะทดสอบข้าอีกครั้งใช่หรือไม่?”
หลิงเอ๋อร์เม้มปากและแค่นเสียงอย่างไม่พอใจ
“น่าจะมีตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์อยู่ที่นั่น ข้าย่อมตกหลุมพรางเหมือนในอดีตอีกหากไปที่นั่น! จริงๆ แล้ว พอข้าได้ยินท่านพูด ข้าก็รีบพุ่งออกไปโดยไม่มีเวลาแม้แต่จะดูแลเส้นผมให้เรียบร้อยด้วยซ้ำ! ”
หลี่ฉางโซ่วเงียบงัน …
เขาเฝ้าดูเงียบ ๆ
เมื่อเฝ้ามองดูหลิงเอ๋อร์ปล่อยตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์สองตัวออกมา เขาจึงเดินเข้าไปใกล้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่มีร่างหลักของนาง และค้นหาใบไม้ที่อยู่รอบๆ ตัวนางแล้วค่อย ๆ เอาใบไม้จิ้มแก้มของนางอย่างระมัดระวังสองครั้ง…
เอาเถิด ข้าจะสอนต่อไป ให้ไปได้ไกลกว่านี้
หลี่ฉางโซ่วส่ายศีรษะ จากนั้น ตุ๊กตากระดาษก็กลายร่างเป็นตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ แล้วร่างนั้นโผล่ออกมาจากด้านหลังของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ และกลายเป็นแมลงตัวน้อย
“พาข้ากลับเถิด”
หลิงเอ๋อร์กะพริบตาและถามเบาว่า “ศิษย์พี่ ท่านออกไปเมื่อใดกันเจ้าคะ?”
“เดาสิ” หลี่ฉางโซ่วยิ้มอย่างสงบและกล่าวว่า “หากไม่เดา ก็คัดลอกพระสูตรมั่นคงสักสามร้อยจบ และหากเดาผิด ก็ให้คัดลอกห้าร้อยจบ”
หลิงเอ๋อร์ตะลึงงัน …
จู่ๆ ก็อยากโยนเจ้าศิษย์พี่หน้าเหม็นออกไปอย่างกะทันหัน!
…
หลังจากพิธีเทพสมุทร ความกดดันส่วนใหญ่บนไหล่ของหลี่ฉางโซ่วก็หายไปทันที
ความรู้สึกนั้นชัดเจนยิ่ง
บรรดาคนสำนักบำเพ็ญประจิมที่คอยตรวจสอบสำนักเทพทะเลทักษิณ ก็หายไปจนหมดสิ้นเช่นกัน
เขากังวลมาตลอดว่าเผ่ามังกรจะต่อต้านศาลสวรรค์ แต่ตอนนี้เขาพบว่าเผ่ามังกรกำลังโหยหาศาลสวรรค์อย่างยิ่ง และยังต้องการทุ่มเททุกอย่างเต็มที่เพื่อช่วยให้ลูกหลานมังกรได้ตำแหน่งเทพระดับล่างและช่วยให้พวกเขาหลุดพ้นจากกรรมร้ายของพวกเขา…
ด้วยอิทธิพลของเขา สำนักบำเพ็ญประจิมก็ได้รับผลกระทบ จึงปรับกลยุทธ์ในการสยบมังกรและเริ่มลดความกดดันต่อเผ่ามังกร ส่งผลให้สถานการณ์ในทั้งสี่คาบสมุทรเริ่มผ่อนคลายลง…
ต่อจากนี้ น่าจะมีคนจากสำนักบำเพ็ญประจิมมาหาเขาถึงประตูและพูดคุยกับเขาอย่างเป็นมิตร
ในเวลานั้น หลี่ฉางโซ่วย่อมจะจงใจหลีกเลี่ยงการพบพวกเขา และปฏิเสธการพูดคุยกับสำนักบำเพ็ญประจิม
ไม่เช่นนั้น อีกฝ่ายก็อาจจะใช้เรื่องนี้มาสร้างปัญหาเพื่อทำให้เผ่ามังกรรู้สึกว่าศาลสวรรค์และสำนักบำเพ็ญประจิมมีการแสดงใหญ่โต…
แน่นอนว่า หลี่ฉางโซ่วย่อมจะไม่ตกหลุมพรางด้วยแผนการเช่นนี้
หลังจากกลับมาที่ภูเขา หลี่ฉางโซ่วก็เข้าพบท่านอาจารย์และศิษย์น้องหญิงทันทีเพื่อบอกเรื่องบางอย่างเกี่ยวกับศาลสวรรค์ และกำชับให้ศิษย์น้องหญิงขยันฝึกฝนให้หนัก
คราวนี้ หลิงเอ๋อร์รับปากง่ายๆ และประกาศออกมาทันทีว่า นางจะเข้าปิดด่านเป็นเวลาสามปี ซึ่งทำให้เกือบจะตรวจสอบเพื่อยืนยันตัวตนของนาง…
เหตุที่หลิงเอ๋อร์ยินดีเข้าปิดด่านอย่างสุขใจนั้น ก็เพราะมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับอาจารย์อาน้อยจิ่วจิ่ว
ในขณะนั้น จิ่วจิ่วอาศัยอยู่ในห้องเดินหมากเล่นไพ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้ โหย่วฉินเสวียนหย่าก็มักจะมาเล่นที่ยอดเขาหยกน้อย หากอาจารย์อาจิ่วจิ่วรู้สึกเบื่อ ก็สามารถดึงโหย่วฉินเสวียนหย่าและสงหลิงลี่ ไปเล่นศึกสู้มหาเทพด้วยกัน การจำลองชีวิตเซียน พิฆาตสามอาณาจักร และอื่นๆ อีกมากมาย
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเร็ว ๆ นี้ สมาชิกของห้องเดินหมากเล่นไพ่ยังได้เพิ่มเจียงหลินเอ๋อร์ผู้ดุดันและชั่วร้ายเข้ามาอีกคน…
หวังฟู่กุ้ย แค่กๆ ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่ง ก็เข้าปิดด่านฝึกบำเพ็ญเพื่อทำความเข้าใจเต๋าเซียนจิน เจียงหลินเอ๋อร์กังวลเรื่องการฝึกบำเพ็ญของคู่บำเพ็ญเต๋าของนางและไม่กล้าเข้าปิดด่านเป็นเวลานาน นอกจากนี้ นางยังอยากเอาใจใส่ต่อสภาพของวิญญาณต้นไม้น้อย และมักจะมาเที่ยวเล่นที่ยอดเขาหยกน้อยบ่อยครั้ง
เมื่อเป็นเช่นนั้น หลิงเอ๋อร์จึงไม่ต้องกังวลว่า อาจารย์อาน้อยจะเบื่อ แถมยังมีสมาธิในการฝึกบำเพ็ญได้อีกชั่วระยะหนึ่ง…
ตอนนี้ หลิงเอ๋อร์เต็มไปด้วยแรงผลักดันในการฝึกบำเพ็ญ
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ศิษย์สาวมากมายในสำนักได้ทะยานขึ้นสู่เซียนและมีการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพตั้งแต่อารมณ์จนถึงสภาพผิว!
ด้วยเหตุนี้ หลิงเอ๋อร์จึงตัดสินใจ มุ่งมั่นที่จะเป็นเซียนให้เร็วที่สุด!
หากหลี่ฉางโซ่วรู้ว่า “การโน้มน้าวใจ” มาตลอดของเขา กลับไม่มีประโยชน์เทียบเท่ากับเหตุผลนั้น เขาจะรู้สึกอย่างไรกันนี่?
บางทีอาจจับนางแขวนเอาไว้แล้วเฆี่ยนตีนาง
ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมานี้ นอกจากการวางแผนและวางแผนอย่างเดียวแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ยังพยายามทุ่มเททำสิ่งเล็กน้อยอย่างหนัก
เขาพยายามศึกษาพลังศักดิ์สิทธิ์
เขาค้นพบแล้วว่า เขาสามารถใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ที่เต๋าสวรรค์มอบให้ในทุกที่ที่สัมผัสเซียนรับรู้ของเขาครอบคลุมอยู่
แน่นอนว่า บนบกนั้น เขา เทพแห่งท้องทะเล เป็นดั่งมัจฉาไร้วารีและไม่อาจกระโดดไปมาได้
แต่หากตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์อยู่ในทะเล เขาก็สามารถปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ได้ถึงห้าในสิบส่วน ซึ่งสิ่งที่เทพแห่งท้องทะเลสามารถทำได้นั้น หาใช่จำกัดเพียงทำให้เกิดคลื่นยักษ์ นำทางเหล่ามัจฉา ช่วยให้สิ่งมีชีวิตในท้องทะเลขยายพันธุ์ และเพิ่มอัตราการอยู่รอดของลูกหลานเยาว์วัยในทะเล…
ในขั้นตอนนี้ ยังไม่มีประโยชน์อะไรนัก
สำนักเทพทะเลยินดีต้อนรับช่วงแห่งวุ่นวายในวิหารอีกครั้ง ชื่อเสียงของเทพแห่งท้องทะเลและองค์เง็กเซียนได้แผ่ขยายไปทั่วพื้นที่ตะวันตกเฉียงใต้ของดินแดนเทวะทักษิณอย่างรวดเร็ว และในเวลานี้ไม่ได้จำกัดอยู่ที่ชายฝั่งทะเลอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม หลี่ฉางโซ่วได้วางแผนการพัฒนาไว้ล่วงหน้า เขาสามารถต่อสู้เพื่อได้รับบุญกับเทพนอกรีตเหล่านั้นได้ แต่ไม่อาจคว้าเครื่องสักการะของสำนักบำเพ็ญเต๋าได้
ในชั่วพริบตาเดียว เวลาก็ผ่านไปครึ่งปี
หลี่ฉางโซ่วใช้เจตจำนงวิญญาณเพื่อแจ้งให้อ๋าวอี่ช่วยไปพบกับตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของเขาในวิหารเทพทะเลแห่งเมืองอันสุ่ย
ถึงเวลาที่จะไปดูศาลสวรรค์อย่างเป็นทางการแล้ว ไปลงนามรายงานตัวที่หอทงหมิงและไปตอกบัตรเข้างานที่หอหลิงเซียว จากนั้น เขาก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของศาลสวรรค์อย่างเป็นทางการแล้ว !
แน่นอนว่า ผู้ที่จะไปในคราวนี้ เป็นร่างหลัก…ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์
…
“น้องอวิ๋นเซียว ไฉนเราไม่ลองเดิมพันกันดูเล่า?”
…
ในศาลาที่อยู่ห่างไกลจากหน้าผา บนเกาะซานเซียน มีร่างหนึ่งกำลังนั่งเงียบ ๆ บนเบาะนั่งสมาธิ และค่อยๆ ลืมตาที่สดใสเจิดจ้าคู่หนึ่ง
“เฮ้อ ศิษย์พี่เสวียนตูผู้นี้ กำลังใช้เรื่องเหล่านี้รบกวนอารมณ์ของข้าอย่างไร้เหตุผล”
อวิ๋นเซียวพลิกมือและเห็นม้วนภาพหนึ่งปรากฏขึ้นในฝ่ามือ จึงเปิดดูเงียบๆ แล้วส่ายศีรษะเบาๆ
“หากคิดมากเกินไป จะทำให้ฟุ้งซาน และข้าก็จะติดกับของศิษย์พี่เสวียนตูเช่นกัน
ข้าไม่สนใจและปล่อยเรื่องนี้ไปดีกว่า ทุกอย่างอยู่ที่ใจ ไม่ต้องกังวลสิ่งใด ข้าต้องรู้ธรรมชาติที่แท้จริงของใจข้าเพื่อให้ตรัสรู้เต๋าได้กระจ่างชัดเจน”
หลังจากพึมพำเบาๆ แล้ว อวิ๋นเซียวก็ยกมือขึ้นเคาะเบาๆ แล้วภาพนั้นก็บินไปที่มุมห้องและแขวนอยู่หลังม่านสีเขียว
หลังจากนั้น ศิษย์คนโตชั้นนอกของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยก็เผยรอยยิ้มบางก่อนจะหลับตาลง แล้วเพ่งสมาธิ ดำดิ่งเข้าสู่เต๋าอันยิ่งใหญ่อย่างรวดเร็ว จากนั้น ก็มีอักขระเต๋าที่คลุมเครือปรากฏขึ้นและรายล้อมรอบกายเขา…
………………………………………………………………..