ไม่ได้เห็นการบัญชาการที่เด็ดเดี่ยวของชิงเยว่กับตาตัวเอง เฉิงไท่เจ๋อก็แอบชื่นชม ในปีนั้นผู้หญิงคนนี้สามารถได้รับคำชมจากฮ่าวเต๋อฟางได้ ก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล
หยางชิ่งกลับยิ้มเจื่อนในใจ ยอมรับในความสามารถของชิงเยว่นั่นก็อีกเรื่องนึง แต่ชิงเยว่เหมือนจะขาดความสามารถในบางด้าน ในบางด้านนางเด็ดขาดเกินไป ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือ นางไม่เข้าใจกันบริหารกำลังพล ยกตัวอย่างเช่นบุกโจมตีกำลังพลดักซุ่มที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์ นางก็ตัดสินใจเองโดยไม่สนใจคำเตือนของเหมียวอี้ รู้ว่าเฮยทั่นมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับเหมียวอี้ แต่ก็ยังกล้าขู่ให้กลัว ผลปรากฏว่าสร้างความเสียหายแล้วไม่น้อย ด้วยเหตุนี้จึงเข้าใจได้ว่าทำไมในปีนั้นผู้หญิงคนนี้จึงฆ่าล้างตระกูลของซูอวิ้น ถึงแม้จะรู้ว่าซูอวิ้นได้รับความรักจากฮ่าวเต๋อฟางก็ตาม
ตอนที่ฮ่าวเต๋อฟางยังอยู่ ซูอวิ้นยอมทิ้งความแค้นเรื่องตระกูลเพื่อผลประโยชน์ของฮ่าวเต๋อฟาง ตอนนี้ฮ่าวเต๋อฟางไม่อยู่แล้ว ซูอวิ้นกับชิงเยว่ให้ความรู้สึกเหมือนจะสู้กัน ยามทั้งสองเจอหน้ากันก็ล้วนทำสีหน้าไม่ดีใส่กัน บางครั้งก็ทำเหมือนไม่เห็น สิ่งนี้ทำให้หยางชิ่งที่ถูกขนาบอยู่ตรงกลางรู้สึกอึดอัดนิดหน่อย
เขาเองก็เตือนซูอวิ้นเช่นกันว่าอย่าไปยั่วโมโหชิงเยว่ เพราะชิงเยว่ในตอนนี้ไม่ใช่คนที่ซูอวิ้นจะไปมีเรื่องด้วยไหว ในมือชิงเยว่มีกำลังทหาร ได้รับความไว้วางใจจากเหมียวอี้ที่สุด เป็นความไว้วางใจประเภทที่สร้างขึ้นจากการเฝ้าสังเกตการณ์หลายปี แม้แต่หยางชิ่งก็เทียบไม่ติด การรักษาความปลอดภัยในจวนท่านอ๋อง เหมียวอี้ถึงขั้นส่งชีวิตของคนทั้งครอบครัวให้ชิงเยว่คุ้มครอง ความเชื่อใจแบบนั้นไม่ใช่สิ่งที่ต้องอธิบายแล้ว แม้แต่คนเก่าคนแก่ที่มาจากพิภพเล็กก็ยังเทียบไม่ติด ต่อให้เป็นพวกฝูชิงก็เทียบไม่ติด
สาเหตุก็ไม่ได้ซับซ้อนเลย ไม่ว่าชิงเยว่จะทำอะไรก็ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนตัว เมื่อทำเรื่องบางอย่างผิดไป ก็เป็นเพราะคิดไปเองว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อเหมียวอี้ ทั้งยังกล้าทำกล้ารับ ไม่ไปทำอะไรเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ในจุดนี้คนอื่นที่อยู่ข้างกายเหมียวอี้มีคนทำได้น้อยมาก
อย่างน้อยก็มีจุดหนึ่งที่หยางชิ่งรู้อย่างชัดเจน ว่าเหมียวอี้ไม่มีทางปล่อยอำนาจทางทหารมากขนาดนี้ให้หยางชิ่ง ถ้าซูอวิ้นยั่วโมโหชิงเยว่จริงๆ แล้วถูกชิงเยว่ฆ่าตายขึ้นมา เกรงว่าแม้แต่เหมียวอี้ก็คงจะแกล้งปิดตาข้างเดียว อย่างมากก็แค่ชดใช้อย่างอื่นให้หยางชิ่ง มีความเป็นไปได้น้อยที่จะแตะต้องชิงเยว่เพราะเรื่องแบบนี้
ถึงแม้ในบางด้าน การกระทำของชิงเยว่จะยั่วโมโหเหมียวอี้บ่อยๆ เหมือนกับเรื่องที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์ แต่โมโหก็ส่วนโมโห สุดท้ายเหมียวอี้ก็ยังปล่อยผ่านให้เรื่องจบไป หยางชิ่งรู้สึกได้รางๆ ว่า หากในอนาคตมีจริง ชิงเยว่อาจจะกลายเป็นโพ่จวินคนที่สองก็ได้ กอปรกับความได้เปรียบที่ชิงเยว่เป็นผู้หญิง สามารถเข้าออกเรือนชั้นในได้โดยตรง คุลกคลีกับอวิ๋นจือชิวได้โดยไร้กังวล อวิ๋นจือชิวเป็นผู้หญิงที่เฉลียวฉลาดขนาดไหน มีวิธีการซื้อใจคนที่ยอดเยี่ยมมาก ชิงเยว่กับอวิ๋นจือชิวมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาก ได้รับความไว้วางใจจากอวิ๋นจือชิวเช่นกัน มีอวิ๋นจือชิวช่วยพูดอยู่ข้างหูเหมียวอี้ ฐานะของชิงเยว่ก็แข็งแกร่งมั่นคงมาก โดยทั่วไปไม่มีใครทำให้สั่นคลอนได้
เมื่อเทียบกับหลงซิ่นที่เป็นผู้ตรวจการทัพอารักขา หลงซิ่นก็ด้อยกว่าไม่น้อย ในฐานะที่เป็นลูกน้องคนสนิท บางครั้งความแตกต่างด้านความสามารถก็ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด สำหรับเจ้านายแล้ว ความจงรักภักดีต่างหากที่มาอันดับหนึ่ง เรื่องของเกาเหยียนในปีนั้น การกระทำของหลงซิ่นยังแฝงความรู้สึกส่วนตัว หยางชิ่งเดาว่าเรื่องในครั้งนั้นคงทำให้หลงซิ่นโดนเหมียวอี้ตัดคะแนนไปเยอะแล้ว อย่างน้อยยามแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตคนในครอบครัว เหมียวอี้ก็จะต้องคุ้มคิดให้มากแน่ๆ
บนสนามรบ ชิงเยว่ออกคำสั่งครั้งแล้วครั้งเล่า ปล่อยข้าศึกฝ่าวงล้อมออกไปอย่างต่อเนื่อง แล้วก็มีกำลังพลจากสองปีกบุกเข้ามาดักสังหารเรื่อยๆ ข้าศึกฝ่าวงล้อมที่ถูกปล่อยออกมาชุดแล้วชุดเล่ากลายเป็นเป้าที่มีชีวิต ไม่มีการสนับสนุนจากพรรรคพวกที่ตามมาข้างหลังแล้ว พอออกมาได้ก็โดนสังหารปราบชุดแล้วชุดเล่า
ฉวี่ฉางเทียนอยู่ในขบวนรบ พอเห็นภาพเหตุการณ์นี้แล้วแทบตาถลน กำลังพลแกล้งฝ่าวงล้อมที่ตัวเองส่งออกไปไม่ได้แสดงบทบาทในการหลอกล่อกองทัพฝ่ายศัตรู และไม่ได้สร้างโอกาสใดๆ หรือลดความกดดันเพื่อให้เขาเตรียมตัวฝ่าวงล้อมด้วย ฝ่ายศัตรูบัญชาการได้อย่างไม่สะทกสะท้าน ไม่ถูกหลอกล่ออะไรทั้งนั้น
เห็นได้ชัดเจนมาก ว่าถ้าเขาดันทุรังฝ่าวงล้อมออกไป แม่ทัพฝ่ายศัตรูก็จะใช้วิธีการเดียวกันนี้มาสู้กับเขาแน่นอน
เมื่อสังเกตการณ์ดูครู่เดียวก็เข้าใจแล้ว ว่าในมือฝ่ายศัตรูมีธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์เพียงพอ นี่คือกุญแจสำคัญที่ทำให้อีกฝ่ายไม่เปลืองแรง ทั้งอย่างบัญชาการได้ยังสุขุมเยือกเย็น
และตอนนี้ทั้งทัพใหญ่ก็ถูกฝ่ายศัตรูสังหารเข้ามาจนกระจัดกระจายแล้ว กำลังพลส่วนใหญ่ถูกพัวพันเอาไว้ อยากจะรวมกำลังเพื่อรับมือให้ทั่วทุกด้านอีกก็เป็นไปไม่ได้แล้ว
“ถ่ายทอดคำสั่งของข้า ให้แต่ละหน่วยรวมกำลังฝ่าวงล้อม!” ฉวี่ฉางเทียนกัดฟันสั่ง ไม่ว่าจะซ้ายหรือขวาก็ตายอยู่ดี ไม่สู้ลองดูสักตั้ง
ใช้เวลาไม่นาน สถานการณ์บนสนามรบเปลี่ยนไปมาก กองทัพองครักษ์ที่ถูกล้อมดิ้นรนฝ่าวงล้อมทั่วทุกทิศอย่างสุดชีวิต ไม่สนใจลำดับขั้นตอนอะไรเลย ต่างคนต่างสู้ด้วยตัวคนเดียว
ชิงเยว่ใจเย็นมาก สภาพวุ่นวายชวนตาลายตรงหน้าไม่ได้ทำให้นางสับสน นางจ้องสถานการณ์บนสนามรบไม่ละสายตา กำลังพลที่ส่งเข้าไปในสนามรบกำลังต่อสู้พัวพันกองทัพองครักษ์ที่รวมกลุ่มขนาดใหญ่เอาไว้ เน้นจับตาดูแม่ทัพคนสำคัญอย่างฉวี่ฉางเทียน ไม่ให้โอกาสเขาปลีกตัวออกไปเด็ดขาด
ส่วนกองทัพองครักษ์กลุ่มเล็กที่ฝ่าฟันออกไป ชิงเยว่สั่งให้มือธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ที่อยู่รอบๆ ตัดสินใจยิงเอาเองตามสถานการณ์
ลำแสงราวกับห่าฝน เสียงระเบิดดังก้อง เสียงร้องครวญครางดังไม่ขาดสาย
กำลังพลหลายร้อย หลายพัน หลายหมื่น หลายแสนถึงขั้นหลายล้านที่พุ่งออกมา พอโผล่หน้ามาก็ถูกลำแสงยิงถล่ม ข้างหน้ามีฝนธนูยิงโจมตี ข้างหลังมีกำลังพลไล่ตามฆ่า พอข้างหลังโจมตีให้กลุ่มก้อนแตกกระจายแล้ว ก็ทิ้งให้กระบวนทัพธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ด้านนอกรับมือต่อ แล้วตัวเองก็เลี้ยวกลับเข้าไปในขบวนรบอีก
สถานการณ์ฝ่าวงล้อมเป็นอย่างไร แค่คิดก็รู้แล้ว ไม่ต่างอะไรกับเร่งความสูญเสียให้กำลังทหารของกองทัพองครักษ์
ภายใต้สถานการณ์ที่การเพิ่มลดกำลังของสองฝ่ายสวนทางกัน กำลังพลของกองทัพองครักษ์ยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ หมายความว่าหนึ่งคนจะต้องสู้กับศัตรูหลายคนมากขึ้น
การต่อสู้นี้ของฉวี่ฉางเทียน ทำให้ทั้งทัพใหญ่ตกสู่สถานการณ์สิ้นหวังเร็วขึ้น
จนกระทั่งฉวี่ฉางเทียนมองไปรอบรอบด้วยความเศร้าสลด การเข่นฆ่าของกลุ่มเล็กๆ ก็ไม่เหลือแล้ว เหลือเพียงกำลังพลไม่กี่ล้านคนที่ล้อมพิทักษ์และดิ้นรนสู้ตายอยู่รอบตัวเขา
ห้าร้อยล้านทัพใหญ่เชียวนะ! ฉวี่ฉางเทียนตาแดงก่ำแล้ว หยิบระฆังดาราขึ้นมารายงานสถานการณ์รบต่อเบื้องบน เป็นการขอโทษและบอกลาครั้งสุดท้ายเช่นกัน ตำหนิว่าตัวเองไร้ความสามารถ!
“ทัพใหญ่ถอยหลัง!” ชิงเยว่ออกคำสั่ง
ทัพใหญ่ที่ล้อมอย่างหนาแน่นถอยหลังออกจากสนามรบที่เข่นฆ่ากันอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ ฉวี่ฉางเทียนก็กัดฟันจนเลือดไหล รีบเก็บระฆังดาราในมือ แล้วกัดฟันคำรามว่า “โจมตี! กัดฟันสู้!”
แค่มองปราดเดียวเขาก็รู้ว่าชิงเยว่คิดจะทำอะไร ชิงเยว่คิดจะดึงระยะห่าง เตรียมตัวใช้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์จำนวนมากยิงกำจัดพวกเขาในรวดเดียว อย่างไรเสีย กำลังพลที่ยังสามารถล้อมอยู่รอบทัพกลางได้ในตอนนี้ ก็ล้วนเป็นยอดฝีมือของกองทัพองครักษ์ ถ้าดันทุรังโจมตีต่อไป ก็จะทำให้ฝ่ายตัวเองเกิดการบาดเจ็บล้มตายมากเกินไป
ถามหน่อยว่าฉวี่ฉางเทียนจะทนดูภาพเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร มีหรือที่จะยอมให้อีกฝ่ายลงมือสังหารได้รวดเร็วถึงใจขนาดนั้น
กำลังพลของฉวี่กัดฟันพุ่งตามออกไปเราก็เป็นบ้าไปแล้ว
ชิงเยว่ยกมุมปากแสยะยิ้ม ถ้ากองทัพของศัตรูไม่เคลื่อนไหวนางก็จะใช้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์รับมือ กำจัดให้หมดในรวดเดียว แต่ถ้าฝ่ายศัตรูเคลื่อนไหว ก็ยากที่จะพ้นเงื้อมมือนางอยู่ดี
เมมื่อเห็นขบวนรบรอบกองทัพองครักษ์กระจายตัวออกไปแล้ว ชิงเยว่ก็โบกมือสั่ง “โจมตี!”
ท่ามกลางกำลังพลรอบๆ ที่ถอยออกไป จู่ๆ ก็มีกำลังพลโจมตีออกมาในทิศทางตรงกันข้ามกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า ถือโอกาสเสียบเข้าไปในกองทัพองครักษ์ที่คลายตัวออก ทัพฝ่ายศัตรูหลายล้านที่ก่อนหน้านี้โจมตีเข้าไปได้ยาก ตอนนี้ถูกแบ่งให้เป็นกลุ่มเล็กๆ แล้วแบ่งกำัจดที่ละกลุ่ม
“ใครขวางข้า ตาย!” แม่ทัพใหญ่คนหนึ่งข้างกายฉวี่ฉางเทียนคำรามอย่างเกรี้ยวกราด ทัพใหญ่ที่ล้อมพิทักษ์อยู่วงนอกถูกงัดออกไปหมดแล้ว แม้แต่แม่ทัพข้างกายฉวี่ฉางเทียนก็ต้องลงมือฆ่าฟันด้วยตัวเอง
ส่วนข้างกายฉวี่ฉางเทียนก็เหลือคนคุ้มกันอยู่ไม่กี่พันคนเท่านั้น
ไม่ได้เห็นสถานการณ์รบกับตาตัวเอง เฉิงไท่เจ๋อก็หันกลับมาพูดกับเหมียวอี้พร้อมรอยยิ้ม “ท่านอ๋อง สถานการณ์ภาพรวมมั่นคงแล้ว!” แม้จะสาบานเป็นพี่น้องกันแล้ว แต่เขาก็ยังเรียกว่าท่านอ๋อง
เหมียวอี้พยักหน้า จ้องบนสนามรบพร้อมบอกว่า “บอกชิงเยว่ คนที่จับเป็นฉวี่ฉางเทียน ตบรางวัลทั้งกองทัพด้วยตัวเอง!”
“ขอรับ!” หยางเจาชิงเข้าใจเจตนาของเขา ตอนนี้ฉวี่ฉางเทียนเป็นผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์ซ้ายของกองทัพองครักษ์ แค่คิดก็รู้แล้วว่าถ้าจับเป็นแล้วจะส่งผลต่อขวัญกำลังใจกองทัพองครักษ์ขนาดไหน ใช้อุบายเล็กน้อยเพื่อทำให้ฉวี่ฉางเทียนสั่งกองทัพองครักษ์หน่วยของตัวเองที่ไม่ได้ร่วมรบให้ยอมแพ้ ผลกระทบที่เกิดขึ้นก็จะมากกว่านี้
ไม่นาน กำลังพลที่ล้อมโจมตีฉวี่ฉางเทียนก็เหมือนจะเป็นบ้าไปแล้ว รอบข้างมีกำลังพลเบียดเข้าไปทางฝั่งฉวี่ฉางเทียนอย่างสุดชีวิต
ไม่ใช่เพื่ออะไร แต่เป็นเพราะท่านอ๋องตบรางวัลทั้งกองทัพด้วยตัวเอง!
สิ่งนี้หมายความว่าอะไรล่ะ? หมายความถึงเกียรติยศความร่ำรวย หมายความว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากแม้จะต่อสู้มาทั้งชีวิต ควรค่าที่จะลองเสี่ยงอันตรายสักครั้ง ถ้าเจ้าไม่ลอง ก็มีคนอีกมากมายไปลองอยู่แล้ว!
ถ้าอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายนั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่เหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้านี้ แม้แต่คนตาบอดก็รู้ว่าฝั่งนี้ชนะแน่นอน มีคนเยอะขนาดนี้บุกไปพร้อมกันยังมีอะไรน่ากลัวอีก ใครแย่งได้คนนั้นก็ได้ไป!
ฝั่งนี้มีกำลังพลเยอะเกินไป มีหลายคนที่ไปสัมผัสกับการเข่นฆ่าไม่ได้แล้ว คนที่วรยุทธ์วรยุทธอ่อนแอก็เบียดเข้าไปไม่ได้เลย คนที่วรยุทธ์สูงก็คว้าเจ้าโยนไปข้างหลังเพื่อแย่งผลงานี้ ทั้งยังถือโอกาสด่าด้วยว่า “ไสหัวไปทางนั้น ไม่ใช่เรื่องของเจ้า!”
คนวรยุทธ์ที่อยากจะชุบมือเปิบ ไม่ใช่กำลังล้อเล่นหรอกหรือ?
ฉวี่ฉางเทียนตกอยู่ท่ามกลางทะเลมนุษย์แล้ว มือข้างหนึ่งถือกระบี่ยาว ราวกับเป็นจอมมารคลั่ง ดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อรับมือกับยอดฝีมือที่ล้อมโจมตี ทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือด
กำลังพลที่อยู่ข้างกายตายไปหมดแล้ว มีหรือที่จะต้านทานยอดฝีมือมากมายที่กำลังล้อมโจมตีเพื่อชิงผลงานได้
ตอนที่พบว่าข้างกายมีแต่ยอดฝีมือ และคิดว่าฆ่าไปทีละคนก็ยังสิ้นหวัง “ฆ่า!” ฉวี่ฉางเทียนก็คำรามราวกับประสาทเสีย ใบหน้าเต็มไปด้วยความคับแค้น ถลึงสองตาอย่างเกรี้ยวโกรธ โบกกระบี่สุดแรงเพื่อโจมตีครั้งเดียว แล้วถือโอกาสโบกกระบี่มาไว้บนคอตัวเอง เด็ดเดี่ยวรวดเร็ว เขาปาดคอจนศีรษะตัวเองกระเด็นออกมาแล้ว เลือดอุ่นๆ พุ่งขึ้นมา
คนที่ล้อมโจมตีอย่างชุลมุนงงเป็นไก่ตาแตก ความพยายามสูญเปล่าแล้ว…
เมื่อได้รับข่าวว่าฉวี่ฉางเทียนปลิดชีพตัวเอง เหมียวอี้ก็หน้าบึ้งนิดหน่อย
ตอนนี้สงครามยังไม่จบโดยสิ้นเชิง แต่แม่ทัพคนสำคัญอย่างฉวี่ฉางเทียนกลับจบเห่ก่อนแล้ว…
ในดาราจักร หงส์และมังกรบินว่อนด้วยความเร็ว ในเกี้ยวมังกรที่งดงามหรูหรา ประมุขชิงนั่งสง่าอยู่ข้างใน จ้านหรูอี้อยู่ในห้องเล็กด้านหลังอย่างสงบ มีทัพใหญ่ติดตามอยู่รอบๆ
“ฝ่าบาท ทางฉวี่ฉางเทียนขาดการติดต่อไปแล้ว…” ตรงหน้าบัลลังก์ อู๋ฉวี่หลับตาถอนหายใจ
โพ่จวินที่เอามือไขว้หลังยืนอยู่ข้างๆ หลับตาลง ขาดการติดต่อไปหมายความว่าอะไรก็ไม่ต้องพูดมากแล้ว ผู้ช่วยทั้งสองคนของเขา ซีเหมินอู๋เหย่กับฉวี่ฉางเทียนล้วนตายด้วยน้ำมือหนิวโหย่วเต๋อ
ประมุขชิงทำหน้านิ่งโดยไม่พูดอะไร
หลังจากอู๋ฉวี่ใช้ระฆังดาราในมือติดต่ออีกครั้ง ก็รายงานอย่างหดหู่ว่า “ฝ่าบาท ทัพใหญ่สามร้อยล้านของฮวาอี้เทียนเสียหายหมดสิ้น มีเพียงสองหมื่นกว่าคนที่สังหารฝ่าวงล้อมมาได้ ขอรับโทษจากฝ่าบาท!”
กำลังพลแปดร้อยล้านพินาศย่อยยับ? หยินซวง ไป๋เสวี่ยที่อยู่ในห้องเล็กด้านหลังมองหน้ากันเลิกลั่ก ในดวงตาฉายแววกังวล มีข่าวไม่ดีเรื่องการรบส่งมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทั้งสองกังวลมาก นึกไม่ถึงว่าหนิวโหย่วเต๋อจะร้ายกาจขนาดนั้น แม้แต่กองทัพองครักษ์ที่ใหญ่ขนาดนี้ก็ยังสู้เขาไม่ได้
เมื่อก่อนได้ยินว่าหนิวโหย่วเต๋อรบเก่ง ได้ฉายาว่ารบชนะทุกศึก อย่างไรเสียพวกนางก็มาจากตระกูลอิ๋ง พวกนางยังพูดเหน็บแนมอยู่เลย ตอนนี้มีแต่ความหวาดกลัว กังวลว่าถ้าเจอแล้วจะเอาชนะได้ไหม?
จ้านหรูอี้ที่ตั้งใจฟังเงียบๆ หันหน้ามาอย่างช้าๆ มองมาทางนี้ผ่านหน้าต่าง
ประมุขชิงกล่าวช้าๆ ว่า “ฝ่ายศัตรูมีเยอะกว่า มีความผิดเสียที่ไหนกัน คนที่ผิดคือโจรกบฏหนิวโหย่วเต๋อ ถ่ายทอดคำสั่งให้ฮวาอี้เทียน ให้เขาติดต่อกำลังพลที่อยู่ในอาณาเขตทัพใต้ พยายามหาทางเก็บรวบรวมทัพใหญ่ อย่าโจมตีง่ายๆ อีก รอรวมผนึกกำลังกับข้า”
………………………