คุรุการแพทย์ – บทที่ 53 เดี๋ยวจะช่วยกู้หน้าให้นายเอง

คุรุการแพทย์

บทที่ 53 เดี๋ยวจะช่วยกู้หน้าให้นายเอง

บทที่ 53 เดี๋ยวจะช่วยกู้หน้าให้นายเอง

ฟางชิวเดินไปที่หน้าห้องเพื่อส่งกระดาษทำแบบทดสอบ เฉียวมู่รับกระดาษมาดูทันที

เฉียวมู่ไม่สามารถระงับความอยากรู้อยากเห็นของเขาได้อีกต่อไป เขาจึงเหลือบมองอย่างรวดเร็วแล้วหัวเราะออกมา

ฟางชิวทำเสร็จแล้วจริง ๆ!

ภายในครึ่งชั่วโมงก็ทำได้ถึงขนาดนี้ ไม่ใช่แค่เขียนเร็วเท่านั้น แต่ยังมีองค์ความรู้ที่สุดยอดอีกด้วย!

เฉียวมู่เงยหน้ามองเห็นกลุ่มนักศึกษา พยายามหักห้ามใจที่จะไม่ตรวจคำตอบของฟางชิว เขาเอ่ยกับนักศึกษาด้านล่างว่า “ถ้าทำไม่ได้ ก็ส่งกระดาษคำตอบมาเถอะ ฉันไม่กดดันพวกเธอแล้ว”

ทันทีที่ประโยคนี้ดังออกมา

ทุกคนก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกแล้วรีบลุกขึ้นไปส่งกระดาษคำตอบ

ขณะส่งกระดาษคำตอบ เหล่านักศึกษาก็พบว่ากระดาษของทุกคนต่างว่างเปล่าและขาวไปทั้งหน้า

แบบทดสอบปรนัยและอัตนัยทั้งหมด พวกเขาได้ตอบเท่าที่ตอบได้แล้ว แต่มันก็ยังเป็นคำตอบที่ไม่ชัดเจนอยู่ดี

เฉียวมู่รวบรวมเอกสารทดสอบไว้ในมือ วางของฟางชิวไว้ด้านบนสุด จากนั้นพูดกับนักศึกษาว่า “รู้ไหมว่าทำไมพวกเธอถึงถูกทดสอบ?”

เหล่านักศึกษาต่างก็งุนงง

ไม่ใช่เพราะอยากรู้ระดับความรู้พวกเราหรอกเหรอ?

ยังมีวัตถุประสงค์อื่นอีกเหรอ?

“เฮ้อ!”

เฉียวมู่ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ทุกปีเมื่อมีนักศึกษาใหม่เข้ามาในมหาวิทยาลัย เราจะจัดการแข่งขันความรู้ด้านการแพทย์แผนจีนสำหรับนักศึกษาใหม่ งานจะจัดขึ้นหนึ่งเดือนหลังจากที่นักศึกษาใหม่เริ่มเข้ามหาวิทยาลัย”

“จุดประสงค์ง่ายมาก นี่ก็เพื่อทดสอบระดับความรู้ของน้องใหม่ จะได้กระตุ้นให้ตั้งใจเรียนอย่างเต็มที่เพื่อที่จะเอาชนะการแข่งขันได้”

“พวกเธอรู้ไหมว่าครั้งที่แล้วมหาวิทยาลัยของพวกเราอยู่อันดับที่เท่าไหร่ในการแข่งขัน”

อันดับไหนล่ะ?

ทุกคนมองไปที่เฉียวมู่อย่างสงสัย

“อันดับที่สอง นับจากอันดับสุดท้ายขึ้นมา!” เฉียวมู่ยิ้มอย่างขมขื่น

นักศึกษาทุกคนต่างรู้สึกอาย มหาวิทยาลัยของพวกเราทำได้แย่มากเลยไม่ใช่หรือนั่น?

“สถานที่แข่งขันจัดในมหาวิทยาลัยของเรา พวกเธอนึกภาพออกไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าพวกเธอยังชนะเป็นอันดับที่สองนับจากอันดับสุดท้ายในการแข่งขันอีก”

จะเกิดอะไรขึ้น?

ทุกคนเริ่มคิดตาม

ร่างกายพลันสั่นสะท้านขึ้นมาทันที

ถ้ายังเป็นอันดับสองรองจากสุดท้ายจริง ๆ

พวกเขาก็จะเป็นรุ่นที่ขายหน้ามากที่สุดน่ะสิ!

คงจะถูกคนในมหาวิทยาลัยหัวเราะเยาะ แถมยังกลายเป็นชั้นเรียนที่น่าอับอายที่สุด!

หลังจากนี้ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็จะถูกหัวเราะเยาะโดยนักศึกษาชั้นเดียวกันจากอีกเก้ามหาวิทยาลัย!

เมื่อคิดได้แล้วทุกคนก็รู้สึกคิดหนัก

“นักศึกษาใหม่ทุกคนจะต้องเข้าสอบเพื่อหาข้อสรุปว่าอยู่ในระดับไหน จากนั้นก็ฝึกฝนทำข้อสอบตามพื้นฐานของแต่ละคน จะได้เตรียมตัวให้พร้อม” เฉียวมู่กล่าว

“แต่ถ้าพวกเราเตรียมตัวพร้อมเต็มที่แล้ว มหาวิทยาลัยอื่นก็เหมือนกันใช่ไหม?”

เพื่อนร่วมชั้นรีบยกมือขึ้นเพื่อตอบคำถามนี้

“มหาวิทยาลัยอื่นก็เตรียมตัวเหมือนกันครับผม!”

เฉียวมู่พยักหน้าและกล่าวว่า “ดังนั้นพวกเธอถึงต้องเตรียมตัวให้ดีไง!”

“ฉันจะบอกกฎเลยก็แล้วกัน แต่ละมหาวิทยาลัยจะส่งตัวแทนเข้าร่วมเก้าคน แต่ทุกคนไม่ใช่ทีมเดียวกัน ทุกคนเป็นคู่แข่งเหมือนกัน สุดท้ายจะมีการตัดสินว่าใครเป็นผู้ชนะ ฉะนั้น การจัดอันดับมหาวิทยาลัยก็ขึ้นอยู่กับนักศึกษาทั้งเก้าแล้ว”

“วันที่แข่งขันคือวันเสาร์และอาทิตย์ในอีกสี่สัปดาห์ที่จะถึงนี้! จะแข่งทั้งหมดสองวัน!”

“ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันหรือไม่ ฉันหวังว่าพวกเธอทุกคนจะตั้งใจเรียนในเดือนนี้ ตัวแทนเก้าคนอาจจะมีเหตุฉุกละหุก พวกเธอสามารถเปลี่ยนตัวกับพวกเขาได้ สามสัปดาห์หน้าจะมีการทดสอบอีกครั้ง ดังนั้นนักศึกษาทุกคน ตั้งใจเรียนเพื่อมหาวิทยาลัยและเพื่อศักดิ์ศรีของพวกเธอด้วย!”

“ในเมื่อทุกคนผ่านการสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว พวกเธอยินดีที่จะถูกเปรียบเทียบกับนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยอื่นไหม?”

“พวกเธอยินดีที่จะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะเหรอ”

“หรือพวกเธอเต็มใจที่จะถูกโค่นศักดิ์ศรี อับอายขายหน้าให้กับมหาวิทยาลัยทั้งเก้า!”

“ไม่ครับ/ค่ะ!” ทั้งคลาสเรียนตะโกนพร้อมกัน

พลังเสียงช่างน่าตกใจจริง ๆ!

คำพูดของเฉียวมู่จุดประกายความกระตือรือร้นของทุกคนในการแข่งขันออกมา

ดวงตาของทุกคนเลยเปล่งประกายด้วยความเร่าร้อนไม่รู้จบ!

ทุกคนต่างเริ่มเรียนพร้อมกัน บางทีตนเองอาจเป็นหนึ่งในนั้นก็ได้!

จะมีอะไรอีกที่จะยิ่งใหญ่เกรียงไกรกว่าการเป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัย! นี่เป็นการเรียนเพื่อศักดิ์ศรีจริง ๆ เลยเว้ย!

หลายคนมองฟางชิวด้วยสายตาที่ไม่พอใจ

หมอนี่แข็งแกร่งมาก แต่รู้ว่าแข็งแกร่งขนาดนี้ก็ดีเหมือนกัน!

ส่วนฟางชิวนั้น เขาตั้งตารอคอยสายตาแบบนี้มานานแล้ว ยิ่งมีสายตาแบบนี้มากเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น

แสดงว่าพวกเขาต้องอยากเรียนรู้อะไรอีกมาก ยิ่งเรียนมากก็ยิ่งเก่งขึ้น พื้นฐานทางการแพทย์ของพวกเขาก็จะดีขึ้น ทีนี้ก็จะยิ่งดีกับผู้ป่วย!

เมื่อเห็นสายตาของทุกคนแล้ว เฉียวมู่พยักหน้าด้วยความพึงพอใจแล้วกล่าวว่า “ดีมาก! ไปเรียนต่อกันเถอะ!”

ทุกคนหยิบหนังสือขึ้นมา ดีดตัวนั่งตรงทันที

การแสดงออกของพวกเขาจริงจังกว่าที่เคย

เฉียวมู่กระตุ้นด้วยปณิธานอันแรงกล้าของนักศึกษาได้อย่างเยี่ยมยอด

พวกเขาได้ยินคำพูดที่เฉียบคมมากมายก่อนจบคลาส

สาระความรู้ต่าง ๆ ที่เฉียวมู่ถ่ายทอดออกมาก็ละเอียดมาก

เหล่านักศึกษาต่างตั้งใจฟังเฉียวมู่บรรยายอย่างกระตือรือร้น

นี่คือปรากฏการณ์ที่ดีที่สุด

และเป็นปรากฏการณ์ที่สวยงามที่สุดอีกด้วย

ฟางชิวยิ้ม มองทุกอย่างที่อยู่ข้างหน้าเขาอย่างมีความสุข

ความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ของทุกคนยังคงดำเนินต่อในชั้นเรียนถัดไป ซึ่งทำให้อาจารย์แพทย์และอาจารย์ที่สอนแพทย์จีนโบราณที่เพิ่งเข้ามาในห้องเรียนก็ตกใจ

พวกอาจารย์นึกว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเสียอีก?

แต่สุดท้ายก็พบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ ทุกคนแค่เพิ่งได้แรงผลักดันเลยกระตือรือร้นก็เท่านั้น

ในชั้นเรียนนี้ ต่างคนต่างอยากยกระดับความรู้ตนเองกันทั้งนั้น

ในเวลาเดียวกัน

หลังจบการสอนเฉียวมู่ก็กลับไปที่สำนักงานทันที

หลังจากเหลือบมองกระดาษคำตอบอื่น ๆ อย่างรวดเร็วแล้ว เขาก็รีบคว้ากระดาษคำตอบของฟางชิวออกมาอ่านอย่างตั้งใจ

อ่านในช่วงแรกก็ยังไม่มีอะไรน่าไม่ตกใจ

แต่พออ่านไปสักพักก็เกิดความแปลกใจขึ้นมา

ความตื่นเต้นในดวงตาของเฉียวมู่ฉายออกมาชัดเจน

เขาอ่านต่อไปอีกสามนาที มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาอีก อ่านจบเฉียวมู่ก็หยิบกระดาษคำตอบของฟางชิวแล้วรีบออกจากสำนักงานไปทันที

ปัง!

ประตูสำนักงานของฉีไคเหวินที่เป็นคณบดีมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนถูกเฉียวมู่ผลักออกอย่างแรง

ฉีไคเหวินที่กำลังดื่มชาอยู่ตกใจไม่น้อย

ดีที่เขาไม่ได้ถูกชาลวกตัวเอง

“อยากถามอาจารย์เฉียวจริงว่าลืมเคาะประตูหรือเปล่า”

“ขออภัยท่านคณบดี ผมตื่นเต้นมากไปหน่อย” เฉียวมู่ขอโทษอย่างรวดเร็วก่อนจะส่งกระดาษคำตอบให้ฉีไคเหวิน

“นี่คือ?” ฉีไคเหวินหยิบกระดาษคำตอบขึ้นมาดูด้วยความสงสัย

“นี่เป็นกระดาษคำตอบของนักศึกษาที่ผมเคยพูดถึง ฟางชิวไงครับ”

“โอ้ ทดสอบแล้วเหรอ เป็นอย่างไรบ้าง เหมือนว่าจะตอบถูกทุกคำถามนะ” ฉีไคเหวินพลิกกระดาษคำตอบแล้วกล่าวออกมา

“เขาตอบถูกหมดเลยครับ!” เฉียวมู่ตอบ

“ถูกหมด… ถูกหมดเลยเรอะ!”

ฉีไคเหวินมองไปที่เฉียวมู่ด้วยความประหลาดใจแล้วเบือนสายตามาตรวจกระดาษคำตอบอย่างระมัดระวัง เขาสุ่มเพิ่มอ่านคำถามสองสามข้อ แล้วพบว่าคำตอบนั้นถูกต้องจริง ๆ

“ที่สำคัญคือเขาใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง คำถามตั้งมากมายแต่ใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น!” เฉียวมู่อธิบายเพิ่ม

“นึกไม่ออกเลยว่าต้องเชี่ยวชาญความรู้พื้นฐานของแพทย์แผนจีนมากแค่ไหนถึงทำได้ภายในสามสิบนาทีแบบนี้!”

เฉียวมู่กล่าวอย่างตื่นเต้น

“เก่งขนาดนั้นเลย?” ฉีไคเหวินเริ่มสนใจกับชื่อบนกระดาษคำตอบจริง ๆ

คำตอบถูกต้องไม่พอ ยังทำเร็วอีก คนที่ทำได้ต้องมีความรู้ในระดับสูงเท่านั้น!

“ให้เขาเป็นหนึ่งในตัวแทนสามสิบคนก่อน ค่อยมาดูกันว่าเขาจะเข้ารอบเก้าคนได้ไหม” ฉีไคเหวินตัดสินใจในที่สุด

เฉียวมู่พยักหน้า แต่ก็ค่อนข้างรู้สึกผิดหวังอยู่ลึก ๆ

เขารู้สึกว่าความฉลาดของฟางชิวมากพอที่จะเป็นตัวแทนเก้าคนได้ทันที

คณบดียังระมัดระวังตัวมากเกินไป!

ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายแล้ว

คาบเรียนแรกของช่วงบ่ายเริ่มต้นขึ้น

เป็นครั้งแรกที่นักศึกษาห้องสามและฟางชิวได้เข้าเรียนวิชาพละตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยมา

วิชานี้เป็นการเรียนบาสเกตบอล

ปีแรกจะต่างจากปีสอง วิชาพลศึกษาเป็นวิชาบังคับในปีแรก พวกเขาจะต้องเข้าเรียนอย่างจริงจัง

พวกเขาเรียนรวมตั้งแต่สัปดาห์ที่สองแล้ว

ฟางชิวยืนอยู่ในแถวเดียวกับเพื่อนร่วมชั้นของเขาในสนามบาสเกตบอล

กลุ่มคนที่ถือลูกฟุตบอลและสวมชุดฟุตบอลที่เดินเข้ามาหาพวกเขานั้นมีหลี่ชิงสือ อยู่ด้วย

เจ้าตัวก็เห็นเขาแล้ว สีหน้าพลันมืดทะมึนลงทันที ฟางชิวมองหลี่ชิงสือเดินข้ามสนามบาสเกตบอลไปที่สนามฟุตบอลกับเพื่อนร่วมชั้นเงียบ ๆ

ชายหนุ่มยังคงเหมือนกับนักศึกษาคนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่ในคลาสเรียนเพื่อรอให้อาจารย์มาสอน

อาจารย์พละแนะนำตัวเสร็จก็เริ่มนับจำนวนนักศึกษา

“หนึ่ง! สอง! สาม… สามสิบ!”

จากนั้นก็เช็กชื่อต่อ

หลังจากพูดถึงข้อควรระวังแล้ว อาจารย์ก็ให้นักศึกษาไปรับลูกบาสเกตบอลมา

หลังจากส่งลูกบาสเกตบอลไปแล้วสามสิบลูก ทุกคนก็ดูตื่นเต้นขึ้นมาทันที

ในที่สุดก็เล่นบาสแล้ว!

และแล้วความเพ้อฝันของพวกเขาก็หายไปอย่างรวดเร็ว

เพราะอาจารย์เริ่มสอนตั้งแต่ทักษะบาสเกตบอล

ลากยาวไปถึงวิธีชู้ตลูกบาส ควรยืนอย่างไรขณะชู้ต…

ทุกคนที่เรียนอยู่รู้สึกหดหู่ใจมาก ๆ นี่ยังต้องสอนอีกเหรอ? มีคนไม่เคยเล่นตอนมัธยมด้วยหรือ?

พออาจารย์สอนไปได้สักพัก ก็พบว่ายังมีนักศึกษาที่ไม่เข้าใจกฎกติกาในการเล่นอยู่…

อาจารย์บาสเกตบอลเลยยังคงสอนต่อไป

ณ ที่สนามฟุตบอล นักศึกษาที่ดูแข็งแรงชี้ไปที่ฟางชิวที่ยืนในสนามบาสเกตบอลแล้วถามหลี่ชิงสือที่อยู่ข้าง ๆ ว่า “นั่นใช่ฟางชิวที่ทำให้นายขายหน้าหรือเปล่า”

หลี่ชิงสือพยักหน้าอย่างผิดหวัง

ให้มายอมรับว่าอ่อนในสายตาเพื่อนนี่มันหงุดหงิดจริง ๆ เลย

“ดูแล้วก็ไม่เห็นจะเก่งเท่าไหร่เลยนี่?” นักศึกษาคนนั้นลูบคางตนเอง สีหน้าดูครุ่นคิด

“อยากลองสู้กับมันไหมล่ะ” หลี่ชิงสือถามอย่างโกรธเคือง

“อย่าเลย! พรสวรรค์คือสิ่งที่ฉันไม่มี โม้ยังไม่ได้เลย ถ้าให้โม้เรื่องวิ่งละก็ยังพอไหว เพราะการวิ่งคือเป้าหมายของฉัน!”

นักศึกษาคนนั้นมองไปที่หลี่ชิงสือแล้วถามว่า “อยากให้ฉันสอนบทเรียนให้มันไหม”

หลี่ชิงสือครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหัว เขารู้ว่าบทเรียนที่จะสั่งสอนฟางชิวได้ก็คือ ต้องหาสถานที่ที่ไม่มีใครอยู่แล้วค่อยจัดการอัดเขาต่างหาก

ทุกคนตรงนี้เล่นฟุตบอลเป็น มีเรี่ยวแรงพอตัว

การออกกำลังกายก็สำคัญเหมือนกัน

ฉะนั้นให้ไปอัดฟางชิวน่ะ พวกเขาทำได้แน่

“เดี๋ยวฉันช่วยเอาไหม” เมื่อเห็นว่าหลี่ชิงสือปฏิเสธ นักศึกษาคนนั้นก็ยิ้มแล้วถามอีกครั้ง

“นายคิดจะทำอะไร” หลี่ชิงสือถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

“ตรงนี้ไม่ไกลจากสนามบาส ตรงกลางก็ไม่มีสิ่งกีดขวางอะไร จะเตะลูกบอลไปตรงไหนก็ได้นี่” นักศึกษาคนนั้นพูดไปยิ้มไป

ดวงตาของหลี่ชิงสือเป็นประกายทันที เขาตบไหล่อีกฝ่าย ยิ้มร่าออกมา “เกาเฟย ไม่ได้เห็นนายเตะลูกบอลนานแล้ว ไม่รู้ว่ายังเตะเข้าเป้าอยู่ไหม”

“รอดูได้เลย!” เกาเฟยยิ้มอย่างมั่นอกมั่นใจ

ที่สนามบาส

ในที่สุดอาจารย์พละก็สอนจนเสร็จ เขาอนุญาตให้นักศึกษาฝึกกันเอง

นักศึกษาทั้งสามคนเหมือนนกออกจากกรง เริ่มสนุกกับการเล่นบาสเกตบอลในทีมของตัวเอง แต่ก็ไม่ลืมที่จะเว้นพื้นที่ครึ่งสนามให้กับสาว ๆ โดยเฉพาะ

ฟางชิวเข้าร่วมทีมด้วย ทำให้มีผู้เล่นทั้งหมดสิบคน

ตอนแรกชายหนุ่มไม่ได้เคลื่อนไหวมากนัก เขาส่งลูกให้เพื่อนร่วมทีมเสียมากกว่า

สำหรับเพื่อนร่วมทีมแล้ว ฟางชิวเป็นเหมือนผู้ช่วยของพระเจ้า

เพราะฟางชิวส่งบอลให้เพื่อนร่วมทีมลงเป้าเป๊ะ ๆ ทุกรอบ

เพื่อนร่วมทีมเลยทำคะแนนได้ง่าย ๆ

ถ้าลูกบาสส่งมาให้ฟางชิวถี่ ชายหนุ่มก็ส่งออกไปถี่เช่นกัน

อาจารย์พละที่เบื่อกับการดูการฝึกของทีมอื่น ก็เบือนสายตามาสังเกตสถานการณ์ในสนามโดยรอบ

เขาเดินเอื่อย ๆ ไปที่สนาม และสังเกตเหล่านักศึกษาอย่างละเอียด

ในไม่ช้าก็สังเกตเห็นฟางชิว

ตอนนี้ลูกบาสกำลังกลิ้งไปนอกสนาม

ฟางชิวเดินไปหยิบลูกบาสขึ้นมา หยุดยืนอยู่ข้างสนามเพื่อส่งลูกบาสต่อให้เพื่อนร่วมทีม และแล้วก็มีบางอย่างซัดตรงมาที่ใบหน้าของฟางชิวอย่างรวดเร็ว

“อ๊ะ! ระวัง!” เหล่านักศึกษาร้องอุทานออกมาทันที

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท