คุรุการแพทย์ – บทที่ 95 การพบกันของสองสาว

คุรุการแพทย์

บทที่ 95 การพบกันของสองสาว

บทที่ 95 การพบกันของสองสาว

หลังได้ตั๋วมาแล้ว พวกเขาก็รอเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง ฟางชิวกับผู้ร่วมเดินทางก็ได้ขึ้นรถไฟไปหาที่นั่ง

เมื่อขึ้นรถไฟความเร็วสูงมาแล้ว ฟางชิวก็ปรับเก้าอี้ให้แบนราบอย่างรวดเร็วแล้วบอกหยวนเป้ยกับหวงหมานหม่านที่คอยดูแลเจียงเหมี่ยวอวี๋ว่า

“ให้เธอนอนลงก่อน ฉันจะไปหาถุงน้ำแข็ง”

พอฟางชิวหันหลังเดินจากไปแล้ว หวังอวี๋ก็เดินไปข้างหน้าแล้วเอ่ยถามด้วยความห่วงใย

“เป็นไงบ้าง? ยังเจ็บอยู่ไหม”

“ก็ไม่ค่อยเจ็บเท่าไหร่ ฉันยังพอทนไหว” เจียงเหมี่ยวอวี๋ตอบ

“งั้นก็ดีแล้ว” หวังอวี๋พูดพร้อมกับพยักหน้า “ถ้ากลับถึงมหาวิทยาลัยแล้วก็ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลแล้วเอายามากินนะ เธอต้องหายรีบป่วยไว ๆ ก่อนที่วันหยุดจะหมดลง มันคงจะดูไม่เข้าท่ามาก ถ้าสาวสวยของมหาวิทยาลัยพวกเราไปเรียนแบบเดินกะเผลก ๆ ต่อหน้าทุกคนอะ”

ภาพสี่สาวกำลังหัวเราะเป็นภาพที่ดูแล้วสดใสมาก

“ทำไมเราไม่พูดถึงเรื่องที่ฟางชิวมาทันเวลาบ้างล่ะ แค่เหมี่ยวอวี๋ได้รับบาดเจ็บไม่นาน เขาก็มาปรากฏตัวแล้ว” หวงหมานหม่านตั้งข้อสังเกตทันที

“ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้มาที่ภูเขาไท่ซานหรอกเหรอ” หยวนเป้ยมองไปที่เจียงเหมี่ยวอวี๋ด้วยแววตาที่สื่อความหมายลึกซึ้ง

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” เจียงเหมี่ยวอวี๋คลี่ยิ้มบาง ๆ

“ขนาดเธอยังไม่รู้ พวกเราก็ยิ่งไม่รู้แล้ว” หวังอวี๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“นี่จะเป็นสิ่งที่เรียกว่ากระแสจิตหรือเปล่า? ไม่อย่างนั้นทำไมเขาถึงปรากฏตัวขึ้นทันทีที่ข้อเท้าของเหมี่ยวอวี๋เคล็ดล่ะ?” หยวนเป้ยพูดติดตลก

“อืม… มันก็ดูเป็นไปได้นะ” หวังอวี๋กับหวงหมานหม่านก็พยักหน้าเห็นด้วยอย่างจริงจัง

“อย่าพูดเรื่องไร้สาระอีกเลย” เจียงเหมี่ยวอวี๋พึมพำด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ

ทันใดนั้น ฟางชิวก็กลับมาพร้อมกับถุงน้ำแข็งในมือแล้วเขาก็ตรงไปที่เตียงของเจียงเหมี่ยวอวี๋ทันที

“เธอเพิ่งข้อเท้าเคล็ด เส้นเลือดเล็กแตก จึงยังมีเลือดออกอยู่หน่อย เพราะงั้นประคบถุงน้ำแข็งนี้เอาไว้ก่อนนะ” ระหว่างที่พูด ฟางชิวก็ค่อย ๆ วางถุงน้ำแข็งลงบนข้อเท้าที่แพลงของเจียงเหมี่ยวอวี๋

“ขอบใจนะ!” เจียงเหมี่ยวอวี๋กล่าวเสียงเบา

“ด้วยความยินดี” ฟางชิวตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “อย่าขยับไปไหน ถือมันไว้ก่อนแต่ถ้ารู้สึกหนาวก็ค่อยเอาออก”

“มั่นใจได้ ปล่อยให้มันเป็นหน้าที่ของฉันเอง ยังไงซะพวกเราก็เป็นนักศึกษาแพทย์ เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้มันไม่ยากเกินไปสำหรับฉันหรอก” หยวนเป้ยโพล่งตอบขึ้นมา

“อืม” ฟางชิวพยักหน้ารับ เขาหันไปหาเจียงเหมี่ยวอวี๋แล้วเอ่ยถามว่า “ยังไม่ได้กินข้าวกลางวันใช่ไหม?”

“พอนายถามถึงมัน ฉันก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันทีเลย” หวังอวี๋พูดพร้อมกับเอามือกุมท้องตัวเอง

“ใช่ ฉันก็เหมือนกัน ทำไมไม่มีใครถามฉันบ้างเลย” แม้สีหน้าของหวงหมานหม่านจะฉายความขมขื่นออกมา แต่สายตาของเธอกลับฉายแววล้อเลียนอย่างชัดเจน

“ถ้างั้น ฉันจะไปถามให้ว่าอาหารจะแจกตอนไหน” ฟางชิวพยักหน้าก่อนจะจากไป

“ไม่เคยมีใครสนใจเรื่องของฉันเลย แต่พอมีคนสนใจแล้วก็รู้สึกไม่ชินเลยแฮะ” หยวนเป้ยมองไปที่เจียงเหมี่ยวอวี๋แล้วพูดติดตลกออกมา

“พวกเราก็พลอยได้รับอานิสงส์จากดอกไม้ประจำมหาวิทยาลัยไปด้วย โชคดีจังเลยน้า!” หวงหมานหม่านพูดกับเจียงเหมี่ยวอวี๋พร้อมกับรอยยิ้มร่า

“มันเป็นโชคดีของพวกเราใช่ไหม ที่ได้รับประโยชน์น่ะ” หยวนเป้ยถามกลับ

หวังอวี๋จึงมองไปที่เจียงเหมี่ยวอวี๋ด้วยรอยยิ้มในดวงตา โดยไม่พูดอะไรต่อเพราะไม่จำเป็นต้องมีคำอธิบาย

เจียงเหมี่ยวอวี๋แกล้งทำเป็นหลับและไม่สนใจเพื่อนทั้งสามคนอีก

“ตอนนี้มีคนเถียงไม่ได้แล้ว แถมยังแกล้งทำเป็นหูหนวกอีก” หวงหมานหม่านตั้งข้อสังเกต ใบหน้าของเจียงเหมี่ยวอวี๋เริ่มแดงขึ้นทันทีที่ได้ยินเพื่อนแซว

หลังจากนั้น ฟางชิวก็กลับมาพร้อมกับอาหารกลางวันฟรีจำนวนห้ากล่อง

“ในที่สุดนายก็กลับมา เหมี่ยวอวี๋ของพวกเราตั้งใจรอเลยนะเนี่ย” เมื่อเห็นฟางชิวกลับมา หยวนเป้ยก็พูดล้อเลียนทันที เจียงเหมี่ยวอวี๋รีบลืมตาขึ้นมา และเหลือบมองหยวนเป้ยอย่างคาดโทษ ส่วนหยวนเป้ยก็ทำเป็นไม่สนใจ ฟางชิวเห็นแล้วก็เลยหัวเราะออกมา

หลังอาหารกลางวัน ฟางชิวก็ดูแลเจียงเหมี่ยวอวี๋เป็นอย่างดีโดยมีรูมเมตของเจ้าตัวคอยล้อและหัวเราะเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ ฟางชิวกับเจียงเหมี่ยวอวี๋ก็ได้แต่เขินอาย

ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงเมืองเจียงจิง

หยวนเป้ยกับหวังอวี๋ช่วยพยุงเจียงเหมี่ยวอวี๋ลงจากรถไฟ จากนั้นพวกเขาก็นั่งแท็กซี่กลับไปมหาวิทยาลัยทันที

เพียงไม่นาน แท็กซี่ก็จอดที่ประตูมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิง

“ฟางชิว พวกเราพยุงเจียงเหมี่ยวอวี๋ไม่ค่อยสะดวก ถ้าเกิดไม่ทันระวังให้ดี เท้าของเธอก็จะโดนพื้น ถ้างั้นทำไมนายไม่แบกเธอกลับล่ะ” หยวนเป้ยเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มที่สดใสราวกับดอกไม้บาน

“ได้สิ!” ฟางชิวตกลงทันทีโดยไม่ต้องคิดมาก

เพราะขาของเจียงเหมี่ยวอวี๋แทบจะไม่สามารถขยับได้ในตอนนี้ และการเดินด้วยการพยุงอาจทำให้เกิดปัญหาได้ แล้วก็มันจะไม่ดูดีด้วย

เจียงเหมี่ยวอวี๋ได้แต่เงียบไปตลอดทาง

เมื่อลงจากรถ ฟางชิวก็แบกเจียงเหมี่ยวอวี๋ไว้บนหลัง เขาเดินไปที่ประตูมหาวิทยาลัยโดยมีหยวนเป้ย หวังอวี๋ และหวงหมานหม่านเดินตามมาไม่ห่าง

เมื่อมาถึงหน้าประตูมหาวิทยาลัย ฟางชิวก็หยุดเดินกะทันหันแล้วมองไปข้างหน้าด้วยความอึ้ง เพราะเห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังเดินออกจากมหาวิทยาลัย

ทั้งคู่สังเกตเห็นกัน เธอเหลือบมองฟางชิวแค่แวบเดียว แล้วหญิงสาวคนนั้นก็ตกตะลึง

ระหว่างที่ฟางชิวมองไปยังหญิงสาวคนนั้น เขาก็วางเจียงเหมี่ยวอวี๋ลงอย่างระมัดระวัง

เจียงเหมี่ยวอวี๋จึงลืมตาขึ้นด้วยความงุนงง แล้วสิ่งที่ดึงดูดสายตาของเธอก็คือหญิงสาวหน้าตาสะสวยแต่งตัวเรียบง่าย อีกทั้งยังดูฉลาดเฉลียวและอ่อนเยาว์ยืนอยู่ตรงหน้า

ดวงตาของหญิงสาวคนนั้นเบนจากใบหน้าของฟางชิวไปยังเจียงเหมี่ยวอวี๋ เจ้าตัวมองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า

และแล้วหญิงสาวทั้งสองก็เผชิญหน้ากันในที่สุด

ในสายตาของพวกเธอมีแต่ความสับสน ความสงสัย และความต้องการคำตอบกับสถานการณ์ตรงหน้า

และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ฟางชิวเกิดความลังเล

สายตาของเขามองไปมาระหว่างหญิงสาวที่อยู่ข้างหน้ากับเจียงเหมี่ยวอวี๋ โดยไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมา

อย่างไรก็ตาม หลังจากแลกเปลี่ยนสายตากันแล้ว หญิงสาวคนนั้นกับเจียงเหมี่ยวอวี๋ก็หันไปหาฟางชิวพร้อมกัน

ทั้งคู่ดูงุนงง และต่างตั้งคำถามกับฟางชิวว่า ‘ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร?’

“เธอมาทำอะไรที่นี่?” ฟางชิวเอ่ยถามหญิงสาวที่อยู่ข้างหน้าเขาด้วยรอยยิ้ม เห็นแล้วก็รู้เลยว่าดูจริงใจอย่างยิ่ง

แต่ใครจะรู้ว่าหญิงสาวจะไม่ตอบ เธอกลับเข้าไปหาฟางชิวเพื่อต่อยเบา ๆ แทน

“ไม่เลวนี่ แค่ไม่นานนายก็รู้จักเพื่อนร่วมชั้นที่สวยขนาดนี้แล้ว”

“ไม่ใช่ว่าเธอรู้มานานแล้วเหรอ?” ฟางชิวยิ้มให้หญิงสาวก่อนที่จะหันไปแนะนำให้รู้จักกับเจียงเหมี่ยวอวี๋ “เพื่อนร่วมชั้นสมัยม.ปลายน่ะ ชื่อเจี่ยงเมิ่งเจี๋ย”

จากนั้นเขาก็หันกลับมามองเจี่ยงเมิ่งเจี๋ยแล้วพูดว่า “ส่วนนี่เพื่อนร่วมชั้นของฉันชื่อเจียงเหมี่ยวอวี๋ นี่รูมเมตของเธอ หยวนเป้ย หวังอวี๋และหวงหมานหม่าน”

“สวัสดีทุกคน!” เจี่ยงเมิ่งเจี๋ยพยักหน้าให้กับทั้งสี่ด้วยรอยยิ้ม

“สวัสดี!” เจียงเหมี่ยวอวี๋ก็ตอบกลับ

“เธอบาดเจ็บเหรอ” หลังจากแลกเปลี่ยนคำทักทายแล้ว เจี่ยงเมิ่งเจี๋ยก็มองไปที่ข้อเท้าบวมแดงของเจียงเหมี่ยวอวี๋แล้วพูดกับฟางชิวว่า “เธอเจ็บขนาดนี้ รีบพาเธอกลับเถอะ”

“พวกเราช้าก็เพราะเธอนั่นแหละ” ฟางชิวยิ้ม แล้วเขาก็แบกเจียงเหมี่ยวอวี๋ไว้บนหลังอีกครั้ง จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังหอพักหญิง เจี่ยงเมิ่งเจี๋ยเองก็เดินตามมาข้างหลังด้วย

ระหว่างทางไม่มีใครคุยกัน บรรยากาศน่าอึดอัดเล็กน้อย

“พวกนายไม่ได้เจอกันนาน คงจะมีเรื่องให้คุยกันมากมาย มีหยวนเป้ยอยู่ที่นี่แล้ว ฉันก็ไม่เป็นไรแล้วล่ะ” ทันทีที่เจียงเหมี่ยวอวี๋นอนลงบนเตียง เธอก็พูดด้วยรอยยิ้ม

“ก็ได้ ถ้างั้นพรุ่งนี้ฉันจะไปเยี่ยมเธอนะ” หลังจากครุ่นคิดแล้ว ฟางชิวก็ตอบพร้อมพยักหน้า

ถึงจะเป็นวันหยุด แต่นักศึกษาบางคนก็ยังอยู่ในมหาวิทยาลัย และมันคงจะดูไม่ดีถ้ามีคนเห็นเขาในหอพักหญิง โดยเฉพาะป้าดูแลหอพักที่เข้มงวดยิ่งกว่าแม่ของเขาซะอีก

หลังออกจากหอพักหญิง

“เธออยากไปที่ไหน?” ฟางชิวเอ่ยถามเจี่ยงเมิ่งเจี๋ย

“งั้นไปที่สนามกีฬาของมหาวิทยาลัยก็ได้ เดินไปคุยไปเอา” เจี่ยงเมิ่งเจี๋ยตอบด้วยรอยยิ้ม

“เอาสิ!” ฟางชิวพยักหน้าเห็นด้วย

จากนั้น พวกเขาก็เดินไปที่สนามกีฬาขณะพูดคุยกัน

“เธอมาถึงที่นี่ตอนไหนล่ะ?” ฟางชิวถามขณะมองไปทางเจี่ยงเมิ่งเจี๋ย

“วันจันทร์ก็มาถึงแล้ว” เจี่ยงเมิ่งเจี๋ยตอบพร้อมกับยิ้มและเอียงคอมองฟางชิว “ฉันแค่อยากจะเซอร์ไพรส์นายน่ะ แล้วฉันก็เจอนักศึกษาคนหนึ่งที่ประตูมหาวิทยาลัย บังเอิญมากเลยนะ เพราะเขาก็รู้จักนายเหมือนกัน เขาพาฉันไปหานายตั้งนาน สุดท้ายฉันถึงได้รู้ว่านายไม่ได้อยู่ที่นี่ หลังจากนั้นฉันก็เลยเช็กอินที่โรงแรมแถว ๆ นี้รอนายกลับมา”

“การรอคอยอันยาวนานของเธอได้ผลแล้ว เพราะฉันกลับมาแล้ว” ฟางชิวหัวเราะ

“ใช่แล้ว และยังมีสาวสวยอยู่บนหลังนายด้วย” มีร่องรอยของความขมขื่นปรากฏในดวงตาของเจี่ยงเมิ่งเจี๋ย จากนั้นเธอก็หัวเราะและเปลี่ยนเรื่องคุยแทน

“รู้ไหมว่าทำไมฉันไม่โทรหาหรือกลับไปทั้ง ๆ ที่หานายไม่เจอ”

“ไม่รู้สิ” ฟางชิวส่ายหัวอย่างตรงไปตรงมา

“เพราะฉันรู้ว่าฉันจะได้เจอนายแน่นอน” เจี่ยงเมิ่งเจี๋ยคลี่ยิ้มหวานแล้วพูดต่อ “ดูสิ ไม่ใช่ว่าฉันหานายเจอแล้วเหรอ”

ฟางชิวยิ้มแทนคำตอบ

“แต่ฉันคาดไม่ถึงว่า” เจี่ยงเมิ่งเจี๋ยไม่ได้เอ่ยถึงเจียงเหมี่ยวอวี๋อีกต่อไป “เพิ่งเปิดเรียนได้ไม่ถึงเดือน นายก็มีชื่อเสียงไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัยแล้ว”

“หือ?” ฟางชิวจ้องมองเจี่ยงเมิ่งเจี๋ยด้วยความงงงวย เขาไม่เข้าใจว่าเธอรู้ได้อย่างไร

“ตอนที่มาถึงมหาวิทยาลัยของนายแล้วฉันก็เปิดดูเว็บบอร์ด มีแต่ข่าวของคนคนนึง แถมคนคนนั้นยังติดอันดับอีกต่างหาก” เจี่ยงเมิ่งเจี๋ยอธิบาย ฟางชิวฟังแล้วก็หัวเราะออกมา

“ตอนแรกก็คงจะเป็นงานเลี้ยงฤดูใบไม้ร่วงของมหาวิทยาลัย ต่อด้วยพิธีเปิดภาคเรียน และสุดท้ายก็คือวันเลือกชมรม ร้องสามเพลงพร้อมการแสดงความสามารถพิเศษอีกนิดหน่อย แล้วในการแสดงแต่ละครั้งก็ทำให้ผู้คนตกตะลึงอีก เหล่าฟางอ่า นายยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ!”

“แต่ว่าก็ดีกว่าสมัยที่นายเรียนอยู่ม.ปลาย ฉันเกือบจะจำนายไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ”

เจี่ยงเมิ่งเจี๋ยมองออกไปไกล ๆ แล้วนึกถึงความทรงจำเก่า ๆ ไปด้วย “เหล่าฟาง ฉันไม่ได้ฟังนายร้องเพลงมานานแล้ว นายร้องเพลงให้ฉันหน่อยได้ไหม”

“เธออยากฟังอะไรล่ะ” ฟางชิวถามเบา ๆ

“เพลงสมัยมัธยมต้นของสุ่ยมู่เหนียนฮวา” ฟางชิวพยักหน้าตอบ เขารู้จักเพลงนี้

หลังจากถอนหายใจเบา ๆ ฟางชิวก็เริ่มร้องเพลงทันที

“ผ่านสนามกีฬาเปียกฝน

เธอที่ขี้ขลาดของฉัน

เมื่อไรที่เธอรู้สึกโดดเดี่ยว

เธอจะร้องไห้เงียบ ๆ ที่มุมห้อง…”

การร้องเพลงของฟางชิวนั้นไพเราะมาก ทั้งสองคนเดินเคียงข้างกันไปตลอดทาง

เจี่ยงเมิ่งเจี๋ยไม่ได้พูดหรือหัวเราะ เธอจ้องไปที่ใบหน้าของฟางชิว มองเขาร้องเพลงพลางเผยรอยยิ้มจาง ๆ ตรงมุมปาก

ในหนึ่งเพลง ฟางชิวร้องเป็นเวลาสามนาที และเจี่ยงเมิ่งเจี๋ยก็มองดูฟางชิวเป็นเวลาสามนาทีเช่นกัน ดวงตาของเธอไม่คลาดจากเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียว

ราวกับว่าเธอกำลังตกอยู่ในภวังค์เพราะเสียงของฟางชิว และดูเหมือนว่าเธอจะเพลิดเพลินกับการอยู่เคียงข้างฟางชิว

เธอชอบความรู้สึกนี้มาก

“รักคืออะไร?

ฉันยังไม่รู้

ใครจะเข้าใจตลอดไป

แล้วใครจะเข้าใจตัวเอง

แอบซ่อนไดอารี่ลิลลี่ไว้ในกระเป๋า

เธอที่ไร้เดียงสาของฉัน ของฉันคนเดียวเท่านั้น”

เจี่ยงเมิ่งเจี๋ยฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มขำ ตอนเธอได้ยินประโยคสุดท้ายของเพลงนี้ ดวงตาของเธอก็จับจ้องไปที่ฟางชิวตลอดเวลา รอยยิ้มของหญิงสาวมีความอ่อนโยนปรากฏอยู่เต็มเปี่ยม ขับให้เธอดูสวยมากกว่าเดิมเสียอีก

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท