คุรุการแพทย์ – บทที่ 112 คราวหลังจะทำอะไรก็ใช้สมองด้วย

คุรุการแพทย์

บทที่ 112 คราวหลังจะทำอะไรก็ใช้สมองด้วย

บทที่ 112 คราวหลังจะทำอะไรก็ใช้สมองด้วย

พอถึงเวลาสิบนาฬิกา เสียงโวยวายก็ดังขึ้น

“มีคนตกน้ำ! มีคนตกน้ำ!”

“ใครว่ายน้ำได้รีบลงไปช่วยพวกเขาที!”

เสียงโวยวายอย่างกะทันหันนี้ดังลั่นไปทั่วโรงเรียน

เนื่องจากวันหยุดวันชาติยังไม่สิ้นสุด ผู้คนในมหาวิทยาลัยจึงมีไม่มากนัก เวลานี้จึงไม่มีใครตอบกลับหรือให้ความช่วยเหลือ

ทว่าฟางชิวที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ในหอพักได้ยินแจ่มแจ้ง

เสียงร้องขอความช่วยเหลือ!

“มีคนตกน้ำเหรอ?”

เขาลุกขึ้นสวมชุดชายลึกลับโดยไม่ลังเล จากนั้นก็ทะยานตัวขึ้นฟ้าตรงไปยังทะเลสาบอย่างรวดเร็ว

เมื่อมาถึง ฟางชิวก็ยืนเต็มความสูงอยู่บนกิ่งไม้ เขาเหลือบมองทะเลสาบด้านหน้าอย่างระมัดระวัง

แต่แล้วชายหนุ่มก็ยิ้มเยาะ ความโกรธเกรี้ยวเย็นชาพลันปรากฏ ตอนนี้เขารู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก

ฟึ่บ!

ฟางชิวเคลื่อนตัวลงจากต้นไม้ วางเท้าบนผืนน้ำแล้วเดินตรงไปยังที่เกิดเหตุด้วยท่าทีเย็นชา

“ออกมา!”

เสียงตะโกนด้วยความโกรธเปล่งออกมาจากลำคอ แต่กลับไม่มีใครปรากฏตัว

“จะไม่ออกมาใช่ไหม?”

ใบหน้าของฟางชิวทวีความเย็นเยียบ เขาเหยียดมือขวาขึ้นบนอากาศ ภายในพริบตา น้ำในทะเลสาบก็พุ่งขึ้น

ซู่!

เสาปริศนาปรากฏขึ้นจากผืนน้ำ หากสังเกตอย่างระมัดระวัง ก็จะเห็นว่ามีร่างคนบนเสานั้น

คนที่ถูกจับในสภาพหมดสติลอยขึ้นสู่ฝั่งทันที

ฟางชิวยังคงยืนอยู่บนทะเลสาบ เขาหันศีรษะอย่างเชื่องช้าไปทางพุ่มไม้ข้างทะเลสาบแล้วกล่าวว่า “ออกมา!”

สิ้นเสียง ร่างทั้งสองก็ปรากฏตัวแล้วผละออกมาจากพุ่มไม้ แน่นอนว่าคือหลี่จีและลั่วชู

“ผู้อาวุโส เราไม่ได้อยากจะสร้างเรื่อง!”

ทันทีที่ปรากฏตัว หลี่จีก็รู้ว่าชายลึกลับจะโกรธมากจึงรีบขอโทษ “เราแค่อยากคุยกับผู้อาวุโส แต่ผู้อาวุโสก็ปิดบังตัวตนและหายไปตลอด เราเลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตัดสินใจทำแบบนี้”

พูดจบหลี่จีก็ชี้นิ้วไปทางชายที่แสร้งจมน้ำแล้วโดนฟางชิวช่วยเหลือไว้ “เขาเป็นตำรวจพกอาวุธ เขาแค่แกล้งจมน้ำ นี่ไม่ใช่อุบัติเหตุจริง ๆ หรอก ผู้อาวุโสอย่าตำหนิผมเลยนะครับ”

ลั่วชูที่ยืนอยู่ด้านข้างก็รู้สึกละอายเช่นเดียวกัน

ชายลึกลับปรากฏขึ้น แต่ต่างกับที่เขาคิดไว้ลิบลับ!

“ผู้อาวุโสพอจะสละเวลาให้เราได้ไหมครับ?”

“ไร้สาระ!” ฟางชิวกล่าวอย่างโกรธเคือง

มีเพียงไม่กี่สิ่งเท่านั้นที่ทำให้ฟางชิวเคืองใจได้ และคราวนี้เขาก็โกรธมาก!

สิ่งที่สองคนนี้ทำมันล้ำเส้นเกินไปแล้ว!

“พวกนายก็เคยเข้าโรงเรียนประถมไม่ใช่เหรอ? เคยได้ยินเรื่องเด็กเลี้ยงแกะใช่ไหม?”

“ครั้งนี้พวกนายโกหกฉัน ครั้งหน้าหากมีใครตกน้ำจริง ฉันอาจจะไม่มาช่วย แล้วก็จะต้องมีคนตายเพราะคำหลอกลวงของพวกนาย! ในฐานะทหาร พวกนายไม่มีสมองบ้างเลยเหรอ?”

ฟางชิวถามด้วยความโกรธ

เขาไม่ได้โกรธเพราะถูกหลอก แต่เป็นเพราะทั้งสองกระทำการราวกับคนสิ้นคิด ไม่ได้พิจารณาถึงสิ่งที่จะตามมาเลยแม้แต่นิด!

หลี่จีและลั่วชูมองหน้ากันหลังจากได้ยินคำติเตียนจากชายลึกลับ ใบหน้าของทั้งสองเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด

ชายตรงหน้าพูดถูก

กลวิธีนี้อาจนำมาซึ่งผลลัพธ์ร้ายแรง แม้ครั้งนี้จะไม่เป็นอะไร แล้วครั้งหน้าล่ะ?

“หยุดใช้วิธีแบบนี้สักที!”

ฟางชิวจ้องมองทั้งสองอย่างเย็นชา “อย่ารบกวนฉันอีก! ฉันรู้จุดประสงค์ของพวกนาย ฉันรับใช้แผ่นดินเกิดแน่ แต่จะไม่เข้าร่วมกองทัพ พวกนายมีหน้าที่และภารกิจที่ต้องรับผิดชอบ ฉันเองก็มีเหมือนกัน แม้จะต่างวิธี แต่ก็มีเป้าหมายเดียวกัน!”

“กลับไปซะแล้วอย่าทำเรื่องไร้สาระแบบนี้อีก! คราวหลังจะทำอะไรก็ใช้สมองด้วย!”

สิ้นเสียงกล่าว ร่างของฟางชิวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ดังนั้นริมฝั่งทะเลสาบจึงมีแค่หลี่จีและลั่วชู ทั้งสองมองหน้ากัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด แต่ที่ปรากฏอย่างเห็นได้ชัดคือความกลัว

ตอนแรกพวกเขาคิดว่าแผนการนี้สมบูรณ์แบบ ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่พวกเขาคาดไว้ เพราะชายลึกลับปรากฏตัวขึ้นจริง ๆ

แต่พวกเขาไม่ได้คิดถึงผลลัพธ์ที่ตามมาเลย

แม้ว่านี่จะเป็นมหาวิทยาลัยที่เต็มไปด้วยปัญญาชน แต่ใครจะรับรองได้ว่าจะไม่มีเหตุการณ์จมน้ำเช่นนี้อีกในอนาคต?

จะเกิดอะไรขึ้นหากในอนาคตมีคนตกลงไปในน้ำจริง ๆ แต่ชายลึกลับกลับไม่มาช่วยเพราะการหลอกลวงครั้งนี้ของพวกเขา?

ที่แห่งนี้มีผู้คนออกมาว่ายน้ำตลอดเวลา ใครจะรับรองได้ว่าไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น?

“ขอโทษนะ”

ลั่วชูกระซิบกับหลี่จี “ฉันคิดวิธีนี้เพราะสนใจแค่อยากจะล่อลวงให้ชายลึกลับปรากฏตัว แต่ฉันไม่ได้คิดถึงผลที่ตามมา ในฐานะทหาร วิธีนี้ไม่เหมาะสมเอาซะเลย ฉันไม่ควรทำแบบนี้จริง ๆ นั่นแหละ”

“ฉันเองก็ผิด”

หลี่จีถอนหายใจแผ่วเบาพลางกล่าว “หากไม่ใช่เพราะฉันต้องการตามหาชายลึกลับ ฉันคงไม่ขอให้นายมาที่นี่ เหตุการณ์นี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น ต้นเหตุคือฉันนี่แหละ”

ลั่วชูไม่ได้ตอบกลับ เขารู้ว่าเขาผิด หลี่จีเองก็เช่นกัน พวกเขาผิดทั้งคู่ หลี่จีผิดเพราะดื้อรั้นที่จะตามหาชายลึกลับ ส่วนเขาผิดที่ใช้วิธีที่ไม่ควรและไม่คิดให้รอบคอบ

“คิดซะว่าเรื่องราวในวันนี้ไม่เคยเกิดขึ้นก็แล้วกัน จำไว้ในใจก็พอ!”

หลังเงียบไปนาน ในที่สุดลั่วชูก็เปิดปากพูด “พวกเราเป็นทหาร ต้องปกป้องประชาชนและประเทศชาติ ไม่ควรทำพลาดอีก”

“อืม” หลี่จีพยักหน้าพลางเอ่ยถาม “แล้วเราควรทำยังไงต่อ?”

“รายงาน”

ลั่วชูกล่าว “แค่เราสองคนหาตัวชายลึกลับไม่ได้หรอก วิธีเดียวที่ทำได้ในตอนนี้คือรายงานให้กับเบื้องบนได้ทราบ ไม่ว่ายังไงเราก็ต้องค้นหาตัวตนของเขาให้พบ”

“ความแข็งแกร่งของเขาน่าทึ่งมาก ฉันไม่เคยเห็นหนุ่มสาวที่ไหนแข็งแกร่งขนาดนี้มาก่อน เขาเป็นคนแรกที่ทำฉันอึ้ง น่าเสียดายที่คนแบบนี้ไม่ได้รับใช้ชาติ!”

หลี่จีพยักหน้า เห็นด้วยกับสิ่งที่ลั่วชูกล่าว

ความแข็งแกร่งของชายลึกลับทรงพลังมากจนทำให้ผู้คนหวาดกลัว ที่สำคัญคือยังดูหนุ่มยังแน่นจนน่าเกรงขาม!

พวกเขาไม่รู้จักชายลึกลับ รู้เพียงแค่ว่าชายลึกลับกล้าหาญอย่างยิ่ง แต่ใครจะรับรองได้ว่าชายลึกลับจะไม่ใช้พลังในทางที่ผิด?

ชายลึกลับบอกว่าจะรับใช้แผ่นดินเกิด งั้นควรปล่อยไปใช่หรือเปล่า?

แน่นอนว่าไม่มีทางซะหรอก

“ถ้าเรารายงานเรื่องนี้กับเบื้องบน แล้วเราจะ…”

หลี่จีจ้องมองลั่วชูอย่างลังเล

“ต้องรายงานเบื้องบน!” ลั่วชูกล่าวอย่างหนักแน่น “ถ้าทำผิด ก็ต้องยอมรับบทลงโทษ ถ้าเบื้องบนลงโทษฉัน ฉันก็จะไม่หนี!”

“เอาล่ะ ไปรายงานเบื้องบนเถอะ ฉันเองก็จะไม่หนีไปไหน!”

หลี่จีพยักหน้า เมื่อกระทำผิดก็ต้องยอมรับ หากผิดพลาดแล้วก็ต้องเปลี่ยนแปลงตนเอง! นี่คือธรรมเนียมอันงดงามของกองทัพเรา

“ดี!”

ลั่วชูเปลี่ยนเรื่องสนทนาทันที “ส่วนคนที่ชื่อเฉินชง ถึงจะไม่ใช่ปรมาจารย์ แต่เขาก็มีความแข็งแกร่งอยู่ไม่น้อย”

“ใช่” หลี่จีพยักหน้าตอบกลับ

ไม่นานทั้งสองก็จากไปพร้อมกับชายที่ยังหมดสติ

ส่วนฟางชิวนั้นกลับไปยังหอพักเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและอ่านหนังสือต่อไป ไม่นานเขาก็ออกจากหอพักไปทานอาหารเที่ยงที่โรงอาหาร

หลังทานเสร็จ ฟางชิวก็ได้รับข้อความจากโจวเสี่ยวเทียนผ่านวีแชต

[น้องเล็ก เราอยู่บนรถไฟแล้วนะ กำลังกลับมหาวิทยาลัย น่าจะไปถึงก่อนเวลาอาหารเย็น!]

เมื่อได้เห็นข้อความนั้น ฟางชิวก็ตอบกลับทันที

[มีอะไรก็พูดมา]

เขาไม่ชื่อว่าโจวเสี่ยวเทียนจะส่งข้อความมาโดยไร้เหตุผล

[นี่ พวกเราทุกคนเหน็ดเหนื่อยมาตลอดทั้งวัน เงินก็ไม่มี ทุกวันนี้ไม่ค่อยได้กินอาหารดี ๆ เท่าไหร่]

เขาอ่านข้อความที่โจวเสี่ยวเทียนตอบกลับแล้วพิมพ์กลับไปว่า [แล้ว?]

[นายควรชวนเราไปกินอาหารดี ๆ เติมพลังสิ]

โจวเสี่ยวเทียนส่งสติ๊กเกอร์รอยยิ้มตามด้วยสติกเกอร์กอดขาอ้อนวอน

[ทำไมต้องชวนด้วย?]

ฟางชิวส่งอิโมจิคนทำหน้า ‘เรื่องของนาย’ กลับไปพร้อมตอบกลับข้อความ [ฉันไม่ได้ขอให้พวกนายกลับมาซะหน่อย]

[นี่ฉันกำลังเปิดโอกาสให้นายแสดงความมีน้ำใจอยู่นะ ไม่คว้าไว้หน่อยเหรอ?]

โจวเสี่ยวเทียนส่งข้อความตอบกลับมาอีก

[อย่าลืมสิว่าถ้าฉันไม่โทรหานายตอนนั้น นายก็จะไม่มีทางรู้ว่าเจียงเหมี่ยวอวี๋ได้รับบาดเจ็บ!]

[แน่นอนว่าฉันต้องไม่รู้ว่าเจียงเหมี่ยวอวี๋ได้รับบาดเจ็บ ฉันไม่ได้ตามเธอตลอดเวลานี่!]

[นายดื่มน้ำของฉันแต่ลืมว่าฉันเป็นคนขุดบ่อเหรอ? เป็นมนุษย์ต้องรู้จักตอบแทนบุญคุณนะไอ้หนุ่ม!]

ฟางชิวพูดไม่ออกหลังอ่านจบ เสียงแจ้งเตือนข้อความดังขึ้นอีกครั้ง

[ตอบหน่อยสิ!]

เมื่อเห็นว่าฟางชิวเงียบไปนาน โจวเสี่ยวเทียนก็ส่งข้อความมาก่อกวนเขาอีกครั้ง

[ถ้านายไม่ตอบก็แสดงว่าตกลง!]

[โอเค! ก็ได้!]

ฟางชิวตอบกลับอย่างไม่มีทางเลือก ถึงสามคนนี้จะมีเงิน แต่ก็คงไม่ยอมออกเงินเองหรอก

[น้องเล็กมีน้ำใจมาก! +3]

[+3 หมายความว่าอะไร?] ฟางชิวถามกลับด้วยความสงสัย

[+3 แปลว่าพี่ชายทั้งสามที่เป็นรูมเมตผู้ยอดเยี่ยมของนายคิดว่านายมีน้ำใจมาก]

ฟางชิว “…”

เขาปิดวีแชตเงียบ ๆ แล้วอ่านหนังสือต่อไป หนังสือเล่มนี้คือ ‘คัมภีร์เน่ยจิง*[1]’

ชายหนุ่มอ่านหนังสือเล่มนี้ไปแล้วหลายสิบครั้ง แต่ทุกครั้งที่อ่าน ความรู้สึกของเขาจะแตกต่างออกไป ราวกับว่าเขาสามารถเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้น

ฟางชิวศึกษาอย่างระมัดระวัง ไม่ข้ามแม้เพียงตัวอักษรเดียว เวลาจึงผ่านไปโดยไม่รู้ตัว

กริ๊ง!

เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงพลันดังขึ้น เขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมอง เป็นสายเรียกเข้าจากโจวเสี่ยวเทียน

สามคนนั้นมาถึงแล้วสินะ?

ฟางชิวชะงัก เพราะเวลาบนโทรศัพท์บ่งบอกว่าตอนนี้ห้าโมงเย็นแล้ว

“ว่าไง”

ฟางชิวรับสาย

“[น้องรัก เรามาถึงแล้ว]”

โจวเสี่ยวเทียนเอ่ยเสียงเริงร่า “[ออกมาได้แล้ว เราจะไม่เข้าไปในหอพัก รอกลับทีเดียวตอนกินเสร็จ ตอนนี้รอนายอยู่หน้าประตูมหาวิทยาลัย รีบออกมาซะดี ๆ!]”

“ทำไมต้องรอหน้าประตูมหาวิทยาลัย?”

ฟางชิวถามด้วยความสงสัย

[รอไปกินข้าวไง!]

โจวเสี่ยวเทียนกล่าวด้วยความไม่พอใจ “[ฟางชิว นายจะไม่กลับคำใช่ไหม นายเป็นคนตกลงที่จะเลี้ยงอาหารเย็นมื้อใหญ่เราเองนะ จะเปลี่ยนใจแล้วเหรอ?]”

“เราจะไม่ออกไปกินข้างนอก”

“[แล้วจะไปไหน?]”

เมื่อได้ยินดังนั้น จูเปิ่นเจิ้ง โจวเสี่ยวเทียน และซุนฮ่าวที่กำลังจัดการกับกระเป๋าเดินทางก็รู้สึกถึงลางร้ายขึ้นมา

[1] คัมภีร์เน่ยจิง คือตำราการแพทย์เล่มแรกของจีน

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท