บทที่ 183 ลดน้ำหนักเพื่อการทะลวงผ่าน?
บทที่ 183 ลดน้ำหนักเพื่อการทะลวงผ่าน?
ฟางชิวขึ้นเวทีพร้อมเสียงปรบมือ และก่อนที่พิธีกรจะเปิดรายการ เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้น
ตึก! ตึก! ตึก!
เป็นเสียงฝีเท้าหนักอึ้งที่ดังก้องทำให้บริเวณพลันเงียบสงัด ครั้นหันไปมอง จึงพบว่า…
เป็นชายรูปร่างอ้วนคนหนึ่งวิ่งเข้าไปในสังเวียนอย่างกระหืดกระหอบ ก่อนจะไปยืนอยู่ตรงข้ามกับฟางชิวและคารวะหนึ่งครั้งแล้วเอ่ยคำ “ผมเป็นคนแรก ขอผู้อาวุโสโปรดชี้แนะด้วย”
ฟางชิวพลันตะลึงงัน
ทุกคนที่อยู่ใต้สังเวียนก็ตกใจเช่นกัน
แม้แต่ผู้อาวุโสอี้ยังงงงวย
เจ้าอ้วนนี่รีบร้อนเกินไปหรือเปล่า?
พิธีกรยังไม่ทันขึ้นเวที กฎกติกาอะไรก็ยังไม่ได้บอกด้วยซ้ำ แต่เขากลับวิ่งขึ้นไปเอง?
อีกด้าน พิธีกรที่เพิ่งเดินมาถึงสังเวียนหยุดชะงักทันทีด้วยไม่รู้ว่าควรขึ้นไปดีหรือไม่ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากมองไปยังผู้อาวุโสอี้
เมื่อเห็นพิธีกรทำท่าทางสงสัย ผู้อาวุโสอี้ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะยกยิ้มพร้อมส่ายหัวในทันใด
เมื่อเห็นเช่นนั้น พิธีกรจึงถอยออกไปด้วยความเข้าใจ
บนสังเวียน
ฟางชิวเข้าใจสถานการณ์ด้านล่างอย่างชัดเจน ตอนนี้พิธีกรถอยออกไปแล้ว อีกทั้งผู้อาวุโสอี้ยังยอมรับการเปิดตัวของชายอ้วนคนนี้ เขาจึงไม่ต้องกังวล
“เชิญ”
ชายหนุ่มคารวะให้ชายอ้วนก่อนเอ่ยคำ
“เชิญ!”
ชายอ้วนไม่สามารถรอได้อีกต่อไป
ทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘เชิญ’ จากปากฟางชิว เขาก็ขยับเท้าพร้อมก้าวอย่างว่องไวเพื่อออกกระบวนท่าเตรียมโจมตี
“หืม?”
ดวงตาของฟางชิวพลันมีแสงวาบขึ้นมา
เจ้าอ้วนนี่หนักหนึ่งร้อยห้าสิบกิโลกรัม!
ตามหลักแล้วคนที่อ้วนมากมักจะเคลื่อนไหวช้า แต่คนอ้วนที่อยู่ตรงหน้าไม่เป็นเช่นนั้น กลับกันเขามีความยืดหยุ่นและคล่องแคล่วมาก
‘ใช้เท้าได้ไม่เลว!’
ฟางชิวเอ่ยชมในใจ การใช้เท้าเช่นนี้ทำให้ร่างกายของคนอ้วนเบาลงไม่น้อย
“…แต่ไม่รู้ว่าจะโจมตีได้เร็วแค่ไหนกัน?”
เขาเอ่ยพึมพำกับตัวเอง
ฟางชิวไปเผชิญหน้ากับชายอ้วนที่กำลังมุ่งโจมตีอย่างดุเดือด
เพียงครู่เดียวหมัดและเท้าก็ปะทะกัน
ฟิ้ว! ปึก! ปัก!
ทั้งคู่โรมรันพันตูอย่างไม่มีใครออมมือโดยไม่มีตั้งรับใด ๆ
หลังจากต่อสู้ด้วยมือไม่กี่กระบวนท่า
หืม?
หัวใจของฟางชิวพลันสั่นวูบไหว
ใครกันคาดคิดว่าเจ้าอ้วนคนนี้ไม่เพียงแต่จะมีความยืดหยุ่นไม่น้อย แต่ยังมีพลังมหาศาลอีกด้วย!
แน่นอนว่าในตอนนี้ฟางชิวยังเฝ้าสังเกตการใช้เท้าและร่างกายของชายอ้วน เช่นเดียวกับท่วงท่าการต่อสู้และกลยุทธ์ของเขา
เมื่อสู้กันไปสักพัก ทั้งสองยังคงต่อสู้กันอย่างดุเดือด
เห็นดังนี้แล้ว ผู้คนที่รอบ ๆ สังเวียนก็เกิดความไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย
โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้มาในครั้งที่แล้วต่างพากันตำหนิติเตียนอย่างเงียบ ๆ
“หากชายสวมหน้ากากมีกำลังขนาดนั้นจริง ๆ ทำไมถึงเป็นแบบนี้?”
“คนพวกนี้ล้วนสรรเสริญชายสวมหน้ากากจนเขาแทบจะลอยไปบนฟ้าแล้ว แต่ตอนนี้ดูแล้วไม่เห็นเป็นอย่างที่ว่า! ขี้คุยนี่หว่า”
“แค่ศิลปะการต่อสู้ระดับเจ้าอ้วนนี่ก็เอาชนะไม่ได้ แล้วจะเรียกเขาว่าปรมาจารย์ได้เหรอ?”
“ถ้าเก่งจริง แค่หมัดเดียวก็ล้มเจ้าอ้วนนั่นได้แล้ว”
“ให้ตายสิไม่ใช่ว่าโดนหลอกใช่ไหม?”
“แบบนี้คือปรมาจารย์งั้นเหรอ?”
คนที่เพิ่งเห็นฟางชิวเป็นครั้งแรกล้วนมองไปยังเขาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี พร้อมกับความโมโหที่ปะทุขึ้นในใจ แต่ไม่สามารถพูดออกมาตรง ๆ ได้เนื่องจากต้องไว้หน้าผู้อาวุโสอี้
แม้แต่คนที่เข้าร่วมการแข่งขันครั้งล่าสุดยังรู้สึกหดหู่ใจ
“นี่แค่การแข่งขันรอบแรกนะ เกิดอะไรขึ้น?”
“ผู้อาวุโสนิรนาม วันนี้เขาเป็นอะไรไป ทำไมถึงต่อสู้อย่างนุ่มนวลเช่นนี้? ไม่จัดการเจ้าอ้วนให้อยู่หมัดไปเลย!”
“สู้เขาสิ จัดการมันเลย!”
“นี่มันแย่ไปหน่อยหรือเปล่า”
จากนั้นก็เกิดการถกเถียงต่าง ๆ นานากันเป็นวงกว้าง
และบนสังเวียน ชายทั้งสองต่างถอยคนละก้าวหลังจากการปะทะกันอย่างดุเดือด
ชายอ้วนกำหมัดแน่นขณะก้าวอย่างว่องไวด้วยปลายเท้า ก่อนจะพุ่งไปข้างหน้ายื่นกำปั้นมหึมาชกเข้าที่ใบหน้าของฟางชิวอย่างจัง
กระนั้นฟางชิวหาได้ขยับเขยื้อน ขณะหมัดนั้นกำลังมาถึงตัว เขาก็ยื่นมือขวาออกมา ก่อนจะคว้าหมับเข้าที่หมัดของชายอ้วนไว้
เจ้าอ้วนพยายามสลัดให้หลุดเพื่อที่จะลงมือโจมตีอีกครั้ง
แต่มือของชายหนุ่มราวกับเป็นแม่เหล็กที่ดูดกำปั้นไว้ในฝ่ามือจนไม่สามารถดึงมันกลับมาได้ ไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม
“เรียบร้อยแล้ว”
ในตอนนั้นเองฟางชิวกล่าวสั้น ๆ
ชายอ้วนแน่นิ่งตะลึงงัน
ฝูงชนที่อยู่รายล้อมสังเวียนต่างก็ตกตะลึง
อะไรเรียบร้อยแล้ว?
เพียงไม่กี่กระบวนท่า แม้ว่าจะดูไม่วิเศษวิโสอะไร แต่เขายอมจ่ายเงินเพื่อให้ได้ขึ้นสังเวียน และจะสู้ง่าย ๆ แล้วจบแบบนี้หรือ?
ผู้คนต่างสงสัยไปตาม ๆ กัน
ชายอ้วนเองก็หัวเสียไม่น้อย
ในตอนนั้นเอง เท้าของเขาขยับไปมาเบา ๆ ต่อมาแรงกระตุ้นมหาศาลพลันระเบิดออกจากร่างกายอ้วนพลุ้ย ก่อนจะกระแทกเข้าที่หน้าอกของฟางชิวเต็มแรง
“ฉันบอกว่าเรียบร้อยแล้วไงล่ะ เจ้าบ้า!”
เมื่อชายอ้วนเริ่มโจมตีอีกครั้ง ฟางชิวก็ตะโกนกลับ
ตอนที่ชายอ้วนกำลังชนเข้ากับร่างของเขา พลังปราณภายในอันน่ากลัวพลันระเบิดออกมา ทำให้คู่ต่อสู้กระเด็นล่าถอยออกไปไกลจนถึงขอบสังเวียน
ภายหลังที่ล้มลงไปแล้ว ชายอ้วนค่อย ๆ หยัดกายยืนได้อย่างมั่นคง ทว่าในใจกำลังหวาดหวั่นชายตรงหน้า
“บัดซบ แรงขนาดนี้เลยหรอ?”
ชายอ้วนตกตะลึงแทบไม่เชื่อ
ในตอนแรกยังคิดว่าฟางชิวเป็นพวกนักต้มตุ๋น แต่หลังจากที่ชายหนุ่มแสดงทักษะออกมาจึงทำให้รู้สึกทึ่งไม่น้อย
กระบวนท่าที่เพิ่งแสดงออกไป แม้แต่คนที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนึ่งก็ไม่อาจทำได้ง่าย ๆ
แต่เจ้านั่นไม่ได้ขยับเท้าเลยแม้แต่น้อย จึงทำให้เขารู้สึกทึ่งในพละกำลังของอีกฝ่ายไม่น้อย
ความแรงระดับนี้ช่างน่ากลัว!
ด้านล่างสังเวียน ฝูงชนพลันเบิกตากว้างเพราะกระบวนท่านี้ของฟางชิวพลิ้วไหวสวยงามจริง ๆ
หลังจากต้านทานศัตรูที่กำลังพุ่งเข้ามาโดยไม่ขยับแล้ว อีกทั้งคู่ต่อสู้ยังเป็นชายร่างอ้วนตัวใหญ่ที่หนักถึง 150 กิโลกรัม ซึ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าหมัดนั้นจะแรงเพียงใด
‘ดูเหมือนว่าชายสวมหน้ากากคนนี้มีกึ๋นอยู่ทีเดียว’
‘นี่เป็นการท่วงท่าที่ดีจริง ๆ สามารถสลัดศัตรูให้ถอยไปได้โดยไม่ต้องขยับ ความแข็งแกร่งของชายคนนี้ไม่ธรรมดาแน่ ๆ’
‘…อืม หรือว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์?’
ผู้คนเอ่ยกับตัวเองในใจ
บนสังเวียน
ฟางชิวยืนเอามือไพล่หลังพลางมองไปยังชายอ้วนที่กระเด็นไปยังขอบสังเวียน “จากการต่อสู้เมื่อครู่ ฉันเข้าใจจุดประสงค์การต่อสู้ของนายกับฉันแล้วล่ะ”
แม้จะกล่าวออกไปเช่นนั้น แต่ในความเป็นจริง ฟางชิวได้เรียนรู้จากเจ้าอ้วนคนนี้มาไม่น้อย
“เข้าใจอะไร?”
ชายอ้วนตะลึงงันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือไปเกาหัวอย่างประหม่าและหัวเราะแห้ง ๆ พลางเอ่ย “ผมก็อยากเลื่อนขั้นไปสู้ผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนึ่งเหมือนกัน ครั้งนี้มาเพื่อให้ผู้อาวุโสช่วยชี้แนะว่ายังมีข้อบกพร่องใดอยู่”
“บอกตามตรง ผมติดอยู่ที่ระดับนี้มาสองปีแล้ว”
ฟางชิวพยักหน้าเข้าใจเบา ๆ
“นายมาถึงจุดสูงสุดของผู้ฝึกยุทธ์แล้ว… ไม่ว่าจะเป็นกำลังภายในหรือทักษะการต่อสู้ ล้วนพัฒนาต่อไปได้ยาก”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฟางชิวก็หยุดพูดไป
อีกด้าน
สีหน้าของชายอ้วนแปรเปลี่ยนและรีบเปิดปากถาม “แล้วควรทำอย่างไรครับ?”
ในที่สุดคำถามก็ถูกถามออกไป
ผู้คนที่อยู่ด้านล่างสังเวียนกลั้นหายใจรอคำตอบจากฟางชิว
ดูว่าปรมาจารย์ลึกลับผู้นี้ที่สามารถชี้ให้ผู้คนเห็นถึงการจะกล้าวเข้าสู่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนึ่ง และสามารถชี้แนะจนมีคนทะลุทะลวงก้าวผ่านไปสู่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนึ่งอีกหรือไม่
“นายต้องการทะลุทะลวงภายนอกหรือภายใน”
ฟางชิวถาม
ชายร่างอ้วนยกมือขึ้นเกาหัวแกรก ๆ ก่อนเอ่ยถาม “มันแตกต่างกันหรือ?”
“แน่นอนว่าแตกต่างสิ”
ชายหนุ่มเอ่ยด้วยท่าทีนิ่งเฉย “ถ้านายต้องการทะลวงผ่านพลังภายนอก ให้ไปหาเครื่องตรวจจับพลังงาน แต่หากต้องการทะลวงผ่านกำลังภายใน ให้พึ่งพาตัวเอง”
เมื่อได้ยินดังนั้น ชายอ้วนก็อับจนคำพูดยิ่งนัก
ถ้าฉันหาเครื่องตรวจจับพลังงานเจอแล้วฉันจะมาหานายทำไม?
เขารีบเอ่ยตอบ “ผมต้องการทะลวงผ่านกำลังภายใน”
“หึ นั่นเป็นเรื่องง่าย…” ฟางชิวเอ่ยต่อทันที “หากสามารถลดน้ำหนักลงจนเหลือเก้าสิบกิโลกรัมได้ นายจะสามารถทะลวงผ่านได้อย่างแน่นอน”
เมื่อผู้ชมได้ยินดังนั้นก็พากันตกตะลึง
การลดน้ำหนักยังช่วยเพิ่มความแข็งแกร่ง?
เป็นไปไม่ได้!
“ผู้อาวุโส ผมรู้ตัวว่าอ้วนและทุกคนก็เห็น ดังนั้นอย่าเอาเรื่องจริงที่เห็นได้อย่างชัดเจนมาล้อเล่นแบบนี้”
ชายอ้วนกล่าวตอบเสียงเรียบ
“ฉันดูเหมือนล้อเล่นหรือ?”
ชายหนุ่มย้อนถามด้วยความจริงจังไม่ต่างกัน “อันที่จริง นายสามารถทะลวงผ่านได้นานแล้ว แต่ถูกทำให้ช้าลงด้วยร่างกายที่อ้วนท้วน… วิธีที่จะก้าวไปสู่ผู้ฝึกยุทธ์นั้นขึ้นอยู่กับความเข้าใจและตระหนักถึงพลังของสวรรค์และโลก เพื่อสร้างพลังปราณภายในร่างกาย”
“สิ่งที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้คือต้องมีความเข้าใจและการตระหนักรู้”
“แต่ร่างกายที่อ้วนท้วนนี้เป็นภาระที่ทำให้ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นนายจึงเข้าใจและตระหนักรู้ได้ช้า ซึ่งนั่นหมายความว่าจะไม่สามารถทะลวงผ่านเข้าสู่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนึ่งได้”
“ถ้านายสามารถลดน้ำหนักได้จนเหลือเก้าสิบกิโลกรัม นายก็จะทำได้”
เมื่อได้ยินดังนั้น ชายอ้วนพลันเอ่ยถามด้วยความไม่เชื่อพร้อมความประหลาดใจในแววตา “ที่ผู้อาวุโสพูดมาเป็นเรื่องจริงเหรอครับ?”
“ทำตามที่ฉันบอก ถ้าไม่คืบหน้าก็กลับมาหาฉัน”
ฟางชิวพยักหน้า
“ฮ่า ๆ…”
เจ้าอ้วนรีบคารวะให้ฟางชิว ก่อนเอ่ยพร้อมรอยยิ้มกว้าง “ผมขอเวลาหนึ่งสัปดาห์ ผมจะลดน้ำหนักอย่างแน่นอน”
หลังจากกล่าวจบ เขาก็กระโดดออกจากสังเวียนแล้วหายไปในพริบตา
เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนี้กำลังไปลดน้ำหนัก!!
ออกกำลังกายก็ถือเป็นการลดน้ำหนัก!
ทุกคนที่อยู่ด้านล่างสังเวียน “…”
แม้ว่าชายหนุ่มจะให้เหตุผลทั้งหมดแล้ว แต่ทุกคนก็ไม่เชื่อเพราะวิธีในการทะลุทะลวงนี้ง่ายเกินไป
ถ้ามันง่ายขนาดนั้นจริง ๆ แล้วทำไมคนจำนวนมากยังคงติดอยู่ที่ขั้นผู้ฝึกยุทธ์?
“ไม่ได้โกหกใช่ไหม?”
“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินว่าการลดน้ำหนักสามารถทำให้ทะลุทะลวงได้”
“นี่มันไม่ไร้สาระเกินไปเหรอ?”
ฝูงชนส่ายหน้าด้วยความไม่เชื่อ
และอีกด้าน
ผู้อาวุโสอี้ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะกลมใกล้กับสังเวียนมากที่สุดกลับพยักหน้าน้อย ๆ หลังจากได้ยิน
“ความแข็งแกร่งของคนคนนี้ไม่อาจหยั่งรู้ได้ คำพูดของเขาล้วนขึ้นอยู่กับพื้นฐาน แน่นอนว่าไม่ใช่การพูดไปเรื่อย”
“ความก้าวหน้าขึ้นอยู่กับความเข้าใจและการตระหนักรู้”
“ด้วยไขมันที่มากขึ้น ความสัมพันธ์ของร่างกายกับรัศมีแห่งสวรรค์และโลกจะอ่อนลงตามธรรมชาติ ในกรณีนี้มันก็สมเหตุสมผล”
…
“คนต่อไป”
ฟางชิวที่อยู่บนสังเวียนเอ่ยปากเสียงดัง
หลังจากเอ่ยออกไป ร่างหนึ่งราวกับเสือชีตาห์ในป่าพลันพุ่งทะยานเข้าไปในสังเวียนด้วยความเร็ว
เมื่อมองดูดี ๆ จะเห็นว่าผู้มาเยือนเป็นชายรูปร่างผอมบาง
เมื่อครู่นี้คนอ้วน ตอนนี้ก็คนผอม?
ผู้ชมรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
“น่าสนใจแฮะ”
“ฮ่า ๆ คนอ้วนต้องลดน้ำหนัก คนผอม ๆ คนนี้ก็คงไม่ต้องลดน้ำหนักหรอกใช่ไหม ถ้าลดอีกเขาก็เหมือนไม้จิ้มฟันแล้วไหม?”
“ถ้าลดน้ำหนักไม่ได้ผล ถ้าอย่างนั้นอาจจะต้องเพิ่มน้ำหนัก?”
“ฉันอยากจะรู้ว่าเขาจะพูดอะไรกับชายร่างผอมคนนี้หลังจากส่งชายอ้วนออกไป”
อันที่จริง…
ชายร่างผอมคนนี้เป็นที่รู้จักในแวดวงศิลปะการต่อสู้เจียงจิงและมีชื่อเสียงไม่น้อย ครอบครัวของเขาธุรกิจอาหารทะเลแห้งและขายอาหารทะเล ระดับการฝึกของเขาติดอยู่ที่ระดับผู้ฝึกยุทธ์มาแปดปี แต่ก็ไม่สามารถทะลวงไปได้!