คุรุการแพทย์ – บทที่ 194 นี่หรือที่เรียกว่าสถานศึกษา

คุรุการแพทย์

บทที่ 194 นี่หรือที่เรียกว่าสถานศึกษา?

บทที่ 194 นี่หรือที่เรียกว่าสถานศึกษา?

“อืม!”

หลังจากได้ยินเช่นนั้น ทุกคนจึงรวมตัวกันรอบ ๆ ด้วยแววตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง

ฟางชิวเริ่มต้นด้วยการให้คนขับรถนอนลง ก่อนจะเริ่มการรักษา

ในการรักษาชายคนแรก ฟางชิวไม่ได้อธิบายอะไรเลย

หลักจากจัดกระดูกไปเพียงไม่กี่ครั้ง คนขับที่นอนอยู่ก็สามารถลุกขึ้นมากระโดดไปมาได้

ทุกคนทึ้ง อึ้ง ประหลาดใจ ทุกความรู้สึกผสมปนเปไปหมด

ให้ตายเถอะ! สุดยอดไปเลย!

ได้มาเห็นดีกว่าได้ยินเสียงเล่าลือเสียอีก!

ชายคนที่สองนั่นเป็นชายที่เริ่มชรา

ฟางชิวพบว่าชายคนนี้มีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง เขาให้ชายคนนั้นนอนบนพื้นหญ้าทันที ในขณะที่ตนเองคุกเข่าข้างหนึ่งและคลำกระดูกอย่างระมัดระวัง

หลังจากสัมผัส

เขาก็ชี้ไปที่กระดูกสันหลังของคนขับรถ ก่อนเอ่ยคำกับนักศึกษาที่อยู่รอบ ๆ “สิบคนมาสัมผัสจุดนี้ ด้านซ้ายกับด้านขวาต่างกันอย่างไร”

ได้ยินดังนั้นทุกคนต่างยกมือขึ้น โอกาสดี ๆ แบบนี้จะไม่คว้าไว้ได้อย่างไร!

ฟางชิวเลือกคนสิบคนจากฝูงชน

คนที่ได้รับเลือกรู้สึกมีความสุขและตื่นเต้นไม่น้อย ส่วนคนที่อยากไปเรียนรู้ แต่ไม่ได้รับเลือกล้วนผิดหวัง

พวกเขาบ่นเงียบ ๆ ในใจว่าทำไมไม่เป็นฉัน!

ฟางชิวยกยิ้ม แล้วเอ่ยกับนักศึกษาที่ผิดหวัง “นี่เป็นเพียงครั้งแรกเท่านั้น ยังมีผู้ป่วยอีกจำนวนไม่น้อย… โอกาสหน้ายังมี”

เมื่อได้ยินดังนั้นก็ทำให้ทุกคนมีกำลังใจ

สิบคนที่ได้รับเลือกเริ่มการคลำหากระดูกอย่างจริงจัง

หลังจากสัมผัสแล้ว ทุกคนล้วนบอกว่าด้านซ้ายต่ำกว่าด้านขวาเล็กน้อย

ฟางชิวพยักหน้าพร้อมกับเริ่มอธิบายให้ฟังขณะที่ทำการรักษา

ฝูงชนต่างตั้งใจฟังอย่างเต็มที่ หลายคนหยิบปากกาและกระดาษออกมาจดบันทึก

อาคารสำนักงาน ฝ่ายบริหาร

เฉินอินเซิงกำลังเก็บของเตรียมเลิกงาน

ทว่าทันใดนั้น…

“แย่แล้ว แย่แล้ว!”

เสียงตะโกนด้วยความตื่นตระหนกดังขึ้น

เฉินอินเซิงหันมองไปก็เห็นชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามาในสำนักงานด้วยท่าทางกระวนกระวายใจ

“มีอะไรอีก?” เฉินอินเซิงหยุดสิ่งที่กำลังทำในมือ ก่อนจะขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม “ทำไมถึงมีเรื่องทุกวันเลยนะ มีแต่เรื่องแย่ ๆ ทั้งนั้น แล้วมันแย่ด้วยเรื่องอะไรล่ะ?”

เขาอารมณ์เสียทีเดียว

มีเรื่องเกิดขึ้นทุกวันในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ทำให้เขากังวลไม่น้อย

“ท่านรองอธิการบดี คนขับแท็กซี่พวกนั้นมาที่มหาวิทยาลัยอีกครั้งเพื่อรับการรักษาจากฟางชิว คราวนี้มีนักศึกษาหลายร้อยคนอยู่ที่นั่น ตอนนี้พวกเขารวมตัวกันรอบสนามฟุตบอลแล้วครับ!” ชายคนนั้นกล่าวอย่างร้อนรนใจ

“อะไรนะ?!”

เมื่อได้ยินว่าเป็นฟางชิวอีกแล้ว ความโกรธพลันปะทุขึ้นในใจของเฉินอินเซิงจนยากระงับ “เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมากันอีกแล้ว แล้วนักศึกษาพวกนั้นจะทำอะไรอีก?”

“ฟางชิวโพสต์ในเว็บบอร์ดเมื่อคืนนี้ว่าเขาจะบรรยายในที่สาธารณะและจะสอนจัดกระดูก เดิมทีมีคนไม่มากนัก แต่เมื่อเช้านี้มีคนคนหนึ่งโพสต์ว่าเสิ่นชุนได้แสดงความคิดเห็นเป็นการส่วนตัวว่าความสามารถของฟางชิวไม่ได้ด้อยไปกว่าเขา หลังจากโพสต์นี้ออกไป นักศึกษาทุกคนจึงมารวมตัวกัน”

ชายคนนั้นเอ่ยตอบ

“ฮึ่ม!” เฉินอินเซิงคำรามด้วยความโกรธ

เสิ่นชุน!

“ท่านรองอธิการบดี ตอนนี้เราจะทำอย่างไรดี?” ชายคนนั้นเอ่ยถามต่อ

เฉินอินเซิงไม่ได้ตอบอะไรออกไป จึงมีเพียงความเงียบปกคลุมห้องทำงาน

ตอนนี้เขากำลังสับสน

ในแง่หนึ่ง เขาต้องการทำบางสิ่งเพื่อนักศึกษาและก็รักนักศึกษาไม่น้อยกว่าใคร เขารู้ถึงความสามารถของฟางชิว ตอนนี้เจ้าหนุ่มนั่นกำลังสอนวิธีการจัดกระดูกซึ่งเป็นโอกาสที่หายากและดีสำหรับนักศึกษาเหล่านั้น ดังนั้นหากเป็นไปได้เขาก็จะไม่ไปรบกวน

แต่เขาก็รังเกียจฟางชิวจากก้นบึ้งหัวใจ ทั้งยังไม่ต้องการให้ชายนุ่มมามีบทบาทใดในมหาวิทยาลัย

ฉันควรทำอย่างไรดี?

หลังจากขบคิดอยู่สักพัก เฉินอินเซิงก็กัดฟันก่อนเอ่ยคำ “ไปบอกฝ่ายวิชาการให้พวกเขาไล่คนพวกนั้นออกไปด่วน!”

“นักศึกษาควรเรียนหนังสือในมหาวิทยาลัย จะมาสอนไปทำไม! ถ้าเราปล่อยให้ฟางชิวสอนจริง ๆ นักศึกษาก็จะไม่เป็นนักศึกษา อาจารย์ก็ไม่ใช่อาจารย์ อีกทั้งอาจารย์ที่ไม่มีความสามารถเท่าฟางชิวจะทำอย่างไรในอนาคต?”

ในที่สุดเขาก็ตัดสินในทุกคนแยกย้ายกันไป

หลังจากได้รับคำสั่งจากรองอธิการบดี

หานซิ่งหมินผู้เป็นหัวหน้าฝ่ายวิชาการมีหรือจะกล้าชักช้า จากนั้นเขาก็รีบไปยังสนามกีฬาของมหาวิทยาลัยพร้อมกับยามทันที

ไม่ใช่แค่เฉินอินเซิง แต่หานซิ่งหมินก็โกรธเช่นกัน

เขาได้เตือนฟางชิวไปแล้วเมื่อวานนี้ ใครกันคาดคิดว่าชายหนุ่มจะยังกล้าทำเช่นนั้น นี่เป็นเพียงการเพิกเฉยต่อคำสั่งของผู้มีอำนาจ!

ในครั้งนี้ นักศึกษาที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงคนนี้ต้องได้รับบทเรียน!

ไม่นานนัก

กลุ่มคนก็มาถึงที่สนามกีฬา

แต่ในขณะนี้ มีคนสามถึงสี่ร้อยคนรวมตัวกันอยู่ที่สนามกีฬา คนพวกนี้อัดกันอยู่กลางสนามฟุตบอล ส่วนใหญ่ยืนอยู่รอบนอกจึงสามารถเห็นได้แค่เพียงศีรษะที่โผล่ขึ้นมาเท่านั้น ทั้งยังมองไม่เห็นฟางชิวที่ถูกล้อมรอบด้วยฝูงชนอีก

ฝูงชนมากหน้าหลายตาจนนักศึกษาบางคนที่ต้องการเรียนรู้เป็นพิเศษไม่สามารถเบียดเสียดกันได้ จึงทำได้เพียงยิ้มและพยายามต่อไป

ศูนย์กลางของฝูงชน

ฟางชิวอธิบายพร้อมกับทำการรักษาไปในเวลาเดียวกัน โดยเขาได้รักษาคนขับรถไปแล้วครึ่งหนึ่ง

ทว่า ขณะที่ฟางชิวรักษาคนคนหนึ่งเสร็จสิ้นและกำลังจะรักษาต่อ ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวดังออกมา

“ทำอะไรน่ะ! ทุกคนออกไป!”

เป็นเสียงคำรามด้วยโทสะของหานซิ่งหมินที่ดังขึ้น

ในเวลาเดียวกัน ยามที่ตามหลังมาก็รีบก้าวไปข้างหน้า เบียดเสียดกับฝูงชนอย่างยากลำบากเพื่อให้หัวหน้าฝ่ายได้เข้าไป

ชายหนุ่มจ้องมองไปยังหานซิ่งหมินที่กำลังเดินมาหาอย่างเฉยชา

“เตรียมเหตุผลอะไรมาบ้างเหรอครับครั้งนี้”

โดยไม่เปิดโอกาสให้หานซิ่งหมินได้เอ่ยอะไร ฟางชิวพลันยืนขึ้นก่อนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มเฉยชา

“ฮึ่ม!” หานซิ่งหมินคำรามในลำคอด้วยความโกรธ “ฟางชิว ฉันเตือนเธอไปแล้วเมื่อวานนี้ เธอเองก็รู้ถึงความผิดของตัวเองแต่ก็ยังทำ!”

“รู้ว่าผิดแล้วยังทำ?” ฟางชิวพลันเอ่ยถามนักศึกษารอบข้างด้วยความสงสัย “ฉันทำผิดกฎของมหาวิทยาลัยหรือเปล่า?”

ผู้คนต่างพากันส่ายหน้า …จะเป็นการละเมิดกฎของมหาวิทยาลัยได้อย่างไร ในเมื่อการสอนแบบให้เปล่าแบบนี้ถือเป็นสิ่งที่ดี?

นักศึกษาต่างงุนงงเช่นกัน ฟางชิวทำความดีอย่างเห็นได้ชัด ทำไมหานซิ่งหมิน หัวหน้าฝ่ายวิชาการคนนี้กลับมาหาเรื่องกัน?

พูดตามตรง พวกเขารู้สึกสับสนไม่น้อยเมื่อเห็นหานซิ่งหมินปรากฏตัวพร้อมกับยามรักษาความปลอดภัย

“ไม่ต้องไปพูดกับคนอื่น! เธอฟังฉันให้ดี!”

หานซิ่งหมินมองไปยังฟางชิวอย่างเฉยชาและเอ่ยต่อ “มหาวิทยาลัยกำหนดอย่างชัดเจนว่าไม่อนุญาตให้นักศึกษาชุมนุมกันโดยผิดกฎหมาย เธอกล้าพูดได้อย่างไรว่าไม่ได้ทำผิดกฎมหาวิทยาลัย?”

ชุมนุมกันโดยผิดกฎหมาย?

“ชื่อเสียงเลื่องลือจังเลยครับ”

ฟางชิวยิ้มเย้ยหยันพร้อมมองหานซิ่งหมิน และเอ่ยถาม “การชุมนุมที่ผิดกฎหมาย โปรดบอกผมว่าผิดกฎข้อใด ในเมื่อคุณบอกว่ามันผิดกฎหมาย งั้นก็ให้คำอธิบายที่ชัดเจนมา มิฉะนั้นผมจะฟ้องคุณในข้อหาหมิ่นประมาท!”

หลังจากได้ยินดังนั้น หานซิ่งหมินที่กำลังเดือดดาลด้วยความโกรธจนต้องการเครื่องดื่มมาดับร้อน ก็ยังไม่สามารถเอ่ยอะไรได้สักคำ

คำพูดของฟางชิวเป็นเหมือนก้างปลาที่ติดอยู่ในลำคอ!

เหนือสิ่งอื่นใด…

ชายหนุ่มปฏิเสธคำพูดและกล่าวหาเขาอย่างรุนแรง

โดยที่ไม่สามารถหักล้างได้!

น่าเจ็บใจนัก!!

การชุมนุมโดยมิชอบด้วยกฎหมายเป็นเพียงข้อกล่าวหาที่เขาก่อขึ้น

ด้วยความโกรธสุมอก ใบหน้าของหานซิ่งหมินจึงแปรเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด ด้วยไม่สามารถหาคำตอบให้ฟางชิวได้

เช่นนั้นคงต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำ!

“อย่ามาพูดเพ้อเจ้อกับฉัน”

หลังจากมองไปยังฟางชิว เขาพลันหันหน้ากวาดสายตาไปยังนักศึกษาหลายร้อยคนที่ล้อมรอบอยู่ และใช้อำนาจของความผู้นำเอ่ยออกมา “ทุกคนรีบกลับไป ใครก็ตามที่ยังคงอยู่ที่นี่จะโดนหักคะแนนทั้งหมด!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น นักศึกษาที่อยู่รอบ ๆ พลันขมวดคิ้ว …การหักคะแนนไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการ!

นี่เป็นไพ่ตายสำคัญที่ใช้จัดการพวกนักศึกษา

ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทุกคนที่จะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยได้ หากคะแนนถูกหักออกจนต่ำเกินไป พวกเขาจะไม่ได้รับทุนการศึกษา หรือแม้แต่การสอบในอนาคตก็จะลำบากมาก หรือหากคะแนนน้อยไปก็ต้องเรียนซ้ำชั้นอีกหนึ่งปี

สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ราคาที่พวกเขาจ่ายได้

แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังคงต้องเรียนต่อไปเพราะโอกาสที่ฟางชิวจะสอนในที่สาธารณะแบบนี้มีไม่มากนัก บางทีอาจจะเพียงครั้งเดียว อีกทั้งชายหนุ่มยังไม่ได้ละเมิดกฎของมหาวิทยาลัยแต่อย่างใด ดังนั้นหานซิ่งหมินเป็นใครกันถึงคิดจะมาไล่พวกเขา?

แม้ว่าพวกเขาจะพูดเช่นนั้น แต่ก็ทำได้เพียงฉุนเฉียวขณะเดินออกไปทีละคน ๆ

หมดหนทาง…

นักศึกษาที่มาดูลังเลอยู่ครู่หนึ่งและทำได้เพียงแยกย้ายกันไป

เมื่อมองไปที่นักศึกษาที่จะออกไป ความโกรธปะทุในใจของฟางชิวทันที

ห้ามรักษาคนไข้ แล้วยังจะมาห้ามไม่ให้นักศึกษาได้เรียนอีก!

“ที่นี่ยังเป็นสถานศึกษาอยู่หรือเปล่า?”

ฟางชิวมองไปยังหานซิ่งหมินพร้อมเอ่ยถามอย่างโกรธ ๆ “ไม่อนุญาตให้นักศึกษาสื่อสารกัน! ไม่อนุญาตให้ถ่ายทอดวิชาความรู้สู่กัน! เห็นได้ชัดว่านักศึกษากำลังเรียนรู้จากกันและกัน แต่กลับบอกว่าเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย คุณยังสมควรเป็นผู้นำมหาวิทยาลัยอยู่รึเปล่าครับ?”

“นี่มันได้เวลาเลิกเรียนแล้ว ค่าเทอมผมก็จ่าย ผมไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเดินไปมาในมหาวิทยาลัยอย่างอิสระเลยเหรอ?”

“สนามกีฬาเป็นของคุณ แต่นักศึกษาทุกคนที่มาที่นี่ได้จ่ายค่าเทอมแล้ว คุณเป็นใครถึงมาจำกัดเสรีภาพของพวกเรา พวกเขาสามารถไปและกลับได้ทุกเมื่อที่ต้องการ คุณมายุ่งอะไรด้วย?”

“นอกจากการรังแกนักศึกษาแล้ว ผู้นำของคุณยังทำอะไรที่เป็นประโยชน์อีกบ้าง? คุณสมควรอยู่ในมหาวิทยาลัยนี้อีกหรือ?

“ยิ่งไปกว่านั้น พวกเรานักศึกษามามหาวิทยาลัยเพื่อเรียนรู้ ในฐานะผู้นำก็ไม่มีเหตุผลที่จะขัดขวาง ไร้เหตุผลสิ้นดี!”

ประโยคมากมายถูกกล่าวออกมา

คำพูดนั้นมีพลัง ทั้งยังมีเหตุผล

จนแม้แต่หานซิ่งหมินยังตกตะลึง

ใครจะคาดคิดว่านักศึกษาปีหนึ่งจะกล้าพูดกับเขาแบบนั้นราวกับผู้ใหญ่สั่งสอนเด็ก

ราวกับว่าบทบาทของทั้งสองสลับกัน…

ความรู้สึกนี้มันช่างน่าอึดอัด!

เดิมทีเขาต้องการใช้โอกาสนี้ให้บทเรียนกับฟางชิว แต่ที่น่าตกใจคือฟางชิวกลับเป็นฝ่ายสอนบทเรียนให้เขาแทนจนได้รับบทเรียนอันหนักหน่วงเสียด้วย

มันทำให้เขารู้สึกไม่ดี ขุ่นเคือง ทั้งยังอับอายมากยิ่งขึ้น

นักศึกษาจำนวนไม่น้อยกำลังจับตามองอยู่

แล้วเขาจะเอาหน้าของหัวหน้าฝ่ายวิชาการไปไว้ที่ไหน?

ก่อนที่เขาจะสงบสติอารมณ์จากคำสบถอันดังของฟางชิว นักศึกษาที่เดิมซึ่งพร้อมที่จะจากไปพลันตอบสนองด้วยการหยุดเดิน ก่อนจะหันหลังกลับ

“ใช่ ค่าเทอมฉันก็จ่าย แล้วคุณเป็นใครมาจำกัดเสรีภาพในชีวิตของเรา?”

“คุณเป็นใครมาควบคุมสิ่งที่แม้แต่กฎหมายก็ควบคุมไม่ได้?”

“เราจ่ายค่าเทอม เรามาที่นี่เพื่อเรียนรู้ คุณเป็นใครมาหยุดเรา?”

“นี่มันเวลาว่างแล้ว พวกเราอยากไปไหนก็ย่อมได้ ฝ่ายวิชาการเองก็เลิกงานแล้ว ตอนนี้คุณก็เป็นคนธรรมดา จะมาวุ่นวายกับเราทำไม”

“คุณบอกมาสิ”

“บอกเราทีว่าคุณมาขวางเราทำไม”

“บอกเหตุผลมา ไม่งั้นเราจะไม่ไป”

“ใช่ ไม่ไป”

“เราทุกคนจะอยู่ด้วยกัน ถ้าเขากล้าที่จะหักคะแนน เราจะเดินขบวนเรียกร้อง”

“ฉันก็ไม่ไปเหมือนกัน”

ด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยความโกรธ

นักศึกษาที่กำลังจะแยกย้ายทยอยเดินกลับมาทีละคน

เพียงแต่… ครั้งนี้ตัวละครหลักไม่ใช่ฟางชิวอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นหานซิ่งหมิน!

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท