คุรุการแพทย์ – บทที่ 203 กล้ายอมรับการท้าทายของฉัน แล้วแกจะเสียใจ!

คุรุการแพทย์

บทที่ 203 กล้ายอมรับการท้าทายของฉัน? แล้วแกจะเสียใจ!

บทที่ 203 กล้ายอมรับการท้าทายของฉัน? แล้วแกจะเสียใจ!

“จนกระทั่งตอนนี้…” ฉีไคเหวินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “พวกเราควรสนับสนุนฟางชิวอย่างเต็มที่เท่านั้น หาคนไปสอนเขาในช่วงเวลานี้ ด้วยพรสวรรค์ของเขา ฉันเชื่อว่าพวกเรายังพอมีความหวังอยู่”

“เฮอะ!” เฉินอินเซิงแค่นเสียงอย่างเย็นเยียบ “นี่คือทางเลือกอื่นเหรอ? มันแก้ปัญหาให้มหาวิทยาลัยไม่ได้ด้วยซ้ำ!”

เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินอินเซิงแล้ว ทุกคนก็มองหน้ากันด้วยความตกตะลึงและไม่มีใครพูดอะไรออกมา

“พวกเราไม่มีทางสนับสนุนฟางชิวอย่างแน่นอน!” เมื่อเห็นว่าไม่มีใครพูดอะไร เฉินอินเซิงจึงตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “การไล่ออกก็เป็นตัวเลือกที่ดี แต่เนื่องจากไม่สามารถทำแบบนั้นได้ ดังนั้นก็ออกหนังสือแจ้งไปยังมหาวิทยาลัยและเครือข่ายทั้งหมดเพื่ออธิบายการกระทำของฟางชิวว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัย มันเป็นการกระทำบุ่มบ่ามของเขาเท่านั้น”

“แล้วก็บอกคนเหล่านั้นด้วยว่าทางมหาวิทยาลัยของพวกเรามุ่งเน้นไปที่การให้ความรู้แก่ผู้คน พวกเราไม่สนับสนุนการกระทำของฟางชิว!” เมื่อพูดถึงประโยคนี้เฉินอินเซิงก็หยุดไป เพราะนี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดที่เขาคิดได้

ผู้บริหารคนอื่น ๆ ก็เริ่มพยักหน้าเห็นด้วย ในตอนนี้นี่เป็นสิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้

“ในเมื่อไม่มีใครคัดค้าน ถ้างั้นก็เป็นอันว่าตกลง หลังเลิกประชุมฝ่ายเครือข่ายต้องแถลงข่าวทันที” เฉินอินเซิงสั่ง

“ครับ” หัวหน้าของแผนกเครือข่ายพยักหน้ารับทราบ

แม้ว่ามันอาจจะไม่ดีเลิศ แต่นี่คือทั้งหมดที่พวกเขาทำได้

สำหรับคำพูดผู้คนในอินเทอร์เน็ต พวกเขาไม่สามารถควบคุมได้และไม่จำเป็นต้องให้ความสนใจด้วย

“ผลการแข่งขันกีฬาระดับมณฑลเป็นยังไงบ้าง” เฉินอินเซิงหันไปถามเหลียงหย่งเสียงผู้เป็นคณบดีของคณะพลศึกษา

“เฮ้อ…” เหลียงหย่งเสียงถอนหายใจออกมาเบา ๆ แล้วตอบว่า “ฉันยังยืนยันคำเดิม พวกเราควรให้ฟางชิวมีส่วนร่วมในการแข่งขันกีฬา เพราะเขาจะนำเกียรติมาสู่มหาวิทยาลัย รวมถึงอันดับที่ดีที่สุดด้วย”

“อย่าพูดถึงฟางชิวต่อหน้าฉัน!” เฉินอินเซิงโกรธจัด “ทำไมต้องพูดชื่อเจ้าบ้านั่นด้วย! คุณหยุดพูดถึงเขาได้ไหม ไม่มีคนอื่นแล้วหรือไงกัน ฮึ?”

ผู้บริหารคนอื่น ๆ มองไปที่เหลียงหย่งเสียงโดยไม่พูดอะไร แต่ในใจกลับคิดว่า…

‘คุณจะไปแหย่รังแตนอีกทำไม?’

“ไม่มีแล้วละ” ฉีไคเหวินส่ายหัวและถอนหายใจออกมา “ฟางชิวนั้นยอดเยี่ยมมากจริง ๆ”

ได้ยินดังนั้น คนอื่น ๆ ก็ยิ่งไม่อยากพูดมากกว่าเดิม

บัดซบ!

เหี้ยมโหดยิ่งนัก! ฉีไคเหวินไม่เพียงแหย่รังแตนเท่านั้น แต่ยังเติมเชื้อไฟลงไปด้วย!

“หึ!” เฉินอินเซิงแค่นเสียงด้วยความดูถูกเหยียดหยาม

“เลิกประชุม!” เฉินอินเซิงไม่พูดอะไรให้มากความ เขาลุกขึ้นยืนและจากไปทันที

ผู้บริหารคนอื่น ๆ จึงรีบแยกย้ายกันไป

หัวหน้าของแผนกเครือข่ายที่ได้รับคำสั่งของเฉินอินเซิง ก็รีบกลับไปที่สำนักงานทันทีเพื่อออกประกาศ

สิบนาทีต่อมา

เว็บไซต์กับบัญชีเวยป๋ออย่างเป็นทางการของมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิงก็ได้ออกประกาศพร้อมกัน

โดยใจความในประกาศเขียนไว้ว่า… การรับคำท้าของฟางชิวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิง มันเป็นเพียงเรื่องส่วนตัวของฟางชิวเท่านั้น และผลที่ตามมาก็ไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยเช่นกัน!

ในไม่ช้าการประกาศดังกล่าวก็ได้รับความสนใจจากผู้คนมากมาย

[น่าสนใจมาก นี่มันกลายเป็นการต่อสู้ภายในมหาวิทยาลัยแล้ว]

[ฮ่าฮ่า ในตอนแรกผู้บริหารมัวแต่ทำอะไรอยู่ พอมาถึงตอนนี้กลับโผล่หัวออกมาเคลียร์ความสัมพันธ์กับฟางชิว นี่มันไม่ชอบธรรมเอามาก ๆ เลย]

[โชคดีที่ฉันไม่ได้สอบเข้ามหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิง ทำไมมหาลัยนี้ถึงไม่ยอมรับผิดชอบอะไรเลย?]

[ผู้บริหารมหาวิทยาลัยเองก็คงรู้สึกลำบากกับนักศึกษาโง่ ๆ แบบนี้เหมือนกันใช่ไหม? ฮ่า ๆ]

[ฉันไม่สนใจฟางชิวหรือการท้าทายในการวินิจฉัยชีพจรหรอก ฉันสนใจแต่ชายลึกลับเท่านั้น คุณผู้ดูแลระบบ โปรดบอกฉันทีว่ามีชายลึกลับอยู่ในมหาวิทยาลัยของคุณหรือไม่ และถ้ามี แล้วเขาเป็นใคร]

[นั่นสิ โปรดช่วยเปิดเผยตัวตนของชายลึกลับด้วย!]

[ชายลึกลับเป็นชายหรือหญิง?]

[เขาหล่อไหม?]

[ฉันขอไปเจอชายลึกลับในมหาวิทยาลัยของคุณได้ไหม]

[ฉันอยากไปมหาวิทยาลัยคุณเพื่อหาเบาะแสชายลึกลับ พี่สาวทั้งหลาย ช่วยมารับฉันหน่อยได้ไหม~]

ในเวลานี้มีการโพสต์ความคิดเห็นหลายประเภท และคนส่วนใหญ่ก็ให้ความสนใจกับชายลึกลับมากกว่า

อย่างไรก็ตาม เมื่อการประกาศแพร่ออกไป ‘นักศึกษาปีหนึ่งที่ชื่อฟางชิว’ ก็ขึ้นไปอยู่อันดับที่ 20 ในรายการค้นหายอดนิยมอย่างรวดเร็ว

และในเวลาเดียวกัน ‘ชายลึกลับแห่งมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนเจียงจิง’ ก็อยู่ในความนิยมเช่นกัน โดยอยู่ในอันดับที่ 53

แม้ว่าจะไม่ได้รับความนิยมเท่ากับการท้าทายเรื่องชีพจรตั้งครรภ์ แต่ก็ถือว่าได้รับความสนใจอย่างมากอยู่ดี

เวลานี้

ในชุมชนที่เงียบสงบของเมืองหลวง

หลังจากที่เลิกงานแล้ว หลี่เหวินป๋อก็เปิดคอมพิวเตอร์ลงชื่อเข้าใช้เวยป๋อ และเห็นข้อความมากมายที่ผู้คนส่งกันเข้ามา

ดูเหมือนว่าเขาจะเคยชินแล้วจึงไม่ได้เข้าไปอ่านเลย ท่ามกลางรายชื่อของผู้ที่ติดตาม หลี่เหวินป๋อก็หาบัญชีที่ชื่อว่า ‘แกมันก็งั้น ๆ แหละ’ เจออย่างรวดเร็วและคลิกเข้าไปดูที่หน้าบัญชี

หลังจากเหลือบมองแวบเดียว หลี่เหวินป๋อก็หัวเราะออกมา เหตุผลที่เขารีบมาดูทันทีก็เพราะกลัวว่าคนที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังของบัญชีสำรองลึกลับนี้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งมากของวงการแพทย์แผนจีน!

แต่หลี่เหวินป๋อไม่คาดคิดว่าบุคคลนี้จะเป็นแค่นักศึกษาปีหนึ่งเท่านั้น ความกังวลในใจจึงสลายไป และเผยรอยยิ้มออกมาอย่างอดกลั้นไม่ได้

…แค่นักศึกษาปีหนึ่งงั้นเหรอ ฉันก็ไม่มีอะไรต้องกลัว

“ฮ่า ๆ” เมื่อมองไปที่ข้อมูลของฟางชิว หลี่เหวินป๋อก็ยิ้มและพึมพำกับตัวเอง “ทำได้ดีมาก ไอ้หนู”

ในความคิดของหลี่เหวินป๋อ ครั้งนี้เขาจะไม่เสียทั้งหน้าตาและเงิน แล้วอย่างนี้จะไม่ให้พอใจได้อย่างไร?

‘แต่ฉันไม่อาจยอมให้พวกแพทย์แผนจีนมากประสบการณ์เหล่านั้นมาพูดว่าฉันเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็กหรอกนะ’

เมื่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลี่เหวินป๋อก็รีโพสต์ของฟางชิวทันที โดยตอบกลับว่า ‘นักศึกษาคนนี้เป็นลูกวัวแรกเกิดที่ไม่กลัวเสือเลยจริง ๆ แต่ฉันก็อยากจะแนะนำให้เธอถอนคำพูดซะ แล้วฉันหลี่เหวินป๋อคนนี้จะไม่ถือสา แต่ถ้าไม่ทำตามคำแนะนำ ฉันจะใช้โอกาสนี้บอกว่าการแพทย์แผนจีนที่เธอกำลังเรียนรู้อยู่ มันเป็นวิทยาศาสตร์ปลอม! @แกมันก็งั้น ๆ แหละ’

หลังจากนั้น เขาก็คิดอยู่ครู่หนึ่งและกดรีโพสต์อีกครั้ง โดยเสริมว่า ‘ฉันจะใช้ผลการท้าทายนี้เพื่อบอกทุกคนที่กำลังเรียนการแพทย์แผนจีนให้เลิกเรียนโดยเร็วที่สุด สำหรับนักศึกษาฟางชิว เธอยังเด็กอยู่ เธอสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้อีกครั้ง จงละทิ้งความมืด แล้วเลือกเรียนการแพทย์แผนตะวันตกซะ’

‘นอกจากนี้ ฉันยังชื่นชมความกล้าหาญของฟางชิว ถ้าเขายืนยันที่จะไปตามทางของตัวเอง และฉันทำได้แค่ยอมรับคำท้าของฟางชิวเท่านั้น เมื่อถึงกำหนดวันนัดหมาย ฉันจะติดต่อฟางชิวคนนี้อีกที’

หลี่เหวินป๋อโพสต์สามครั้งติดต่อกัน ทำให้ไม่มีช่องโหว่ในสิ่งที่เขาโพสต์เลย

อย่างแรกคือ เขาแสดงความเสียใจอย่างชัดเจนต่อตัวตนนักศึกษาปีหนึ่งของฟางชิวที่เป็นแพทย์แผนจีน นอกจากนี้ถือดีกล่าวคำแนะนำประหนึ่งอาจารย์คนหนึ่ง

แต่สุดท้าย เขาไม่เปิดโอกาสให้ชายหนุ่มโต้แย้งอะไรเลย เขาเพียงประกาศยินยอมต่อการรับคำท้าของฟางชิวเท่านั้น

ดังนั้น ไม่เพียงแต่ทำให้เขาหลีกเลี่ยงการถูกกล่าวหาว่ากลั่นแกล้งเด็ก แต่ยังทำให้ดูเป็นคนมีคุณธรรมสูงส่งเพราะได้ให้ความรู้แก่ฟางชิวในฐานะอาจารย์ด้วย

ต้องยอมรับว่าทักษะการเขียนและการพูดของหลี่เหวินป๋อนั้นน่าทึ่งทีเดียว

ทันทีที่โพสต์ทั้งสามนี้ปรากฏขึ้น ผู้ที่สนับสนุนการแพทย์แผนตะวันตกก็เลิกรู้สึกกังวลว่าวงการแพทย์แผนจีนจะตำหนิว่าหลี่เหวินป๋อรังแกคนอายุน้อยกว่า

จากนั้น พวกเขาก็วางตัวอยู่ข้างความยุติธรรม แล้วพากันทิ้งข้อความและความคิดเห็นไว้บนเวยป๋อของหลี่เหวินป๋อกับฟางชิว เพื่อโน้มน้าวให้ฟางชิวและวงการแพทย์แผนจีนเป็นคนดี

แต่ในสายตาของผู้ที่สนับสนุนการแพทย์แผนจีนนั้น ทั้งสามโพสต์ของหลี่เหวินป๋อและความคิดเห็นของผู้ที่สนับสนุนการแพทย์แผนตะวันตกล้วนแต่เป็นเรื่องไร้สาระ

คนที่ก่อปัญหากล้าดีอย่างไรถึงกล้าเอาหน้าของตัวเองมาอยู่ข้างความยุติธรรม? ช่างไร้ยางอายจริง ๆ !

เมื่ออ่านความคิดเห็นแล้ว บรรดาผู้ที่สนับสนุนการแพทย์แผนจีนก็พลันโกรธขึ้นมา

[ละทิ้งความมืด? การแพทย์แผนจีนเป็นด้านสว่างโว้ย!]

[ฟางชิวเป็นเพียงนักศึกษา เขายังไม่ได้เรียนแพทย์แผนจีนอย่างถ่องแท้ ดังนั้นจึงไม่สามารถเป็นตัวแทนของแพทย์แผนจีนได้ แล้วพวกเราก็ไม่สามารถควบคุมเขาได้หากเขาต้องการต่อสู้ อีกทั้งผลลัพธ์นี้ไม่สามารถเป็นตัวแทนของการแพทย์แผนจีนได้]

[คุณคิดว่าการโพสต์คำที่ดูสูงส่งไม่กี่คำ จะหลีกเลี่ยงข้อกล่าวหาการรังแกเด็กได้หรือ คุณแอบใช้ช่องโหว่นี้ต่อต้านการแพทย์แผนจีนเป็นพิเศษด้วยหรือเปล่า]

[มันไม่มีความหมายอะไรที่จะชนะนักศึกษา ทำไมคุณไม่ไปท้าทายแพทย์แผนจีนที่มีชื่อเสียงล่ะ]

[ในฐานะเจ้าของบัญชีที่มีชื่อเสียง คุณทำได้แค่นี้เหรอ?]

[วงการแพทย์แผนจีนของพวกเราไม่มีใครยอมรับฟางชิว การที่คุณกับเขาท้าทายกัน มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับการแพทย์แผนจีน!]

ทันใดนั้น การคัดค้านต่าง ๆ ก็ปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง

พวกเขาไม่เพียงแต่ปฏิเสธตัวตนของฟางชิวเท่านั้น แต่รวมไปถึงหลี่เหวินป๋อด้วย จึงทำให้เกิดการด่าทออย่างรุนแรง

แต่ทั้งหมดนี้ไม่มีความหมายสำหรับหลี่เหวินป๋อ เขาไม่สนใจด้วยซ้ำ แม้ว่าจะเห็นคำหยาบคายบ้าง

อย่างไรก็ตาม การนัดหมายได้รับการยืนยันแล้ว สิ่งที่เขาต้องทำคือรอให้ถึงวันนัด จากนั้นค่อยโจมตีการแพทย์แผนจีนให้หนัก และในขณะเดียวกันความนิยมของเขาก็จะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง สำหรับความคิดเห็นของสาธารณชนนั้น เขาไม่เคยเอามาใส่ใจเลย

เพราะว่ามันไม่ได้ส่งผลกระทบที่ร้ายแรงต่อเขา ยิ่งความคิดเห็นของสาธารณชนรุนแรงมากเท่าไร เขาก็ยิ่งได้รับประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น

เวลาผ่านไปสักพัก

เมื่อไม่เห็นการตอบกลับจากฟางชิว หลี่เหวินป๋อก็ไม่สามารถระงับความตื่นเต้นได้ เพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะกลับคำพูด เขาจึงส่งข้อความส่วนตัวถึงบัญชีที่ชื่อ ‘แกมันก็งั้น ๆ แหละ’

[เธอจะเริ่มการท้าทายตอนไหน?]

สามนาทีต่อมา หลี่เหวินป๋อก็ได้รับการตอบกลับ

[เวลาใดก็ได้ในวันที่สี่ แกสามารถตัดสินใจเลือกเวลาและสถานที่ได้เลย แล้วฉันจะไปถึงที่นั่นอย่างตรงต่อเวลา เพื่อตบหน้าแก!]

หลังเห็นข้อความตอบกลับแล้ว หลี่เหวินป๋อก็โกรธทันที

[ไอ้เด็ก***! ฉันจะให้บทเรียนกับแกเอง!]

ความโกรธของหลี่เหวินป๋อพลุ่งพล่าน เขาบันทึกภาพหน้าจอของข้อความส่วนตัวทันที แล้วโพสต์ลงในเวยป๋อ

หลี่เหวินป๋อได้กล่าวเสริมว่า [ฉันแทบจะรอให้แกมาตบหน้าไม่ไหวแล้ว! การต่อสู้จะจัดขึ้นในวันอังคารหน้าที่เมืองหลวง! ส่วนสถานที่จะประกาศพรุ่งนี้ รีบจองตั๋วเลย ถ้ามีเงินไม่พอ ฉันจะสมนาคุณให้เอง ไม่เจอไม่กลับ! @แกมันก็งั้น ๆ แหละ]

หลังจากนั้น หลี่เหวินป๋อก็ปิดคอมพิวเตอร์ด้วยความโกรธ และควักโทรศัพท์ออกมาเพื่อติดต่อเพื่อนให้รับสมัครหญิงตั้งครรภ์ที่สมัครใจเข้าร่วมในการท้าทายนี้

บนเวยป๋อ

ขณะที่โพสต์ของหลี่เหวินป๋อกลายเป็นไวรัล ในตอนแรกผู้ชมทุกคนต่างก็ตกใจ จากนั้นเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นแทน

[ให้ตายเถอะ ฉันนึกว่าการนัดหมายนี้จะเป็นแค่เรื่องตลก แต่คาดไม่ถึงว่านี่จะเป็นเรื่องจริง]

[โอ้ ตอนนี้มีละครดี ๆ ให้ดูด้วยแฮะ]

[เหลืออีกไม่กี่วัน นักศึกษาคนนั้นจะไม่คืนคำใช่ไหม?]

[ฉันจะนั่งเกาะขอบจอรอดูผลการท้าทายเลยละ ฮ่าฮ่า]

[ให้ตายเถอะ ฟางชิวช่างโง่เขลาจริง ๆ !]

[ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร พวกเราก็จะไม่ยอมรับฟางชิว]

[ฟางชิวไม่สามารถเป็นตัวแทนของแพทย์แผนจีนได้]

[การท้าทายของคุณไม่เกี่ยวข้องกับการแพทย์แผนจีน อย่ากล่าวซี้ซั้วสิวะ]

ณ เมืองเจียงจิง

ขณะนี้หัวข้อสนทนาในเวยป๋อกำลังปั่นป่วนเป็นประเด็นร้อน

อย่างไรก็ตาม ภายใต้การนำทางของสวีเมี่ยวหลิน เขาก็พาฟางชิวมาที่ร้านหม้อไฟที่อยู่นอกมหาวิทยาลัย

เนื่องจากบัญชีที่ชื่อว่า ‘แกมันก็งั้น ๆ แหละ’ ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของสวีเมี่ยวหลิน ดังนั้นฟางชิวจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบนเวยป๋อเลย

ขณะรับประทานอาหาร จู่ ๆ สวีเมี่ยวหลินก็ยื่นโทรศัพท์ให้ฟางชิว “ดูสิ ฉันคว้าชัยชนะให้เธออีกครั้งแล้ว”

คุรุการแพทย์

คุรุการแพทย์

Status: Ongoing
เขาตั้งใจจะมาศึกษาวิชาแพทย์แผนจีนเพื่อรักษาผู้มีพระคุณแท้ ๆ แต่ไหงชีวิตถึงได้มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาตลอด แบบนี้ความคิดที่จะเรียนแบบเงียบ ๆ ไม่แสดงฝีมือจะเป็นจริงไหมเนี่ย?ฟางชิว ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดหมาด ๆ นักศึกษาน้องใหม่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเจียงจิง แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเจ้าห้าแห่งห้องพักห้าศูนย์หนึ่ง แต่แท้จริงแล้วฟางชิวนั้นซุกซ่อนอีกตัวตนหนึ่งเอาไว้ภายใต้หน้ากาก… เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากฝีมือ! แต่เพื่อชีวิตปกติสุขในมหาวิทยาลัย และเป้าหมายสำคัญของชีวิตอย่างการรักษาผู้มีพระคุณ! ฟางชิวคนนี้จึงพยายามไม่เป็นที่สนใจ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว ต้องใช้พลังช่วยเหลือผู้คนทุกทีไปซิน่า! แล้วไหนจะเทพธิดามหาลัยที่เข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตอีก! แบบนี้ชีวิตปกติสุขที่เขาคาดหวังเอาไว้จะพังทลายลงหรือไม่ ฟางชิวจะจัดการเรื่องวุ่นวายและใช้พลังช่วยชีวิตผู้คนในคราบนักศึกษาไร้วรยุทธ์ได้อย่างไร มาร่วมปลดล็อคสกิลพระเอกเทพไปด้วยกันกับคุรุการแพทย์!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท