ตอนที่184 กายแลกกาย
ถึงอย่างไรคำกล่าวของตำรวจก๋ไม่สามารถระงับความโกรธเกรี้ยวของบรรดาฝูงชนเหล่านี้ได้ พวกเขาต่างเรียกหาความเป็นธรรมแสดงต่อหน้าให้จ้าวเฉียนเห็น
หวังอยากให้จ้าวเฉียนรู้สึกขอบคุณพวกเขาและให้สิทธิ์ซื้อบ้านครึ่งราคาโดยไม่ต้องจับฉลาก หากพวกเขาทำได้สำเร็จ นี่จะช่วยประหยัดให้พวกเขาได้หลายล้านเลยทีเดียว
เบื้องหน้าเผชิญเข้ากับผลประโยชน์อันมหาศาล พวกเขาก็ไม่สนใจอีกแล้วว่า หวังจิ้งหลินหรือพวกตำรวจจะว่ายังไง
ตำรวจเห็นว่า ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปสถานการณ์คงเลวร้ายลง ดังนั้นพวกเขาจึงรีบนำตัวจ้าวเฉียนไปที่โรงพยาบาลและพาทุกคนออกไปจากหมู่บ้านของบริษัทอสังหาหวังทันที
ส่วนหวันจิ้งหลินและคนอื่นๆ ถูกนำตัวไปที่สถานีตำรวจโดยตรง
เขาแค้นใจอย่างมาก และคาดไม่ถึงเลยว่าเด็กหนุ่มเพียงคนเดียวสามารถทำให้เขาต้องมาพานพบกับสถานการณ์ติดพันแบบนี้ได้
ส่วนบรรดาฝูงชนที่ต้องการซื้อบ้านก็รีบติดตามตำรวจเพื่อส่งจ้าวเฉียนไปโรงพยาบาล พวกเขาไม่ต้องการพลาดโอกาสซื้อบ้าหรูในราคาถูกแน่นอน จึงติดตามเขาไปทุกหนแห่ง
จ้าวเฉียนเข้าโรงพยาบาลไปและให้คุณหมอวินิจฉัยอาหาร ซึ่งทางคุณหมอก็บอกว่า ที่เขารู้สึกเวียนหัวเพราะเกิดการกระทบกระเทือนเล็กน้อยบริเวณศีรษะ เพื่อความปลอดภัยควรเฝ้าสังเกตอาการต่อในโรงพยาบาลอีกสักสองถึงสามวัน
“มันไม่จบแค่นี้หรอก! ในเมื่อกล้าเล่นเกมกับฉัน ฉันก็จะเล่นกับพวกแกเอง! นี่เพิ่มเริ่มต้นเท่านั้น! หึหึ…”
จ้าวเฉียนยิ่งคิดยิ่งแค้นใจ หากไม่มีโอกาสสั่งสอนหวังจิ้นหลินให้หนักเป็นบทเรียน แผลบนศีรษะนี้คงสูญเปล่าแน่นอน
หลังจากเสร็จสิ้นการตรวจและรักษาในโรงพยาบาล จ้าวเฉียนก็โทรหาหยางหู่เพื่ออธิบายสถานการณ์ทั้งหมดให้ฟัง และสั่งการไปว่า จะด้วยวิธีใดก็ได้ แต่ห้ามให้หวังจิ้งหลินสามารถออกจากโรงพักได้โดยง่าย
หยางหู่ตกใจอย่างมากที่ทราบว่า คุณชายจ้าวของเขาได้รับบาดเจ็บ จ้าวฝู่เคยกำชับกับเขาไว้ว่า ความปลอดภัยของจ้าวเฉียนต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง แต่ตอนนี้คุณชายจ้าวกลับเลือดตกยางออกเสียได้ แล้วแบบนี้เขาจะอธิบายให้จ้าวฝู่ฟังยังไง?
“คุณชายจ้าว หลังจากนี้ผมจะพาลูกน้องผมไปกระทืบมันเอง! ถ้าทำไม่สำเร็จผมขอตัวหัวตัวเองส่งไปให้คุณจ้าวฝู่เพื่อสังเวยแทน!”
หยางหู่กล่าวขึ้นด้วยความรู้สึกผิด
ในเวลาแบบนี้ จะเห็นได้ว่าหยางหู่ภักดีต่อจ้าวเฉียนแค่ไหร และเขากลัวว่าจ้าวเฉียนจะโกรธเขา
แต่ถึงแบบนั้น จ้าวเฉียนไม่ใช่คนอารมร์ร้อนเมื่อในอดีตอีกต่อไป แถมเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับหยางหู่ ดังนั้นทำไมต้องตำหนิอีกฝ่ายด้วย
“เสี่ยวหู่ ไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ บาดแผลแค่เล็กน้อยเท่านั้นแหละ พักสองสามวันก็หายดีแล้ว จะเคลื่อนไหวอะไรต้องวางแผนให้รัดกุม คำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองด้วยเข้าใจไหม?”
หยางหู่รีบตอบกลับไปทันที
“เข้าใจแล้วครับ! ไม่ต้องห่วง ผมจะไม่ใจร้อนเด็ดขาด ระหว่างนี้ผมจะติดต่อไปหาธนาคารทั้งหมดที่มีเส้นสาย เพื่อระงับการกู้เงินทุนของบริษัทอสังหาหวังให้หมด พอตัดท่อน้ำเลี้ยงของพวกมันได้หมด ขอดูหน่อยว่าจตะทำยังไงกันต่อไป!”
“เรามีอีกหลากหลายวิธีที่จะบีบคั้นพวกตระกูลหวัง แต่ถ้าไม่จำเป็น ห้ามใช้วิธีผิดกฎหมายล่ะกัน ลงมือได้เลย ฉันจะรอฟังข่าวดีจากนาย”
จ้าวเฉียนกล่าวแนะนำ
“คุณชายจ้าวไม่ต้องกังวลครับ ผมไม่ปล่อยให้ตระกูลหวังมีความสุขแน่นอน! แม้จะไม่ถึงขั้นทำให้พวกมันล้มละลายได้ แต่พวกมันก็ต้องจบไม่สวยแน่นอน!”
จ้าวเฉียนฮัมเพลงอย่างมีความสุขพร้อมกดวางสายไป พอเรื่องทุกอย่างลงตัวหมดแล้ว เขาพลันรู้สึกโล่งใจขึ้นมากและรอฟังข่าวดีจากหยางหู่
หลังจากนั้นไม่นอน อู่ซินก็โทรมาหาจ้าวเฉียน
“ฮาโหล นายอยู่ไหนน่ะ?”
จ้าวเฉียนไม่อยากให้อู่ซินต้องมานั่งกังวลเรื่องของเขา จึงแสร้งกล่าวไปว่า
“ฉันกำลังดูบ้านให้เธออยู่ไง นี่ยังไม่เลือกไม่ได้เลย ยังไงเดี๋ยวถ่ายรูปให้เธอดูอีกทีแล้วกัน”
อู่ซินถอนหายใจอย่างโล่งอกและกล่าวตอบไปว่า
“โอ้ ไม่ต้องห่วงเรื่องดูบ้านให้ฉันหรอก แล้วที่มีปัญหากับพวกนั้นจบลงด้วยดีใช่ไหม? นายเป็นอะไรรึเปล่า?”
“ไม่มีอะไรหรอก ทุกอย่างจบแล้ว แค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวส่งภาพไปให้อีกที”
หลังจากวางสายไป จ้าวเฉียนก็รีบโทรหาชางเจียกงทันที
“ฮาโหลครับคุณชายจ้าว มีอะไรให้รับใช้ครับ?”
ชางเจียกงกล่าวทักทายทันทีด้วยความเคารพ
“ช่วยส่งรูปแบบบ้านทั้งหมดที่มีในหมู่บ้านจิ้งไห่มาให้ที ขอแบบที่มีขนาด130ตารางเมตรขึ้นไปนะ สภาพแวดล้อมในบริเวณนั้นต้องมีแสงสว่างส่องถึง”
จ้าวเฉียนสั่งการทันที
ชางเจียกงรับทราบกล่าวตอบไปว่า
“เข้าใจแล้วครับ เดี๋ยวผมวานให้ลูกน้องจัดการให้ทันที ทำเป็นอัลบัมภาพส่งไปในWechatของคุณชายจ้าวเลยนะครับ”
“อืม รีบๆ หน่อยนะ ฉันต้องใช้ด่วน”
“ได้เลยครับ”
ชางเจียกงวางสายและติดต่อไปหาผู้จัดการฝ่ายขายของหมู่บ้านจิ้งไห่โดยเร็ว พร้อมสั่งการให้อีกฝ่ายถ่ายรูปตัวอย่างและส่งกลับมาให้ทันที
ไม่กี่นาทีต่อมาจ้าวเฉียนก็ได้รับอัลบัมจากชางเจียกง เขาส่งต่อไปให้อู่ซินทันควัน
อู่ซินคัดกรองพิจารณาอยู่สักครู่ใหญ่ ก่อนจะเลือกมาหนึ่งแบบและส่งกลับไปให้จ้าวเฉียน
“โอเคเลย หลังนายดูการแข่งของพี่ชายจบ เราไปดูด้วยกันเถอะ”
จ้าวเฉียนพินม์ตอบตกลงตามคำเชื้อเชิญของอู่ซินไป
ในเวลานั้นเอง บรรดากลุ่มผู้ซื้อบ้านก็รับเข้ามาหาในจ้าวเฉียนบริเวณคนไข้รอจ่ายยาโดยไม่คำนึงถึงพวกพยาบาลที่มาขวางแต่อย่างใด
“พ่อหนุ่ม อาการบาดเจ็บเป็นยังไงบ้าง? ไม่ได้ร้ายแรงอะไรใช่ไหม?”
“พ่อหนุ่มของเราไม่เป็นอะไรร้ายแรงหรอก จริงไหม?”
“พ่อหนุ่มไม่ต้องกังวลไปนะ พวกเราจะเป็นพยานให้นายเอง! เราไม่มีวันปล่อยให้พวกมันรอดไปได้แน่นอน!”
….
ทุกคนต่างแสดงความจริงใจที่มีต่อจ้าวเฉียน และพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อเอาใจเขา
จ้าวเฉียนย่อมเข้าใจเจตนาของพวกเขาโดยธรรมชาติ จึงยิ้มขอบคุณไปว่า
“ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงนะครับ ทันทีที่อาการดีขึ้น ผมจะเริ่มดำเนินการจับฉลากโดยเร็ววที่สุด พวกคุณทุกคนคงเหนื่อยมามากแล้ว กลับไปพักผ่อนเถอะครับ”
“ไม่เลยครับ พวกเราไม่เหนื่อยเลย อยู่คุยกับพ่อหนุ่มเป็นเพื่อนแหละครับ”
“ผมอ้างเมียว่าออกมาดูบ้าน ขออยู่ที่นี่ต่ออีกสักพักละกันครับ ไม่อยากกลับไปเจอเมียตอนนี้ ฮ่าฮ่าๆ”
“เรื่อยๆ เลยครับ ผมอยู่เฝ้าอาการพ่อหนุ่มดีกว่า”
…..
ทุกคนต่าง ‘กระคือรือร้น’ อย่างมากจนจ้าวเฉียนทำอะไรไม่ถูก จึงกล่าวแค่เพียงว่า
“ขอบคุณสำหรับน้ำใจของทุกคนจริงๆ นะครับ แต่วันนี้ผมรู้สึกเหนื่อยจริงๆ แถมห้องแอดมิดก็เรียบร้อยแล้ว ผมของเข้าไปนอนพักผ่อนก่อนนะครับ ถ้าผมเริ่มจับฉลากเมื่อไหร่จะโทรเรียกทุกคนให้มาหาอีกทีนะครับ ผมขอตัว”
ไม่มีใครกล้าขัดจ้าวเฉียนเพราะกลัวว่าเขาจะหัวเสีย ดังนั้นจึงต้องยอมจากออกไปอย่างเชื่อฟัง
หลังจากจ้าวเฉียนได้ห้องเป็นห้องผู้ป่วยเดี่ยวแล้ว เขาก็นอนพักผ่อนอย่างสงบ แต่ทันใดนั้นหวังซินซินก็โทรมาหา
“ฮาโหล ว่าไงครับ?”
“จ้าวเฉียน เรามาพูดคุยกับดีๆ เถอะ ได้ไหม?”
หวังซินซินเอ่ยถามน้ำเสียงอ่อน
จ้าวเฉียนหัวเราะครืนเล็กน้อยและตอบไปว่า
“คุณหวังซินซินผู่หยิ่งผยองก่อนหน้าหายไปไหนแล้วครับเนี่ย? เสียงอ่อนแบบนี้ไม่เหมาะกับคุณเลย!”
หวังซินซินในปัจจุบันเผยท่าทีราวกับว่ากำลังหวาดกลัวในบางสิ่งอย่างมาก ดังนั้นเธอหรือจะกล้าพูดด้วยน้ำเสียงจองหองแบบก่อนหน้า?
“เดี๋ยวฉันไปเยี่ยมนายที่โรงพยาบาลนะ ไว้เจอกัน”
หวังซินซินวางสายทันทีหลังพูดจบ และรีบเดินทางไปที่โรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมจ้าวเฉียน
จ้าวเฉียนนอนอยู่บนเตียงคนไข้ ตีบทแตกแสร้งทำเป็นปวดหัวอย่างมาก พอเห็นเธอเดินเข้ามาในห้องก็เอ่ยถามน้ำเสียงอ่อนแรงยิ่งว่า
“คะ-คุณ…คุณมาหาผมอีกทำไม? ผมกลัวแล้วครับ อย่ากระทืบผมอีกเลย…”
หวังซินซินส่ายหัวโดยไวปฏิเสธไปว่า
“ฉันจะทุบตีนายได้ยังไง? ฉันแค่อยากหาทางคุยวิธีแก้ปัญหากับนายเท่านั้น”
“ผมมอบหมายหน้าที่นี้ให้ทยายครับ มัอะไรสามารถพูดคุยกับทนายของผมได้เลย”
จ้าวเฉียนเอ่ยตอบกลับไป
หวังซินซินดึงม่านปิดรอบเตียงให้มิดชิด จงใจนั่งบนเตียงพลางเอนตัวไปหาคล้ายว่าจงใจยั่วยวน เธอเอ่ยเสียงหวานกระซิบข้างหูเขาว่า
“อย่าใจแข็งเลยนะ มีอะไรพวกเราก็ค่อยๆ มาคุยกันที่นี่ หรืออยากให้ฉัน…”
หวังซินซินหญิงสาวผู้อารมณ์ร้อน ยามนี้กลับริมกระซิบข้างหูพร้อมเสียงกระเส่า ทำเอาจ้าวเฉียนถึงกับขนลุก
“นี่คุณกำลังจะทำอะไร? ผมสามารถฟ้องได้นะครับข้อหาล่วงละเมิดทางเพศผม!”
หวังซินซินยิ้มกล่าวตอบไปว่า
“ลองโทรหาตำรวจดูสิ แล้วขอดูหน่อยว่าทางตำรวจจะเชื่อหรือเปล่า? ฉันล่วงละเมิดทางเพศคุณหรือคุณล่วงละเมิดทางเพศฉันกันแน่?”
“นี่เธอหมายถึงอะไร?”
“ก็แผนการแบบนี้นายเป็นคนสอนฉันเองไม่ใช่เหรอ? ฉันก็แค่ทำตามเท่านั้น”
หวังซินซินดูพึงพอใจอย่างมาก อันที่จริงแล้วภายใต้สถานการณ์ปกติ ทุกคนล้วนคิดว่าต้องเป็นฝ่ายชายที่ล่วงละเมิดทางเพศผู้หญิงเสมอ และน้อยคนมากที่จะติดว่าผู้หญิงล่วงละเมิดทางเพศผู้ชาย
ทันใดนั้นเอง หวังซินซินฉีดเสื้อผ้าของเธอเป็นชิ้นๆ และตะโกนขอความช่วยเหลือทันที จ้าวเฉียนถึงกับพูดไม่ออกบอกไม่ถูก เพราะเขาเองก็เคยใช้วิธีคล้ายๆ กันแบบนี้มาก่อน
จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มและกล่าวว่า
“พ่อของคุณสั่งให้เธอมาพลีกายล้างแค้นผมรึไง?”
“พ่อฉันแค่ขอให้ฉันมาเจรจากับนายดีๆ แต่ฉันคิดไว้อยู่แล้วว่า นายไม่มีทางคุยดีๆ กับฉันแน่นอน มันก็เหลือแค่วิธีนี้นี่แหละที่จะเอานายอยู่หมัด!”
จ้าวเฉียนถึงกับยกนิ้วให้หวังซินซินและชมเชยกล่าวไปว่า
“คุณนี่มันใจเด็ดกว่าพ่อตัวเองเยอะ!”
หวังซินซินถอนกางเกงออกและกล่าวว่า
“ขอบคุณสำหรับคำชม นายต้องรีบตัดสินใจแล้ว ก่อนจะถอนจนไม่เหลือชุดชั้นใน!”
หวังซินซินโยนกางเกงออกจากมือทิ้งไปทันที เผยให้เห็นชุดชั้นในทั้งท่อนบนและล่างลายลูกไม้สีดำ
หวังซินซินเย้ยเยาะกล่าวไปว่า
“เป็นผู้หญิงต้องรู้จัดสงวนใช่ไหม? ถ้าเป็นนายคงจะพูดแบบนี้? แต่ฉันไม่สนหรอกนะ!”
ขณะที่หวังซินซินเอ่ยกล่าว เขาก็ฉีกเสื้อคนไข้ของจ้าวเฉียนจนกระดุมขาดไปสองเม็ด และพยายามใช้เรียวนิ้วสวยของเธอลูบไล้บนหน้าอก
จ้าวเฉียนรู้สึกโกรธอย่างมากที่เธอล้ำเส้นเข้าขนาดนี้ ทันทีทันใดเขาเข้าโอบร่างบางของหวังซินซินและพลิกกลับจับร่างของเธอกดลงบนเตียงแน่นอน โน้มตัวไปกระซิบข้างหูเธอว่า
“อย่าเล่นกับไฟอย่างฉัน! ไม่งั้นเธอโดนฉันจริงๆ แน่!”
หวังซินซินไม่เพียงจะไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเท่านั้น แต่เธอยังกล่าวยั่วยุอีกด้วยว่า
“ก็เอาสิ ปู้ยี่ปู้ยำฉันให้สาแก่ใจไปเลย ฉันอยากจะรู้เหมือนกันว่านายดีแต่ปากรึเปล่า?”
เมื่อพูดจบหวังซินซินก็กระโจกกระชากคอเขาให้กดจูบเธออย่างแรง ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งเอื่อมไปจับมือจ้าวเฉียน บังคับให้ฉีกถุงน่องบริเวณขาอ่อนจนขาดกระเด็น
“เวร!”
จ้าวเฉียนอุทานด้วยความหงุดหงิดก่อนรีบชักมือของเขาออกจากขาอ่อนของเธอทันที