อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 18 อาศัยว่า ข้าเป็นพระชายาของท่าน
สิ่งที่หยุนหว่านหนิงยื่นมาให้ คือกระดาษหนึ่งแผ่น
แต่ไม่ใช่กระดาษธรรมดาทั่วไป
บนกระดาษใบนี้ไม่รู้ว่าใช้พู่กันอะไรเขียนตัวอักษรเต็มไปหมด ตัวอักษรเป็นระเบียบเรียบร้อย ด้านหลังยังมีรูปวาดประกอบด้วย แม้จะเป็นสีขาวดำ แต่ แต่สิ่งที่วาดไว้นั้นมีรูปร่างประหลาด เป็นสิ่งที่โม่เยว่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ที่ทำให้เขารู้สึกตกตะลึงยิ่งกว่า คือในบรรดาตัวอักษรเล็กๆมากมายราวกับข้อมูลบางอย่างนั้น สิ่งที่ปรากฏขึ้นมามากที่สุดคือ
คำว่า “ค่ายเสินจี”
เขารีบแย่งไปจากมือนาง มองดูอย่างละเอียดอยู่หลายรอบ แล้วจึงมองไปทางหยุนหว่านหนิงอย่างไม่อยากเชื่อ “นี่มันอะไร เจ้าไปเอามาจากไหน”
“ท่านอ๋องยินดี จะทำข้อแลกเปลี่ยนกับข้าหรือไม่”
ปฏิกิริยาของเขา ทำให้หยุนหว่านหนิงรู้สึกพอใจมาก
เดิมทีโม่เยว่คิดว่าหยุนหว่านหนิงต้องเป็นฝ่ายขอร้อง ให้เขาปล่อยนางออกไปจากเรือนชิงหยิ่ง
ตอนที่เขามาที่นี่ มีความมั่นใจในชัยชนะอย่างเต็มเปี่ยม
ไหนเลยจะรู้ว่า นางไม่เพียงสามารถเอาเงินออกมาได้ ยังเอาสิ่งนี้ออกมาอีกด้วย
ถึงว่า หญิงสาวคนนี้ที่ถูกกักบริเวณถึงสี่ปีสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบาย ที่แท้ก็เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารและเสื้อผ้า และมีเงินใช้ไม่ขาดมือ
“เงินพวกนี้ สิ่งของเหล่านี้ เจ้าไปเอามาจากที่ใด”
โม่เยว่กัดฟันถาม
หยุนหว่านหนิงไม่ได้รีบร้อน คว้าข้อมูลคืนมาจากมือของโม่เยว่ บรรจงพับอย่างเรียบร้อยแล้วยัดกลับไปไว้บริเวณหน้าอกอีกครั้ง “ท่านอ๋อง คิดให้ดีนะ”
ข้อมูลนั้น ทำให้โม่เยว่รู้สึกอิจฉามาก
เขาเป็นคนที่มีคุณธรรมจริยาธรรมคนหนึ่ง จะให้ทำเรื่องล้วงควักแย่งกระดาษจากคนที่อ่อนแอกว่าได้อย่างไร
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร”
“ก็อาศัยเหตุผล ที่ข้าเป็นพระชายาของท่านไง”
หยุนหว่านหนิงเขยิบเข้าไปใกล้หูเขา หัวเราะออกมาเบาๆ “ตอนนี้ท่านมีศัตรูอยู่รอบด้าน มีเพียงข้า ข้าคนเดียวเท่านั้นที่ท่านจะเชื่อใจได้”
“เพราะว่าท่านกับข้า ต่างก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ถ้าจวนอ๋องหมิงล่ม ข้าก็ไม่มีที่ไปแล้ว”
ท่าทีที่จวนยิ่งกั๋วกงมีต่อนาง ไม่มีใครเข้าใจดีกว่าโม่เยว่แล้ว
คำพูดของหยุนหว่านหนิงมีทั้งความจริงและความเท็จปะปนกันอยู่ ทำให้ยากจะแยกแยะได้
ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาจึงพูดลอดไรฟันออกมาว่า “ได้ ข้าจะเชื่อเจ้าสักครั้ง ทำข้อแลกเปลี่ยนกับเจ้า”
เขาคิดว่า จะลองเดิมพันดูสักครั้ง
“ดีมาก เช่นนั้นท่านอ๋องก็รีบลงคำสั่งเถอะ”
หยุนหว่านหนิงเอนตัวไปบนเก้าอี้ “ข้าอยู่ที่เรือนนี้มาสี่ปี อยู่จนแทบจะเป็นโรคซึมเศร้าแล้ว ขอเพียงให้ข้ากับหยวนเป่าได้ไปไหนมาไหนอย่างอิสระ ไม่ว่าอะไรก็คุยกันได้”
“แล้วความจริงใจของเจ้าเล่า”
โม่เยว่จ้องมองดวงตานางเขม็ง
“ท่านออกคำสั่งก่อน ส่วนเรื่องความจริงใจ ประเดี๋ยวข้าจะให้คนส่งไปให้ท่าน”
หยุนหว่านหนิงพูด
ไม่ช้า ข่าวเรื่องการ“ถอนคำสั่งกักบริเวณพระชายา และคืนอำนาจในการเป็นเจ้าบ้านให้นาง” ก็ถูกกระจายไปทั่วทั้งจวนอ๋อง
ช่วงเวลาที่นางถูกกักบริเวณ มีพ่อบ้านลุงเว่ย และแม่เฒ่าผู้ดูแลที่ชื่อหลิ่วมามาควบคุมทุกเรื่องในจวนแห่งนี้
โม่เยว่สั่งการลงไป ทั้งสองก็รีบถือบัญชีเข้ามารายงานทันที เพื่อส่งมอบอำนาจคืน
บรรดาบ่าวรับใช้ในเรือน ต่างก็เข้ามาคำนับนาง
เมื่อสี่ปีก่อนนางแต่งงานเข้ามาในจวนอ๋อง นอกจากบ่าวในเรือนชิงหยิ่งไม่กี่คนแล้ว บ่าวในจวนอ๋องแทบจะไม่เคยคำนับนางอย่างเป็นทางการมาก่อน คืนนี้ กลับมายืนเรียงหน้าอยู่เต็มลานบ้านไปหมด
คนเหล่านี้ คุ้นชินกับการปรับตัวตามสถานการณ์มาก
หยุนหว่านหนิงยิ้มเย็นในใจ ในอ้อมอกนางอุ้มหยวนเป่าที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่ ทำการสั่งสอนบ่าวทั้งหลาย
“พวกเจ้าจำไว้แค่เรื่องเดียวก็พอ ข้าไม่ใช่คนนิสัยดีพูดง่าย ล่วงเกินข้าเป็นเรื่องเล็ก แต่ถ้าหากใครทำไม่ดีกับลูกชายข้า ข้าจะสับมันเลี้ยงหมาป่าซะ”
สถานะของหยวนเป่า มีเพียงนางเท่านั้นที่รู้
บ่าวไพร่เหล่านี้ เกรงว่าคงจะเป็นเหมือนโม่เยว่ ต่างก็คิดว่าหยวนเป่าเป็นลูกของบ่าวรับใช้คนนั้น
เพราะฉะนั้น เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะรังแกหยวนเป่าลับหลังนาง
เมื่อก่อนตอนที่สองแม่ลูกถูกกักบริเวณอยู่ในเรือนชิงหยิ่ง ไม่ได้เจอบ่าวเหล่านี้ก็แล้วไป
ตอนนี้สามารถไปไหนมาไหนอย่างอิสระแล้ว เกรงว่าบ่าวเหล่านี้จะลงมือกับหยวนเป่า ต่อหน้าอย่างลับหลังอย่างรังแกลูกของนางคนนี้ เพราะคิดว่าเป็น “ลูกนอกไส้”
“เพคะ พระชายา”
สายตาของนางเต็มไปด้วยความดุดัน บ่าวทุกคนต่างก็รู้สึกสั่นสะท้านในใจ รีบตอบรับอย่างนอบน้อมทันที
หลังจากสั่งสอนอย่างเข้มงวดแล้ว ก็ถึงเวลาให้รางวัลชมเชย
เพื่อซื้อใจคน ในตระกูลที่สูงศักดิ์เช่นนี้เป็นเรื่องที่จะขาดไม่ได้
บ่าวรับใช้ที่ได้รับเงิน ก็ยิ่งนอบน้อมกับหยุนหว่านหนิงมากขึ้น จากไปอย่างยินดีปรีดา
เพื่อแสดงให้ถึงความใส่ใจที่มีต่อพระชายาคนนี้ โม่เยว่ก็สั่งให้คนนำเครื่องเรือนมาให้อีกบางส่วน เมื่อบ่าวรับใช้เห็นดังนั้น ต่างก็พูดกันว่าพระชายาได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋องมาก
ยามสวี(19.00น.-21.00น.) หยุนหว่านหนิงได้ส่งคนให้นำเงินจำนวนสองหีบไปส่งที่เรือนทิงจู่
มองดูเงินและทองที่อยู่ตรงหน้าทั้งสองหีบ ดวงตาของหรูยี่เบิกโตแทบจะถลนออกมา อ้ำๆอึ้งๆไม่สามารถพูดจาเป็นประโยคออกมาได้ “นายท่าน นี่ๆๆ นี่มัน……”
“อะไรของเจ้า ลูบลิ้นของเจ้าให้ตรงแล้วค่อยพูด”
โม่เยว่ตะคอก “ดูเจ้าซิทำเหมือนไม่เคยเห็นมาก่อน ช่างขายหน้าข้าจริงๆเชียว”
หรูยี่สีหน้าลำบากใจ “แต่ว่านายท่าน เมื่อครู่ท่านเองก็เกือบจะอึ้ง……”
อ้าปากค้างไปเลยไม่ใช่หรือ
มองดูท่าทีดุดันของเจ้านายตนเอง เสียงของหรูยี่ก็ค่อยๆลดเบาลง
หรูโม่ที่อยู่ข้างๆกอดอกขึ้น “นายท่าน พระชายาไปเอาเงินมากมายขนาดนี้มาจากไหน ตามที่ข้ารู้ จวนยิ่งกั๋วกงได้ตัดขาดกับพระชายาตั้งแต่สี่ปีที่แล้ว”
“หลายปีมานี้ พระชายาก็ไม่เคยคบหาสมาคมกับใครมาก่อน”
เงินที่โผล่ขึ้นมากลางอากาศอย่างไร้เหตุผล ช่างทำให้น่าสงสัยจริงๆ
โม่เยว่ใช้สายตาเคร่งขรึมจ้องมองเงินทั้งสองหีบเขม็ง
“นายท่าน ข้าน้อยได้ยินมาว่า พระชายาได้ให้รางวัลบ่าวทุกคนในจวนเป็นเงินสิบตำลึงด้วย”
ในจวนมีบ่าวรับใช้นับร้อยคน ให้คนละสิบตำลึง
หรูยี่หยิบเงินขึ้นมาหนึ่งเหรียญ ใช้แรงกัดเงินนั้นจนฟันแทบจะหัก และรีบรายงานว่า “นายท่าน เงินนี่เป็นของแท้แน่นอน นี่พระชายารวยขึ้นจริงๆหรือ”
“แต่ว่า พระชายาไม่เคยก้าวเท้าออกจากเรือนเลย ทำไมจึงร่ำรวยขึ้นมาได้”
ปัญหาข้อนี้ ดึงดูดให้ทุกคนต้องครุ่นคิด
โม่เยว่ใช้สายตาซับซ้อนมองไปทางทั้งสองคน “ข่าวนี้ ต้องรักษาเป็นความลับ อย่าให้ใครรู้อย่างเด็ดขาด”
“อีกอย่าง ก่อนหน้านี้ที่ข้าให้พวกเจ้าไปตรวจสอบทั้งสองเรื่องนั้น ได้ความอย่างไรบ้าง”
หรูยี่สีหน้ามึนงง “นายท่าน สองเรื่องไหน เรื่องนักฆ่าก็มีข้อสรุปแล้วมิใช่หรือ”
โม่เยว่พยายามสะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้ ไม่ให้ตนเองฟาดฝ่ามือลงไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบ กวาดมองเขาด้วยสายตาเย็นชา
หรูโม่รีบตอบว่า “นายท่าน ข้าน้อยได้ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว ที่มาของคุณชายหยุนน้อยนั้นน่าสงสัยจริงๆ ถ้าไม่ใช่ลูกชายของท่าน ก็ต้องเป็นลูกชายของบ่าวรับใช้คนนั้น ”
“พูดจาเหลวไหลอะไร”
คิ้วเรียวของโม่เยว่ขมวดเข้าหากันแน่น
เมื่อได้ยินว่าเจ้าก้อนแป้งนั้นอาจเป็นลูกของบ่าวรับใช้คนนั้น เขาก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
“พระชายาปกป้องเขาอย่างดี พวกบ่าวต่างก็ไม่มีใครรู้ เรื่องนี้ข้าน้อยยังคงตรวจสอบอยู่”
หรูโม่ก็ขมวดคิ้วตาม “นอกจากนี้ สี่ปีมานี้พระชายาไม่เคยออกไปจากเรือนชิงหยิ่งแม้แต่ก้าวเดียว ฉะนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่ทำให้เชื่อว่า นางถูกสลับตัวกับคนอื่น และมีตัวปลอมมาอยู่แทน”
ฉะนั้นผู้หญิงที่อยู่ในเรือนชิงหยิ่งคนนั้น จึงเป็นหยุนหว่านหนิงตัวจริง
ผู้หญิงคนหนึ่ง ในระยะเวลาสี่ปี ทำไมจึงได้เปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนิสัยใจคอ ฝีมือการทำกับข้าว หรือจะเป็นเรื่องที่สามารถหาเงินมาได้มากมายขนาดนี้ ยังมีข้อมูลที่บันทึกเกี่ยวกับค่ายเสินจีนั่นอีก
ตัวของหยุนหว่านหนิงมีข้อสงสัยมากเกินไปแล้ว ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องหาความจริงให้ได้
ขณะนี้เอง ได้ยินหรูยี่พึมพำว่า “ท่านอ๋อง ข้าน้อยเดาว่าอาจเป็นเพราะท่านทำร้ายจิตใจนางมากเกินไป ฉะนั้นจึงทำให้พระชายามีนิสัยเปลี่ยนไป ตอนนี้กำลังจะแก้แค้นท่านอ๋องคืนบ้างแล้ว”
ไม่รอให้โม่เยว่ลงมือ หรูโม่ก็ฟาดฝ่ามือลงไปบนใบหน้าของหรูยี่“หุบปากซะ”
โม่เยว่สีหน้าเย็นยะเยือกมาก
ในดวงตามีแววเคร่งขรึมปรากฏขึ้น ดูไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่ในใจ
ไม่ช้า เขาสั่งการหรูยี่ “จับตามอง พวกนางสองแม่ลูกให้ดี หากพบพิรุธอะไร ให้รีบมารายงานข้าทันที”
ถ้าหากหยุนหว่านหนิงมีปัญหาอะไรจริงๆ
เขาจะไม่ปรานีเลย