อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ – บทที่ 67 โม่เฟยเฟย “จำนน”

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ ตอนที่ 67 โม่เฟยเฟย “จำนน”

แต่ว่า ไม่มีใครเข้ามา

โม่เฟยเฟยขมวดคิ้ว ตะโกนอย่างโกรธจัดอีกครั้ง “เด็ก ๆ คำพูดข้า ล้วนไม่ได้ยินหรือไรกัน!”

โม่ลี่ยืนอยู่ด้านข้างอย่างอกสั่นขวัญหาย “องค์หญิงเพคะ อ๋องหวังมีคำสั่ง อย่าให้ใครในตำหนักเว่ยหยาง ห้ามทำให้พระชายาหมิงลำบากใจ มิ มิฉะนั้น……”

นางไม่ต้องพูดให้จบ โม่เฟยเฟยก็รู้ว่าคำต่อไปคืออะไร

อย่างไรก็ตาม ไม่น่าใช่คำพูดที่ดี

นางตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก็มองหยุนหว่านหนิงอีกครั้ง สายตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “ดีมากหยุนหว่านหนิง!”

“เป็นข้าที่ประเมินเจ้าต่ำไป! รู้จักเอาใจพี่ชายคนที่เจ็ดก่อน แล้วค่อยให้ข้าคนนี้ยอมจำนน!”

ยอมจำนน?

คำนี้ใช้ได้ดี

หยุนหว่านหนิงพึงพอใจมาก

“ในเมื่อองค์หญิงเก้ารู้ความตั้งใจของข้า ข้าก็จะตรงประเด็นไม่อ้อมค้อม”

เธอเชิดคางขึ้น แล้วสั่งให้โม่ลี่พาปี้จูเข้ามา

“ทำไมเจ้าถึงพาเจ้าคนใบ้นี้มาอีก”

โม่เฟยเฟยจ้องมองนางอย่างดุร้าย ถึงจะไม่ได้รู้สึกประทับใจอะไรกับปี้จู “เจ้าคาดหวังให้ข้าผู้นี้เดาปริศนาให้ได้หรือไร”

คำพูดเหล่านี้ไม่น่าฟัง ปี้จูหน้าแดงก่ำ ก้มหน้าลงด้วยความละอาย

แต่ว่า หลายปีมานี้ คำพูดเหล่านี้ปี้จูได้ยินมานับไม่ถ้วน

“องค์หญิงเก้า บ่าว บ่าวไม่ใช่คนใบ้เพคะ”

นางกล่าวเสียงเบา

เมื่อได้ยินเสียงที่แหบแห้งของนาง ดวงตาของโม่เฟยเฟยก็ตกตะลึง มองนางอย่างไม่อาจไม่เชื่อ “เจ้า เจ้าพูดได้แล้วหรือ!”

“เพคะ เป็นพระชายาหมิงที่รักษาบ่าว”

เสียงของปี้จูต่ำมาก

โม่เฟยเฟยเหลือบมองหยุนหว่านหนิงด้วยความประหลาดใจ

เดิมทีนางคิดว่า ที่สตรีนางนี้สามารถรักษาคอของปี้จูได้นั้น นางแค่พูดส่งเดชออกไป…… แต่หลังจากนั้นไม่ถึงเดือน แม้แต่ฮัวโต๋ตายอีกครั้งก็ไม่อาจมีความสามารถทำเช่นนี้ได้แน่

ตอนนี้ คือเดือนสิบสองตามปฏิทินจันทรคติ

อีกสองวัน ก็จะเป็นวันก่อนวันส่งท้ายปีเก่าแล้ว

ปีใหม่กำลังใกล้เข้ามา ในวังก็มีชีวิตชีวาและรื่นเริงขึ้นหลายส่วน

มีเพียงแต่ในตำหนักเว่ยหยาง บรรยากาศอึมครึม

ปี้จูทนความปวดร้าวในลำคอของ บอกเล่าเรื่องทั้งหมดของปีนั้นให้โม่เฟยเฟยฟัง

ฟังนางพูดจบ ร่างทั้งร่างของโม่เฟยเฟยเกือบจะแตกสลาย

ถ้าพูดก่อนหน้านี้ คำพูดของหยุนหว่านหนิงนั้นนางไม่เชื่อ ด่าพูดของโหยวเอ้อนางก็อาจจะไม่เชื่อ……นางเชื่อมั่นว่า โหยวเอ้อถูกหยุนหว่านหนิงทำให้ยอมรับผิดเพราะทนถูกทรมานไม่ไหว จงใจใส่ร้ายฉินซื่อเสวีย

แต่ปี้จู……

นางรับใช้ในวังมาหลายปี จึงเป็นไปไม่ได้ที่ถูกหยุนหว่านหนิงซื้อตัวได้ง่าย ๆ

นอกจากนี้ คำพูดของปี้จูไม่มีช่องโหว่สักนิด

ที่โหยวเอ้อพูดทั้งหมดก่อนหน้านี้ ก็ล้วนสอดคล้องกัน

พี่เจ็ดเกลียดหยุนหว่านหนิงเข้ากระดูกดำ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่นางอย่างง่ายดาย แล้วพูดแทนนาง……

ดังนั้นตอนนี้มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว

นั่นคือ แม้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นหยุนหว่านหนิงถือว่าไม่ได้เป็นผู้บริสุทธิ์ แต่นางก็ “ไม่มีโทษถึงตาย” อาจเพราะนางไม่มีความอาฆาตใด ๆ ต่อนาง กลับกันคนที่คิดร้ายต่อนางจริง ๆ คือฉินซื่อเสวีย!

“จะเป็นไปได้อย่างไรกัน!”

โม่เฟยเฟยตื่นตระหนกจนแข็งทื่อ

นางตัวแข็งทื่อทั้งร่าง หย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ ไม่ได้สติกลับมาเป็นเวลานาน

หลายปีมานี้ ฉินซื่อเสวียถือเป็นพี่สะใภ้ อยู่ในใจนาง

แม้ภายหลังฉินซื่อเสวียจะไม่ได้แต่งงานกับโม่เยว่ แต่นางก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อนางเหมือนคนนอก ยังคงรักและเห็นเป็นเหมือนเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของตัวเอง

ใครจะไปรู้ว่าสุดท้ายแล้ว จะตีแสกหน้านางได้

ไม่ จู่โจมถึงตาย?!

โม่เฟยเฟยเหี่ยวเฉา เหมือนมะเขือยาวที่ถูกน้ำค้างแข็ง

“องค์หญิงเก้า หากข้าอยากยุแยงความสัมพันธ์ของเจ้ากับพระชายาหยิง ก็ยังมีอีกหลายวิธี”

สีหน้าของหยุนหว่านหนิงเรียบเฉย “ไม่จำเป็นต้องนำเรื่องเมื่อสี่ปีก่อนออกมาพูด! โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องเมื่อสี่ปีก่อนนั้น ข้าก็ไม่ได้เป็นผู้บริสุทธิ์”

แค่ปล่อยให้เวลาผ่านไปแบบนี้ ผู้คนก็จะลืมเรื่องนี้จนหมดแล้วไม่ใช่หรือ

ทำไมนางถึงอยากดึงดันให้เกิดปัญหา แล้วหยิบยกออกมาแล้วพูดอีก?!

หยุนหว่านหนิงไม่ได้ปลอบโม่เฟยเฟยแล้วก็ไม่ได้ฉวยโอกาสยุแยงความสัมพันธ์ของนางกับฉินซื่อเสวีย “ความสัมพันธ์ของเจ้ากับพระชายาหยิงจะเป็นอย่างไร ข้าล้วนรู้อยู่แก่ใจ”

“ข้าแค่อยากบอกเจ้าว่า อย่าถูกคนหลอกลวงเอา”

“เผื่อวันข้างหน้า จะได้ไม่คุ้มเสีย”

คำพูดเหล่านี้ ทำให้โม่เฟยเฟยเงียบไป

นางก้มศีรษะลง ทั้งร่างกายแผ่กระจายความหดหู่

นางไม่ได้หักล้างคำพูดของหยุนหว่านหนิง และก็ไม่ได้เห็นด้วย

เพียงลู่ศีรษะลง ราวกับว่าท้อแท้ใจหมดกำลังใจ

ไม่นาน หยุนหว่านหนิงก็ยืนขึ้นแล้วเดินไปด้านข้างของนาง ตบไหล่นางเบา ๆ “เฟยเฟย เมื่อสี่ปีที่แล้วเป็นความจริงที่ข้ายังไม่รู้ความ คิดอะไรเรียบง่ายเกินไป”

“ตอนนั้น ข้าเพียงคิดว่าอยากแต่งให้พี่ชายเจ้าเท่านั้น”

“ดังนั้นจึงใช้เจ้ามาข่มขู่เขา บังคับให้เขายอมจำนน”

ขณะพูด นางก็ส่ายหัวเบา ๆ “เมื่อสี่ปีที่แล้วข้าทำผิดครั้งใหญ่ สีปีมานี้ข้าก็รับความทุกข์ทรมานมามากมาย คงถือได้ว่าเป็นการชำระหนี้ตอนนั้นแล้ว”

ปีนั้น โม่เฟยเฟยท้ายที่สุดก็ไม่ได้ถูกเหยียดหยาม

เพียงแค่ ได้รับตื่นตระหนกไปบ้าง

ดังนั้นสี่ปีที่กักบริเวณ ก็ถือว่าเป็นการลงโทษหยุนหว่านหนิงแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อสี่ปีที่แล้ว……ร่างเดิมถือว่าเสียชีวิตภายใต้ร่างของโม่เยว่

เขากดขี่ข่มเหงนางอย่างบ้าระห่ำ จนร่างเดิมเหลือเพียงแค่ลมหายใจสุดท้าย แล้วนางก็ทะลุมาเข้าร่างแล้วกลายเป็นหยุนหว่านหนิงในตอนนี้

ความผิดพลาดทั้งหมดที่เกิดจากร่างเดิมเมื่อสี่ปีที่แล้ว ได้รับการชดใช้ด้วยชีวิตแล้ว ทุกอย่างก็ควรกลับไปเป็นศูนย์

คราวนี้ โม่เฟยเฟยไม่ได้ผลักนางออก

หยุนหว่านหนิงอยู่นางอย่างนิ่งเงียบ

ไม่นาน นางก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น ใบหน้าถูกชุ่มไปด้วยน้ำตา “ข้าไม่เคยคิดเลยว่า ตอนนั้นจะเป็นนางที่ทำร้ายข้า”

“นางจะทำร้ายข้าได้อย่างไร ทำไมนางถึงทำร้ายข้า”

โม่เฟยเฟยยังคงไม่เข้าใจ

นางขมวดคิ้วแน่น น้ำตาไหลอย่างบ้าคลั่ง “นางเป็นคนดีมากคนหนึ่งอย่างเห็นได้ชัด”

“เห็นกันชัด ๆ ว่าปฏิบัติต่อข้าอย่างดี และรักข้าเหมือนน้องสาวแท้ ๆ นางบอกกับข้าเองว่า ในใจนางมีเพียงพี่ชายของข้าคนเดียว แม้นางจะแต่งให้พี่สาม แต่ใจของนางก็ยังอยู่กับพี่เจ็ดของข้า”

“ตัวอยู่ที่ค่ายของเฉาเชา ใจอยู่ที่ดินแดนฮั่น?”

หยุนหว่านหนิงเย้ยหยันอย่างไม่เกรงใจ

ริมฝีปากนางเผยรอยยิ้มหัวเราะเยาะตัวเอง “ดูเหมือนแล้ว จะไม่ใช่แค่พี่เจ็ดเจ้าที่ถูกนางหลอกลวง เจ้าและเสด็จแม่ ก็โดนหลอกด้วยปากหวานก้นเปรี้ยวของนางเช่นกัน”

“ข้า……”

โม่เฟยเฟยอ้าปาก แต่ไม่อาจพูดอะไรออกมาได้

หากก่อนหน้านี้ นางจะต้องปฏิเสธหยุนหว่านหนิงอย่างแน่นอน โต้เถียงแทนฉินซื่อเสวียอย่างแยกเขี้ยวยิงฟัน

แต่มาวันนี้ นางยังคงเงียบด้วยใบหน้าขมขื่น

“ความสามารถของฉินซื่อเสวียในการซื้อใจผู้คนนั้นไม่ต่ำเลย วันหน้าข้าต้องเรียนรู้จากนางแล้ว”

หยุนหว่านหนิงยิ้มหัวเราะเยาะตัวเอง

“เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว!”

จู่ ๆ โม่เฟยเฟยก็ขัดจังหวะนาง “เรื่องวันนี้ อย่าเพิ่งให้เสด็จแม่รู้ นางรักพี่สะใภสามมาก ถ้ารู้เรื่องนี้แล้วคงจะโดนจัดการอย่างหนักเป็นแน่”

“อืม”

หยุนหว่านหนิงพยักหน้าตอบรับ

เป็นลูกที่กตัญญูรู้คุณ

“ส่วนพี่สะใภสาม……”

โม่เฟยเฟยกัดฟัน แววตามืดครึ้มลงเล็กน้อย “ข้าผู้นี้จะตรวจสอบอย่างลับ ๆ ”

“หลังตรวจสอบเรื่องในตอนนั้นกระจ่างแล้ว ข้าจะตัดสินใจเอง!”

นางเกลียดชังหยุนหว่านหนิงมาแล้วสี่ปี

แต่วันนี้เพิ่งรู้ ว่านางเกลียดชังผิดคน

ตลอดเวลาที่ผ่านมา คนที่นางรักเคารพมากที่สุด กลับคือคนที่นางควรแค้นชิงชัง……ด้วยช่องว่างเช่นนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่โม่เฟยเฟยจะรับไม่ได้!

“ในใจเจ้าเข้าใจก็ดี”

หยุนหว่านหนิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก “นั้นเป็นเรื่องของตัวเจ้าเอง ข้าเพียงจะล้างโคลนที่ถูกใส่ร้ายให้ตัวเอง”

“เรื่องที่เหลือนั้น ก็แล้วแต่เจ้าเถอะ”

พูดจบ นางก็ลุกขึ้นเตรียมจะจากไป

ตอนนั้นเอง โม่ลี่เข้ามาทูล กล่าวว่าพระชายาหยิงมาเยี่ยมองค์หญิง

หยุนหว่านหนิงกำลังก้าวเท้าก็หยุดชะงัก แล้วยิ้มที่เหมือนไม่ยิ้มมองไปทางประตู

ฉินซื่อเสวียมาแล้วหรือ!

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

Status: Ongoing
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ เป็นเรื่องราวความรักเกี่ยวกับการเดินทางที่ยากลำบากของตัวเอกชายและหญิง รู้จักกัน ตกหลุมรัก ผ่านเหตุการณ์และความยากลำบากมากมาย แต่สุดท้ายก็กลับมารวมกัน?คืนวันข้ามภพ ณห้องหอ หยุนหว่านหนิงถูกชายชั่วโม่เยว่เนรเทศออกมาจากวังหลัง ถูกจองจำสี่ปีเต็มๆ! เดิมคิดว่า สี่ปีมานี้นางอยู่อย่างยากลำบาก ต้องกลายเป็นยายแก่ขี้เหร่เป็นแน่! แต่หุ่นเธอช่างอรชรอ้อนแอ้นเต่งตึงเสน่ห์บาดใจ ผิวขาวราวกับหิมะ ใช้เงินมือเติบ ข้างกายยังมีเจ้าก้อนแป้งที่หน้าเหมือนเขาอย่างกับแกะ…… โม่เยว่นัยน์ตาร้อนเผ่า “เจ้าเอาเงินมาจากที่ใด!แล้วลูกมาจากไหน?!” เจ้าก้อนแป้งถลึงตามองเขา:“ไปให้ไกลจากท่านแม่ข้า!” หลังจากสืบรู้เรื่องเมื่อปีนั้นแล้ว โม่เยว่สีหน้าจริงใจ:“เมียจ๋า ข้าผิดไปแล้ว!ลูกชาย พ่อผิดไปแล้ว!”

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท