อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 106 ทำให้นางล้มป่วย
หยุนหว่านหนิงเข้ามาแล้ว
ถึงเต๋อเฟยจะล้มป่วย แต่เห็นนางเข้ามา ก็ยังคงพยุงตัวเองขึ้นและจ้องมองนางอย่างดุดัน….แต่ลักษณะท่าทีของนางตอนนี้ ถึงจะแสดงท่าทีดุดันแต่ก็ไม่แลดูมีความน่าเกรงขามเลย
ฮองเฮาจ้าวมองดูหยุนหว่านหนิงเดินเข้ามาอย่างสนใจ
คิดไม่ถึงว่าฮองเฮาจ้าวก็อยู่ คำพูดหยุนหว่านหนิงที่มาถึงปากถูกกลืนกลับไป
เดิมเมื่อกี้นางอยากพูดว่า “หยวนเป่า” อยากเจอเต๋อเฟย เพื่อเยี่ยมนาง
หยวนเป่าคนนี้ไม่ใช่หยวนเป่าตัวจริง
คนที่หยุนหว่านหนิงพูดถึง ยังคงเป็นโก่วตั้น
เดิมอยากที่จะตั้งใจกระตุ้นเต๋อเฟย แต่เห็นฮองเฮาจ้าวก็อยู่ จึงถวายความเคารพนาง พร้อมพูดว่า “ลูกถวายพระพรเสด็จแม่”
“ลุกขึ้นมาเถอะ ไม่ต้องมากพิธี”
ฮองเฮาจ้าวยิ่งดูหยุนหว่านหนิงก็ยิ่งชอบ
นางกับเต๋อเฟยเป็นอริกันมานานหลายปี แต่ศัตรูของศัตรู ก็คือเพื่อน
หยุนหว่านหนิงไม่เป็นที่ชื่นชอบของเต๋อเฟย ยังกล้าทำให้เต๋อเฟยโกรธแทบตาย…..
สำหรับฮองเฮาจ้าว หยุนหว่านหนิงสามารถกลายเป็นเพื่อนของนาง
ลูกสะใภ้คนโตหนานกงเยว่นิสัยอ่อนโยนไม่ชอบแย่งชิง ภรรยาเฟิงเอ๋อร์ฉินซื่อเสวียสถานะค่อนข้างพิเศษ อยู่ตรงกลางระหว่างนางกับเต๋อเฟย เพื่อความอยู่รอด ใครก็ล่วงเกินไม่ได้ ใครก็ละเลยไม่ได้ ล้วนต้องเอาใจให้ดี
ฮองเฮาจ้าวไม่พอใจ แต่ก็หาความผิดของฉินซื่อเสวีย
ยังไงนางก็เอาน้ำแกงมาให้เต๋อเฟยทุกวัน และก็เอาไปให้นางที่ตำหนักคุนหนิง
ฮองเฮาจ้าวอยากที่จะหาเรื่อง แต่จะหาเรื่องยังไงล่ะ?
แต่หยุนหว่านหนิง สามารถที่จะร่วมมือกับนางได้
สายตาของฮองเฮาจ้าวจึงมองดูนางอย่างเป็นมิตร พร้อมพูดขึ้นว่า “เมื่อกี้เจ้าพูดว่ามีคนอยากเจอเต๋อเฟย ใครอยากเจอหรือ? ทำไมไม่พาเข้ามาล่ะ?”
พูดพร้อมกับ หันไปมองทางด้านหลังหยุนหว่านหนิง
“เสด็จแม่ ลูกสะใภ้แค่พูดไปอย่างนั้นเอง”
หยุนหว่านหนิงยิ้มแย้ม เหลือบสายตาไปมองเต๋อเฟย พร้อมพูดขึ้นว่า “หากลูกสะใภ้ไม่พูดแบบนี้…..”
“เสด็จแม่คงไม่อยากเห็นข้า”
“ตอนนี้ข้าก็ไม่อยากเห็นเจ้า”
เต๋อเฟยพูดขึ้นมาอย่างไม่สะทกสะท้าน
แต่นางก็บุกเข้ามาอย่างหน้าด้านแล้ว นางยังจะทำอะไรได้?
“เสด็จแม่ อยู่ต่อหน้าฮองเฮา ท่านไว้หน้าข้าบ้างสิ”
หยุนหว่านหนิงขยับมาใกล้อย่างยิ้มแย้ม นั่งลงตรงขอบเตียง พร้อมพูดขึ้นว่า “ได้ยินว่าเสด็จแม่ไม่สบาย ทำไมใบหน้าถึงบวมด้วยล่ะ? เหงือกร้อนในหรือเปล่า?”
นางถามทั้งๆที่รู้ดี
แต่สีหน้าที่เป็นกังวล ทำให้มองไม่เห็นถึงความไม่หวังดี
เต๋อเฟย “……”
นางอยากพูดว่า เจ้าไสหัวไป
ฮ่องเต้ยังกล้าให้นางรักษา แสดงว่าฝีมือการรักษาของหยุนหว่านหนิง โม่จงหรานไว้วางใจ
มีฝีมือขนาดนี้ ยังจะดูไม่ออกว่าเหงือกนางอักเสบหรือ?
“เสด็จแม่ เมื่อคืนลูกสะใภ้ก็บอกท่านแล้วไม่ใช่หรือ? อย่าโกรธโมโหขนาดนี้ ฤดูใบไม้ผลิยังไม่ถึงอย่างเป็นทางการ อากาศยังหนาวเย็นและแห้งแล้ง ง่ายต่อการเป็นร้อนใน”
พูดเสร็จ นางก็ส่ายหัวอย่างเห็นใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ดูสิ ใบหน้าของท่านบวมหมดแล้ว”
เต๋อเฟยพูดขึ้นว่า “……หุบปาก”
ฮองเฮาจ้าวมองดูการพูดคุยกันของแม่สามีและลูกสะใภ้ทั้งสอง อย่างรู้สึก….น่ารัก?
“เต๋อเฟย ข้าว่าพระชายาหมิงก็เป็นห่วงเจ้านะ”
“ทำให้ฮองเฮาต้องขบขำแล้ว หม่อมฉันสั่งสอนได้ไม่ดี”
เต๋อเฟยยิ้มแย้ม
เป็นห่วงนาง?
เป็นห่วงที่นางยังไม่ตายมั้ง?
นังสารเลวคนนี้ อยากที่จะให้นางตายเร็วๆ ดังนั้นจึงมักเข้าวังมาทำให้นางโกรธโมโห
มองดูรอบๆ มีลูกสะใภ้บ้านไหนกล้าขัดใจแม่สามี? โดยเฉพาะยังวิ่งไล่จนรอบตำหนักหย่งโซ่ว เป็นที่ร่ำลือออกไป นางยังจะมีหน้าไปเจอใคร?
“ข้าเห็นว่า พระชายาหมิงดีมาก”
ฮองเฮาจ้าวพูดขึ้นมาอย่างยิ้มแย้มว่า “อย่างน้อยเต๋อเฟยล้มป่วย นางก็ยังรู้จักเข้าวังมาดูแล”
ดูแล?
หยุนหว่านหนิงนิ่งอึ้งไป
นางเพียงแค่เข้าวังมาทำให้เต๋อเฟยโกรธ มาดูแลเสียที่ไหน?
เต๋อเฟยก็อึ้ง
ให้นังสารเลวคนนี้มาดูแลนาง เพราะเห็นว่านางตายช้าหรือ?
เกรงว่าพรุ่งนี้ นางก็คงถูกนางทำให้โกรธจนตายไปแล้ว
“นับแต่โบราณมา ลูกสะใภ้ควรปรนนิบัติแม่สามี ตอนนี้เต๋อเฟยล้มป่วย เฟยเฟยยังเป็นสาวโสด ให้พระชายาหมิงมาดูแลดีที่สุด”
ฮองเฮาจ้าวพูดขึ้นมาอย่างมีเหตุผล
“ไม่ต้อง”
นางเพิ่งพูดเสร็จ เต๋อเฟยก็รีบพูดขึ้นว่า “ฮองเฮาเหนียงเหนียง นางกำนัลในตำหนักหย่งโซ่วของหม่อมฉัน เพียงพอแล้ว”
“หม่อมฉันก็ไม่เป็นอะไรมาก เพียงแค่ไม่สบายเท่านั้นเอง”
นางกัดฟันปฏิเสธความหวังดีของฮองเฮาจ้าว
หยุนหว่านหนิงไม่พอใจที่จะปรนนิบัติดูแลเต๋อเฟย
อย่างแรก นางยังต้องดูแลหยวนเป่า ยังดูแลรักษาโม่จงหราน ยังต้องดูแลสภาพจิตใจหยุนติงติง รวมทั้งงานในจวนมากมาย
อย่างที่สอง เต๋อเฟยไม่ชอบนาง
นางเสนอหน้าไป ไม่เป็นการหาเรื่องใส่ตนเองหรือ?
หากต้องดูแลเต๋อเฟยจริงๆ ตำหนักหย่งโซ่วคงจะวุ่นวายราวไก่บินสุนัขกระโดดทุกวันแน่
“เต๋อเฟย ฮ่องเต้โปรดเจ้าที่สุด หากเจ้าไม่รีบรักษาตนเองให้หาย แล้วจะดูแลฮ่องเต้ยังไง?”
ฮองเฮาจ้าวเอาโม่จงหรานมาอ้าง
นางมองดูเต๋อเฟยอย่างลึกซึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ได้ยินมาว่า ช่วงนี้ฮ่องเต้ไปตำหนักจิ้งกุ้ยเหรินบ่อยๆ เต๋อเฟยไม่รู้สึกอะไรหรือ?”
เต๋อเฟยไม่ใช่คนโง่ รู้ความหมายของฮองเฮาจ้าวเป็นอย่างดี
นางกำลังอยากบอกนางว่า ไปแย่งชิงกับจิ้งกุ้ยเหริน
“ความหวังดีของฮองเฮาเหนียงเหนียง เรื่องปรนนิบัติดูแล หม่อมฉันไปถามฮ่องเต้ก่อนค่อยว่ากัน”
เต๋อเฟยพูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “หยุนหว่านหนิงยังต้องดูแลรักษาฮ่องเต้ ยังไงพระวรกายของฮ่องเต้ก็สำคัญที่สุด”
นางไม่หลงกลเรื่องนี้ ฮองเฮาจ้าวไม่พอใจ แต่ก็ไม่แสดงออกมา เพียงพูดขึ้นว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็แล้วแต่เต๋อเฟยตัดสินใจเอง”
“ข้าก็แค่หวังดี อยากให้เจ้าหายเร็วๆ จะได้ปรนนิบัติดูแลฮ่องเต้”
“เต๋อเฟยเป็นห่วงเจ้าเจ็ดกับลูกสะใภ้ ข้าเองก็เป็นแม่ ข้าเข้าใจ”
นางจัดแขนเสื้อลวดลายดอกโบตั๋น พร้อมพูดขึ้นมาอย่างเชื่องช้าว่า “ข้ายังคงขอพูดย้ำเหมือนเดิม เรื่องลูกหลานล้วนแล้วแต่โชคชะตา บังคับไม่ได้”
“ถึงแม้จะผ่านไปแล้วสี่ปี ลูกสะใภ้เจ็ดก็ยังไม่มีลูก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต่อไปจะมีไม่ได้”
ฮองเฮาจ้าวเหลือบหันไปมองหยุนหว่านหนิง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าเองก็ไม่ต้องบีบบังคับลูกทั้งสองจนเกินไป”
ฟังดูเหมือนช่วยพูดเข้าข้างหยุนหว่านหนิง พูดตำหนิเต๋อเฟย
แต่ประโยคนี้หยุนหว่านหนิงฟังแล้ว ยังไงก็รู้สึกแปลกๆ?
เหมือนฮองเฮาจ้าวกำลังบอกว่า นางเป็นแม่ไก่ที่ออกไข่ไม่ได้
สีหน้าของเต๋อเฟย ย่ำแย่อย่างมากแล้ว
เห็นได้ชัดว่าฮองเฮาจ้าวตั้งใจที่จะสร้างความร้าวฉานระหว่างนางกับแม่สามี…..
สำหรับเต๋อเฟย ถึงหยุนหว่านหนิงจะไม่ชอบ แต่ยังไงก็เป็นแม่ของโม่เยว่ ระหว่างฮองเฮาจ้าวกับเต๋อเฟย ใช่ว่านางจะไม่รู้ว่าอะไรควรทำยังไง
ถึงเต๋อเฟยจะไม่ดี แต่นางก็ไม่เคยคิดจะฆ่านาง
ส่วนฮองเฮาจ้าว….
ยิ่งรังเกียจ เป็นคนใจดำอำมหิต
เมื่อส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของนาง เกรงว่าคงจะกำจัดอย่างไม่ลังเล
โม่เยว่กับโม่หุยเฟิง อยู่ฝั่งตรงข้ามกันอย่างชัดเจนแล้ว
ดังนั้นนางกับฮองเฮาจ้าว…..
ยังไงก็ไม่ใช่คนประเภทเดียวกัน
หยุนหว่านหนิงรู้ดีแก่ใจ จึงพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้มว่า “เสด็จแม่พูดถูก ลูกสะใภ้กับท่านอ๋องล้วนต้องการเสด็จแม่ ดีงนั้นเสด็จแม่ต้องรีบหาย”
“ลูกสะใภ้ยินยอมดูแลเสด็จแม่ ให้เสด็จแม่หายไวไว”
พูดอย่างจริงใจ ท่าทีจริงใจ ทำให้เต๋อเฟยค่อนข้างประหลาดใจ
นังสารเลวคนนี้ ตอนนี้ดูเหมือนเข้าข้างนาง?