อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ – บทที่ 161 ท่านอ๋องยอมถอยให้

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

โชคดีที่เขาตาเร็วมือไว จึงสามารถคว้าข้อมือเรียวบางของนางเอาไว้ได้

ก่อนหน้านี้ถูกนางตบหน้าก็ถือว่าแล้วกันไปเถอะ แต่ครั้งนี้อยู่ต่อหน้าคนนอกแท้ ๆ นางยังกล้าลงไม้ลงมือกับเขา …..โม่เยว่โกรธสุดขีดแล้วจริง ๆ ออกแรงกระชากนางเข้ามาในอ้อมแขนเต็มแรง

“หยุนหว่านหนิง! ข้าเป็นสามีของเจ้านะ!”

เขาถลึงตามองนางอย่างดุดัน “เจ้ารนหาที่ตายรึ?!”

“สามีแล้วจะทำไมล่ะ? แทนที่จะต้องมีสามีที่เอาแต่สงสัยข้าอยู่ได้ทั้งวี่ทั้งวัน ไม่สู้ให้ข้ากลายเป็นหม้ายไปเลยเสียยังดีกว่า!”

หยุนหว่านหนิงไม่มีท่าทีหวั่นกลัวเลยแม้แต่น้อย

เรื่องที่นางต้องเผชิญหน้ากันจัง ๆ กับโม่เยว่แบบนี้ มันไม่ได้เพิ่งจะเกิดขึ้นวันสองวันนี้เสียเมื่อไหร่

ในทางกลับกัน นี่กลับทำให้ซ่งจื่ออวี๋รู้สึกลำบากใจไม่น้อย เขาหันหลังแล้วเดินออกไปด้วยท่าทางกระอักกระอ่วน ไปยืนรออยู่ข้างนอกเพื่อให้ทั้งสองคนทะเลาะกันให้เสร็จก่อนค่อยเข้าไป

“เมื่อครู่นี้เจ้ากับข้ายังคุยกันดี ๆ อยู่เลย เจ้าก็เริ่มสงสัยข้าอีกแล้ว! เจ้าเองลองคิดดูให้ดี ๆ อีกครั้งซิ ว่าเงื่อนไขข้อที่สองคืออะไร แล้วท่องมาให้ข้าฟังหนึ่งรอบแบบอย่าให้ตกหล่นแม้แต่คำเดียว!”

หยุนหว่านหนิงโกรธจนสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง

เมื่อเห็นท่าทางโกรธเกรี้ยวของนาง โม่เยว่ก็อดหวนนึกถึงคืนที่พวกเขาทะเลาะกันไม่ได้……

นางก็โกรธมากจนใบหน้าดวงเล็ก ๆ นี้บิดเบี้ยวไปเช่นกัน

ระลอกความรู้สึกผิดสายหนึ่งผุดขึ้นมาในใจ เขาทำได้แค่หันหน้าหนีไปอีกด้าน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ข้อสอง ไม่ว่าในสถานการณ์ไหนก็ไม่อนุญาตให้สงสัยในตัวข้า! ทุกสิ่งที่ข้าทำจะไม่นับว่าเป็นการทำเพื่อเจ้าทั้งหมด แต่เพื่อหยวนเป่า! ข้ายังคงยึดตามคำพูดประโยคเดิม เจ้ากับข้าคือคนที่ลงเรือลำเดียวกันแล้ว ข้าไม่มีทางทำร้ายเจ้า”

“ท่องอีกรอบ!”

หยุนหว่านหนิงยังโกรธไม่หาย

“หยุนหว่านหนิง อย่าให้มันมากเกินไปนะ! ข้ายอมถอยให้แล้วเจ้าก็ควรมีขอบเขตบ้าง!”

โม่เยว่ก็โกรธแล้วเหมือนกัน

“ข้าให้เจ้าท่องอีกรอบ!”

หยุนหว่านหนิงออกแรงเหยียบหลังเท้าของเขาหนัก ๆ ไปครั้งหนึ่ง “มีแต่การท่องจำให้มากขึ้นอีกหลาย ๆ รอบ เจ้าถึงจะจำมันได้อย่างขึ้นใจ!”

โม่เยว่เจ็บจนสะอึก รีบปล่อยมือนางแล้วก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว

เขาถูกบังคับจนไม่มีทางเลือกอื่น ทำได้แค่ท่องเงื่อนไขนั้นซ้ำอีกครั้ง

“ในเงื่อนไขข้อนี้ ประโยคที่สองคืออะไร?”

หยุนหว่านหนิงมองเขาอย่างเย็นชา เหมือนครูสอนภาษาที่ถามคำถามในชั้นเรียนก็ไม่ปาน สายตาเช่นนั้นของนางทำให้หัวใจของโม่เยว่ขมวดเกร็งขึ้นมาทันที จู่ ๆ ก็เบนสายตาหนีไปทางอื่นด้วยความรู้สึกร้อนตัวน้อย ๆ

“ทุกสิ่งที่ข้าทำจะไม่นับว่าเป็นการทำเพื่อเจ้าทั้งหมด แต่เพื่อหยวนเป่า!”

เขาตอบ

“ถูกต้อง เจ้าจงจำไว้ให้ดีล่ะ! ถ้าไม่ใช่เพราะหยวนเป่า ข้าจะไม่มีวันช่วยเจ้าเด็ดขาด”

หยุนหว่านหนิงกัดฟันพูด

ในใจของโม่เยว่รู้สึกผิดมากขึ้นเรื่อย ๆ

เขารู้ดีกว่าใคร ๆ ว่าหยุนหว่านหนิงรักหยวนเป่ามากแค่ไหน หยวนเป่าคือชีวิตของนาง!

เพราะหยวนเป่า นางจะไม่มีวันทำอะไรเขาแน่นอน….. ในทางตรงกันข้าม เขากลับทำให้นางโกรธเคืองหลายต่อหลายครั้ง วันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองอาจจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้

แต่เพราะคำพูดแบบไม่คิดของเขา เพราะความสงสัยของเขา นางจึงโกรธขึ้นมาอีกแล้ว!

โม่เยว่ก้มหน้าลง น้ำเสียงอ่อนลงไปหลายส่วน

“หนิงเอ๋อร์ ขอโทษด้วย ล้วนเป็นเพราะข้าไม่ดีเอง”

เขาขอโทษอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน “ข้าเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ไม่ยอมไว้ใจใครทั้งนั้น เจ้าให้เวลาข้าอีกสักนิดเถอะ ข้าสัญญาว่าหลังจากนี้ข้าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างแน่นอน!”

“หา? พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วรึ? ท่านอ๋องถึงกับยอมรับความผิดของตัวเอง”

หยุนหว่านหนิงแค่นยิ้มเย็นชา

โม่เยว่ก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่เขายอมเห็นนางกระทืบเท้าพลางชี้จมูกด่าเขาแบบโหด ๆ เสียยังดีกว่า

ก็ไม่อยากได้ยินคำพูดประชดประชัน หรือต้องเห็นสายตาเย็นชาไม่แยแสของนาง

บางทีอาจเป็นเพราะการปรากฏตัวของซ่งจื่ออวี๋ ในใจของเขาจึงรู้สึกถึงวิกฤตบางอย่าง?

หรือบางทีอาจเพียงเพราะ เพื่อหยวนเป่าโดยบริสุทธิ์ใจจริง ๆ?

โม่เยว่หาเหตุผลไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ตอแยต่อแบบไม่เลิกรา แค่ถอนหายใจเบา ๆ แล้วพูดว่า “หนิงเอ๋อร์ พวกเราคุยกันดี ๆ ได้หรือไม่?”

เมื่อเห็นว่าประตูห้องหนังสือปิดอย่างแน่นหนา ก็รู้ว่าซ่งจื่ออวี๋อยู่ข้างนอก

ครั้งนี้ ไม่ได้มีบุคคลที่สามอยู่ในห้องหนังสือแล้ว…..

เขาก้มหน้ายอมรับผิด ก็ไม่นับว่าเป็นอะไร!

ลูกผู้ชายอกสามศอกอย่างเขา ยืดได้ก็หดได้!

ภรรยาของตัวเอง ถ้าเขาไม่รักจะให้ใครมารักล่ะ?

โม่เยว่ท่องคำพูดสองสามประโยคนี้ซ้ำ ๆ ในใจไม่หยุด…. เป็นโม่จงหรานที่พร่ำสอนคำพูดเหล่านี้ให้เขามาตลอดช่วงหลายวันมานี้ ซึ่งโม่เยว่เองก็ท่องจำได้อย่างแม่นยำชนิดไม่มีตกหล่นแม้แต่น้อย

“ มาเถอะ ดื่มชาสักหน่อย อย่าโกรธเลยนะ ”

โม่เยว่ยิ้ม พลางรินชาให้นางกับมือตัวเอง

อ๋องหมิงผู้สง่างามเช่นเขา

ในสายตาของคนอื่น เป็นตัวตนที่สูงส่งและน่าเกรงขามตั้งขนาดไหน?

วันนี้ปิดประตูแน่น ไม่เพียงยอมรับความผิดเสียงอ่อนเสียงหวาน ยังรินน้ำชาให้นางอย่างอ่อนน้อมถ่อมตนด้วย……

หยุนหว่านหนิงก็ไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล ไม่รู้จักให้อภัยคนเสียหน่อย

การใช้ชีวิตของทั้งสองที่ผ่านมา ก็ไม่ใช่ว่าลุ่ม ๆ ดอน ๆ แบบนี้มาตลอดหรือ?

ทะเลาะกันได้ แต่หลังจากทะเลาะกันเสร็จก็โยนความคับข้องใจทั้งหมดออกจากสมองไป แล้วตั้งหน้าตั้งตาเดินไปข้างหน้าต่อไม่ดีกว่าหรือ?

นางรับถ้วยชา ก่อนจะแค่นเสียงเบา ๆ ขึ้นมาเสียงหนึ่ง “ข้าก็บอกเจ้าไปอย่างชัดเจนแล้วนะว่า ทั้งหมดที่ข้าทำไปก็เพื่อประโยชน์ของเจ้าทั้งนั้น อย่าได้สงสัยในตัวข้า เจ้าก็เอาแต่ไม่ยอมฟัง”

“ได้ ๆ ข้าจะตั้งใจฟังแน่นอน”

โม่เยว่นั่งลงข้าง ๆ นาง “เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยว่า สรุปแล้วเขาเป็นใครกันแน่”

หยุนหว่านหนิงมีท่าทียอมโอนอ่อนผ่อนตามลงมาบ้างแล้ว เขาจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“เขาเป็นลูกศิษย์ของเสวียนซันเซียนเซิงจริงๆ”

หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้วพลางตอบคำถาม

นางยกถ้วยชาขึ้น จิบน้อย ๆ ไปอึกหนึ่ง จากนั้นก็ถือถ้วยชานั้นไว้ในมือ “เจ้าอย่าไม่เชื่อเชียวล่ะ! ข้าไปพบเสวียนซันเซียนเซิงมาแล้วจริง ๆ ทั้งยังหว่านล้อมจนสามารถพาตัวลูกศิษย์เพียงคนเดียวของเขาลงจากภูเขามาได้ด้วย”

“นั่นเป็นเพราะว่าเสวียนซันเซียนเซิงลงจากภูเขาไม่ได้”

“โอ๋?!”

โม่เยว่ถึงกับตกตะลึงอึ้งค้าง “เจ้าหาตัวเสวียนซันเซียนเซิงพบได้อย่างไรน่ะ?”

“ข้าไปสอบถามมาจากท่านตา จากนั้นข้าก็ไปตรวจสอบข้อมูลอื่น ๆ เพิ่มเติมอีกมากมาย ในที่สุดก็พอจะยืนยันได้ว่า สถานที่ที่เสวียนซันเซียนเซิงไปปลีกวิเวกตามลำพังนั้นอยู่ที่ไหน”

หยุนหว่านหนิงก็ไม่ได้ปิดบังเขาเช่นกัน

ติดที่ว่าเสวียนซันเซียนเซิงไม่อยากถูกคนนอกรบกวน ทั้งไม่อยากให้คนอื่นรู้จักสถานที่ปลีกวิเวกของเขามากนัก…….

แต่หยุนหว่านหนิงก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เขาอยู่บนภูเขาหยุนอู้

“ช่วงนี้ที่ข้าออกบ้านแต่เช้ากว่าจะกลับมาก็ค่ำ ล้วนเป็นเพราะไปขอร้องเสวียนซันเซียนเซิงนี่แหล่ะ”

นางจ้องเข้าไปในดวงตาของโม่เยว่ พูดด้วยน้ำเสียงติดจะพร่ำบ่นน้อย ๆ ว่า “ข้าสู้อุตสาห์ทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อเจ้า แต่เจ้ากับท่านแม่กลับเข้าใจข้าผิด! บัญชีนี้ข้ายังไม่ได้สะสางกับเจ้าเลยนะ”

เมื่อเห็นท่าทางสุดแสนจะน้อยเนื้อต่ำใจของนาง โม่เยว่ก็ใจอ่อนยวบ “ขอโทษนะ หนิงเอ๋อร์……”

“เรื่องมันผ่านไปแล้วก็ให้มันแล้วไปเถอะ ตอนนี้เรื่องทุกอย่างชัดเจนได้ก็ดีแล้ว”

หยุนหว่านหนิงก็ไม่ใช่คนที่ชอบหมกมุ่นกับเรื่องที่ผ่านไปแล้ว แค่พูดขึ้นว่า “เดิมทีซ่งจื่ออวี๋จะออกเดินทางทัศนาจรในสี่แคว้น”

“แต่เพราะเสวียนซันเซียนเซิงจากภูเขาไม่ได้ ข้าจึงส่งข้อความแบบพิเศษเฉพาะไปขอให้เขากลับมา แล้วขอให้ตามข้าลงมาจากภูเขา”

“ไม่ว่าอะไรเขาก็ทำได้หมด เมื่อเทียบกับคนละโมบที่หวังจะกอบโกยชื่อเสียงอย่างหลิวต้าเหวินนั่นแล้ว เรียกได้ว่าห่างไกลกันคนละชั้นเลย เสวียนซันเซียนเซิงเก่งกาจมีความสามารถขนาดไหน ข้าได้เห็นมากับตาตัวเองเลยล่ะ! ดังนั้นซ่งจื่ออวี๋จะเก่งกาจสามารถขนาดไหน เจ้าไม่จำเป็นต้องเสียเวลานึกสงสัยเลยด้วยซ้ำ”

แค่ทักษะวิชาสร้าง “ภาพลวงตา” ของเสวียนซันเซียนเซิงอย่างเดียว ก็ทำให้หยุนหว่านหนิงตกตะลึงจนปากอ้าตาค้างได้แล้ว ถึงกับคิดไปด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังฟังเทพนิยายสุดมหัศจรรย์พันลึกอยู่

ดังนั้นสำหรับซ่งจื่ออวี๋คนนี้ นางจึงมีความรู้สึกเชื่อมั่นไว้ใจอย่างมาก!

ในใจของโม่เยว่ยังคงนึกสงสัยอยู่บ้าง

แต่เพราะนางพูดมาขนาดนี้แล้ว หลังจากได้รับ “บทเรียนราคาแพงจากอดีต” ที่บังอาจนึกสงสัยในตัวนาง เขาก็ไม่กล้าพูดคัดค้านอะไรออกมาอีก

ในที่สุดเขาก็พยักหน้า “ได้! แล้วจากนี้เจ้าวางแผนไว้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปล่ะ?”

หยุนหว่านหนิงจึงไปเชิญซ่งจื่ออวี๋เข้ามา ร่วมกันหารือเรื่องที่จะทำต่อจากนี้ไปกับโม่เยว่สามคน

เพื่อขจัดความสงสัยของโม่เยว่ นางจงใจให้ซ่งจื่ออวี๋แสดงฝีไม้ลายมือ ด้วยการใช้เคล็ดวิชาที่ธรรมดาพื้นฐานที่สุดอย่างเคล็ดวิชา: เจี่ยกว้า

โดยขอให้ซ่งจื่ออวี๋เสี่ยงทายออกมาว่า วันพรุ่งนี้โม่จงหรานจะตัดสินให้หลิวต้าเหวินถูกตัดหัวหรือไม่ รวมถึงคำพูดที่โม่จงหรานจะพูดออกมาทั้งหมด ให้ทำการเสี่ยงทายออกมาให้เขาดู

ก่อนหน้านี้โม่จงหรานส่งตัวหลิวต้าเหวินไปขังไว้ที่คุกหลวง บอกแค่ว่าจะตัดสินโทษประหารชีวิตในภายหลัง

แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีการตัดสินโทษประหาร มาตอนนี้พอได้ยินเขาพูดแบบนี้ โม่เยว่ก็เก็บความคิดระแวงสงสัยนั้นเอาไว้ในใจ

เขาแค่ต้องรอให้ถึงเวลาประชุมราชการเช้าวันพรุ่งนี้ แล้วรอฟังว่าโม่จงหรานจะพูดว่าอย่างไร จะตรงกับคำทำนายที่ซ่งจื่ออวี๋เสี่ยงทายออกมาหรือไม่….. หากว่าไม่ตรงกัน นั่นย่อมแสดงให้เห็นว่าเขาก็เป็นได้แค่พวกที่รู้อะไรแค่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ เท่านั้น

แต่ถ้าตรงกัน ย่อมแสดงให้เห็นว่าซ่งจื่ออวี๋คนนี้ เป็นคนเก่งกาจชนิดที่หาตัวจับได้ยากจริง ๆ!

ทุกอย่างล้วนต้องรอให้ถึงเช้าวันพรุ่งนี้ คำตอบทั้งหมดก็จะได้รับการเปิดเผยแล้ว…..

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

Status: Ongoing
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ เป็นเรื่องราวความรักเกี่ยวกับการเดินทางที่ยากลำบากของตัวเอกชายและหญิง รู้จักกัน ตกหลุมรัก ผ่านเหตุการณ์และความยากลำบากมากมาย แต่สุดท้ายก็กลับมารวมกัน?คืนวันข้ามภพ ณห้องหอ หยุนหว่านหนิงถูกชายชั่วโม่เยว่เนรเทศออกมาจากวังหลัง ถูกจองจำสี่ปีเต็มๆ! เดิมคิดว่า สี่ปีมานี้นางอยู่อย่างยากลำบาก ต้องกลายเป็นยายแก่ขี้เหร่เป็นแน่! แต่หุ่นเธอช่างอรชรอ้อนแอ้นเต่งตึงเสน่ห์บาดใจ ผิวขาวราวกับหิมะ ใช้เงินมือเติบ ข้างกายยังมีเจ้าก้อนแป้งที่หน้าเหมือนเขาอย่างกับแกะ…… โม่เยว่นัยน์ตาร้อนเผ่า “เจ้าเอาเงินมาจากที่ใด!แล้วลูกมาจากไหน?!” เจ้าก้อนแป้งถลึงตามองเขา:“ไปให้ไกลจากท่านแม่ข้า!” หลังจากสืบรู้เรื่องเมื่อปีนั้นแล้ว โม่เยว่สีหน้าจริงใจ:“เมียจ๋า ข้าผิดไปแล้ว!ลูกชาย พ่อผิดไปแล้ว!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท