อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ – บทที่ 279 ซ่งจื่ออวี๋บาดเจ็บสาหัส

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 279 ซ่งจื่ออวี๋บาดเจ็บสาหัส

เรื่องของหยุนธิงธิงกับโม่เหว่ยเป็นอันเรียบร้อย หยุนหว่านหนิงก็เบาใจลงเหมือนกัน

ดีที่โม่เยว่ยอมยื่นมือช่วยเรื่องนี้

ทีแรกนางยังคิด ด้วยกำลังนางเพียงคนเดียว…ต่อให้เกลี้ยกล่อมหยุนธิงธิงได้ ก็กระดากปากจะเอ่ยกับโม่เหว่ย

แม้โม่เหว่ยจะเคยพูด ขอเพียงรักษาเขาให้หายดีได้ เขาจะยอมรับทุกเงื่อนไขก็ตาม

แต่ก็เหมือนกับที่โม่เยว่กล่าว นางกับหยุนธิงธิงล้วนเป็นผู้หญิง

เรื่องแบบนี้ ก็ต้องให้ฝ่ายชายเป็นคนเอ่ยปากก่อนสิ!

จะบากหน้าให้โม่เหว่ยแต่งกับหยุนธิงธิงไม่ได้กระมัง

หากเป็นเช่นนั้น ก็มิทำให้คนคิดว่าหยุนธิงธิงขายไม่ออก จำเป็นยัดเยียดมาจวนอ๋องโจวของผู้อื่นหรือ

หลังจากกินอาหารเย็นเสร็จ ก็ใกล้ถึงยามซวีแล้ว

โม่เยว่พาหยวนเป่าไปห้องหนังสือ ไม่รู้ว่าสองพ่อลูกกำลังทำอะไร

หยุนหว่านหนิงมีเวลา จึงไปรอมังกรตาเดียวอยู่ที่ประตูหลัง

ใครจะรู้ มังกรตาเดียวยังไม่ทันมา ที่มาก่อนกลับเป็น…จดหมายนกพิราบฉบับหนึ่ง ส่งมาจากเขาหยุนอู้ ลายมือบนจดหมายเป็นของซ่งจื่ออวี๋

บนกระดาษยังเปื้อนเลือดด้วย

“แย่ล่ะ! ซ่งจื่ออวี๋เกิดเรื่องแล้ว!”

หยุนหว่านหนิงอ่านเนื้อความบนกระดาษอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจรอมังกรตาเดียวอีก รีบไปยังเขาหยุนอู้ทันที

ก่อนจะไป นางเพียงสั่งให้หรูเยียนไปบอกโม่เยว่เท่านั้น

ราตรีมืดมิด นางห้อม้า ไม่นานก็ออกจากเหมืองหลวง

จิตใจหยุนหว่านหนิงหนักอึ้งตลอดทาง

ซ่งจื่ออวี๋มีความสามารถในการล่วงรู้โดยมิต้องทำนาย

ต่อให้มีคนคิดจะทำร้ายเขา เขาก็น่าจะรู้ตัวก่อนจึงจะถูก…แล้วทำไมถึงมีเลือดมากขนาดนั้น ทำไมถึงให้นางรีบไปที่เขาหยุนอู้ขนาดนั้นด้วย!

บนกระดาษเมื่อครู่ มีอักษรง่ายๆ เพียงไม่กี่ตัว ด่วน! เขาหยุนอู้!

หรือว่าเขาหยุนอู้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้น

เป็นเสวียนซันเซียนเซิง หรือว่าซ่งจื่ออวี๋!

หยุนหว่านหนิงไม่อาจคิดอะไรมาก ห้อตะบึงตลอดทาง

ไม่ว่าใครจะเกิดเรื่อง นางก็ปวดใจทั้งนั้น!

อานม้าที่นั่งเสียดสีกับเนื้อที่ต้นขา ปวดแสบปวดร้อน

หยุนหว่านหนิงกัดฟัน ถึงเชิงเขาหยุนอู้ด้วยเวลาไม่ถึงสองชั่วยาม

พนาวัลย์ป่าทึบ บังฟ้าปิดตะวัน แสงจันทร์และดวงดาราดาษดื่นกลางศีรษะ ล้วนถูกกิ่งไม้หนาทึบบดบังจนสิ้น แทบไม่เห็นเส้นทางเดิน

เจ้าม้าแสนรู้ บรรทุกนางอย่างมั่นคง

ครั้นลงจากม้า หยุนหว่านหนิงก็ล้วงหินจุดไฟ จุดคบเพลิงอันหนึ่ง

เส้นทางต่อจากนี้ นางจำเป็นต้องขึ้นไปด้วยตนเอง

นางคิดว่าจะให้ม้ากลับไปเอง หรือว่าจะมัดอยู่ที่เชิงเขาดี แล้วจะเจอกับสัตว์ร้ายหรือไม่…

แต่พอนางเพิ่งลงจากม้าก็ได้กลิ่นคาวเลือดที่รางๆ สายหนึ่งทันที

หยุนหว่านหนิงทึ่ง ค้นหาไปตามทิศทางที่กลิ่นคาวเลือดโชยมาอย่างละเอียด

ดั่งคาด พบซ่งจื่ออวี๋หมดสติ เนื้อตัวโชกเลือดอยู่ในพุ่มหญ้าที่อยู่ไม่ไกล!

“จื่ออวี๋!”

หยุนหว่านหนิงตกใจร้องเสียงหนึ่ง รีบประคองเขาขึ้นมา

ซ่งจื่ออวี๋บาดเจ็บสาหัส อาภรณ์ขาวที่ไม่เคยแปดเปื้อนละอองธุลีในยามปกติ เวลานี้กลับเปื้อนเลือดแดงฉาน ไม่รู้ว่าบาดเจ็บตรงไหนกันแน่!

หยุนหว่านหนิงอังลมหายใจของเขา รวยรินอย่างยิ่ง!

คือใคร!

ถึงกับทำร้ายซ่งจื่ออวี๋จนเป็นแบบนี้ไปได้!

หยุนหว่านหนิงสั่นสะท้านเล็กน้อย

ไม่รู้ว่าเสวียนซันเซียนเซิงรู้เรื่องนี้หรือไม่ ทำไมไม่ลงเขามาช่วยซ่งจื่ออวี๋ล่ะ…

เขาหยุนอู้อยู่สูงทะลุเมฆา อีกทั้งยามวิกาลยังมองทางไม่ชัด

ด้วยกำลังนางเพียงคนเดียว ยากจะพาซ่งจื่ออวี๋ขึ้นเขาไปได้

หลังจากพิจารณา หยุนหว่านหนิงก็วางแผนว่าจะรักษาซ่งจื่ออวี๋อยู่ที่นี่

พอตรวจสอบอาการของซ่งจื่ออวี๋เสร็จ ก็เอายาจินชวงและยาห้ามเลือดออกมาจากช่องว่าง บาดแผลบนตัวเขามีไม่มาก บาดเจ็บตรงท้องเพียงจุดเดียว

ปากแผลลึกมาก เลือดไหลนองเต็มพื้น

คล้ายจะเห็นกระดูกซี่โครงได้รางๆ…

ไม่รู้ว่าแผลนี้ใครเป็นคนทำ ทำไมซ่งจื่ออวี๋ถึงต่อสู้ไม่ได้เลย!

แต่พอเห็นปากแผลนั้นแล้ว หยุนหว่านหนิงก็รู้สึกว่ามีลักษณะแปลกอยู่บ้าง

จากอาการของซ่งจื่ออวี๋ น่าจะหมดสติไปได้ไม่นาน

และเลือดก็เพิ่งไหลได้ไม่นานเช่นกัน ไม่อย่างนั้นสองชั่วยาม เขาก็ต้องเสียเลือดหมดตัวเสียชีวิตไปนานแล้ว!

นางกำลังมือสั่น

ปากแผลใหญ่ขนาดนี้ จะทำแผลเฉยๆ ไม่ได้ ต้องเย็บแผล

หยุนหว่านหนิงหายาแก้ปวดออกมาให้เขากินลงไป แล้วฉีดยาชาเฉพาะที่ รอครู่หนึ่งจนยาออกฤทธิ์แล้วก็หยิบเข็มและไหมผ่าตัดออกมา

พอใช้แอลกอฮอล์ล้างเข็มและไหมผ่าตัดแล้ว ก็เย็บปิดปากแผลให้ซ่งจื่ออวี๋

ถึงเขาจะหมดสติอยู่ กินยาแก้ปวดและฉีดยาชาแล้ว แต่ก็ยังเจ็บจนตัวสั่นระริก

ริมฝีปากและใบหน้าซีดขาวอย่างหนัก

“อดทนหน่อย อีกนิดเดียว”

หยุนหว่านหนิงมือสั่นหนักมาก เย็บปากแผลบิดๆ เบี้ยวๆ

มือของนางถูกเลือดย้อมจนแดง กลิ่นคาวเลือดที่ขึ้นจมูกทำให้นางด้านชา

เจ้าม้าอยู่ด้านข้างเป็นเพื่อนนางเงียบๆ พ่นลมออกจมูกเป็นครั้งคราว ทำให้หยุนหว่านหนิงไม่รู้สึกกลัวขนาดนั้น

ในจุดไม่ไกลมีเสียงคำรามกู่ร้องของสัตว์ร้ายดังมาเป็นระยะ บางครั้งก็เป็นเสียงคำรามแปลกๆ ของสัตว์ไม่แน่ชัด บางทีก็มีนกกลางคืนบินผ่านศีรษะ และขนร่วงจากปีกสยายสองสามเส้น

ยามราตรีถึงจะเป็นโลกของสรรพสัตว์

หยุนหว่านหนิงกลั้นลมหายใจตั้งสมาธิ เฉือนไหมผ่าตัด

หลังจากเย็บปิดบาดแผลแล้ว นางถึงจะใส่ยาให้ซ่งจื่ออวี๋ ก่อนจะพันแผลด้วยผ้าพันแผล

ลมหายใจของซ่งจื่ออวี๋เสถียรมากขึ้นไม่น้อย

หยุนหว่านหนิงนั่งกับพื้น เนื้อตัวมีแต่เลือด

นางพรูลมหายใจยาว ใช้พลังจนหมด ล้มตัวลงไปนอน

ดวงดาราดาษดื่นส่องแสงกะพริบลอดกิ่งไม้หนาทึบ หยุนหว่านหนิงรู้สึกเวียงศีรษะเล็กน้อย

ทันใดนั้นนางก็คล้ายได้ยินเสียงคนที่เรียกข้างหู เรียกด้วยเสียงอ่อนโยน “หนิงหนิง หนิงหนิง?”

น่าเสียดาย หยุนหว่านหนิงอ่อนล้าจนหมดสติไปแล้ว ไม่เห็นผู้ที่เรียกนางซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความอดทนและอ่อนโยนว่าคือใครกันแน่

ขณะที่ตื่นมาอีกครั้ง ก็เป็นตอนบ่ายของอีกวันแล้ว

หยุนหว่านหนิงมองม่านบางเหนือศีรษะ กะพริบตา

“ท่านแม่ ท่านตื่นแล้วหรือ”

หยวนเป่าคุกเข่าอยู่ตรงข้างเตียง เอามือทั้งสองยันอยู่ข้างหัวเขาอย่างสงบเสงี่ยม

พอเห็นนางลืมตาก็รีบหันไปตะโกน “พ่อเก๊ พ่อเก๊ ท่านรีบมาเร็วๆ เข้า! ท่านแม่ตื่นแล้ว!”

“ลูกรัก”

เสียงของหยุนหว่านหนิงแหบพร่าเล็กน้อย คอแห้งผากจนเจ็บมาก

“ท่านแม่อย่าเพิ่งพูด หมอหลวงหยางบอกว่าท่านอ่อนเปลี้ยแล้ว! ต้องพักผ่อนให้มากๆ แม้แต่จะพูดก็ไม่ได้! ท่านต้องการอะไรก็ใช้สายตากวางมองทีหนึ่ง ข้าจะไปเอามาให้ท่าน!”

หยวนเป่ากล่าวอย่างห่วงใย

เขาก้มหน้า ใช้พวงแก้มแนบติดกับใบหน้าของนาง “ท่านแม่ ข้าตกใจจะแย่อยู่แล้ว!”

เมื่อเห็นการพึ่งพาและความกังวลของบุตรชาย หยุนหว่านหนิงก็รู้สึกผิด

จากนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก็ค่อยๆ เบียดเข้าสมองของนางทีละน้อย

เงาร่างสูงใหญ่ของโม่เยว่เดินมาถึงข้างเตียง บดบังคลองจักษุของนาง

“ซ่งจื่ออวี๋ล่ะ”

นางถามเสียงแหบพร่า

“นี่มันเวลาไหนกันแล้ว ยังจะห่วงคนอื่นอยู่อีกหรือ หยุนหว่านหนิง ถ้าไม่ใช่เพราะข้าไปทันเวลา ถ้าข้าก็ไม่สนใจเจ้า เมื่อคืนเจ้าก็ตายไปแล้วรู้ไหม”

โม่เยว่ยืนอยู่ข้างเตียง หน้าขมึงทึง

แก้มเขาเกร็ง มองออกว่าโกรธมาก

“พ่อเก๊ ท่านแม่เพิ่งตื่น ท่านห้ามดุนาง!”

หยวนเป่าหันมา “ยังไม่เทน้ำให้ภรรยาท่านอีก”

เขายังเลียนแบบน้ำเสียงของโม่จงหราน ออกคำสั่งกับโม่เยว่อีกแน่ะ

โม่เยว่ยืนถ้วยน้ำในมือออกไปด้วยท่าทีแข็งทื่อ

ต้องให้เจ้าเด็กนี่ออกคำสั่งหรือ

เมื่อครู่ได้ยินว่าหยุนหว่านหนิงฟื้นแล้ว คิดว่านางต้องคอแห้งอยากดื่มน้ำ โม่เยว่จึงเทน้ำมาที่เตียงแต่แรกแล้ว

เพียงแต่ในใจมีความโกรธ หยิ่งจนไม่ยอมมองหยุนหว่านหนิง เบือนหน้าส่งน้ำให้

หยวนเป่ารับถ้วยน้ำแล้วถอยออก “ประคองภรรยาท่านขึ้นมา!”

โม่เยว่ทำหน้าขึงขัง เข้าไปประคองหยุนหว่านหนิงขึ้นมา

แม้ในใจจะมีความโกรธอยู่ แต่การกระทำกลับเบามือกลัวทำนางเจ็บ และไม่ให้นางพิงกับหัวเตียงด้วย แต่กอดไว้ในอ้อมอกตัวเอง ให้หยุนหว่านหนิงหนุนบ่าเขา ก่อนจะรับถ้วยน้ำจากมือหยวนเป่า

“ดื่ม”

เขาส่งถ้วยน้ำไปที่ริมฝีปากนาง เอ่ยเสียงเย็น

หยวนเป่าทนดูไม่ได้แล้ว

แต่เขากำลังจะเอ่ย ก็มีคนเคาะประตูเสียก่อน “นายท่าน มีคนต้องการพบพระชายาขอรับ!”

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

Status: Ongoing
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ เป็นเรื่องราวความรักเกี่ยวกับการเดินทางที่ยากลำบากของตัวเอกชายและหญิง รู้จักกัน ตกหลุมรัก ผ่านเหตุการณ์และความยากลำบากมากมาย แต่สุดท้ายก็กลับมารวมกัน?คืนวันข้ามภพ ณห้องหอ หยุนหว่านหนิงถูกชายชั่วโม่เยว่เนรเทศออกมาจากวังหลัง ถูกจองจำสี่ปีเต็มๆ! เดิมคิดว่า สี่ปีมานี้นางอยู่อย่างยากลำบาก ต้องกลายเป็นยายแก่ขี้เหร่เป็นแน่! แต่หุ่นเธอช่างอรชรอ้อนแอ้นเต่งตึงเสน่ห์บาดใจ ผิวขาวราวกับหิมะ ใช้เงินมือเติบ ข้างกายยังมีเจ้าก้อนแป้งที่หน้าเหมือนเขาอย่างกับแกะ…… โม่เยว่นัยน์ตาร้อนเผ่า “เจ้าเอาเงินมาจากที่ใด!แล้วลูกมาจากไหน?!” เจ้าก้อนแป้งถลึงตามองเขา:“ไปให้ไกลจากท่านแม่ข้า!” หลังจากสืบรู้เรื่องเมื่อปีนั้นแล้ว โม่เยว่สีหน้าจริงใจ:“เมียจ๋า ข้าผิดไปแล้ว!ลูกชาย พ่อผิดไปแล้ว!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท