อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 384 วันเกิดเต๋อเฟย
ชั่วพริบตาก็มาถึงวันขึ้นห้าค่ำเดือนสิบสองแล้ว วันนี้เป็นวันเกิดของเต๋อเฟย
เช่นเดียวกับปีที่แล้ว ปีนี้วังยังคงจัดงานเลี้ยงอย่างยิ่งใหญ่ให้กับเต๋อเฟย
สนมคนโปรดของฮ่องเต้ ออกหน้าออกตาอย่างมาก
งานเลี้ยงวังก็กำลังเตรียมจะเริ่มในยามโหย่ว(*ช่วงเวลา17.00-19.00) ฉะนั้นพวกเจ้าชายและขุนนางจะทยอยเข้าวังมาในยามเซิน(*ช่วงเวลา15.00-17.00) แต่สมาชิกในราชวงศ์ จะต้องเข้ามาอวยพรวันเกิดเต๋อเฟยตั้งแต่เช้า
ฮองเฮาจ้าวกลายเป็นใบ้ ถึงแม้จะไปร่วมงานเลี้ยงก็มีแต่จะทำให้ผู้คนหัวเราะ
งานเลี้ยงวังในปีนี้ ฮองเฮาจ้าวไม่ได้เข้าร่วมเนื่องจาก”ไม่สบาย”
ถึงอย่างไรเต๋อเฟยก็ชอบออกหน้าออกตา แล้วทำไมนางจะต้องไปเสริมให้เด่นด้วยล่ะ?
เช้าตรู่ ในตำหนักหย่งโซ่วก็คึกคักขึ้นมา
กระทั่งโม่ฮั่นอี่ว์ที่ถูกกักขังอยู่เป็นเวลานาน วันนี้ก็ได้รับความประสงค์ขอโม่จงหราน อนุญาตให้เขาเข้างานเลี้ยงของวัง
นอกจากโม่หุยเฟิงแล้ว ท่านอ๋องพระชายาคนอื่นๆ ก็มาถึงกันหมดแล้ว
หลายเดือนมานี้โม่ฮั่นอี่ว์ได้รับความทุกข์ยาก เพียงเข้าตำหนักหย่งโซ่วก็ให้คนของวังเตรียมของให้เขา เขาต้องการจะเปิด”หลุมที่ถมไม่เต็ม”หลุมนี้ของเขาเพื่อกินอาหารเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง
เห็นโม่ฮั่นอี่ว์กินของว่างจำนวนมากจนสำลักแล้ว เต๋อเฟยก็รู้สึกจนใจ “เจ้ารองค่อยๆ ทานสิ ใครจะมาแย่งเจ้าทานหรืออย่างไร?”
โจวหยิงหยิงตบหลังให้เขาไปพลาง ยิ้มแล้วอธิบายไปพลางว่า “เสด็จแม่ไม่ต้องเป็นกังวลหรอกเพคะ เขาก็เป็นเช่นนี้ล่ะ!”
“บอกว่ายากที่จะได้กินมื้ออาหารดีๆ เช่นวันนี้ กระทั่งเมื่อวานก็ไม่ได้ทานอาหารเย็นเลย!”
โม่หุยเหยียนและคนอื่นๆ ต่างก็ยิ้มไปตามๆ กัน
น้ำตาของโม่ฮั่นอี่ว์ไหลออกมา
เขาดื่มชาไปสองอึก แล้วจึงพูดอย่างครุมเครือว่า “ใครบอกว่าไม่กินข้าวเย็นเพื่อจะได้กินอาหารดีๆ ในวันนี้ล่ะ? ข้าวเปล่าแบบนั้นข้ากินจนจะอ้วกอยู่แล้ว!”
“กินไม่ลงแล้วจริงๆ !”
พูดจริงว่า หลายเดือนมานี้คำสั่งบังคับของโม่จงหรานยังคงใช้ได้ดี
เมื่อเทียบกับหลายเดือนก่อน มาฮั่นอี่ว์ก็ผอมลงไปจนมองเห็นด้วยตาเปล่าจริงๆ
สายตาของโม่หุยเหยียนมองไปยังที่นั่งว่างที่อยู่ตรงข้าม สายตากะพริบเล็กน้อย “เจ้าเจ็ดและพระชายา ทำไมยังไม่มาหรือ?”
“ใช่แล้ว วันนี้เป็นวันเกิดของเสด็จแม่เต๋อเฟย พวกเขาสองสามีภรรยาควรจะมาให้เช้าที่สุดถึงจะถูกสิ!”
โจวหยิงหยิง แสดงสีหน้างุนงง “หรือว่าสองคนนี้จะนอนหลับเพลินไปหน่อย?”
ขาของฉินซื่อเสวียยังไม่หายเป็นปกติดี แต่ก็พอฝืนไปได้จนมองไม่เห็นความผิดปกติอะไร นางนั่งอยู่ข้างๆ เพียงคนเดียว มองด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนักแต่ไม่ได้เอ่ยปาก
โม่โยวโยวกับโม่เฟยเฟยก็ไม่ได้พูดจา หางตาของเต๋อเฟยชำเลืองมองโม่หุยเหยียนและหนานกงเยว่
หนานกงเยว่กล่าวด้วยเสียงที่อ่อนโยนว่า “พวกเขาอาจจะต้องการเซอร์ไพรส์เสด็จแม่เต๋อเฟยก็ได้นะเพคะ!”
“ฉะนั้นจึงมาช้าเช่นนั้นหรือ?”
นับตั้งแต่หยุนหว่านหนิงบอกกับโจวหยิงหยิง หนานกงเยว่ว่ายังมีเบื้องหลังอีกอย่างหนึ่ง……
โจวหยิงหยิงที่ไร้เดียงสา เดิมทีก็มองไม่ออก
แต่เมื่อหยุนหว่านหนิงเอ่ยเตือนสติเช่นนี้ ชั่วพริบตาโจวหยิงหยิงก็มองออกถึงความแตกต่างระหว่างฉินซื่อเสวียและหนานกงเยว่
ดอกบัวขาวน้อย (*ภายนอกดูบริสุทธิ์ แต่ความจริงกร้านโลก)คนหนึ่ง กับดอกบัวขาวน้อยชั้นสูงอีกคนหนึ่ง
คำพูดนี้ของหนานกงเยว่ โจวหยิงหยิงก็ตะคอกใส่ทันทีว่า “มาช้าไม่ช้าอะไรกัน นี่มันเพิ่งจะยามเท่าไรเอง! จวนอ๋องหมิงก็อยู่ห่างจากวังมากที่สุด มาช้ากว่าพวกเราสักเล็กน้อยก็เป็นเรื่องปกติ”
เห็นนางพูดกับพวกเขาแทนหยุนหว่านหนิง เต๋อเฟยก็มองไปยังโจวหยิงหยิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“เวลายังเช้าอยู่ ไม่ต้องรีบร้อน”
เมื่อพูดจบลง หลี่หมัวมัวก็เข้ามาบอกว่า “เหนียงเหนียง อ๋องหมิงและพระชายาหมิงมาถึงแล้วเพคะ!”
“รีบเชิญเข้ามาเร็วเข้า”
เต๋อเฟยโบกมือด้วยความดีใจ
ชั่วพริบตา หนานกงเยว่ก็หันมองไปยังหน้าประตู
ก็เห็รหยุนหว่านหนิงและโม่เยว่ คาดไม่ถึงว่าทั้งสองจะเข้ามาด้วยมือเปล่าเช่นนั้นหรือ? !
โจวฟยิงหยิงจึงรีบลุกขึ้นยืนขวางสายตาของคนสองสามคนเอาไว้ และรีบเดินเข้าไปคว้ามือของหยุนหว่านหนิง แล้วกระซิบถามว่า “หนิงเอ๋อร์ นี่เจ้ายังไม่ได้เตรียมอะไรจริงๆ หรือ? !”
ก่อนหน้านี้นางถามหยุนหว่านหนิง ว่าเตรียมของขวัญอะไรให้เต๋อเฟย
หยุนหว่านหนิงก็ตอบว่า : ยังไม่ได้เตรียมอะไรเลย
เดิมทีนางคิดว่านางจงใจแสร้งอุบไว้
ที่ไหนได้เมื่อวันนี้ได้เห็น ก็คือยังไม่ได้เตรียมอะไรจริงๆ หรือ? !
“ใช่แล้ว”
หยุนหว่านหนิงมองไปรอบๆ
โจวหยิงหยิงไม่สบอารมณ์กับความไม่ได้เรื่อง “เจ้านี่นะ! ต้องให้ข้าพูดอย่างไรกับเจ้าดีเนี่ย?”
“บัดนี้ท่าทีของเสด็จแม่ที่มีต่อเจ้านั้นยาที่จะดีขึ้น หรือว่าเจ้าไม่ควรตีเหล็กตอนที่ยังร้อนและพยายามเอาชนะใจแม่สามี ให้นางจดจำเจ้าในฐานะลูกสะใภ้หรือ? !”
“เจ้าดูฉินซื่อเสวียสิ เตรียมชาเทียนซานเสว่ราคาตั้งแพงมาให้เสด็จแม่เชียวนะ!”
“ไม่เป็นไรหรอก ของขวัญอาจจะเล็กน้อยแต่เปี่ยมไปด้วยน้ำใจ! ข้าและท่านอ๋องของข้าขออวยพรให้เสด็จแม่มีความสุขนะเพคะ!”
หยุนหว่านหนิงเล่นสายตา “ในตอนนั้นที่ท่านอ๋องของเจ้ามากินตอนวันเกิดของท่านอ๋องของข้า ก็พูดเช่นนี้ล่ะ!”
โจวหยิงหยิง: “……..”
นางอดไม่ได้ที่จะหยิกหยุนหว่านหนิง “นี่มันเมื่อไรแล้ว เจ้ายังหัวเราะเยาะพวกข้าอยู่อีก”
นางไตร่ตรองเพื่อนางด้วยความจริงใจจริงๆ
“ไม่เป็นไร”
หยุนหว่านหนิงตบเบาๆ ที่แขนของนาง คนสองสามคนก็เดินเข้าตำหนักไปพร้อมกัน
หลังจากที่อวยพรเต๋อเฟยแล้ว โม่เยว่และหยุนหว่านหนิงก็เข้านั่งประจำที่
เห็นพวกเขาที่ไม่ได้เตรียมอะไรมาทั้งสิ้น ฉินซื่อเสวียก็เริ่มหัวเราะเยาะ “พระชายาหมิงช่างเป็นคนทำตามแต่ใจจริงๆ! รู้อยู่แก่ใจว่าเป็นวันเกิดของเสด็จแม่ ยังจะเข้าวังมือเปล่าอีก”
“ด้วยความคิดของพระชายาหมิงแล้ว คงไม่ได้คิดวางแผนต่อต้านคนอื่นใช่หรือไม่?”
หยุนหว่านหนิงขี้เกียจจะสนใจการกลับตาลปัตรของนาง เพียงแค่หันไปมองเต๋อเฟย ยิ้มแล้วกล่าวว่า “เสด็จแม่”
“ได้ยินว่าพระชายาสามเตรียมชาเทียนซานเสว่ชั้นดีมาให้ท่าน ลูกสะใภ้ชอบชาอย่างมาก ไม่ทราบว่าเสด็จแม่จะให้ลูกสะใภ้ได้ดื่มด่ำสักหน่อยได้หรือไม่เพคะ?”
ฉินซื่อเสวีย: “……”
นังสารเลว!
ไม่เพียงแต่มองนางเป็นอากาศเท่านั้น แต่ยังขอของขวัญวันเกิดที่นางมอบให้เต๋อเฟยอีกด้วย? !
“ยายหนูคนนี้นี่นะ”
เต๋อเฟยยิ้มอย่างรักใคร่เอ็นดู “เจ้าไม่เตรียมของขวัญวันเกิดมาให้ข้าก็ช่างเถิด แต่กลับมาขอของของข้าอีกหรือ?”
“เอาล่ะๆ! ในเมื่อเจ้าชื่นชอบ ข้าก็มอบให้เจ้าก็แล้วกัน”
ฉินซื่อเสวียแทบจะกระอักเลือด กำลังจะเอ่ยปากโต้เถียง ก็ได้ยินเต๋อเฟยกล่าวอย่างนิ่งๆ ว่า “สะใภ้เจ้าสาม เจ้าคงไม่ถือสาใช่หรือไม่?”
ไม่ถือสาเช่นนั้นหรือ? !
นางโมโหจะแย่อยู่แล้ว!
เกิดอะไรขึ้นกับเต๋อเฟย?
ก่อนหน้านี้รักนางเป็นที่สุด บัดนี้คาดไม่ถึงว่าจะปล่อยให้หยุนหว่านหนิงเหยียบหน้านางอย่างนั้นหรือ? !
ฉินซื่อเสวียสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ฝืนยิ้มอย่างค่อนข้างน่าเกลียด “เสด็จแม่ ได้อย่างไรกันเพคะ? ในเมื่อลูกสะใภ้กตัญญูให้ท่านแล้ว แน่นอนว่าท่านก็เป็นผู้ครอบครอง”
“เช่นนั้นก็ดี”
เต๋อเฟยะยักหน้าอย่างพึงพอใจ กำชับสั่งหลี่หมัวมัวและคนอื่นๆ ว่าอย่าลืม นำชาเทียนซานเสว่ทั้งหมดให้หยุนหว่านหนิงกลับไปด้วย
ฉินซื่อเสวียหน้าตาดุร้าย
นางรีบหยิบถ้วยชาข้างๆ มือขึ้นมาดื่ม เพื่อใช้โอกาสนี้ซ่อนความอำมหิตบนใบหน้า
โม่เฟยเฟยเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกสนุก “พี่สะใภ้สามกระหายหรือโมโหล่ะ?”
ฉินซื่อเสวียเกือบจะถูกทำให้ฉุนจึงรีบวางถ้วยชาลง และสายตาก็มองไปยังหนานกงเยว่
พวกนางทั้งสองเป็นพี่สะใภ้น้องสะใภ้กับจริงๆ เป็นลูกสะใภ้ของฮองเฮาจ้าวเหมือนกัน
ถึงแม้ว่าช่วงเวลาก่อนหน้านี้จะต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย ในการจัดการกับหยุนหว่านหนิง……….สะใภ้ทั้งสองมีความเห็นตรงกันอย่างเป็นเอกฉันท์
ด้วยเหตุนี้ หนานกงเยว่จึงลูบหน้าท้องอันแบนราบเพื่อปลอบโยน และพูดอย่างเนิบๆ ว่า “หนิงเอ๋อร์”
“ทำไมเจ้าถึงไม่เตรียมของขวัญมาให้เสด็จแม่ล่ะ? ปีที่แล้วก็เป็นภาพปักสองด้านชุดหนึ่ง มันทำให้ฉันประหลาดใจจริงๆ”
นางยิ้มแล้วมองไปยังหยุนหว่านหนิง “ข้ายังหวังว่าปีนี้ เจ้าจะสามารถเตรียมของขวัญที่ทำให้คนตกตะลึงเสียอีก”
ใครจะรู้ คาดไม่ถึงว่านางจะเข้ามามือเปล่าเช่นนั้นหรือ? !
ทำให้นางผิดหวังเป็นอย่างมากจริงๆ
เผชิญหน้ากับแววตาที่มีความหมายลึกซึ้งของหนานกงเยว่ หยุนหว่านหนิงก็ยกยิ้มมุมปาก “ใครว่าของขวัญในปีนี้ของข้า ไม่น่าตกตะลึงล่ะ?”
นางหันหน้าไปมองด้านนอกประตูและตะโกนเสียงดังว่า “พาคนเข้ามา!”