อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ – บทที่ 389 อึอยู่บนหัวนาง

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 389 อึอยู่บนหัวนาง

“ข้าหรือ?”

หยุนหว่านหนิงเพิ่งจะดื่มไวน์ผลไม้ไปหนึ่งอึก ได้ยินคำพูดนี้ไวน์ก็แทบพ่นออกจากปากไป นางยื่นมือชี้ไปที่ตนเอง

“ใช่”

โม่จงหรานพยักหน้า สายตามีความหมายลึกซึ้ง “เจ้าช่างเจรจาที่สุด ข้าเชื่อใจ เจ้าสามารถอบรมสั่งสอนสะใภ้สามสักหน่อยได้หรือไม่”

หยุนหว่านหนิงเข้าใจทันที ว่าโม่จงหรานจะให้นางไปทำอะไร

นางลุกขึ้นยืน “หม่อมฉันน้อมรับคำสั่งเพคะ”

มองตามหลังหยุนหว่านหนิงไป หัวใจของฉินตงหลินก็แขวนอยู่กลางอากาศ

พระชายาหมิงจะไม่ฉวยโอกาสนี้ ทำให้ซื่อเสวียโกรธจนตายใช่หรือไม่? !

เพียงแค่เป็นบทแทรกเล็กๆ

หลังจากหยุนหว่านหนิงออกไป เต๋อเฟยกับโม่จงหรานก็กอดหยวนเป่าด้วยความรักใคร่อย่างมาก และบรรดาขุนนางต่างทยอยกันดื่มอวยพร

อวยพรให้เต๋อเฟยมีความสุขในวันเกิด อวยพรให้ปลื้มปีติกับพระนัดดาองค์โต……ถึงแม้ว่าการอวยพรจะมาช้าเกินไป พระนัดดาองค์โตเติบโตขนาดนี้แล้วก็ตาม!

เต๋อเฟยกับโม่จงหรานไม่ปฏิเสธการมาถึง ใครๆ ก็มองออกว่าในขณะนี้อารมณ์ของพวกเขาดีแค่ไหน

โม่ฮั่นอี่ว์ทานต่างจากปกติ ขณะนี้นั่งอยู่ข้างๆ โม่เยว่อย่างหนักอกหนักใจ

“น้องเจ็ด เจ้าปิดบังเกินไปหรือเปล่า?”

เขาเอ่ยปากอย่างลังเลใจ “เจ้ามีลูกชายกับหว่านหนิงจนโตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? คาดไม่ถึงว่าแม้แต่ข้าก็ยังปิดบัง”

“ข้าปิดบังเจ้าเมื่อไหร่กัน?”

โม่เยว่เลิกคิ้ว “เจ้าเองก็ไม่ได้ถามข้าเช่นกัน!”

เมื่อคิดอย่างถี่ถ้วน เขาก็ไม่ได้ถามจริงๆ

แม้แต่ในตอนนั้นที่ถามถึงตัวตนของหยวนเป่า หยุนหว่านหนิงก็แค่บอกว่าเป็นลูกชายบุญธรรมของนาง และไม่ได้บอกว่าเป็นลูกชายบุญธรรมของโม่เยว่ด้วย……มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขาเลยจริงๆ!

“พี่รอง เป็นเจ้าเองที่มารู้ทีหลัง แล้วจะโทษว่าข้าไม่บอกได้อย่างไร?”

โม่เยว่มองเขาแล้วหัวเราะ

โม่ฮั่นอี่ว์เกาศีรษะ “ใครจะคิดว่าเป็นลูกชายแท้ๆ ของเจ้าล่ะ!”

หยวนเป่าตะโกนเรียกเขาว่า”ท่านลุงรอง” ก็รู้สึกรักใคร่จากใจจริง โม่ฮั่นอี่ว์แทบอยากจะกอดเขาไว้และหอมเขาสักหลายๆ ที

ถึงแม้ว่าโจวหยิงหยิงจะมีลูกสาว

แต่โจวเถียนเถียนเป็นเด็กผู้หญิง ปกติแล้วก็ไม่ได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับเขา……

แต่หยวนเป่าเป็นหลานชายของเขา!

นี่จึงรู้สึกว่าต่างจากโจวเถียนเถียนเล็กน้อย!

โม่ฮั่นอี่ว์มองไปที่หยวนเป่าที่กำลังพูดคุยอยู่กับเต๋อเฟย “เสด็จพ่อทราบเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? คาดไม่ถึงว่าจะระงับอารมณ์เอาไว้ ปิดบังเรื่องนี้กับพวกเรามาตลอด”

โม่เยว่ดื่มน้ำชาหนึ่งอึก และไม่ได้กล่าวอะไร

โม่ฮั่นอี่ว์มองไปยังที่นั่งตรงข้ามที่ว่างเปล่า

นั่นคือที่นั่งของโม่หุยเหยียน หนานกงเยว่และโม่หุยเฟิง รวมถึงฉินซื่อเสวียด้วย

“น้องเจ็ด ข้าขอเตือนอะไรเจ้าสักหน่อย”

โม่ฮั่นอี่ว์มีสีหน้าจริงจัง กล่าวด้วยความร้อนรุ่มใจ “ถึงแม้ว่าเราจะเพิ่งทราบ ว่ามีพระนัดดาองค์โตมานานแล้ว พวกเจ้าไม่ต้องกังวลข้ากับหยิงหยิง เราจะยืนอยู่ข้างเจ้า”

เขาก็ไม่กล้าไม่ยืนอยู่ข้างโม่เยว่หรอก!

เจ้านี่หากต้องการจะจัดการเขาในตอนนี้ ก็เป็นเรื่องง่ายดายนัก!

“แต่พี่ใหญ่กับน้องสาม……”

เขาอึกๆ อักๆ ไม่กล้าพูด

โม่เยว่เข้าใจความหมายของเขา เขาถือถ้วยชา นิ้วมือจับเอาไว้แน่น

ออกแรงเพียง 10% ถ้วยชาก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ “หยวนเป่ากับหนิงเอ๋อร์ เป็นชีวิตของข้า! ต่อไปหากใครกล้ามาทำร้ายพวกเขา ข้าจะไม่ยกโทษให้พวกเขาอย่างแน่นอน!”

เขานำถ้วยวางลงบนโต๊ะ กล่าวด้วยน้ำเสียงทรงพลัง

โม่ฮั่นอี่ว์ชำเลืองมองเขา สายตาถูกดึงดูดด้วยถ้วยชาบนโต๊ะ

จู่ๆ ก็เห็นถ้วยชาแตกละเอียด น้ำชาไหลนองอยู่บนโต๊ะ

สายตานางกำนัลเฉียบแหลม รีบเดินเข้ามาทำความสะอาดทันที

โม่ฮั่นอี่ว์มองเห็นใบหน้าที่เย็นชาและขึงตึงของโม่เยว่ ก็แอบตกใจ!

……

เหลียงเสี่ยวกงกงพาหยุนหว่านหนิงออกมาจากตำหนักไท่เหอ และกล่าวกระซิบว่า “พระชายาหมิง ได้ยินมาว่าหลังจากคุณหนูรองฉินพูดคุยกับพระชายาสาม พระชายาสามจึงหยายามฆ่าตัวตายพ่ะย่ะค่ะ”

สายตาของหยุนหว่านหนิงมีประกายเล็กน้อย นึกถึงเมื่อครู่นี้ที่เพิ่งจะหามฉินซื่อเสวียออกไป ฉินเยว่หลิ่วก็ได้ตามออกไปอย่างเงียบๆ

ทุกๆ คนถูกหยวนเป่าดึงดูดสสยตาเอาไว้ เป็นธรรมดาที่จะไม่ได้สนใจตรงจุดนี้

ถึงแม้ว่าจะพบเห็น แต่ฉินซื่อเสวียกับฉินเยว่หลิ่วก็เป็นพี่น้องกัน

ทุกคนก็คงไม่คาดเดาว่า เป็นฉินเยว่หลิ่วที่ไปกระตุ้นนาง……

“ร้ายแรงหรือไม่?”

หยุนหว่านหนิงเอ่ยถาม

เหลียงเสี่ยวกงกงได้สติกลับมา นางถามถึงการบาดเจ็บของฉินซื่อเสวีย ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี “ข้าน้อยก็ไม่แน่ใจพ่ะย่ะค่ะ! เพียงแต่ได้ยินมาว่าเลือดไหลออกมาเยอะมาก”

“นั่นก็คือร้ายแรงแล้วหรือ?”

หยุนหว่านหนิงทำเหมือนจะยิ้มไม่ยิ้ม

ร้ายแรง?

เช่นนั้นก็ง่ายต่อการจัดการแล้ว!

หยุนหว่านหนิงอยู่หน้าประตูวัง และตามไปที่รถม้าของจวนอ๋องสาม

หมอหลวงได้จัดการอาการบาดเจ็บที่ศีรษะของฉินซื่อเสวียแล้ว ตอนนี้ศีรษะของนางถูกพันเอาไว้แน่น จึงมองไม่ออกว่าบาดเจ็บอย่างไร

แต่ฉินซื่อเสวียยังไม่ได้สติ

เห็นว่าหยุนหว่านหนิงมา คนรับใช้หยุดรถม้าและเข้ามาน้อมทักทาย

ท่าทีนั้นเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน ก็ดูเคารพนับถืออย่างมาก!

เมื่อก่อนหยุนหว่านหนิงเป็นเพียงพระชายาหมิง แต่ตอนนี้ไม่เพียงแต่เป็นพระชายาหมิง ยังเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดของพระนัดดาองค์โตด้วย!

นี่แสดงให้เห็นว่าอะไร?

แสดงให้เห็นว่าตำแหน่งว่าที่กษัตริย์ มีแนวโน้มที่จะตกเป็นของอ๋องหมิง!

ต่อไปพระชายาหมิงท่านนี้ ยังสามารถเป็นฮองเฮา กระทั่งเป็นไทเฮาเหนียงเหนียงที่ฐานะสูงส่งอีกด้วย!

ใครกล้าไม่เคารพนับถือล่ะ?

“ลุกขึ้นเถอะ”

หยุนหว่านหนิงไม่ได้พูดมาก เพียงแค่ขึ้นรถม้าไปเท่านั้น

ลมหายใจของฉินซื่อเสวียค่อนข้างอ่อนแรง เพราะเสียเลือดมากริมฝีปากจึงซีดขาว ดูมาสักพักแล้วก็ยังไม่ฟื้น นางก็ไม่ได้ฉวยโอกาสได้ทีขี่แพะไล่ ที่จะต้องปลุกนางและรบกวนนางใช่หรือไม่?

นางเอาเข็มเงินออกมา และฝังให้นางสองสามเข็ม

ลมหายใจของฉินซื่อเสวีย ก็มีพลังมากขึ้นในทันที

หยุนหว่านหนิงกระโดดลงจากรถม้า “นำพระชายาสามกลับไป และพักผ่อนให้เต็มที่เถิด ส่วนข้า จะไปเยี่ยมนางที่จวนอ๋องสามอีกทีหนึ่ง”

“ขอรับ พระชายาหมิง”

คนรับใช้ขับรถม้า ออกจากวังไปอย่างรวดเร็ว

หยุนหว่านหนิงกลับไปที่ตำหนักไท่เหอดังเดิม

ใครเลยจะรู้ว่าเพิ่งจะเข้าประตูไป ก็ได้ยินเสียงร้องไห้”ฮือๆๆ”ดังมาจากข้างใน

นี่มันเกิดอะไรขึ้นอีกนะ? !

ก่อนหน้านี้หนางกงเยว่ก็โกรธจนเป็นลมไป ส่วนฉินซื่อเสวียก็จะฆ่าตัวตาย แล้วตอนนี้ยังมีใครมาร้องไห้แงๆๆ อีกล่ะ?

นางยังไม่ทันเข้าประตู ซูปิ่งซ่านก็ออกมา และปะทะกับใบหน้าของนาง

“ไอ๋หยา พระชายาหมิงเหตุใดท่านจึงกลับมาเร็วเช่นนี้?”

“ด้านในเกิดอะไรขึ้น?”

หยุนหว่านหนิงเงยหน้าขึ้น

ซูปิ่งซ่านเม้มริมฝีปาก แต่ไม่นานก็กลับมามีท่าทีซื่อตรงดังเดิม “พระชายาหมิง พระชายาฉู่กำลังร่ำไห้อยู่ด้านในพ่ะย่ะค่ะ!”

หนานกงเยว่หรือ?

หนานกงเยว่มาใช่เพิ่งจะหมดสติไป และถูกส่งไปพักผ่อนที่ตำหนักข้างหรอกหรือ?

“พระชายาหมิง ข้าน้อยกำลังจะไปหาท่านอยู่พอดี จะให้ท่านหลีกเลี่ยงก่อน อย่าเพิ่งรีบร้อนเข้าไป”

ซูปิ่งซ่านรีบกล่าว

“เกิดอะไรขึ้น?”

นางก็อยู่ดีๆ เหตุใดจะต้องหลีกเลี่ยงด้วย?

หรือว่าที่หนานกงเยว่ร่ำไห้ ยังมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับนาง?

“พระชายาฉู่บอกว่าเมื่อครู่นี้มีคนรับใช้นำขนมและน้ำชามาให้นาง หมอหลวงยังอยู่ในที่เกิดเหตุได้ ใครจะรู้ว่าในขนมกับชาจะมีปัญหา!”

ซูปิ่งซ่านพูดอย่างรวดเร็ว เล่าเรื่องถึงความเป็นมาเป็นไป

หยุนหว่านหนิงเข้าใจแล้ว “ฉะนั้นพระชายาฉู่จึงไปกล่าวฟ้องเสด็จพ่อเสด็จแม่ บอกว่าสาวใช้คนนั้นเป็นข้าที่บงการมาใช่หรือไม่?”

“เป็นข้าที่ต้องการทำร้ายลูกในท้องของนางใช่หรือไม่?”

“ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ”

ซูปิ่งซ่านพยักหน้า

“ข้าสงสัยว่านางมีปัญหาเล็กน้อยที่นี่”

หยุนหว่านหนิงดูถูก ยื่นมือชี้ไปที่สมอง

ซูปิ่งซ่านหัวเราะเยาะ คำพูดนี้เขารับไม่ได้……

หยุนหว่านหนิงหัวเราะเยาะ ทำท่าทางจะเข้าไปด้านใน แต่ถูกซูปิ่งซ่านขวางเอาไว้ “พระชายา ฝ่าบาทกับเหนียงเหนียงกำลังแก้ไขเรื่องนี้อยู่พ่ะย่ะค่ะ! ท่านอย่าเพิ่งเข้าไปเลย จะได้ไม่ต้องว้าวุ่นจิตใจ!”

โม่จงหรานสั่งให้เขาออกมาหานางโดยเฉพาะ เพียงแค่ไม่อยากให้หยุนหว่านหนิงเข้าไปในตอนนี้ จะได้ไม่ต้องอารมณ์เสีย

“นางจะรังแกข้าหรือ? ข้าจะต้องหดหัวอยู่ในกระดองหรืออย่างไร?”

ถึงแม้ว่าโม่จงหรานและเต๋อเฟยจะระบายความโกรธใส่นาง โม่เยว่กับหยวนเป่าก็จะไม่ยอมรามืออย่างแน่นอน……

แต่หยุนหว่านหนิงไม่ใช่คนที่จะหลบหนีล่าถอย!

อึอยู่บนหัวนางยังจะหลบซ่อนอะไรอีก? !

“ข้าอยากจะเห็นว่า นางคิดจะทำอะไรกันแน่!”

หยุนหว่านหนิงทำเสียงเยาะเย้ย ยกเท้าเข้าไปในตำหนัก

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

อนงค์ใจพระชายาราชสีห์

Status: Ongoing
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ เป็นเรื่องราวความรักเกี่ยวกับการเดินทางที่ยากลำบากของตัวเอกชายและหญิง รู้จักกัน ตกหลุมรัก ผ่านเหตุการณ์และความยากลำบากมากมาย แต่สุดท้ายก็กลับมารวมกัน?คืนวันข้ามภพ ณห้องหอ หยุนหว่านหนิงถูกชายชั่วโม่เยว่เนรเทศออกมาจากวังหลัง ถูกจองจำสี่ปีเต็มๆ! เดิมคิดว่า สี่ปีมานี้นางอยู่อย่างยากลำบาก ต้องกลายเป็นยายแก่ขี้เหร่เป็นแน่! แต่หุ่นเธอช่างอรชรอ้อนแอ้นเต่งตึงเสน่ห์บาดใจ ผิวขาวราวกับหิมะ ใช้เงินมือเติบ ข้างกายยังมีเจ้าก้อนแป้งที่หน้าเหมือนเขาอย่างกับแกะ…… โม่เยว่นัยน์ตาร้อนเผ่า “เจ้าเอาเงินมาจากที่ใด!แล้วลูกมาจากไหน?!” เจ้าก้อนแป้งถลึงตามองเขา:“ไปให้ไกลจากท่านแม่ข้า!” หลังจากสืบรู้เรื่องเมื่อปีนั้นแล้ว โม่เยว่สีหน้าจริงใจ:“เมียจ๋า ข้าผิดไปแล้ว!ลูกชาย พ่อผิดไปแล้ว!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท