ตอนที่295 ไป๋หลี่หานคลั่ง (1)
ตอนที่295 ไป๋หลี่หานคลั่ง (1)
กลับมาถึงโรงเตี้ยม ก็บังเอิญพบเจอกับไป๋หลี่หานเข้า
ทันทีที่เห็นเซียถงกับชิงเยวี่ยเดินเคียงคู่กันมาด้วยกัน แถมยังดูสนิทชิดใกล้กันถึงปานนั้น สายตาคู่นั้นภายใต้หน้ากากของไป่หลี่หานพลันมืดทมิฬหม่นหมองลงทันที ไอความมืดมิดขุมใหญ่แผ่ซ่านออกมาจากทั่วร่างของเขา สี่ตาสองคู่สบปะทะเข้าชนโดยบังเอิญ เซียถงก็อดสั่นสะท้านมิได้ แทบจะต้องการหมุนตัวกลับและวิ่งหนีไปโดยไว
สายตาทมิฬมืดคู่นั้นของไป๋หลี่หานค่อยๆ เลื่อนจากตัวเซียถง มาหยุดลงบนใบหน้าของชิงเยวี่ย พลางย่างสามขุมก้าวตรงเข้าไปหาทั้งสอง จนสุดท้ายนก็เคลื่อนสายตากลับมาหยุดที่ตัวเซียถงอีกครั้งและเอ่ยถามขึ้นว่า
“นี่เจ้าตื่นแต่เช้าหรือเพิ่งกลับมาจากตอนดึก?”
สายตาคู่นั้นที่จ้องเขม็งมองมาช่างลึกล้ำสุดหยั่งถึงประหนึ่งก้นบึ้งมหาสมุทร ประกายแสงสีเย็นยะเยือกเล็ดลอดทะลักล้นออกมา เข้าจับร่างเซียถงจนเยือกแข็ง ทำให้นางจากที่ยิ้มแย้มแจ่มใส กลายมาสตรีผู้มีสีหน้าเย็นชาขึ้นอีกครั้ง สิ่งที่น่ากวนใจนางมากที่สุดคงหนีไม่พ้น น้ำเสียงและทีท่าของอีกฝ่าย เห็นได้ชัดว่ากำลังหาเรื่องกันชัดๆ
“ไม่เช้าไม่ดึกทั้งนั้น กลับมาตามเวลานัดหมายนับว่าถูกต้องแล้ว”
ชิงเยวี่ยก้าวหน้าเดินไปประจันกับไป๋หลี่หานอย่างไม่มีกลัวเกรงใดๆ ใช้มือข้างหนึ่งผลักให้เซียถงหลบอยู่หลังตน ปิดกั้นมิให้อีกฝ่ายส่งสายตาคุกคามมองมา เขาระบายยิ้มเล็กน้อยและกล่าวกับไป๋หลี่หานต่อว่า
“ข้าพเจ้ามิทราบ เหตุใดท่านราชาหมาป่าสวรรค์ถึงมาที่นี่ตั้งแต่เช้าตรู่?”
ไป๋หลี่หานเงียบสงัดไม่ปริปากตอบ สบสายตาจ้องหน้าชิงเยวี่ยที่ปกป้องออกตัวแทนเซียถงอยู่สักครู่ใหญ่ ทว่าอย่างไร รัศมีเย็นชาที่แผ่ซ่านออกมาจากดวงตาภายใต้หน้ากากของเขา กลับยิ่งทวีความเข้มข้นมากขึ้นและมากขึ้น
ภายใต้แรงกดดันจากสายตาของไป๋หลี่หานที่จับจ้อง ชิงเยวี่ยรู้สึกดั่งว่าตนเองกำลังถูกขังอยู่ในคุกน้ำแข็งใต้ดินก็มิปาน เขายังคงเชิดหน้าขึ้นสบปะทะพร้อมรอยยิ้มอันอบอุ่น แต่หากสังเกตให้ดีจะพบว่า สีหน้าของเขาเริ่มซีดเซียวลงทีละเล็กละน้อย
“มิทราบว่า บริการต้อนรับของข้าพเจ้ามีข้อบกพร่องในส่วนใด? ถึงทำให้ท่านราชาหมาป่าสวรรค์ต้องพิโรธเช่นนี้?”
ในฐานะลูกผู้ชายด้วยกัน ชิงเยวี่ยทราบดีว่า ทำไมไป๋หลี่หานถึงรู้สึกหงุดหงิดปานนี้ แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังต้องการจะถามออกไป
ด้วยเหตุผลหรืออะไรสักอย่าง เมื่อไป๋หลี่หานได้เห็น เซียถงที่เดินเคียงคู่มากับชิงเยวี่ยด้วยท่าทีสนิทสนมเช่นนั้น มันก็ทำให้ตัวเขารู้สึกไม่มีความสุขเลยแม้สักนิด
“บริการต้อนรับไม่ดีงั้นรึ?”
ไป๋หลี่หานเชิดมุมปากแสยะยิ้มอย่างเย็นชา ทันใดนั้น สายตาคู่นั้นของเขาพลันแปรเปลี่ยนไป เสื้อคลุมยาวที่ปกคลุมบนเรือนร่างของเขาพลันโหมกระเพือมเบาๆ แผดรัศมีแรงกดดันอันทรงพลังเข้ากดขี่ใส่ชิงเยวี่ยโดยตรง
เผชิญหน้ากับรัศมีแรงกดดันทะลักล้นถาโถมเฉียบพลัน เสมือนเกลียวคลื่นกระแสใหญ่เข้าห่อหุ้มร่างชิงเยวี่ยในพริบตา ทันใดนั้นแข้งขาก็อ่อนฮวบ ค่อยๆ เข้ากดทับจนเขาจำต้องทรุดตัวลงอยู่ในท่าคุกเข่ากับพื้น
“นี่จะมาหาเรื่องกันอีกแล้วกระมัง?”
แต่ก่อนที่คู่เข่าจะแนบชิดแตะพื้น เซียถงก็เอื้อมมือขึ้นจับประคองร่างของชิงเยวี่ยขึ้นมาได้อย่างทันท่วงที ไป๋หลี่หานเห็นดังนั้น รัศมีแรงกดดันทั้งหลายพลันกระจายตัวจางอ่อนลงในพริบตา
ชิงเยวี่ยยืดเหยียดตัวตั้งตรงอีกครั้ง ทั่วหน้าผากเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เมื่อหันศีรษะชำเลืองมองก็พบเซียถงที่ค่อยประคองแขนของตนอยู่เคียงข้าง เจ้าตัวเชิดคางขึ้นจับจ้องไป๋หลี่หานเล็กน้อย ในขณะที่อีกฝ่ายยังคงยืนกอดอกแน่น เชิดหน้าจับจ้องทั้งสองที่สนิทแนบชิดกันอย่างหยิ่งผยอง
“คุณหนูเซีย…”
ชิงเยวี่ยเพิ่งพูดได้เท่านั้น ทว่ากลับถูกเซียถงเอ่ยแทรกขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน
“นายท่านชิงเยวี่ย เรื่องนี้หาได้มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับท่าน โปรดออกไปเสียเถิด”
สีหน้าน้ำเสียงช่างนิ่งสงบประดุจตัดเหมันต์สะบั้นหยก ตัวนางในเวลานี้หาได้สะทกสะท้านเกรงกลัวใดๆ ยามสุ้มเสียงนี้ตกกระทบใส่หูผู้ใด มันผู้นั้นล้วนเสียวสันหลังวาบดั่งมีน้ำแข็งจับ
“แต่คุณหนูเซีย…”
ยังไม่ทันที่ชิงเยวี่ยจะได้กล่าวอันใดเพิ่มเติม ทันใดนั้นร่างของเขาก็ถูกฝ่ามือของเซียถงผลักไสอย่างแรง ทำเอาเซถอยออกไปด้านข้างเกือบสิบก้าว เพียงนางสะบัดแขนเสื้อชักนำกระแสลมหวนซัดกระแทกเบาๆ ก็สามารถลบล้างรัศมีแรงกดดันที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างของไป๋หลี่หานได้
เซียถงเชิดคางสูง สบสายตาปะทะกับไป๋หลี่หานอย่างผยองเดช ประกายความมั่นใจทอแสงสะท้อนออกมาจากข้างในแววตาของนาง ถึงแม้เบื้องลึกภายในใจยังรู้สึกครั่นคร้ามอยู่บ้างหนึ่งส่วน
ในปัจจุบัน นางทะลวงขึ้นสู่ขอบเขตราชันย์ม่วงแล้ว พอจะมีทุนรอนต้านทานรัศมีแรงกดดันของไป๋หลี่หานได้บ้าง ถึงแม้จะเป็นเรื่องยากอยู่บ้าง แต่อย่างน้อยก็หาใช่ลูกไก่ในกำมือแบบแต่ก่อน
“เซียถง เจ้าคิดจะสู้กับข้าผู้นี้กระมัง?”
สายตาเย็นเยียบคู่นั้นยิงปะทะจับจ้อง ภายในหัวใจดวงนี้ของไป๋หลี่หานเปี่ยมล้นไปด้วยความโทสะ ไม่รู้ว่าทำไม แต่ทุกครั้งที่เห็นนางอยู่กับชายอื่นที่มิใช่ตน เพลิงโทสะมักโหมกระพือรุนแรงสุมทรวงอยู่ในอก
เซียถหรี่สายตาคับแคบลงเล็กน้อย เปล่งวาจาใหญ่โขสุดจองหองขึ้นว่า
“มิกล้า แต่หากท่านยังทำตัวมีปัญหาเฉกเช่นนี้ เห็นดีจำต้องสั่งสอนสักหนึ่งบทเรียน”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมาจากปากเซียถง บรรดาผู้คนทั่วหลายที่อยู่โดยรอบถึงกับสูดหายใจเย็นแช่มลึกอย่างช้าๆ ชิงเยวี่ยเบิกตาโตตื่นตระหนกใจยิ่งยวด ความหยิ่งผยองของเซียถงนางนี้ มันเกินความคาดหมายของเขาไปไกลโข ตัวเขาเองแทบไม่อยากเชื่อสายตา ปรากฏว่า ยังมีใครบางคนบนผืนพิภพแห่งนี้ หาญกล้ายั่วโทสะของราชาหมาป่าสวรรค์!
นางไปเอาความกล้าขนาดนี้มาจากไหน? ถึงพูดจาท้าทายราชาหมาป่าสวรรค์ต่อหน้าสาธารณชนเช่นนี้?
ไป๋หลี่หานจ้องหน้าเซียถงนิ่งเงียบไม่ปริปากกล่าวใดๆ ดวงเนตรคู่ลึกล้ำสุดหยั่งถึงของเขา มองไม่เห็นถึงคลื่นอารมณ์ใดๆ เลยาสักนิด
ภายใต้หน้ากากสีดำขลับ เส้นเลือดบนหน้าผากของเขาปูดโปนสั่นระริก ในเวลานี้ เขาอยากจะบีบคอใครสักคนให้ตายเสียเหลือเกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตอนที่ได้เห็น ภาพฉากที่เซียถงกับชิงเยวี่ยเดินเคียงคู่มาด้วยกัน ไป๋หลี่หานแทบจะกระโจนเข้าใส่พร้อมฉุดร่างของนางออกให้ห่างจากชิงเยวี่ยโดยเร็วที่สุด ทว่านางกลับแสดงท่าทีต่อต้านขนาดนี้ นี่ยิ่งทำให้เขาโกรธจัดเข้าไปใหญ่
“นายท่าน อย่าลืมจุดประสงค์ที่มาสิขอรับ พวกเรามาเยี่ยมคุณหนูเซียมิใช่รึ?”
โม่ซวนที่ยืนตัวเล็กตัวน้อยอยู่ด้านหลัง เอ่ยเตือนสติไป๋หลี่หานอย่างกล้าๆ กลัวๆ
ถึงผิวเผินนายท่านจะดูสงบนิ่งไม่มีอะไร แต่โม่ซวนทราบดี อีกฝ่ายใกล้จะหมดความอดทนเต็มทีแล้ว เขาเป็นกังวลเหลือเกินจริงๆ ว่า นายท่านจะสติหลุดกระโดดเข้าคว้าคอคุณหนูเซียและบีบเคล้นจนตายคามือ
ส่วนคุณหนูเซียก็เช่นกัน! รู้ทั้งรู้ว่า นายท่านของเขากำลังเดือดจัด ก็ยังไปยั่วยุท้าทายอีก! นี่ไม่ต่างอะไรกับหาเรื่องตายเลยงั้นรึ!?
ไป๋หลี่หานยังคงยืนมองหน้าเซียถงอยู่แบบนั้น แววความโกรธที่ลุกโชนในดวงตาคู่นั้นเริ่มปะทุรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แทบจะต้องการกระชากนางเข้ามาแรงๆ สักทีและสั่งสอนสักหนึ่งบทเรียนแก่นาง มือข้างขวาที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อยาวจับกระจับกำกระบี่สีเงินแน่นจนสั่นเทา ถึงอยากจะลงมือเพียงใด แต่สุดท้ายก็ไม่ขยับเสียที
หาใช่ว่าเขาไม่กล้า มิได้ว่าเขาทำไม่ได้ แต่หากเขาพลั้งเผลอขึ้นมาจริงๆ เกรงว่าหญิงสาวผู้แสนเย็นชาตรงหน้าอาจถึงขั้นตายได้ ถึงภายในใจจะเกรี้ยวโกรธเพียงใด แต่เขาก็ไม่กล้าลงมือลงไม้กับนางจริงๆ เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะบาดเจ็บได้
ใช่แล้ว เขาไม่มีทางยอมให้ผู้ใดทำร้ายนางได้ แล้วนับประสาอะไรกับตัวเขาเอง?
คลื่นอารมณ์ผวนนับไม่ถ้วนพัดผ่านไปมาในดวงตาคู่นั้นของเขา แต่เซียถงตรงหน้าก็ดูจะไม่มีทีท่าจะล่าถอยออกไปไหนเลย ยิ่งไปกว่านั้น ยังดูพร้อมประจัญบานกับตนเองทุกเมื่อ
สี่ตาสองคู่สบปะทะ อุณหภูมิโดยรอบระหว่างทั้งสองลดต่ำลงฮวบ เกลียวพายุขนาดย่อมถือบังเกิดหมุนติ้ว ชักนำเศษทรายเม็ดเหลืองพัดผ่านสาดกระจาย
บรรดาฝูงชนทั้งหลายรีบถอยห่างเว้นระยะโดยไว จู่ๆ ก็มีคลื่นกระแทกวงใหญ่แผดขยายออกมาระหว่างจุดที่เซียถงและไป๋หลี่หานยืนอยู่ บีบให้โม่ซวนต้องถอยห่างออกไปหลายสิบก้าวเช่นกัน ส่วนเจ้าตัวทำได้แค่เฝ้ามองอย่างเป็นกังวล เขาชักจะวิตกแล้วว่า นายท่านของเขาจะพลั้งมือทำร้ายคุณหนูเซียเข้าจริงๆ