ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง – ตอนที่ 385 สายลับจากซีฉิน (2)

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

ตอนที่385 สายลับจากซีฉิน (2)

ตอนที่385 สายลับจากซีฉิน (2)

จันทร์จรัสโน้มเอียงสู่ทางฟ้าตะวันตก แรกแสงอรุณขอบฟ้าเริ่มฉาดฉายจากตะวันออก เซียถงปลุกหยุนซีให้ตื่น เรียกให้นางเตรียมการเพื่อเข้าสู่แผนที่วางกันเอาไว้ โดยจะล่อให้คณบดีออกจากเรือนพัก และอาศัยจังหวะนั้นให้เซียถงลอบเข้าไปสำรวจภายในนั้น ทว่าจณะที่หยุนซีกำลังจะลงจากต้นไม้ใหญ่ จู่ๆ ก็มีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นจากเงามืด

เห็นชายคนนั้นถือกระบี่ในมือเดินตรงเข้ามา ใบหน้าผอมบาง แท้จริงแล้วคือ ปรมาจารย์เสวี่ย!

ปรมาจารย์เสวี่ยหยุดยืนอยู่หน้าประตูเรือนพัก มองซ้ายแลขวาเล็กน้อย และรีบสอดกระดาษแผ่นหนึ่งเข้าไปใต้ประตูอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็อันตรธานหายวับไปพร้อมค่ำคืนที่มืดมิด

“ปรมาจารย์เสวี่ยกับคณบดีคบค้าสมาคมกันรึนี่? หุหุ เช่นนั้นขอดูเสียหน่อยว่า ครานี้ข้าจะเชือดคอมันทิ้งยังไง!”

หยุนซีคายใบไม้ที่คาบเล่นในปากทิ้ง ประกายตาฉายแววลิงโลดตื่นเต้น

“อาจารย์หยุนซี จะว่าไปท่านมีเคยความขุ่นแค้นกับเขามาก่อนกระมัง?”

เซียถงเอ่ยถามออกไปคำหนึ่ง ไม่รอคำตอบจากหยุนซีใดๆ นางร่อนลงมาจากบนต้นไม้สูง ย่องไปลอบเข้าไปหยิบกระดาษแผ่นนั้นที่สอดอยู่ใต้ประตูออกมาทันที

พอคลี่เปิดออกมา มีข้อความเพียงสี่คำสั้นๆ ว่า ‘ระวังเย่หลีเทียน’

เห็นดังนั้น เซียถงอดรู้สึกผิดหวังมิได้ ทีแรกก็คิดไปเสียว่าเป็นข้อมูลสำคัญ แต่ที่ไหนได้ กลับกลายเป็นสาสน์เตือนให้คณบดีเพิ่มความระมัดระวังต่อเย่หลีเทียนให้มากขึ้น อย่างไร นี่ก็หมายความว่า เย่หลีเทียนเองก็กำลังสงสัยในตัวคณบดีเช่นกัน? ไม่รู้เลยว่า ข้อมูลที่เย่หลีเทียนไปสืบค้นมามันมีมากขนาดไหนแล้ว?

หยุนซีกระโดดลงจากต้นไม้ ย่องเบาติดตามมา พอเห็นข้อความเพียงสี่คำในกระดาษแผ่นนั้น ก็หัวเราะคิกคักขึ้นทันใด คว้ากระดาษข้อความแผ่นนั้นขึ้นมา กล่าวอย่างตื่นอกตื่นเต้นขึ้นว่า

“ฮ่าฮ่า! เย่หลีเทียนคงเริ่มสงสัยตาแก่นี่แล้วเช่นกัน แต่ถึงแบบนั้น ก็ไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่า ปรมาจารย์เสวี่ยจะเป็นสายลับจากซีฉินเช่นกัน คราวนี้มันเสร็จข้าแน่!”

เซียถงชำเลืองมองกระดาษแผ่นนั้นภายในมือหยุนซี ก่อนจะหยิบมันสอดเข้าใต้ซอกประตูดังเดิม ข่าวคราวนี้หาได้มีความสำคัญอันใดเลย สู้กลับไปเฝ้าต่อบนต้นไม้ใหญ่ดีกว่า

หยุนซีเหลียวมองไปยังทิศทางที่ปรมาจารย์เสวี่ยจากไป หรี่ตาแคบลงหนึ่งส่วน กล่าวว่า

“เซียถง เจ้าอยู่ดูตาแก่นั่นไปก่อน ข้าจะตามมันไป บางทีอาจจะได้เบาะแสสำคัญเกี่ยวกับที่ซ่อนแม่เจ้าเพิ่มขึ้น!”

สิ้นเสียงกล่าวจบ เงาร่างของนางพลันไสววูบ ทะยานพุ่งออกไปราวกับสายลมกระโชกหอบหนึ่ง อันตรธานหายวับไปพริบตา

ไม่รู้เลยว่า เพราะเหตุใดหยุนซีถึงได้จงเกลียดจงชังปรมาจารย์เสวี่ยถึงปานนี้? เซียถงเอียงศีรษะฉงนใจเล็กน้อย ยามนึกถึงท่าทีกระตือรือร้นสุดแสนของหยุนซี ราวกับว่าร่างกายอยากปะทะตลอดทุกครั้งที่ได้เผชิญหน้ากับปรมาจารย์เสวี่ย ครุ่นคิดอยู่สักครู่หนึ่ง นางค่อยกระโดดขึ้นต้นไม้ใหญ่ขึ้นที่เดิม

ในเวลานี้หยุนซีไม่อยู่แล้ว ดังนั้นนางจำเป็นจะต้องหาคนอื่นมาช่วย เพื่อหลอกล่อให้คณบดีออกจากเรือนพักตัวเองให้จงได้ ใช้สมองครุ่นพินิจอยู่สักพักใหญ่ และทันใดนั้นภาพใบหน้าของไป๋หลี่หานก็ลอยขึ้นมา เจ้าหมอนั่นเคยบอกไว้ว่า จะพยายามอย่างสุดคสามารถเพื่อช่วยเหลือท่านแม่นาง ดังนั้น ตัวเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้คงหนีไม่พ้นเขาแล้ว

คิดได้ดังนั้น นางจึงมุ่งหน้าตรงมายังคฤหาสน์ที่พำนักของไป๋หลี่หานในเมืองเฟิงหลี่แห่งนี้ เมื่อมาถึงก็กระโดดลอบขึ้นกำแพงเข้ามา ทว่าในทั้งในเรือนรับรอง เรือนอาหาร หรือกระทั่งเรือนนอน กลับไม่มีวี่แววใครอยู่เลยสักคน เซียถงขมวดคิ้วสงสัย เจ้าหมอนี่มันหายไปไหน…

จนสุดท้าย เหลืออีกห้องหนึ่งที่พอจะเป็นไปได้ เซียถงตรงเข้าไปผลักประตูเปิดออกโดยตรง แต่ทันใดนั้น นางก็รีบปิดประตูกลับมาทันทีในพริบตาต่อมา

“จุ๊ จุ๊ หากพระชายาอยากดูข้าผู้นี้แช่ตัว ก็อย่าได้ขวยเขิน ถึงจะดูเอาเปรียบกันไปบ้าง แต่จะยอมให้ดูเป็นกรณีพิเศษแล้วกัน”

ต่อมา สุ้มเสียงของไป๋หลี่หานดังลั่นออกมาจากตัวเรือนด้านใน

บ้าไปแล้วรึไง มาแช่อ่างน้ำร้อนอะไรตั้งแต่เช้าตรู่!?

เซียถงขมวดคิ้วถักหนา พลันนึกถึงภาพฉากของอีกฝ่ายในอ่างอาบน้ำเมื่อครู่ นางกระแอ่มไอบางๆ สีหน้าเห่อแดงติดประหม่าเล็กน้อย กล่าวว่า

“อะแฮ่ม… พอดีข้ามีเรื่องด่วนเลยต้องเร่งตามหาตัวท่าน มิได้ตั้งใจรบกวนเวลาส่วนตัว”

บัดซบเอ๊ย! หากรู้แต่แรกว่าไป๋หลี่หานกำลังแช่น้ำอยู่ในเรือนแห่งนี้ นางคงเปิดเข้าไปเฉยๆ แน่นอน คงจะซัดฝ่ามือระเบิดใส่ให้เป็นจุณ!

“เรื่องด่วนงั้นรึ? เช่นนั้น พระชายาของข้า ช่วยข้าผู้นี้สวมเสื้อผ้าให้ที ระหว่างนั้นค่อยเอ่ยเล่ารายละเอียดให้ฟัง”

ไป๋หลี่หานกล่าวน้ำเสียงฟังดูเร่งรีบ ราวกับทั้งหมดที่เอ่ยออกไปค่อนข้างจริงจังอย่างมาก

เซียถงไม่มีเวลามาต่อล้อต่อเถียงกับหมอนี่เท่าไหร่นัก สีหน้าการแสดงออกดูเย็นยะเยือกชั่วอึดใจ กล่าวตัดบททันทีว่า

“หากท่านไม่ว่าง เช่นนั้นจะได้ไปหาคนอื่น ขอตัวลา”

ทันทีที่สุ้มเสียงจางหายลง ประตูเรือนตรงหน้านางก็พลันโพล่งเปิดเสียงดังปัง ปรากฏชายสวมเสื้อคลุมจัดองค์ทรงเครื่องอย่างเป็นระเบียบตรงหน้า มองนางด้วยรอยยิ้ม

“อุตส่าห์มาหาข้าผู้นี้ทั้งที มีหรือจะปล่อยให้เจ้าผิดหวังกลับไป”

เมื่อครู่ตอนเปิดประตูเข้าไปครั้งแรก นางยังเห็นหมอนี่แช่อยู่ในอ่างน้ำร้อนอยู่เลย เพิ่งพูดคุยกันได้สองสามคำ พอเปิดประตูออกมาอีกครา ปรากฏว่า เจ้าตัวแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ดูท่าจะรีบขึ้นจากอ่างและแต่งตัวทันทีที่นางบอกว่ามีเรื่องด่วน

คิดได้ดังนั้น สุมเพลิงความโกรธภายในใจเซียถงก็ลดต่ำลงหลายส่วน ทัศนคติของนางที่มีต่อไป๋หลี่หานเหมือนจะดูดีขึ้นมาอีกเล็กน้อย พอนึกเรื่องที่จะขอความช่วยเหลือขึ้นได้ นางก็เอ่ยขึ้นทันทีว่า

“คราวนี้ค่อนข้างกะทันหัน เลยลอบกระโดดกำแพงเข้ามา คราวหน้าจะเคาะประตูให้ดูมีมารยาทกว่านี้แล้วกัน”

“ฮ่าฮ่า! ทำถึงขนาดนี้แล้ว ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องความสุภาพแล้วกระมัง?”

ไป๋หลี่หานระเบิดหัวเราะคิกคัก สายตาจับจ้องไปที่ใบหน้าของเซียถงที่ในเวลานี้ปราศจากผ้าคลุมใบหน้าเหมือนใดอดีต ดวงตาภายใต้หน้ากากพลันเป็นประกายสว่างไสวขึ้นมา เขาตกใจอุทานขึ้นว่า

“นี่เจ้าตั้งใจจะเปิดเผยใบหน้าแล้วจริงๆ?”

“ก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรอีกแล้ว”

เซียถงยักไหล่ตอบ

“เพราะเหตุใดรึ?”

ไป๋หลี่หานสงสัยจึงเอ่ยถาม

ได้ยินดังนั้นเซียถงชักจะหงุดหงิดขึ้นทันที ก็เพราะไม่อยากให้เจ้าต้องขายหน้า กลายเป็นขี้ปากคนอื่นเขาไงว่า ชีวิตเฮงซวย ต้องแต่งงานกับหญิงอัปลักษณ์อันดับหนึ่งแห่งตงหลี่! เช่นนั้นแล้ว ไฉนยังขี้สงสัยเอ่ยถามอันใดตั้งมากมาย? เห็นไป๋หลี่หานหน้าสลอนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร นางก็ยิ่งหงุดหงิดในใจ จนสุดท้ายเชิดหน้าหนีหมุนตัวกลับทันที

โดนเซียถงหันหลังใส่อย่างไร้สาเหตุ ไป๋หลี่หานปั้นหน้างุนงงอยู่สักครู่ ก่อนจะหวนกลับเข้าเรื่องหลัก เอ่ยถามขึ้นอย่างไม่ค่อยแน่ใจว่า

“แล้วเรื่องด่วนที่ต้องการให้ข้าผู้นี้ช่วยคืออะไรรึ?”

เซียถงมองค้อนเหลียวหาไป๋หลี่หาน ปิดปากเงียบไม่พูดไม่จาใดๆ จะมีก็เพียงมุ่งสายตาสบกับอีกฝ่ายอย่างเงียบงัน

“หากสันนิษฐานถูกต้อง คงเป็นเรื่องช่วยชีวิตท่านแม่ยายกระมัง? หากเป็นดังนั้น ข้าพร้อมไม่มีวันถอดใจ!”

ไป๋หลี่หานพอจะคาดเดาได้อยู่แล้ว จึงยืดแผ่นหลังตั้งตรง ยืนกรานแสดงทัศนคติอันไม่ยอมแพ้ของตนออกมา

ประกายตาเซียถงที่สั่นไสวหยุดนิ่งไปชั่วขณะ พยักหน้าตอบกลับไปว่า

“ก็อย่างที่ท่านกล่าวไม่ผิดเพี้ยน”

เหตุที่นางไม่เอ่ยอธิบายจึงจุดประสงค์ไปตามตรง เพราะกลัวว่าจะมีใครมาได้ยินเข้า ถึงแม้ในเรือนแห่งนี้จะไม่เห็นใครอยู่เลยก็ตาม ทว่ากำแพงกลับมีหูดักฟังซ่อนอยู่เสมอ เช่นนั้นแล้ว นางจึงต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

Status: Ongoing
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมอำมหิต ได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยโฉมหน้าอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!เธอคือนักฆ่ามือวางอันดับหนึ่งแห่งยุค2018 แต่กลับถูกคนที่รักและไว้ใจที่สุดซ้อนแผนและสังหารเธอทิ้งในระหว่างภารกิจหนึ่ง ส่งผลให้วิญญาณของเธอทะลุมิติไปยังโลกอื่น! ซึ่งนางคนนี้เป็นคุณหนูสายตรงแห่งจวนเสนาบดี ใบหน้าช่างอัปลักษณ์น่าเกลียด ทว่ากลับมีพรสวรรค์ในด้านการบ่มเพาะพลังที่น่าทึ่ง!ในท้ายที่สุดนางได้เสียชีวิตลงเพื่อช่วยชีวิตชายที่นางรักสุดหัวใจ และนั่นเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่วิญญาณนักฆ่าสาวสลับเข้าร่าง เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ความงดงามดั่งบุปผาซ่อนพิษซึ่งเป็นจุดเด่นของเธอได้หายไป! โลกทั้งใบที่เคยรู้จักกลับไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว! ใบหน้าอัปลักษณ์? จุดตันเถียนถูกทำลายจนกลายมาเป็นสตรีพิการบ่มเพาะพลังไม่ได้? เจ้าของร่างเก่าถูกสังหารทิ้งโดยไม่มีผู้ใดไยดี? แต่ไม่เป็นไร ทั้งทักษะการฆ่าและจิตใจของเธออันไร้เมตตายังคงอยู่ เรื่องทั้งหมดเป็นแผนการของแม่เลี้ยงกับบุตรสาวของฮูหยินรอง? ได้! ได้เลย! ทุกคนไม่ว่าใครหน้าไหนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการนี้ จะไม่มีผู้ใดสามารถหนีรอดไปได้แน่แท้! ควบคุมหมื่นอสูร หลอมกลั่นโอสถ ตียุทธ์ภัณฑ์สร้างสิ่งประดิษฐ์ แม้แต่สวรรค์ยังต้องก้มกราบข้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท