ตอนที่ 560 หอคอยดาราพิชิต (2)
ตอนที่ 560 หอคอยดาราพิชิต (2)
เซียถงและไป๋หลี่หานเดินลงไปในช่องทางลับ นางเหม่อมองธารน้ำแข็งที่ถูกเจาะเป็นเส้นทางทอดยาว คิดไม่ถึงเลยว่า นี่ก็คือเส้นทางลับที่นำไปสู่ด้านในเมืองอี้เฉิง
ทุกคนต่างสวมอุปกรณ์ดำน้ำและมุดผ่านเข้ามาลอดเข้าไปใต้ถ้ำน้ำเย็นลึก มุ่งสู่เมืองอี้เฉิงด้านใน
ในช่วงตกค่ำ ปรากฏกลุ่มคนชุดดำกำลังลอบเร้นเข้าสู่บ้านร้างแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากพระราชวังนัก
ไป๋หลี่หานและคนอื่นๆล้วนแต่มีระดับพลังบำเพ็ญตบะสูงส่งแกร่งกล้า ย่อมสามารถหลบเลี่ยงจากการตรวจตราของเหล่าทหารได้อย่างง่ายดาย และเร้นกายเข้าสู่พระราชวังอี้เฉิงได้ในท้ายที่สุด
แต่ทันทีที่เข้าไปถึง ขณะย่องเดินสำรวจอยู่รอบบริเวณนั้น ไป๋หลี่หานที่กำลังมุ่งหน้าไปต่อ ทันใดนั้นฝีเท้าถึงกับชะงักชะงัน! เมื่อเงยหน้าแหงนมอง ก็เห็นหญิงสาวอยู่ร่างหนึ่งซึ่งถูกแขวนอยู่บนประตูวังโอฬารสูงตระหง่าน!
นัยน์ตาไป๋หลี่หานพลันสั่นไสวรุนแรง!
แววความตื่นตะลึงฉายแววในดวงตาของเซียถงเช่นกัน!
พบว่า เหลิ่งหยานหรันถูกแขวนประจานอยู่บนประตูพระราชวังสูง ศีรษะและช่วงอกของนางบิดเบี้ยวอยู่ในมุมผิดธรรมชาติ เนื้อตัวเต็มไปด้วยธารเลือด ซึ่งธารเลือดเหล่านี้เองยังแห้งจนเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลจับตัวเป็นลิ้มก้อนเกาะทั่วเสื้อผ้า ฉาบย้อมจากชุดแพรพรรณสวยงามสีเหลืองกลายเป็นสีน้ำตาลเก่าแก่น่าสยดสยอง ร่างของนางห้อยต่องแต่งถูกแขวนอยู่บนนั้น ปราศจากปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ เมื่อสายลมจากเบื้องบนนั้นพัดผ่าน แขนขาก็ระห้อยโบกไปมาดุจใบไม้แห้งกรอบ จะเห็นได้ชัดว่า นางได้ตายลงไปนานแล้ว
“หยานหรัน เจ้า..”
เซียถงยังคงจำจดสาวน้อยนางนี้ ผู้มีใบหน้าบูดบึ้งอยู่ตลอดได้เป็นอย่างดี ถึงอีกฝ่ายจะดูไม่ค่อยชอบหน้านางเสียเท่าไหร่ แต่เนื้อแท้กลับเป็นคนที่เปี่ยมล้นไปด้วยความจริงใจ
นางคนนี้รักไป๋หลี่หานมากกว่าสิ่งใด แต่เมื่อเห็นว่าไป๋หลี่หานเลือกที่จะมอบใจทั้งใจแก่เซียถง หากเป็นผู้หญิงทั่วไปมีหรือจะยอมปล่อยมือไปโดยง่าย? อย่างไรสิ่งนี้หาใช่กับนาง! เพื่อความสุขของไป๋หลี่หาน นางยอมปล่อยให้เซียถงเข้ามาแทนที่โดยไม่คิดร้ายใดๆ อีกทั้งยังแอบช่วยเหลือสนับสนุนกันอย่างลับๆอีกด้วย! แต่ใครจะไปคาดคิด สาวน้อยผู้จริงใจนางนี้จะปราศจากลมหายใจแล้ว…
หางตาเซียถงเริ่มเห่อร้อนเปียกชุ่มเล็กน้อย และเมื่อชำเลืองหาไป๋หลี่หานที่อยู่เคียงข้าง นัยน์ตาคู่นั้นกลับดูเย็นชากว่าที่เคยเป็นมาเสมือนกับถูกความเย็นยะเยือกเข้าปกคลุมร่างกาย สักครู่ต่อมา ปรากฏเป็นรังสีสังหารขุมใหญ่ที่พลุ่งพล่านทะลักทลายทั่วกายา เซียถงเห็นดังนั้นจึงรีบคว้ามือของอีกฝ่ายเข้ามากุมจับไว้แน่น
นางส่ายหัวให้เบาๆ ใจหนึ่งของเซียถง ย่อมคิดต้องการล้างแค้นแด่เหลิ่งหยานหรันผู้ล่วงลับ แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้กลับไม่มีเวลาแล้วเช่นกัน
“รีบไปหาเสด็จแม่โดยเร็วเถอะ”
นางเอ่ยกระซิบเสียงแผ่วอ่อน
ไป๋หลี่หานหลับตาแน่น ส่ายหน้าอานพยายามลืมสิ่งที่เห็นดั่งฝันร้ายไปให้หมดสิ้น
โม่ซวนเองก็ถึงขั้นกระชับกำด้ามกระบี่จนสั่นเทา เสียงกระดูกบีบตัวแน่นดังเอี๊ยดอาด เขาออกแรงมากเสียงจนเส้นเลือดจำนวนหนึ่งปูดโปนออกมา
แต่สถานการณ์ในตอนนี้มิสามารถรั้งรอได้ ทุกคนรีบมุ่งหน้าวิ่งดิ่งเข้าในตัวพระราชวังโดยเร็วที่สุด ขณะนี้อยู่ในส่วนภายในซึ่งเป็นที่ตั้งของหอคอยดาราพิชิต บริเวณนี้มีอยู่จุดหนึ่งเป็นกองเลือดสีน้ำตาลที่แห้งกราด และเมื่อพวกเขาเงยหน้าขึ้นมอง ก็แลเห็นรั้วที่หักห้อยจากบนชั้นสูงสุดของหอคอย
ปรากฏว่า เหลิง่หยานหรันพลัดร่วงลงมาจากตรงนี้
ทันใดนั้นเอง เซียถงก็รับคว้าตัวไป๋หลี่หานมาหลบภัย ณ มุมมืดหน้าหนึ่งอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีเสียงตะคอกดังสนั่นจากด้านบนนั้น
“บอกมาเร็วเข้า! ซ่อนตราประทับอาญาสิทธิ์กับพระราชกฤษฎีกามังกรไว้ที่ไหน!?”
ทันใดนั้น พลันมีเงาดำสองร่างปรากฏขึ้นจากบนนั้น ซึ่งคนหนึ่งกำลังบีบคออีกคนvp^j
เซียถงแทบไม่อยากเชื่อสายตา คนๆนั้นที่เป็นฝ่ายโดนบีบคอจะกลับกลายว่าเป็น องค์จักรพรรดินีเหลิ่ง ในขณะนี้นางกำลังถูกบีบคอยกตัวลอยค้างอยู่กลางอากาศ เบื้องล่างปลายเท้าทั้งสองข้างคือความว่างเปล่า ปราศจากพื้นให้ยืนหยัดใดๆ ส่วนอีกคนที่ยืนบีบคออยู่ก็คือ เย่หลีเทียน
เย่หลีเทียนบีบคอองค์จักรพรรดินีเหลิ่งคาดเค้นแน่น ตะคอกขึ้นอีกคำโตว่า
“หากยังเป็นใบ้ไม่ยอมพูด ข้าจะปล่อยเจ้าให้ตกไปตายเสีย! ไอ้คนเยี่ยงเจ้าคงรักศักดิ์ศรียิ่งกว่าอะไรกระมัง? เช่นนั้นหลังจากที่เจ้าตาย ข้าจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าบนร่างกายเจ้าให้โป๋เปลือย จากนั้นก็จะจับเจ้ามัดกับเสาและแห่ขบวนประจานตามถนนทั่วเมืองอี้เฉิง! จากนั้นขอดูเสียหน่อยว่า เจ้ายังกล้าลงยมโลกไปหาเหล่าบรรพชนในตระกูลผู้ล่วงลับได้อยู่หรือไม่!”
“จะ-เจ้า…”
องค์จักรพรรดินีเหลิ่งโดนทรมานมาสารพัดวิธีแล้ว และในตอนนี้ก็กำลังจะขาดอากาศหายใจตายจากที่โดนบีบคอ บาดแผลฉกรรจ์ทั้งจากโดนกระบี่แทงและโดนเฆี่ยนนับไม่ถ้วนเต็มไปหมดทั่วทั้งร่าง เลือดสีแดงสดกลั่นตัวหยาดหยดลงพื้นเสียงดังติ๋งๆ
ไป๋หลี่หานยิ่งไม่คาดฝัน ตนจะมาได้พบเห็นกับภาพฉากเช่นนี้ และเขาไม่สามารถระงับอารมณ์โทสะได้ไหวอีกต่อไปแล้ว
จึงเผยตัวจากเงามืด เปล่งเสียงคำรามลั่นว่า
“เย่หลีเทียน!!!”
สิ้นเสียงกล่าวจบเท่านั้น ไป๋หลี่หานชักกระบี่จากฝัก สาดแสงประกายทองคำระยิบระยับสดใสภายใต้แสงจันทร์ เหยียบย่างเวหา ทะยานขึ้นฟันฟาดคมคลื่นวินาศใส่เย่หลีเทียนโดยตรง!
เย่หลีเทียนไม่คิคคาด ไป๋หลี่หานจะย้อนกลับมาถึงอี้เฉิงได้รวดเร็วปานนี้ และย่อมไม่นึก ยังลักลอบบุกเข้ามาถึงชั้นในของพระราชวังเสียแล้วด้วย โดยไม่ต้องพูดพร่ำอันใดอีกต่อไป เขาสะบัดข้อแขนโยนร่างสุนัขแก่ใกล้ตายอย่างองค์จักรพรรดินีเหลิ่งทิ้งจากหอคอยสูงลงมาโดยหาไม่สนใจไยดี
และยกกระบี่เข้าเผชิญหน้ากับไป๋หลี่หานทันควัน เปิดฉากสัประยุทธ์โรมรันเดือดดุ
ร่างขององค์จักรพรรดินีเหลิ่งดิ่งพสุธาร่วงลงจากหอคอยสูงเจ็ดชั้นลงมาอย่างรวดเร็ว
เซียถงเห็นอีกฝ่ายกำลังร่วงตกลงมาจากหอคอยดาราพิชิต หนึ่งความคิดขยับวาบ เรียกหลิวซูออกมาช่วยโดยทันที เซียถงเหยียบย่างมันขึ้นขี่บิน พุ่งทะยานสู่เวหาสูงและโฉบเข้ารับร่างองค์จักรพรรดินีเหลิ่งได้อย่างแม่นยำ
กลับไปที่ด้านบนหอคอยดาราพิชิต
เย่หลีเทียนกระโจนล่าถอยออกห่าง ยืนอยู่บนรั้วอีกฟากฝั่งหอคอยดาราพิชิต ภายใต้ม่านแสงจันทร์เงินสว่างไสว เขาในชุดเสื้อคลุมผ้าไหมสีม่วงประดับคู่แววตาสีโลหิตดวงฉาย ยามนี้ประดุจเหมือนมารอสูรที่เพิ่งหลุดจากอเวจีนรกสู่ผืนพิภพ!
ภายในใจของไป๋หลี่หานมัวแต่เป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยของท่านแม่ จึงแทบไม่มีสมาธิต่อสู้ออกท่า เสี้ยวพริบตาที่เย่หลีเทียนโยนตัวองค์จักรพรรดินีเหลิ่งทิ้งลงมา เขาแทบจะพุ่งหลาวกระโดดลงไปช่วยทันควัน แต่เมื่อเห็นเซียถงขี่กระบี่เข้าช่วยเหลือไว้ได้ก่อน เขาจึงโล่งใจไปหลายเปาะ และหันมามุ่งสนใจกับศึกตรงหน้าอีกครั้ง
“ไป๋หลี่หาน ตอนนี้ดินแดนอี้เฉิงทั้งหมดตกเป็นของข้าแล้ว! แนะนำให้เจ้าส่งมอบตราประทับอาญาสิทธิ์กับพระราชกฤษฎีกามังกรมาแต่โดยดี!” เซียถงอุ้มประคองร่างองค์จักรพรรดินีเหลิ่งอยู่ในอ้อมแขน ซึ่งทางฝ่ายองค์จักรพรรดินีเหลิ่งเองก็คิดว่า ตนเองคงต้องตายแล้ว แต่พริบตาที่สัมผัสถึงสายลมกระโชกลู่อยู่ข้างสองหู คู่เท้าของนางกลับแตะพื้นอย่างสวัสดิภาพ ในใจรู้สึกเหลือเชื่อดั่งปาฏิหาริย์ พยายามจะลืมตาขึ้นมองว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สุดท้ายนางกลับไม่มีเหลือเรี่ยวแรงใดๆ
เซียถงที่เห็นว่า มีบาดแผลฉกรรจ์ปกคลุมทั่วร่างกายขององค์จักรพรรดินีเหลิ่งเต็มไปหมด จึงรีบหยิบโอสถจำนวนหนึ่งออกมาและป้อนใส่ปากของนางไป สักครู่หนึ่งจึงฉีกกระชากแพรพรรณของตนส่วนหนึ่งเข้าทำแผลเบื้องต้นเพื่อห้ามเลือด
โอสถละลายเป็นน้ำเหลวซาบซ่านกระจายไปทั่วช่องปาก ร่างกายเสมือนถูกไอเย็นสบายปกคลุมทั่วทุกอณูในเสี้ยวพริบตา องค์จักรพรรดินีเหลิ่งฟื้นคืนพละกำลังกลับมาได้เห็นน้อย แต่เมื่อเบิกตาขึ้นมาเห็นว่าเป็นเซียถง สีหน้าการแสดงออกของนางพลันผันเปลี่ยนทันที
เพลียะ!!
เสียงตบหน้าดังฟังชัดกึกก้องไปทั่วทั้งหอคอยดาราพิชิต ทำให้สุ้มเสียงสัประยุทธ์ต่อสู้บนนั้นพลันหยุดลงในทันใด!