ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง – ตอนที่ 605 สัตว์เทพแห่งท้องสมุทร (1)

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

ตอนที่605 สัตว์เทพแห่งท้องสมุทร (1)

ตอนที่605 สัตว์เทพแห่งท้องสมุทร (1)

โฉมสะคราญคืนนี้นอนไม่เป็นอันหลับ!

เซียถงมัวแต่หมกมุ่นครุ่นคิดถึงเรื่องราวพวกนี้จนกระทั่งรุ่งสาง ก่อนจะผล็อยหลับไปเล็กน้อยท่ามกลางความงุนงง ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงเร่งฝีเท้าจากด้านนอกพลัน อิ๋งเอ๋อร์กำลังเดินจ้ำมาทางนี้ด้วยทีท่าทีโกรธจัด พร้อมกับในมือที่กำลังหยิกหูหลิวซูลากติดมาด้วย

เซียถงลืมตาตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่เห็นคือใบหน้าที่ปูดบวมของหลิวซูราวกับลูกมะนาวสีช้ำแดงเป่ง นางตระหนักได้ทันทีว่า มันคงไปแอบดูอิ๋งเอ๋อร์เปลี่ยนเสื้อผ้ามาอีกแล้ว

มิทราบว่าเพราะเหตุใด ตั้งแต่ที่หลิวซูได้เจอกับอิ์งเอ๋อร์อีกครั้งในตอนนั้น มันก็ดูจะมีความทะเยอทะยานในด้านการถ้ำมองหนักกว่าเก่า แอบดูอิ๋งเอ๋อร์ทั้งตอนแช่น้ำทั้งตอนเปลี่ยนเสื้อผ้า และแม้ว่าทุกครั้งจะจบไม่สวย ถูกไม้หน้าสามฟาดกระบาลแตกร่ำไป แต่มันก็ยังสนุกกับการทำเช่นนี้!

เซียถงได้แต่ส่ายหัวด้วยความหน่ายใจ และหาได้สนใจมันอีกต่อไป ก้าวเท้ามุ่งหน้าเดินจากบ้านโดยตรง

ในเวลาเดียวกัน เสี่ยวฮั่นกำลังยกหม้อสมุนไพรที่เพิ่งต้มเสร็จสรรพตรงมาหาเซียถงเช่นกัน แต่ทันใดนั้น พลันปรากฏประกายแสงสีแดงไสววูบพุ่งโฉบเข้าหา

แต่เหมือนว่าเสี่ยวฮั่วจะคุ้นชินกับภาพฉากเหตุการณ์พวกนี้เป็นอย่างดี จึงยกขอบหม้อสมุนไพรยกขึ้นฟาดใส่ประกายแสงสีแดงที่พวยพุ่งเข้าใส่เต็มแรงแม่นยำ

“เสี่ยวฮั่ว! นับว่าเจ้ายิ่งนิสัยเสีย!”

ทว่าเสี่ยวฮั่วกลับมิได้ปริปากขานตอบใดๆ เพียงหันมาพยักหน้าให้เซียถงที่กำลังยกนิ้วโป้งให้

“ทำได้ดี!”

หลังจากเมื่อวานที่ไปรวบรวมสมุนไพรมา ในที่สุดเซียถงก็สามารถหลอมโอสถเพื่อใช้สำหรับรักษาอาการป่วยของฮูหยินหลี่ได้เสียที และมอบหน้าที่ให้อิ๋งเอ๋อร์คอนจัดแจงเรื่องตารางเวลากินยา ก่อนที่นางจะออกเดินทางไป

เซียถงมัดกระชับผูกผมให้แน่น และมุ่งหน้าออกไปพร้อมเสี่ยวฮั่ว

โดนขอบหม้อสมุนไพรประเคนใส่หน้าอย่างจังปานนั้น ทำเอาหลิวซูนอนแน่นิ่งกับพื้นจวบจนตอนนี้ก็ยังไม่สามารถลุกขึ้นได้ ผ่านไปอีกสักครู่หนึ่ง เซียถงจึงเดินย้อนกลับมาหา ยกมือกระตุกผมสลวยยาวสีเงินของมันกระจุกหนึ่งดึงขึ้นมาจากพื้น ชี้นิ้วใส่กล่าวขู่ว่า

“หากยังจะเล่นไร้สาระเช่นนี้อยู่อแก ข้าจะกระชากผมบนหัวของเจ้าให้ล้านเลยคอยดู! แล้วอย่าตำหนิว่าข้าเหี้ยม!”

ดูท่าแล้วคำขู่นี้จะได้ผลดีเกินคาด พริบตานั้น หลิวซูลุกขึ้นพรึบเสมือนทหารยืนตรง!

มันระบายยิ้มแห้งพลางระเบิดหัวเราะร่า รีบกล่าวประจบประแจงโดยไว

“ฮ่าฮ่า… แหม นายท่านสุดสวยของข้า มีอะไรขอจงใช้วาจาความใจเย็นเข้าผูกมิตร ใช้แต่กำลังหรือมีประโยชน์อันใด!”

เห็นว่าครั้งนี้เซียถงดูอารมณ์เสียจริงๆ หลิวซูก็ไม่กล้าเล่นตัวงอแงอันใดอีกต่อไป ส่งยิ้มโง่ๆ อันไร้พิษภัยมอบแก่นางไป เสี่ยวฮั่วที่อยู่ข้างเคียงถึงกับอดหัวเราะมิได้

ทันทีที่ทั้งสามออกจากบ้านพัก ก็เห็นหงอวี๋ที่กำลังเดินมาหาทางนี้

“นายน้อยจวิ๋นรออยู่บนเรือแล้ว ต้องรีบหน่อย เดี๋ยวข้าจะพาไปทางลัด!”

กล่าวออกไปดังนั้นนั้น หงอวี๋ก็อาสานำทางเซียถงไปตามเส้นทางที่ค่อนข้างคดเคี้ยวขรุขระ ร่ายยาวจนถึงจุดหนึ่งที่ปราศจากผู้คนที่สัญจรผ่านไปมา จู่ๆ นางก็จงใจลดความเร็วลง เดินให้ช้าจนเซียถงตามทันอยู่เทียบข้าง ทันใดนั้น หงอวี๋ก็โน้มตัวเข้าชิดใกล้ เอ่ยกระซิบเสียงต่ำกล่าวว่า

“พี่ถง นายน้อยจวิ๋นเส้าฝากให้ข้าบอกมา เดินเรือครั้งนี้มีผู้อาวุโสใหญ่ติดตามไปด้วย!”

ในสภาสูงแห่งทวีปจวิ๋นเทียน ประกอบไปด้วยผู้อาวุโสจำนวนสิบสามคนที่นั่งดำรงตำแหน่ง ซึ่งศักดิ์สถานะของพวกเขาก็ถูกเรียงตามลำดับตั้งแต่สูงไปต่ำ โดยที่ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งหรือที่เรียกว่า ผู้อาวุโสใหญ่ จะมีอำนาจอิทธิพลในการตัดสินใจและลงมือต่อสิ่งต่างๆ มากที่สุด เขาผู้นี้ได้รับสมญานามว่าเป็น นักอัญเชิญอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปจวิ๋นเทียนแห่งนี้! อีกทั้งยังเป็นนักพยากรณ์อีกด้วย!

อันเนื่องมาจาก ทวีปจวิ๋นเทียนตั้งอยู่บนพื้นที่ที่เป็นมหาสมุทร ดังนั้นแล้ว อีกหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ถูกเพิ่มเข้ามาก็คือ ข้อมูลทางน้ำทั้งในด้านสภาพอากาศและทิศทางลม เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการใช้ดำเนินชีวิต กล่าวได้ว่า ผู้อาวุโสใหญ่ที่ยังเป็นถึงนักพยากรณ์จึงเป็นบุคคลหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการเป็นไปของืทวีปจวิ๋นเทียนยิ่งยวด ไม่เพียงแต่จะทำนายถึงสภาพอากาศและทิศทางลมก่อนเดินเรือเท่านั้น แต่เขายังสามารถพยากรณ์ได้ถึงโชคชะตาและเคราะห์ร้ายในอนาคตได้อีกด้วย

สถานะดำรงอยู่ของผู้อาวุโสใหญ่คนนี้สูงส่งราวกับเซียนสวรรค์ในสายตาของทุกคน ดังนั้นแล้ว ไม่ว่าเหล่าผู้คนในทวีปจวิ๋นเทียนจะลงมือกระทำการสำคัญอันใด อย่างเช่น การเดินเรือสำรวจ เขาจะไม่ออกไปไหนจากตัวเกาะเลย กล่าวคือ นับตั้งแต่ที่ขึ้นรับตำแหน่งผู้อาวุโสใหญ่ในสภาสูง ตัวเขาก็ไม่เคยอยู่ห่างจากเกาะหลักแห่งนี้อีกเลย!

แต่นี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาก้าวย่างออกจากเกาะหลักในรอบสิบแปดปีเต็ม!

เซียถงถึงกับมองย้อนกลับหาหงอวี๋ด้วยความฉงนสงสัย หากนางสันนิษฐานถูกต้อง การที่จวิ๋นเส้าไหว้วานให้หงอวี๋ถ่อมาส่งข่าวดังกล่าวแก่นางเป็นการส่วนตัว นี่แสดงว่า เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้หาใช่เรื่องเล็กน้อยแล้ว!

หงอวี๋กวาดสายตามองซ้ายมองขวาอีกระลอก พอมั่นใจแล้วว่าไม่มีใครจึงรีบอธิบายต่อทันทีว่า

“เมื่อสามเดือนก่อน ผู้อาวุโสใหญ่ได้ทำนายว่า ทวีปจวิ๋นเทียนของเราจะเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่หลังฤดูร้อนจบลง ซึ่งทุกคำพยากรณ์ในตลอดที่ผ่านมาของผู้อาวุโสใหญ่ล้วนแต่ถูกต้องแม่นยำ และนั่นก็มีแนวโน้มสูงว่าครั้งนี้เองก็จะเป็นจริง เพราะเมื่อไม่กี่วันก่อน ทางเราได้ค้นพบร่องรอยของพญามัจฉาจ้าวปักษา คุนเผิง [1] สัตว์เทพในตำนานจากน่านสมุทร ณ ทะเลเหนือ ฟังว่ายามนี้ คุนเผิงได้ตีปีกสยายมุ่งสู่แดนใต้ สร้างความโกลาหลบ้าคลั่งแก่ท้องสมุทรกว้างไพศาลนับสามพันหมื่นลี้ แต่อย่างไร ผู้อาวุโสใหญ่กลับเห็นวิกฤตครั้งนี้เป็นโอกาส คิดจะใช้คุนเผิงให้เป็นประโยชน์แก่บ้านเมืองจวิ๋นเทียนของเรา หลังจากปรึกษาหารือกับคณะผู้อาวุโสคนอื่นๆ และนายน้อยจวิ๋นแล้ว ผู้อาวุโสใหญ่จึงตัดสินใจเข้าร่วมการเดินเรือนี้เป็นการส่วนตัว”

กล่าวมาถึงจุดนี้ หงอวี๋อดเหลียวหาเซียถงมิได้

“พี่ถง สิ่งที่นายน้อยจวิ๋นพยายามจะหมายถึงคือ ในเวลานี้เป็นการยากนักที่จะคาดเดาว่า ผู้อาวุโสใหญ่คิดจะทำอะไรต่อไป แต่อะไรทนได้ท่านก็ควรทน เลี่ยงได้เป็นเลี่ยง! ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างการประชุม พี่ถงเองก็น่าจะเห็นแล้ว ในความเห็นของข้า พวกคนเฒ่าคนแก่พวกนี้อาจกำลังวางแผนร้ายอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นท่านต้องระวังตัวให้จงดี!”

ได้ยินหงอวี๋เอ่ยปากเตือนนางด้วยความเป็นห่วงปานนี้ เซียถงก็อดหัวเราะมิได้

ครั้งแรกที่นางมาถึงทวีปจวิ๋นเทียน ก็เป็นหงอวี๋นี่แหละที่มุ่งเป้าตามรังควานไปทั่วทุกที่ทุกเวลา แต่ในปัจจุบัน ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไปราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ หลังจากหนึ่งปีที่ได้ทำความรู้จักกัน หงอวี๋นางนี้ก็เคารพนางเสมือนพี่สาวแท้ๆ คนหนึ่ง และยังถึงขั้นสาบานเป็นพี่เป็นน้องกับอิ๋งเอ๋อร์อีกด้วย!

หงอวี๋เป็นคนที่มีบุคลิกตรงไปตรงมา ซึ่งเซียถงเองก็ใช่ว่าจะไม่ทราบว่า นางคนนี้แอบชอบจวิ๋นเส้ามาโดยตลอด ซึ่งอันที่จริง สำหรับเรื่องนี้ เซียถงเองก็เคยเปิดใจคุยกับนางไปตามตรง ทั้งยังถือโอกาสบอกให้รู้ไปเลยว่า ตนเองเป็นหญิงที่เคยแต่งงานแล้ว และไม่ได้รู้สึกอะไรกับจวิ๋นเส้าใดๆ ทั้งสิ้น!

อย่างไรเสีย คำตอบที่ได้จากหงอวี๋ในตอนนั้น ก็ได้สร้างความประทับใจแก่เซียถงเป็นอย่างมาก นางบอกว่า ไม่ว่าจวิ๋นเส้าจะชอบพอกับใคร กลับไม่สามารถควบคุมได้ แต่นางก็จะรักในแบบของนาง คือการปกครองรอยยิ้มของเขาให้คงอยู่ตลอดไป

เซียถงรู้สึกสบายใจขึ้นอย่างที่สุด และรู้สึกโชคดีนักที่มีมิตรสหายนิสัยตรงไปตรงมาเฉกเช่นหงอวี๋ และนับตั้งแต่นั้น พวกนางก็สนิทสนมกันราวกับพี่น้องกันจริงๆ

สำหรับหงอวี๋แล้ว การได้อยู่กับนางกลับไม่ต้องคิดอะไรให้ซับซ้อน หากรู้สึกอย่างไรก็จงพูดออกมาเท่านั้น

ขณะนี้เดินมาส่งจนใกล้จะถึงฝั่งท่าเรือแล้ว ทว่าจู่ๆ ฝนก็เริ่มลงเม็ดโปรยปรายลงมา

เซียถงกับหงอวี๋รีบเร่งฝีเท้าวิ่งจ้ำโดยไว แลเห็นเรือลำหนึ่งกำลังจอดเทียบท่าอยู่บนฝั่งเบื้องหน้า ปรากฏเป็นจวิ๋นเส้าที่กำลังยืนคอยอยู่ที่หัวเรือ พร้อมร่มคันหนึ่งที่กางให้ตัวเองอยู่

ไอหมอกกลั่นตัวลดระดับ ท่ามกลางม่านฉากสายฝนที่โปรยปราย ปรากฏคุณชายผู้หล่อเหลาท่านหนึ่งกำลังยืนกางร่มพร้อมอยู่ ณ หัวเรือ เหล่านี้ประดุจภาพวาดงามศิลป์ชั้นเอก บรรยายเล่าถึงภูมิทัศน์แม่น้ำทางตอนเหนือ สายพิรุณชุ่มช่ำนั้นร่วงโรย ภายใต้ไอหมอกขาวที่คลุมเครือ ยังปรากฏเงาร่างของคุณชายผู้สูงส่งท่านหนึ่ง…

ทันทีที่สายตาเซียถงสบมองภาพฉากตรงหน้า ประดุจเห็นภาพสะท้อนของไป๋หลี่หานที่กำลังยืนถือร่มพร้อมรอยยิ้มติดซ้อนเข้ารวมหลอม ฝีเท้าที่เคยออกวิ่งพลันหยุดชะงัก นางยื่นส่งยิ้มท่ามกลางสายฝนที่ตกหนักขึ้นทุกที รำพึงรำพันกับตัวเองขึ้นว่า

“เป็นเจ้าจริงด้วย? วันนี้เกิดฟ้าฝนแปรปรวนกะทันหัน ข้าเลยลืมพกร่มมาด้วย…”

“เซียถง? เซียถง!!”

ทันใดนั้นเอง เมื่อได้ยินเสียงเรียกขานจากจวิ๋นเส้าดังขึ้น เซียถงพลันสะดุ้งตื่นจากภวังค์ความคิดด้วยความตกใจ และมุ่งสายตาเขม็งมองเข้าไปใกล้ๆ ก็พบว่าชายคนนั้นกลับเป็นจวิ๋นเส้า ไม่ใช่ใครบางคนที่อยู่ไกลห่างนับหมื่นแสนลี้อย่างที่นางจินตนาการโหยหา…

“เซียถง รีบขึ้นมาได้แล้ว! นี่เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่รึ?”

จวิ๋นเส้าวิ่งตรงเข้ามาหา พร้อมส่งร่มให้แก่เซียถงและหงอวี๋

เซียถงรีบตีฝีเท้าวิ่งให้ไว กระโดดขึ้นบนเรือเสียงคลื่นกระทบกระแทกดังสะเทือน และเรือลำนี้ก็เริ่มเคลื่อนออกไปทันที!

แทบจะในพริบตาที่เงยหน้าขึ้นมา เซียถงก็สะดุดเข้ากับชายชราผู้หนึ่งที่นั่งอยู่กลางห้องโถงเรือเบื้องหน้า!

เขาคือผู้อาวุโสใหญ่แห่งสภาสูง!

[1] คุนเผิง สัตว์เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งท้องสมุทร

เพื่อเป็นการตอบแทนนักอ่านที่สนับสนุน Fictionlog เสมอมา

เราขอมอบโค้ดเหรียญทองให้เป็นของขวัญปีใหม่แก่นักอ่านผู้โชคดีที่เข้ามาอ่านนิยายในตอนนี้

*โค้ดมีจำนวนจำกัด และต้องเติมภายในวันที่ 31 มกราคม 2566

คุณนักอ่านสามารถเติมเหรียญได้ในเมนู *กรอกรหัสโปรโมชัน* ในแอปแอนดรอยด์ หรือ ในหน้ากระเป๋าเงินในเว็บไซต์ (https://fictionlog.co/i/payment)

ทั้งนี้ โค้ดเหรียญทองต้องพิมพ์เป็นตัวใหญ่ ไม่มีสัญลักษณ์อื่นนอกจาก – _ และไม่มีเว้นวรรคทั้งหน้าและหลังโค้ด

.

สวัสดีปีใหม่ ขอให้ปีใหม่นี้มีแต่สิ่งดีๆ เข้ามานะคะทุกคน ^^

PC-PC-FICGIFT_XKJ341

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

Status: Ongoing
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมอำมหิต ได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยโฉมหน้าอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!เธอคือนักฆ่ามือวางอันดับหนึ่งแห่งยุค2018 แต่กลับถูกคนที่รักและไว้ใจที่สุดซ้อนแผนและสังหารเธอทิ้งในระหว่างภารกิจหนึ่ง ส่งผลให้วิญญาณของเธอทะลุมิติไปยังโลกอื่น! ซึ่งนางคนนี้เป็นคุณหนูสายตรงแห่งจวนเสนาบดี ใบหน้าช่างอัปลักษณ์น่าเกลียด ทว่ากลับมีพรสวรรค์ในด้านการบ่มเพาะพลังที่น่าทึ่ง!ในท้ายที่สุดนางได้เสียชีวิตลงเพื่อช่วยชีวิตชายที่นางรักสุดหัวใจ และนั่นเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่วิญญาณนักฆ่าสาวสลับเข้าร่าง เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ความงดงามดั่งบุปผาซ่อนพิษซึ่งเป็นจุดเด่นของเธอได้หายไป! โลกทั้งใบที่เคยรู้จักกลับไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว! ใบหน้าอัปลักษณ์? จุดตันเถียนถูกทำลายจนกลายมาเป็นสตรีพิการบ่มเพาะพลังไม่ได้? เจ้าของร่างเก่าถูกสังหารทิ้งโดยไม่มีผู้ใดไยดี? แต่ไม่เป็นไร ทั้งทักษะการฆ่าและจิตใจของเธออันไร้เมตตายังคงอยู่ เรื่องทั้งหมดเป็นแผนการของแม่เลี้ยงกับบุตรสาวของฮูหยินรอง? ได้! ได้เลย! ทุกคนไม่ว่าใครหน้าไหนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการนี้ จะไม่มีผู้ใดสามารถหนีรอดไปได้แน่แท้! ควบคุมหมื่นอสูร หลอมกลั่นโอสถ ตียุทธ์ภัณฑ์สร้างสิ่งประดิษฐ์ แม้แต่สวรรค์ยังต้องก้มกราบข้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท