บทที่ 72 เจอคุณทีไร ต้องเหงื่อท่วมตัวอย่างนี้เสมอ
บทที่ 72 เจอคุณทีไร ต้องเหงื่อท่วมตัวอย่างนี้เสมอ
แม้แต่ซูโย่วอี๋เอง ก็ไม่มองเธอ ทั้งที่เธอเคยเป็นคนสอนซูโย่วอี๋เต้นมาก่อนนะ!
ทุกคนในทีมได้รับบทบาทของตัวเองเรียบร้อยแล้ว โดยซูโย่วอี๋แบ่งงานสำหรับการถ่ายทำโฆษณาออกเป็นกลุ่มอุปกรณ์ประกอบฉาก กลุ่มสถานที่ กลุ่มเสื้อผ้า และกลุ่มแต่งหน้า
แต่พวกเธอยังต้องการองค์ประกอบสำคัญ… แมว!
อวี๋ชิงจ้าวเสนอให้มีแมวอยู่ในวิดีโอ ตามแผนของเธอ การพบกันระหว่างหญิงสาวเย็นชากับหญิงสาวน่ารักอยู่ในจินตนาการของสาวเย็นชาเท่านั้น
วิดีโอที่จะถ่ายนี้เน้นไปที่ความสุขและความรักต้องห้าม
อย่างน้อยก็ได้ลงมือทำ แม้จะไม่สำเร็จ
ผู้ชมสามารถเข้าใจเรื่องราวได้ด้วยตัวเองเท่านั้น
เล่นเต็มที่กับคำว่า ‘คลุมเครือ’
แต่ปัญหาในตอนนี้คือพวกเธอไม่มีแมว!
เมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าทีมงานปฏิบัติต่อผู้เข้าแข่งขันแบบไร้มาตรฐาน เธอจึงตัดสินใจที่จะสื่อสารกับทีมงานของรายการด้วยตนเอง
“ในตอนบ่าย ให้ทุกคนรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองตามที่ได้ตกลงกันโดยเฉพาะกลุ่มสถานที่ ทั้งต้องใช้คนจำนวนมากและงานหนักที่สุด นำช่างภาพไปด้วยเพื่อหาสถานที่ถ่ายทำที่เหมาะสม เตรียมกุหลาบแดง โต๊ะของหวาน และของอื่น ๆ ให้พร้อม”
“พรุ่งนี้เช้า เราจะเริ่มถ่ายทำกันตรงเวลา เข้าใจไหม”
สมาชิกในทีมส่งเสียงตอบ “เข้าใจ”
[ทีมที่คืบหน้ามากที่สุด]
[ทีมที่มีไอเดียดีที่สุด]
[จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าการถ่ายทอดสดก็ดี ไม่มีใครกล้าลอกเลียนแบบความคิดของคนอื่น]
[กลุ่มของฉูรั่วฮวนแย่มาก ทุกคนต่างแข่งขันกันเพื่อเป็นลีดเดอร์ และทุกคนก็ปฏิเสธที่จะยอมรับกัน แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องง่ายที่จะมีการต่อสู้กันระหว่างผู้ที่แข็งแกร่ง]
[เฮ้ ฉันเพิ่งไปดูมา ฉูรั่วฮวนนำเสนอแผนโฆษณาที่ดีมาก]
[จริงเหรอ? ฉันจะไปดู]
หลังจากแยกย้าย ซูโย่วอี๋กลับไปที่บ้านพักเพื่อกินอาหารกลางวันและพักผ่อน
ส่วนเรื่องแมว เธอจะไปคุยกับผู้กำกับจ้าวเว่ยเฉิง
ครั้งที่แล้ว ช่างแต่งหน้าของพวกเธอมีไม่พอ ผู้กำกับจ้าวจึงจัดช่างแต่งหน้าให้พวกเธอเพิ่ม
ประสิทธิภาพของโฆษณานี้เกี่ยวข้องกับคุณภาพของรายการ นอกจากแบรนด์แล้ว ผู้กำกับจ้าวควรเป็นคนที่กังวลมากที่สุด
หลังจากตัดสินใจได้ เธอเดินไปที่สำนักงานของจ้าวเว่ยเฉิง
อาคารสีแดงเป็นบ้านพักแยกต่างหาก ใกล้กับห้องฝึกซ้อมของเด็กฝึก มันถูกใช้เป็นที่พักสำหรับทีมงาน และสำนักงานของจ้าวเว่ยเฉิงอยู่บนชั้นสูงสุด
ซูโย่วอี๋เดินไปที่ประตู เมื่อเปิดประตูก็เห็นจ้าวเว่ยเฉิงกำลังอ่านเอกสาร
หลังจากเคาะประตูอย่างสุภาพ จ้าวเว่ยเฉิงก็เงยหน้าขึ้นและรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นซูโย่วอี๋
“ทำไมคุณถึงมาที่นี่?”
อะไร?
เธอไม่ควรมาเหรอ?
ซูโย่วอี๋แตะจมูกของเธอ “ฉันมีเรื่องจะขอร้องคุณค่ะ”
จ้าวเว่ยเฉิง ตระหนักว่าคำพูดของเขากำกวม “ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น ปิดประตูก่อนเถอะ แล้วมาคุยกัน”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ซูโย่วอี๋ก็ปิดประตู
“สัญญาของเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์พร้อมแล้ว ผมกำลังขอให้ทีมงานส่งให้คุณ แต่ไม่คิดว่าคุณจะมาหาผมเอง”
“มันไม่สะดวกเลยพอไม่มีโทรศัพท์บนเกาะแบบนี้”
กลับกลายเป็นเรื่องนี้เหรอ?
“ถึงมันจะผิดกฎ แต่เนื่องจากประธานลู่เห็นความสามารถของคุณ คุณควรพยายามให้มากขึ้น แล้วอย่าให้ใครรู้เกี่ยวกับสัญญา” จ้าวเว่ยเฉิงกล่าวเสริม
ซูโย่วอี๋พยักหน้า
“คุณสามารถส่งมอบให้กับประธานลู่ได้โดยตรงหลังจากที่คุณเซ็นเสร็จแล้ว อ้อ อีกอย่าง คุณต้องการให้ผมทำอะไร?”
ซูโย่วอี๋บอกถึงจุดประสงค์ที่เธอมาในครั้งนี้
เมื่อได้ยินแบบนั้น จ้าวเว่ยเฉิงก็ไม่ปฏิเสธ เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะหาแมว แต่จะหาแมวดี ๆ ก็คงไม่ง่าย DORA ก็เป็นแบรนด์ที่หรูหรา มันไม่ดีอย่างแน่นอนที่จะเลือกแมวมาแบบสั่ว ๆ ผมจำได้ว่าประธานลู่มีแมวอยู่ที่บ้านพักเขานี่ ทำไมไม่ยืมเขาล่ะ”
หะ!
ขอยืมลู่เฉิน?
ซูโย่วอี๋ไม่แน่ใจว่าเธอได้ยินถูกหรือเปล่า “ผู้กำกับจ้าว คำแนะนำของคุณก็ดีเหมือนกัน แต่เราเริ่มเตรียมการบางอย่างแล้ว ถ้าแมวของประธานลู่ ไม่ว่าง เราก็ยังต้องถ่ายทำต่อไป”
จ้าวเว่ยเฉิงเห็นด้วย
“โอเค ๆ ฉันจะจัดการให้”
หลังจากเขารับปากจะจัดการเรื่องแมวให้แล้ว เธอก็กำลังจะจากไป
แต่จ้าวเว่ยเฉิงเรียกเธอเอาไว้ “คุณนั่งรอที่นี่ก่อน ผมบอกเจ้าหน้าที่ให้ส่งสัญญาให้ถึงมือคุณ ผมคิดว่าเธอจะกลับมาเร็ว ๆ หากไม่พบคุณ”
ซูโย่วอี๋นั่งรออยู่บนโซฟาเงียบ ๆ
เห็นได้ชัดว่าจ้าวเว่ยเฉิงยุ่งมาก หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็ไม่สนใจเธออีก และยังคงจัดการกับงานของเขาต่อไป
“ผู้กำกับจ้าว”
หญิงสาวผมสั้นเดินเข้ามาพร้อมกระเป๋าเอกสาร เธออยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่หยุดไปชั่วขณะ
จ้าวเว่ยเฉิง ไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะสนใจเธอเลย “เอาเอกสารไปให้ซูโย่วอี๋ แล้วออกไป”
สาวผมสั้นกัดริมฝีปากและไม่พูดอะไร เธอส่งเอกสารและออกจากสำนักงานไป
เธอรีบไปส่งเอกสารโดยไม่ได้มองทางเลยด้วยซ้ำ จนชนเข้ากับฉูรั่วฮวนโดยบังเอิญระหว่างทางที่มา
เมื่อเธอมองลงไปก็พบว่าเอกสารของพวกเธอตกอยู่ที่พื้นมากมาย
เธอไม่รู้ว่าฉูรั่วฮวนได้เห็นมันหรือเปล่า
ผู้อำนวยการจ้าวกำชับกับเธอว่าอย่าให้คนอื่นเห็นมันเด็ดขาด ทำไมเธอถึงทำเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ไม่ได้กันนะ
หญิงสาวได้แต่หวังว่าฉูรั่วฮวนจะไม่เห็นมัน
คงจะดูแปลกหากซูโย่วอี๋ไปไหนมาไหนพร้อมกับเอกสารในมือของเธอ เธอจึงเก็บมันที่หอพักและรีบไปที่บ้านพักของลู่เฉิน โดยไม่ได้อ่านมันอย่างละเอียด
เธอกดออดหลายครั้งแต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับ
เขาไม่ได้อยู่เหรอ?
เธอเหนื่อยมากจนหันกลับมามองเกาะทั้งเกาะ ท่ามกลางแดดแผดเผาของเดือนสิงหาคม เธอมองไปมองมาอยู่สามครั้ง ตอนนี้เสื้อผ้าของเธอเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
สุนัขจิ้งจอกจึงพูดด้วยความขยะแขยง [ซู่จู่ ดูตัวคุณสิ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า]
[ยังไงซะเขาก็เป็นผู้ชาย]
มันไม่เคยเห็นผู้หญิงที่ไม่ชอบแต่งตัวอย่างซู่จู่มาก่อน
เธอจะกลายเป็นเทพธิดาด้วยวิธีนี้ได้อย่างไร
ตอนนี้ ซูโย่วอี๋ร้อนมากจนนั่งบนพื้นคอนกรีตแล้วพูดว่า “อา ร้อนจัง”
เธอนั่งพิงประตูเหล็กของบ้านพัก
ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน
“อือ ร้อน”
ซูโย่วอี๋นั่งลงบนพื้น
อุณหภูมิสูงซะจนราวกับว่าหัวใจของเธอถูกแผดเผา
“ทำไมเจอคุณทีไร ต้องเหงื่อท่วมตัวอย่างนี้เสมอ”
มีคำตำหนิในคำพูดของเขา เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นและเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของชายหนุ่ม เธอก็ยิ่งอารมณ์เสีย
ทำไมเขาถึงหล่อตลอดเวลาราวกับหลุดออกมาจากหนังสือการ์ตูนจริง ๆ
เขาเดินเข้าไปหาเธอและยื่นมือออกไป แต่เธอกลับไม่ตอบสนอง
“ไม่ร้อนเหรอ?”
ใบหน้าของซูโย่วอี๋แดงจัด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแดดหรือความเขินอายกันแน่
ด้วยความช่วยเหลือจากลู่เฉิน เธอลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวไม่อยากเข้าไปในบ้านพักและอยู่กับเขาตามลำพัง
“ประธานลู่ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอกคุณ”
“คุณเซ็นสัญญาแล้วเหรอ”
“เอ่อ… ยัง”
หลังจากหยุดครู่หนึ่ง เขาพูดต่อ “ถ้าคุณไม่ต้องการเข้าไปข้างใน เราคุยกันใต้ต้นไม้ก็ได้”
ดี
ในที่สุดเธอก็รู้สึกเย็นขึ้น
ซูโย่วอี๋ปาดเหงื่อบนหน้าฝากของเธอแล้วพูดว่า “ประธานลู่ฉันได้ยินมาว่าในบ้านของคุณเลี้ยงแมว ทีมของเราต้องการยืมมันไปถ่ายโฆษณาน้ำหอมน่ะค่ะ”
“ใครบอกคุณว่าผมเลี้ยงแมว?”
ซูโย่วอี๋อ้ำอึ้ง
นี่มันเรื่องสำคัญเหรอ?
สิ่งสำคัญคือธอต้องการยืมแมวไม่ใช่เหรอ?
หรือลู่เฉินไม่ต้องการให้ยืมมัน?