บทที่ 292 อันดับต่ำสุด
บทที่ 292 อันดับต่ำสุด
ซูโย่วอี๋เชิดคางขึ้นและมองไปยังที่ไกล ๆ จากนั้นถนนโค้งริมทะเลสาบก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นรอบ ๆ ตัวเธอ เป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับพืชน้ำสีเขียวชอุ่ม
ฝูงนกโบยบิน
ระบบคลิกและเลือกหยุดอยู่ที่ช่วงเวลานี้
รูปภาพที่พึ่งถ่ายไปเมื่อครู่นี้ปรากฏขึ้นบนผนัง ภาพนั้นชัดเจนมาก
ใบหน้าของซูโย่วอี๋ถูกต้นหญ้าบังเอาไว้ครึ่งหน้าพอดี
เธอจับจ้องไปที่รูปภาพอยู่พักใหญ่ ๆ มันดูสวย แต่เหมือนยังขาดอารมณ์ไป
เธอจึงถ่ายรูปต่อไปอีก 2-3 ภาพ ซึ่งซูโย่วอี๋ล้วนไม่ค่อยพอใจกับมันเท่าไหร่
สุนัขจิ้งจอกกระโดดออกมา [ซู่จู่ การถ่ายภาพไม่ใช่แค่โพสต์ท่าทางของร่างกายคุณเท่านั้น แต่จะต้องส่งอารมณ์และความรู้สึกออกมาด้วย]
[คุณอยากให้คนที่ได้ดูนิตยสารที่เห็นรูปภาพของคุณแล้วรู้สึกยังไงเหรอ?]
[เป็นพนักงานออฟฟิศผู้หญิงที่เดินอยู่บนถนนในนิวยอร์กอย่างมีความสุข เป็นคนที่กำลังพูดกับเพื่อนอย่างสบาย ๆ ในร้านกาแฟแต่พอต้องทำงานก็เป็นคนเคร่งเครียดและจริงจัง]
[คุณจะต้องทำตัวให้กลมกลืนกับฉากโดยรอบ]
ทันใดนั้นซูโย่วอี๋ก็นึกขึ้นมาได้
ตอนที่เธอกำลังถ่ายรูปนั้น เธอเน้นที่ท่าทางมากเกินไป จนทำให้ลืมไปว่า ‘ความกลมกลืน’ คือสิ่งที่สวยที่สุด
“ฉันเข้าใจแล้ว มาลองอีกรอบนะ”
กลางดึกคืนนั้น ซูโย่วอี๋เปลี่ยนฉากไปแล้วกว่าสี่สิบฉาก ในที่สุดก็ตัดสินใจเลือกคอนเซปต์ในการถ่ายภาพได้
ตอนที่เธอกำลังเตรียมตัวเพื่อถ่ายเพิ่มอีก 2-3 เซ็ต และกำลังเลือกรูปภาพที่ดีที่สุดเพียงภาพเดียวอยู่นั้น
โต้วโต่วก็กระโจนเข้ามา
“เมี้ยว”
ซูโย่วอี๋หยุดชะงัก “โต้วโต่ว ตอนนี้ฉันมีเรื่องสำคัญต้องทำ แกไปรอฉันกับเจ้าจิ้งจอกเน่าข้าง ๆ ตกลงไหม?”
โต้วโต่วไม่ขยับไปไหน
สุนัขจิ้งจอกนอนลงบนเก้าอี้อย่างเบื่อหน่อย [มันอยากถ่ายรูปกับคุณน่ะ]
[พอโต้วโต่วเข้ากล้องไปด้วยก็สวยดีนะ ลองสักหน่อยไหมล่ะ?]
โต้วโต่วจึงกลายเป็นพร็อปถ่ายรูปที่ไร้อารมณ์ไปเสียอย่างนั้น
ซูโย่วอี๋มองดูภาพเซ็ตสุดท้ายด้วยความรู้สึกประสบผลสำเร็จ “ตอนนี้แค่ต้องส่งไปที่กองบรรณาธิการของ [นิตยสารรายสัปดาห์] ก็โอเคแล้ว”
สุนัขจิ้งจอกลุกขึ้นยืน คลิก 2-3 ครั้งบนหน้าจออิเล็กทรอนิกส์ เสียงแจ้งเตือนในระบบดังขึ้น
[กำลังส่ง]
[ส่งสำเร็จ]
[โอเค รูปภาพถูกส่งไปยังกองบรรณาธิการแล้ว] สุนัขจิ้งจอกตบมือ
ซูโย่วอี๋จึงพาโต้วโต่วออกไปจากพื้นที่ของระบบ หลังจากให้อาหารเสร็จก็เข้านอนไปพร้อมกัน
…
การประเมินของทีมงานในสัปดาห์ใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
เช้าตรู่วันนี้ เมื่อซูโย่วอี๋และอวี๋ชิงจ้าวมาถึงสตูดิโอ เหล่าเด็กฝึกกำลังรวมตัวกันอยู่ ซึ่งคนที่อยู่ตรงกลางวงนั้นก็คือกัวหลินหลิน
เธอมีใบหน้าแดงก่ำ ดูไม่ออกเลยว่าเธอถูกทำร้ายจนมีรอยแผลเมื่อ 2-3 วันก่อน ซึ่งดูไปแล้วอาการบาดเจ็บน่าจะดีขึ้นมากแล้ว
“ช่วงนี้อากาศเย็น มีคนเป็นหวัดหลายคน ระวังกันไว้ดี ๆ นะ”
“หลินหลิน ทำไมอยู่ดี ๆ เธอถึงได้เป็นหวัดรุนแรงขนาดนั้นได้ล่ะ การประเมินก็ไม่ได้มาเข้าร่วมนี่”
ท่าทางของกัวหลินหลินดูแข็งทื่อ “ไม่รู้สิคะ ใช่ว่าเราจะสามารถควบคุมอาการป่วยได้นี่ ทุกคนควรระวังและทำตัวเองให้อุ่นเข้าไว้นะ”
“เออ จริงสิ หลินหลิน ทำไมโจวเหมยถึงไม่มาด้วยหละ?”
“เธอมือหัก ออกจากการแข่งขันไปแล้ว”
มีเสียงถอนหายใจและความประหลาดใจของทุกคนดังขึ้น
“โจวเหมยโชคร้ายจริง ๆ เธอไปทำอีท่าไหนกัน ทำไมถึงกระดูกหักได้ล่ะ?”
“แน่ใจเหรอ?”
“น่าเสียดายจัง การแสดงของโจวเหมยแข็งแรงมากเลยนะ”
ทุกคนแสดงความเสียใจไปได้ไม่กี่ประโยค ก็หันกลับมาปลอบใจกัวหลินหลิน “พวกเรารู้ดีว่าเธอกับโจวเหมยสนิทกันมากที่สุด อย่าเศร้าไปเลยนะ”
ซูโย่วอี๋ถอนหายใจออกมา เศร้างั้นเหรอ?
เกรงว่ากัวหลินหลินจะไม่เคยสนใจเธอเลยด้วยซ้ำ
จากนั้นทีมงานถือโทรโข่งให้เด็กฝึกทุกคนนั่งลงเพื่อเตรียมถ่ายทำ
ผู้คนพากันแยกย้าย กัวหลินหลินเดินไปยังที่นั่งของเด็กฝึกคราส A
ไป๋เหิงนั่งอยู่ในตำแหน่งเด็กฝึกคลาส A ของตัวเองเรียบร้อยแล้ว
ทั้งสองคนมองกันอยู่ห่าง ๆ
ส่วนซูโย่วอี๋เดินไปยังที่นั่งอาจารย์ พอเห็นฉากนั้นฝีเท้าก็หยุดลงอย่างไม่รู้ตัว
ดีที่สีหน้าของไป๋เหิงดูเป็นปกติ ไม่ได้หลบสายตาไปไหน กัวหลินหลินจึงเป็นผู้ที่ละสายตาไปก่อน
ซูโย่วอี๋ถอนหายใจออกมา
ทันใดนั้น อวี๋ชิงจ้าวดึงชายเสื้อของเธอ “ไปเร็ว”
“อืม”
การประเมินในสัปดาห์นี้เป็นการแข่งขันประเภททีม สมาชิกในคลาส A จะกลายเป็นหัวหน้าทีมโดยอัตโนมัติ หัวหน้าทีมจะเป็นผู้จับฉลากเพื่อกำหนดลำดับการเลือกเพลง
ก่อนที่จะเลือกเพลง ทีมงานของรายการได้เปิดเพลงให้ทุกคนฟังสั้น ๆ
เหล่าเด็กฝึกต่างพากันตื่นเต้น
“อ่า ฉันชอบเพลงนี้ ดูสดใสมาก”
“อ่า ๆ ๆ ฉันจะต้องเลือกเพลงนี้ให้ได้ ดูเซ็กซี่มาก”
“ท่าเต้นของเพลงนี้ยากมาก แต่ถ้าเต้นออกมาได้ดี เวทีต้องลุกเป็นไฟแน่ ๆ”
“กัวหลินหลินเลือกเพลง [กระโปรง] เถอะ ฉันจะอยู่กับเธอเอง”
“สไตล์เย็นชาแบบสง่างาม ชุดเหมือนไปทำงานเลยฮ่า ๆ ๆ”
“พระเจ้า ท่าเต้นในรอบนี้ยากทุกอันเลย คนที่เต้นไม่เป็นอย่างฉันจะทำยังไงดี”
บรรยากาศดูโดดเด่นขึ้นมา ทีมงานเริ่มให้หัวหน้าทีมออกมาจับฉลาก
ไป๋เหิงโชคดีมาก จับฉลากได้เป็นอันดับที่หนึ่ง สามารถเลือกเพลงได้เป็นทีมแรก
เธอคิดอยู่พักหนึ่งและตัดสินใจเลือกเพลงที่มีเสียงสูงมากที่สุด
ไป๋เหิงเลือกเพลงนี้ก็เพราะคิดกับตัวเองมาแล้ว เธอรู้ว่าความนิยมของเธอนั้นไม่ค่อยดี ในระหว่างการเป็นเด็กฝึกที่นี่ก็ไม่มีเพื่อนเลย
โดยเฉพาะตอนที่โจวเหมยทำให้ไป๋เหิงต้องอยู่คนเดียว คนอื่น ๆ จึงไม่กล้าพูดคุยกับเธอ
ไป๋เหิงกลัวมากว่าจะไม่มีใครเลือกเธอ
แม้ว่าทีมงานจะไม่มีทางยอมให้สถานการณ์แบบนั้นเกิดขึ้น ท้ายที่สุดก็จะมีการปรับจำนวนของคนในทีมเพื่อให้สมดุลกัน
แต่ไป๋เหิงก็ยังคงหวังว่าจะมีคนที่เลือกเธอเพราะบทเพลง
“ตัดสินใจเลือกเพลงได้หรือยังคะ?”
ไป๋เหิงพยักหน้า “เพลง [หุ่นเชิด] ค่ะ”
หลังจากที่เธอพูดชื่อเพลงออกมา ก็เกิดความเงียบขึ้นมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ทำไมเธอถึงเลือกเพลงนี้?”
“น่ารำคาญจริง ๆ ฉันอยากเลือกเพลงนั้น แต่ฉันไม่อยากอยู่ทีมเดียวกันกับเธอ”
“เพลงนี้จบเห่แล้วล่ะ”
มีผู้คนที่ไม่รู้เรื่องของคนวงในถามขึ้นมาเบาๆ “ไป๋เหิงทำไมเหรอ? เธอก็ดูเป็นคนดีและก็จริงใจดีนะ ร้องเพลงก็ไม่เลวเลย”
“เธอไม่รู้เหรอ?”
ซูโย่วอี๋มองดูบรรยากาศที่เกิดขึ้นในหมู่ของเด็กฝึก ก่อนจะหยิบโทรโข่งขึ้นมาเรียกหัวหน้าทีมคนที่สองออกมาเลือกเพลง
จึงเป็นการขัดจังหวะการสนทนาของทุกคน
ในมุมที่มองไม่เห็น ไป๋เหิงยิ้มเจื่อน ๆ
เพลงทั้งหกเพลงถูกเลือกเสร็จอย่างรวดเร็ว
พิธีกรเดินไปที่กลางเวทีพร้อมกับรอยยิ้ม
“ตอนนี้ขอเชิญหัวหน้าทีมทั้งหกคนยืนด้านหลังของป้ายเพลงได้เลยค่ะ และให้ทุกคนเลือกทีมของตัวเอง จำนวนคนในทุก ๆ ทีมห้ามเกินแปดคนนะคะ”
เสียงพูดนั้นจบลง เหล่าเด็กฝึกพุ่งตัวไปยังหัวหน้าและเพลงที่ตัวเองชื่นชอบอย่างกับวิ่ง 100 เมตร
มีคนเลือกทีมของกัวหลินหลินเต็มไปหมด จนแถวยาวเหยียด
เธอยิ้มอย่างเขิน ๆ “จำนวนคนเกินแล้ว คงต้องมีบางคนที่ไม่ได้อยู่ทีมของฉัน ทีมอื่น ๆ ยังพอมีที่ว่างอยู่ พวกเธอรีบไปเลือกเพลงที่ตัวเองชอบเถอะ”
แต่ทุกคนกลับไม่ยอมออกไปเลย
กลับกัน ทีมของไป๋เหิง จำนวนคือแปดคน แต่กลับมีแค่สามคนที่มายืนอยู่ด้านหลังของเธอ
ไป๋เหิงหันหน้ากลับไปส่งยิ้มอย่างเขินอายให้กับสมาชิกของตัวเอง ขอแค่มีคนก็ดีแล้ว
พิธีกรมองดูคร่าว ๆ “ตอนนี้การเลือกทีมจบลงแล้ว ทีมที่มีจำนวนเกินแปดคน ให้หัวหน้าทีมเป็นผู้เลือกสมาชิกได้เลย”
ทีมแรกที่ต้องทำการเลือกคนออกก็คือทีมที่เป็นที่นิยมมากที่สุดอย่างทีมของกัวหลินหลิน!
กัวหลินหลินพูดอย่างรู้สึกผิดพร้อมกับทำหน้าขอโทษ หลังจากนั้นก็กำจัดเด็กฝึกสามคนที่มีความสามารถน้อยที่สุดออก
นอกจากนั้น ยังมีอีกสองทีมที่มีจำนวนคนเกิน และก็ต้องทำการตัดคนออก
เด็กฝึกส่วนใหญ่ที่ถูกตัดออกคือคนที่มีความสามารถไม่ดีพอ
และคนเหล่านี้จะต้องเข้าร่วมทีมของไป๋เหิง
กัวหลินหลินมองไปยังทีมของไป๋เหิงอย่างใจเย็น พร้อมกับคำพูดเยาะเย้ยในใจ
หึ พวกอันดับต่ำสุด