สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! – ตอนที่ 188 บาดเจ็บทั้งสองฝ่าย

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

“สวรรค์ อวี๋ท่านบาดเจ็บหรือ!”

เมื่อเห็นเลือดบนมือ ดวงตาคู่งามของเล่อเหยาเหยาเบิกกว้าง ในใจรู้สึกเจ็บปวด ก่อนพลันเอ่ยอย่างตกใจ

ดวงตามองลงไปที่ร่างเขา

เพราะเหลิ่งจวิ้นอวี๋สวมชุดสีดำ เมื่อครู่เธอจึงไม่สังเกตเห็น ตอนนี้เมื่อมองดูใกล้ๆ เล่อเหยาเหยาจึงพบว่าบริเวณช่องท้องของเหลิ่งจวิ้นอวี๋มีรอยแผลจากคมกระบี่

เลือดอุ่นๆ นั้นไหลซึมออกมาจากบาดแผลนี้ของเขา

เมื่อเห็นภาพบาดตาน่าตกใจเช่นนี้ เล่อเหยาเหยาปวดใจ และใจสลาย

น้ำตาเม็ดโตนั้นเอ่อทะลักขึ้นมาจากดวงตาอย่างรวดเร็ว ก่อนไหลกลิ้งไปมา สุดท้ายกลายเป็นหยดน้ำตาแวววาวไหลรินลงมาจากดวงตาเธอไม่หยุด

“อวี๋ เป็นเพราะข้า หากไม่ใช่เพราะมาช่วยข้า ท่านคงไม่บาดเจ็บ ทั้งหมดเป็นเพราะข้า สวรรค์ เมื่อครู่ท่านล้มลงยังปกป้องข้า จนข้ากดทับที่บาดแผลของท่าน เจ็บมากหรือไม่ ข้าขออภัย ขออภัย”

เล่อเหยาเหยาเอ่ยทุกประโยค พร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินลงมา

น้ำตาแวววาวนั้น ทำให้เธอดูสะอาดบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น

และทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋มองอย่างปวดใจ

จึงค่อยๆ ยื่นมืออกไปลูบใบหน้าเล็กนุ่มนิ่มของเล่อเหยาเหยาอย่างอ่อนโยน เหลิ่งจวิ้นอวี๋ใบหน้าจึงซีดเซียว เพราะเสียเลือดมากเกินไป ทว่าค่อยๆ ยิ้มชวนหลงใหลออกมา ก่อนจะเผยอริมฝีปากเอ่ยอย่างแหบพร่า

“เด็กโง่ ไม่ใช่ความผิดของเจ้า อย่าร้องไห้อีกเลย ร้องไห้จนเลอะเทอะไม่น่ามองแล้ว”

“อวี๋”

เมื่อเห็นเหลิ่งจวิ้นอวี๋ยังปลอบโยนตนทั้งที่ได้รับบาดเจ็บ เล่อเหยาเหยาที่สับสนวุ่นวายจึงซาบซึ้งใจ ก่อนจะยิ่งร้องไห้หนักขึ้น

แต่ทันใดนั้น ทางด้านหลังเธอออกไปไม่ไกล กลับมีเสียง ‘ตุ้บ’ ดังขึ้น คล้ายเสียงสิ่งที่มีน้ำหนักมากตกลงมา

เล่อเหยาเหยาได้ยิน มองไปยังที่มาของเสียงนั้น

เห็นเพียงซือมู่หานที่เมื่อครู่ยังยืนอยู่ตรงนั้น เวลานี้กำลังล้มลงบนพื้น

ทว่าใบหน้าเขากลับหันมองมาทางนี้ จ้องมองมาที่เธอ

ภายในดวงตาหงส์งดงามนั้น แฝงไปด้วยความโศกเศร้า ลุ่มหลง โกรธแค้น หลากหลายซับซ้อน ทำให้เล่อเหยาเหยามองอย่างไม่สบายใจ

ทันใดนั้น หูกลับได้ยินเสียงทุ้มต่ำของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ดังขึ้น

“ข้าโดนเขาฟันหนึ่งกระบี่ ทว่าเขาก็ขยับไปที่ใดไม่ได้เช่นกัน!”

“เอ่อ”

เมื่อรับรู้ถึงความดูถูกดูแคลนในน้ำเสียงของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยาเพียงเม้มริมฝีปากแดงแน่นชั่วครู่

แต่ทันใดนั้น มีเงาร่างสองร่างรีบร้อนพุ่งออกมาจากทุ่งดอกเหมย เล่อเหยาเหยาหันหน้าไปมอง เห็นคนที่กำลังรีบร้อนมาคือเหม่ยและซิง

“ท่านอ๋อง เป็นเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ!”

“ท่านอ๋อง ไม่เป็นอะไรนะพ่ะย่ะค่ะ!”

เหม่ยและซิงรีบร้อนเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นเลือดบนมือของเล่อเหยาเหยา และบาดแผลบริเวณท้องของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ หัวคิ้วต่างขมวดมุ่น

สุดท้ายเหม่ยและซิงได้สติกลับมา จากนั้นปิดบาดแผลห้ามเลือดให้แก่เหลิ่งจวิ้นอวี๋ ก่อนมองไปที่ซือมู่หานที่ยังมีชีวิตอยู่ไม่ไกล ก่อนตวัดกระบี่ลุกยืนขึ้น พร้อมเอ่ยว่า

“ท่านอ๋อง ตอนนี้ข้าสังหารมันเอง!”

“ใช่แล้ว สังหารเจ้าลัทธินอกรีตผู้นี้ เพื่อกำจัดภัยให้แก่ราษฎร!”

ซิงที่อยู่ด้านข้างก็เอ่ยขึ้น ก่อนจะกัดฟันกรอดมองไปยังซือมู่หาน

เพราะเรื่องเลวทรามที่ลัทธินอกรีตทำทั้งหมด ทำให้ทุกคนบนโลกนี้ต่างคิดสังหารพวกเขา และตอนนี้ซือมู่หานก็ได้รับบาดเจ็บ หากจะสังหารเขา ตอนนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีที่สุด

ทุกคนต่างเข้าใจถึงเรื่องนี้ เพราะเจ้าลัทธินอกรีตที่มีวรยุทธ์สูงส่งผู้นี้ ทำเรื่องเลวทรามมามากมาย ตอนนี้ถือเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง ทุกคนจึงต่างไม่อยากพลาดมันไป

ทว่าเมื่อเห็นซิงและเหม่ยถือกระบี่คมกริบไว้ในมือ เดินเข้าไปใกล้ซือมู่หานทีละก้าว เล่อเหยาเหยากลับอดทำใจไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อเห็นซือมู่หานล้มกองอยู่บนพื้น ไม่ขยับตัว แต่ดวงตาหงส์งดงามคู่นั้นกลับมองมาทางเธอ คล้ายกับทุกคนต่างเป็นธาตุอากาศ

ไม่สนเหม่ยและซิงที่กำลังถือกระบี่ยาวไว้ในมือ เดินตรงเข้าไปใกล้เขา

“ไม่…”

เล่อเหยาเหยาร้องตกใจเสียงเบา

แม้เธอจะรู้ว่าชายผู้นี้ทำเรื่องเลวทรามมามากมาย แต่เธอไม่อาจเห็นเขาตายไปต่อหน้าเธอได้

เมื่อนึกถึงสองวันก่อนที่ได้ใกล้ชิดกับเขา และรอยยิ้มดุจเด็กน้อยของเขา ในใจเล่อเหยาเหยาฝืนทนไม่ได้

แต่ทางเหม่ยและซิงนั้น ไม่ได้ยินคำพูดของเธอ ชูกระบี่ในมือขึ้น

ภาพตรงหน้าคือกระบี่ยาวคมกริบนั้นกำลังจะฟันลงที่ซือมู่หาน

เล่อเหยาเหยาทนไม่ได้จึงปิดตาลงไม่กล้ามอง

ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนั้น เล่อเหยาเหยาคิดว่าจะได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้น คิดไม่ถึงกลับมีเสียง ‘เคร้ง’ ดังขึ้น ราวกับเป็นเสียงอาวุธกระทบกระทั่งกัน

เมื่อได้ยินเล่อเหยาเหยาพลันตกใจ จึงลืมตาขึ้น ก่อนมองไปยังที่มาของเสียงอาวุธนั้นอย่างสงสัย

เห็นเพียงภายในทุ่งดอกเหมยมีเงาร่างปรากฎขึ้นมาเพิ่มอีกสองคนไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด

และสองคนนั้นมิใช่ใครอื่น แต่เป็นหงหลัวชางและชิงเฟิง!

เห็นเพียงชิงเฟิงถือดาบขนาดใหญ่ไว้ในมือ กำลังต่อสู้พัวพันอยู่กับเหม่ย ส่วนหงหลัวชางกลับพุ่งมาที่ข้างกายซือมู่หาน ก่อนประคองเขาขึ้นมา ใบหน้างดงามนั้นเพราะอาการบาดเจ็บของซือมู่หานจึงซีดเซียว ขมวดคิ้วแน่น จึงรู้ว่าเธอห่วงใยซือมู่หานยิ่งนัก

“นายท่าน ท่านไม่เป็นนะ นายท่าน ท่านอย่าทำให้ข้าตกใจสิ”

สำหรับเสียงเรียกที่วิตกกังวลของหงหลัวชาง ซือมู่หานทำราวกับไม่ได้ยิน เพราะดวงตาหงส์คู่งามของเขา ไม่ละไปจากเล่อเหยาเหยาแม้แต่นิดเดียว

สีหน้าโดดเดี่ยว แววตาโศกเศร้าเสียใจของเขา ทำให้เขาดูดุจสัตว์ร้ายตัวน้อยที่บาดเจ็บตัวหนึ่ง เล่อเหยาเหยาจึงทนมองไม่ได้

อาจเพราะรับรู้ถึงความผิดปกติของซือมู่หาน หงหลัวชางจึงมองตามสายตาของเขาไป เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยา ดวงตาคู่งามซ่อนเร้นเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่รุนแรง

ความเกลียดชังนั้น ดุจงูพิษร้ายตัวหนึ่งกำลังพ่นพิษออกมา จึงมองดูน่าหวาดกลัว

เล่อเหยาเหยาไม่ใช่ไม่รับรู้ถึงความเกลียดชังที่หงหลัวชางมีต่อตน เพราะหงหลัวชางรักซือมู่หาน ตอนนี้เห็นท่าทางเช่นนี้ของซือมู่หาน เธอเกลียดชังถือว่าสมควรแล้ว

สายตาดุร้ายน่าหวาดกลัวของเธอนั้น ยังทำให้เล่อเหยาเหยารู้สึกเห็นใจอีกด้วย

แต่ทันใดนั้น หงหลัวชางนั้น สุดท้ายกักเก็บความเกลียดชังของตนเอาไว้ไม่ได้ ถือกระบี่ยาวพุ่งตรงมาที่เล่อเหยาเหยาอย่างรวดเร็วปานลมกรด

“หญิงแพศยา ข้าจะสังหารเจ้า!”

“อา!”

เมื่อเห็นท่าทางของหงหลัวชาง เล่อเหยาเหยาตกใจอย่างหนัก

เธอยังไม่ทันตั้งตัว ซิงที่อยู่ด้านข้างยิ้มเย็นให้แก่หงหลัวชาง ก่อนเอ่ยอย่างดูแคลนว่า

“นางมารหง คิดทำร้ายพระชายาของพวกเรา ต้องข้ามศพข้าไปก่อน!”

เอ่ยจบ เห็นซิงเคลื่อนไหวกระบี่ ดุจมังกรคะนอง เข้าไปพัวพันกับหงหลัวชางอย่างรวดเร็ว

หงหลัวชางมีฝีมือแปลกประหลาด ลงมือโหดเหี้ยม แต่วรยุทธ์ของซิงก็ไม่ธรรมดา เพราะเป็นหนึ่งในลูกน้องที่มีความสามารถที่สุดของพญายม เมื่อเผชิญหน้ากับหงหลัวชาง จึงยากที่จะพ่ายแพ้!

ดังนั้น ซิงและหงหลัวชางพลันประมือกันสิบกว่ากระบวนท่า ต่อสู้กันจนกว่าจะรู้ผลแพ้ชนะ

แต่เล่อเหยาเหยาไม่มีเวลาสนใจสี่คนที่กำลังต่อสู้กันทางนั้น เพราะเวลานี้ความสนใจทั้งหมดของเธออยู่ที่เหลิ่งจวิ้นอวี๋

แม้เมื่อครู่เหม่ยจะห้ามเลือดแล้ว แต่เล่อเหยาเหยายังเห็นบาดแผลลึกนั้น คลับคล้ายว่ายังสามารถเห็นสำไส้ที่อยู่ภายใน จึงน่าตกใจยิ่งนัก

เพียงคิดก็รู้ว่ากระบวนท่าเมื่อครู่ของซือมู่หาน หมายคร่าชีวิตของเหลิ่งจวิ้นอวี๋

แม้จะถูกเหลิ่งจวิ้นอวี๋หลบได้อย่างหวุดหวิด แต่กลับบาดเจ็บหนัก จนไม่สามารถขยับตัวได้

ก่อนหน้านี้ เล่อเหยาเหยาไม่เข้าใจว่าสิ่งใดคือยอดฝีมือ ตอนนี้ในที่สุดเธอจึงเข้าใจว่ายอดฝีมือ สิ่งสำคัญคือความเร็วและแม่นยำ และคร่าชีวิตในกระบี่เดียว!

เหลิ่งจวิ้นอวี๋และซือมู่หานต่างเป็นหนึ่งในยอดฝีมือ เมื่อลงมือจึงย่อมรุนแรงกว่าคนทั่วไป

เมื่อเห็นอาการบาดเจ็บของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยาใจแทบสลาย

แม้ใบหน้าเหลิ่งจวิ้นอวี๋จะไม่แสดงความเจ็บปวดใดออกมา แต่จากใบหน้าซีดเซียวดูอ่อนแรงนั้น เล่อเหยาเหยารู้ว่าความจริงเขาเจ็บปวดอย่างมาก ทว่ากลับฝืนทนไว้เท่านั้น

เพราะไม่ว่าผู้ใดถูกฟัน และยังแผลลึกขนาดนี้ จะมีผู้ใดไม่รู้สึกเจ็บปวด!

พอคิดถึงตรงนี้ ในใจเล่อเหยาเหยากระตุกอย่างรุนแรง และเจ็บปวดยิ่งนัก!

น้ำตานั้น คล้ายน้ำท่วมทะลักจนเขื่อนแตก ไหลรินลงมาไม่หยุด ก่อนหยดลงบนกายของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ทีละหยด

“อย่าร้องเลย เปิ่นหวางไม่เป็นไร”

“ฮือๆ ท่านยังจะบอกว่าไม่เป็นไรอีกหรือ เจ็บหนักขนาดนี้ เป็นเพราะข้า ท่านไม่ควรขึ้นมาที่นี่ มิฉะนั้นคงไม่บาดเจ็บเช่นนี้”

เมื่อเห็นเหลิ่งจวิ้นอวี๋บาดเจ็บอย่างหนัก เล่อเหยาเหยายิ่งโทษตนเอง จึงร้องไห้หนักขึ้น

เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยาร้องไห้ดุจดอกแพร์กลางสายฝน งดงามจับใจเช่นนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋มองอย่างสงสารและปวดใจ

“เด็กโง่ หากเปิ่นหวางไม่มา เปิ่นหวางคงเสียใจไปตลอดชีวิต!”

เสียงทุ้มต่ำแหบพร่าของชายหนุ่ม แม้จะได้รับบาดเจ็บอย่างหนักเช่นนี้ทว่ายังคงมีเสน่ห์น่าดึงดูดเช่นเดิม

คล้ายกลับสุราชั้นดีที่หมักไว้นานปีเพิ่งเปิดผนึกออก ทำให้คนรู้สึกมัวเมา!

เมื่อได้ยิน หัวใจเล่อเหยาเหยาเอ่อล้นด้วยความซาบซึ้ง สายตาที่มองเหลิ่งจวิ้นอวี๋เต็มไปด้วยน้ำตา ทว่ากลับปิดบังความรักและซาบซึ้งใจไว้ไม่มิด

ชายผู้นี้ ช่างรักเธอเหลือเกินจริงๆ!

รักเธอ จนไม่สนใจชีวิตของตน!

เธอเหตุใดจึงโชคดีเช่นนี้ ถูกชายที่เพรียบพร้อมเช่นนี้รัก ช่างเป็นวาสนา ชะตาจากชาติปางก่อนเสียจริง!

ขณะเล่อเหยาเหยาซาบซึ้งในใจ เธอจึงสบตากับเหลิ่งจวิ้นอวี๋ด้วยความรัก ภาพนี้มองแล้วช่างงดงามและน่าประทับใจยิ่ง!

คล้ายกับภาพวาดอันงดงามโดดเด่นภาพหนึ่ง ทำให้คนตกตะลึง!

แต่ภาพอันงดงามโดดเด่นนี้ ในสายตาของบางคนกลับช่างบาดตา!

เมื่อเห็นภาพการจ้องมองตาที่มีเพียงข้าและเจ้าตรงหน้า ซือมู่หานรู้สึกเพียงกลิ่นคาวในลำคอกำลังตีขึ้นมา

หัวใจคล้ายถูกคนฉีกทึ้งจนขาดเป็นสองส่วน

ดังนั้น ซือมู่หานจึงเผยอริมฝีปากแดงร้องเรียกเบาๆ ออกมา

“ซินเอ๋อร์”

เสียงเรียกแฝงด้วยความอ่อนแรงและเศร้าโศก ดุจเมิ่งเจียงหนี่ออกตามสามีหมื่นลี้อย่างโศกเศร้าเสียใจ ทำให้คนฟังต่างประทับใจ

แต่หลังจากได้ยินคำพูดของซือมู่หาน เล่อเหยาเหยาเหลือบมองมาเล็กน้อย ก่อนสบเข้ากับดวงตาหงส์คู่งามที่เต็มไปด้วยการรอคอยเสียใจของซือมู่หาน จึงอดเม้มริมฝีปากแดงไม่ได้ พร้อมเอ่ยอย่างใจร้ายว่า

“ซือมู่หาน ท่านจำคนผิดแล้ว ข้าไม่ใช่ซินเอ๋อร์ของท่านจริงๆ ข้าคือเล่อเหยาเหยา คนที่ข้ารักคือเขา ไม่ใช่ท่าน ท่านตื่นเสียทีเถิด!”

“ไม่ ซินเอ๋อร์ ข้าไม่ได้จำคนผิด เจ้าคือซินเอ๋อร์ เป็นผู้หญิงที่ข้ารักที่สุด ซินเอ๋อร์ข้าทำผิดสิ่งใดหรือ เจ้าให้อภัยข้าได้หรือไม่ กลับมาอยู่ข้างกายข้าเถิด ข้าจะรักทะนุถนอมเจ้าเป็นอย่างดี เจ้ากลับมาเถิด!”

Next

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

Status: Ongoing
เมื่อเด็กสาวจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดข้ามเวลามายุคโบราณ อยู่ในร่างขันทีที่เป็นสตรีปลอมตัวมา ทว่าต้องปรนนิบัติพญายมผู้เกลียดชังผู้หญิงยิ่งกว่าสิ่งใด… งานนี้จะมี ‘รัก’ หรือมี ‘รอด’ กันนะ!นิยายแปลจีนโบราณ โรแมนติก-คอเมดี้ สุดฟิน จิกหมอนไปขำไป!จู่ๆ ‘เล่อเหยาเหยา’ เด็กสาวที่ข้ามเวลามาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดฟื้นขึ้นมาในร่างของผู้หญิงที่ปลอมตัวเป็นขันที ใช้ชีวิตอยู่ในยุคเทียนหยวนที่ไม่มีบันทึกในประวัติศาสตร์แถมยังได้รับหน้าที่ปรนนิบัติ ‘เหลิ่งจวิ้นอวี๋’ ท่านอ๋องแห่งวังรุ๋ยอ๋องผู้ที่อารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แย้มยิ้มสนทนาขณะสังหารคนโดยไม่กะพริบตา จนทุกคนต่างขนานว่า ‘พญายม’ทั้งยังมีเสียงเล่าลือกันอีกว่า รุ่ยอ๋องคนนี้เกลียดชังผู้หญิง ชนิดที่ห้ามผู้หญิงเข้าใกล้เกินห้าก้าว!ทว่า วันหนึ่งพญายมเกิดสนใจในตัวเธอขึ้นมาเธอจะทำเช่นไร เพื่อรักษาชีวิต และความลับที่ว่าแท้จริงแล้วเธอคือ ‘ผู้หญิง’…รวมไปถึง เรื่องที่จู่ๆ ผู้หญิงในร่างขันทีน้อยคนนี้เกิดตั้งครรภ์โดยไม่คาดคิดได้เสียนี่!สวรรค์! ได้โปรดให้ฟ้าผ่าแล้วพาเธอกลับไปโลกเดิมที!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท