คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 230 นี่เป็นบัตรเชิญที่มู่เฮ่อชิงให้ด้วยตัวเอง

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

มู่เฉินโจวไม่ได้รู้สึกว่าการกระทำของเขาไม่ถูกต้องอะไร

เดิมทีคนที่จะเข้าร่วมงานเต้นรำครั้งนี้ได้ก็ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าเกิดในตระกูลเศรษฐี

ก่อนงานเลี้ยงจะเริ่มคุณนายมู่ได้เอาใบรายชื่อของตระกูลน้อยใหญ่มาให้เขาโดยเฉพาะ

มีตระกูลอิ๋งจริง

แต่ตระกูลอิ๋งก็มีเพียงจงมั่นหวา อิ๋งเย่ว์เซวียน และอิ๋งเทียนลี่ว์ที่ได้รับเชิญ

อิ๋งเจิ้นถิงไม่อยู่ฮู่เฉิง และก็กลับมาไม่ได้ ตอนร่างรายชื่อจึงไม่นับเขาเข้ามาด้วย

รายชื่อของตระกูลอิ๋งก็ย่อมเป็นจงมั่นหวาที่ส่งไป

ตอนนั้นมู่เฉินโจวยังรู้สึกแปลกใจอยู่ว่า อิ๋งจื่อจินถูกตระกูลจงเอาใจขนาดนั้น ทำไมจงมั่นหวาถึงละเลยเธอเพียงคนเดียว

จากนั้นเขาถึงได้รู้จากปากของจงมั่นหวาว่า ตระกูลอิ๋งขับไล่อิ๋งจื่อจินออกไปแล้ว

เดิมทีมีสถานะเป็นเพียงลูกเลี้ยง พอออกจากตระกูลอิ๋งก็เท่ากับหมดวาสนากับแวดวงระดับสูงของฮู่เฉิงแล้ว

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า ตรงทางเข้าโรงแรมควีนมีป้ายแขวนไว้ ไม่มีทางที่อิ๋งจื่อจินจะไม่เห็นว่าเย็นนี้ที่นี่ถูกเหมาจัดงานไว้แล้ว

แน่นอนว่าถ้าเป็นงานเต้นรำที่ตระกูลเศรษฐีในฮู่เฉิงจัดกันเอง ใครจะเข้ามาก็ไม่ได้เกี่ยวกับเขา

แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตี้ตู ห้ามเกิดเหตุการณ์วุ่นวายเป็นอันขาด

พนักงานโรงแรมมองตามมือของมู่เฉินโจวที่ชี้อยู่ เขาอึ้งไปก่อน ไม่ค่อยแน่ใจ “คุณผู้หญิงคนนั้นเหรอครับ”

“ใช่” มู่เฉินโจวพยักหน้า “ถ้าเธอไม่เข้ามาคุณก็ไม่ต้องสนใจ”

พอพนักงานขานรับเสร็จก็เห็นเด็กสาวเดินมาที่หน้าประตูทางเข้า

ประตูกระจกเป็นแบบอัตโนมัติ เมื่อตรวจจับได้ว่ามีคนมาก็เปิดโดยอัตโนมัติ

พนักงานโรงแรมนึกถึงคำสั่งของมู่เฉินโจวจึงรีบเข้าไปขวางหน้าประตูไว้ “คุณผู้หญิงครับ ที่นี่กำลังจัดงาน มีแต่คนใหญ่คนโตมาทั้งนั้น คุณเข้าไม่ได้นะครับ”

เท้าของอิ๋งจื่อจินหยุดชะงัก เธอมองพนักงานก่อน

จากนั้นสายตาก็เคลื่อนไปยังมู่เฉินโจวที่อยู่ห่างออกไปห้าหกเมตร

ในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาทีเธอก็ละสายตากลับมา

มู่เฉินโจวกลับสังเกตเห็นได้ว่าเด็กสาวส่งสายตาดูถูกมาที่เขา

ราวกับรู้อะไรบางอย่าง

มู่เฉินโจวขมวดคิ้ว เขาเดินออกมา

เขายังคงมีท่าทีสุภาพรักษามารยาท แต่น้ำเสียงกลับเย็นชา “ผมสั่งเขาเอง ถ้าคุณไม่พอใจอะไรก็ว่าผมได้ ไม่จำเป็นต้องไปลงกับคนทำงาน”

เขารู้ว่าอิ๋งจื่อจินเป็นคนที่เอะอะก็ลงไม้ลงมือ

“พูดเกินไปแล้วค่ะ” อิ๋งจื่อจินเงยหน้า เป็นครั้งแรกที่สนใจมู่เฉินโจว น้ำเสียงของเธอยังคงเย็นชาเช่นเคย พูดอย่างใจเย็น “อารมณ์เสียไม่ดีต่อสุขภาพ ไม่จำเป็น”

ไม่มีทางที่มู่เฉินโจวจะตีความคำพูดนี้ไม่ออก

เขายังไม่คู่ควรให้เธอต้องอารมณ์เสีย

ใช้ชีวิตอยู่ในตี้ตูมานานขนาดนี้ มู่เฉินโจวย่อมเคยได้คลุกคลีกับบรรดาคุณหนูไฮโซอยู่ไม่น้อย

แต่ไม่มีสักคนเดียวที่พูดจาเหมือนอิ๋งจื่อจิน

“คุณรู้ใช่ไหมว่าที่นี่จัดงานเต้นรำ” มู่เฉินโจวชี้ป้ายที่ตั้งอยู่ด้านข้าง “ผมขอเชิญคุณออกไปตอนนี้ ผมหวังดี อย่างน้อยตอนนี้คนก็ยังไม่เยอะ”

“เดี๋ยวพองานเริ่มมีการตรวจบัตรเชิญขึ้นมา ถ้าคุณไม่มีจะถูกไล่ออกไป”

มู่เฉินโจวพูดด้วยน้ำเสียงที่ความดังปกติ ทำให้พวกคุณชายที่ก่อนหน้านี้เขาคุยด้วยต่างก็ได้ยิน

พวกเขามองมาด้วยความสงสัย เมื่อสายตามองมาที่อิ๋งจื่อจินต่างก็ตะลึงอย่างอดไม่ได้

หนึ่งในนั้นเดินเข้ามา “คุณชายมู่ มีอะไรเหรอ”

“ก็ไม่ใช่ใครหรอก” น้ำเสียงของมู่เฉินโจวเรียบเฉย “แค่คนที่อยากอาศัยจังหวะที่ตอนนี้ไม่มีใครสนใจมาตีเนียนเข้างานน่ะ”

พอคุณชายคนนั้นได้ฟังก็ส่ายหน้า “น้องสาว งานเต้นรำครั้งนี้ไม่ใช่งานเต้นรำธรรมดา สำคัญมากทีเดียว ถ้าเป็นงานอื่นก็ยังพออนุโลมให้เข้าไปได้อยู่นะ”

พวกคนที่อยู่แถวทางเข้าจะไม่สังเกตเห็นก็คงไม่ได้

“แม่คะ นั่นน้องจื่อจินไม่ใช่เหรอคะ” ที่ด้านนอก ทันใดนั้นอิ๋งเย่ว์เซวียนที่กำลังเดินขึ้นบันไดก็ดึงแขนเสื้อของจงมั่นหวา “ดูเหมือนจะถูกขวางไว้ด้วยค่ะ”

รอยยิ้มบนใบหน้าจงมั่นหวาชะงักในชั่วขณะ “ว่าไงนะ”

พอเธอมองไปก็เห็นคนที่ไม่อยากเจอที่สุด

ใช่ว่าจะไม่มีคนถามเธอเรื่องอิ๋งจื่อจิน ส่วนใหญ่เป็นพวกไฮโซที่อยากรู้อยากเห็น

เธอมีเกียรติ ย่อมไม่มีทางให้ตระกูลอื่นรู้ว่าอิ๋งจื่อจินออกจากตระกูลอิ๋งโดยไม่ไว้หน้าพวกเขาสักนิด

ตอนนี้ไม่ว่าเธอจะใช้วิธีไหน อิ๋งจื่อจินก็ไม่กลับมา

เธอจึงบอกคนอื่นไปว่า ตระกูลอิ๋งไล่อิ๋งจื่อจินออกไปแล้ว

“ถูกขวางก็ถูกขวางไปสิ” จงมั่นหวามีสีหน้าเย็นชา “ลูกจะไปสนใจทำไม”

แต่ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ อิ๋งเย่ว์เซวียนก็เร่งฝีเท้าเดินเข้าไปแล้ว

“คุณชายมู่ น้องสาวฉันมากับฉันค่ะ เพียงแต่พวกเราไปซื้อของ เธอก็เลยมาก่อน” อิ๋งเย่ว์เซวียนมองมู่เฉินโจวด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร “ตอนนั้นก็ไม่ได้บอกว่าห้ามพาใครมาด้วยอีกไม่ใช่เหรอคะ แล้วนี่คุณหมายความว่ายังไง”

มู่เฉินโจวอึ้ง “มากับพวกคุณจริงๆ…”

“ไม่ใช่” จงมั่นหวารีบเข้ามาพูดขัดจังหวะเขา “ฉันไม่ได้พาเธอมาด้วย”

อิ๋งเย่ว์เซวียนสีหน้าเปลี่ยน “แม่คะ!”

“เฉินโจว ไม่ต้องเห็นแก่พวกเราหรอกจ้ะ” จงมั่นหวาเอามือห้ามอิ๋งเย่ว์เซวียน “ถ้าฉันพาเธอมาจริงก็คงใส่ชื่อไปตอนส่งรายชื่อให้แล้ว”

“นั่นสินะครับ” มู่เฉินโจวครุ่นคิดเล็กน้อย หันกลับไปมองอิ๋งจื่อจินอีกครั้ง ความหมายชัดเจนมาก

“งั้นเอาบัตรเชิญของหนูให้น้องไป” อิ๋งเย่ว์เซวียนเม้มริมฝีปาก หยิบบัตรเชิญของตัวเอง “ยังไงซะหนูก็เต้นรำไม่ค่อยเป็น งั้นหนูไม่…”

“เด็กน้อย เสน่ห์แรงจริงนะ” มีเสียงพูดแซวดังมาจากด้านหลัง เสียงไม่ดังมาก แต่ก็กลบเสียงพูดของอิ๋งเย่ว์เซวียน เขาอมยิ้ม “เพิ่งแยกกับพี่ชายไม่กี่นาที ดึงดูดทั้งผู้ชายผู้หญิงเข้ามาเยอะเลยนะ”

“อ้าว คุณชายเจ็ด” คุณชายคนก่อนหน้านี้ตะลึง “ไม่เจอกันนานเลยนะ ทำไมครั้งนี้มาด้วยล่ะ”

ฟู่อวิ๋นเซินแค่พยักหน้าให้เขา ไม่ได้ตอบอะไร

เขาเดินเข้าไปหาอิ๋งจื่อจินแล้วยกมือขวาขึ้น “นี่กระเป๋า”

อิ๋งจื่อจินรับกระเป๋าเป้มาจากมือของฟู่อวิ๋นเซินแล้วสะพาย

จากนั้นเธอก็หยิบบัตรเชิญออกมาจากกระเป๋า พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ไม่ต้อง ฉันมีบัตรเชิญ”

สายตาทุกคู่ต่างมองมาที่มือของเธอ

นั่นคือบัตรเชิญของงานเต้นรำครั้งนี้จริง แต่ดูประณีตยิ่งกว่า

ดวงตาของมู่เฉินโจวเบิกโพลง

เขาอยู่ใกล้ ย่อมมองเห็นอักษรที่อยู่ล่างสุดได้อย่างชัดเจน เขียนด้วยมือตวัดเป็นอักษร ‘มู่’

ด้านบนอักษรยังประทับตราสีแดงขนาดเล็ก

ตราแบบนี้ไม่มีบนบัตรเชิญใบอื่น

มู่เฉินโจวไม่เคยเจอมู่เฮ่อชิงก็จริง แต่ไม่มีทางที่เขาจะไม่เคยเห็นลายเซ็นกับตราประทับส่วนตัวของมู่เฮ่อชิง

มู่เฮ่อชิงเป็นคนให้บัตรเชิญใบนี้ในมืออิ๋งจื่อจินด้วยตัวเอง!

สมองของมู่เฉินโจวหยุดทำงานไปชั่วขณะ ยังไม่ได้สติกลับมา

อิ๋งเย่ว์เซวียนก็อึ้ง ผ่านไปสักพักเธอถึงเก็บบัตรเชิญในมือ “ที่แท้น้องจื่อจินก็มีเหมือนกัน”

อิ๋งจื่อจินไม่ตอบเธอ และไม่ได้มองมู่เฉินโจว พอเก็บบัตรเชิญเสร็จเธอก็เดินเลี่ยงไปด้านข้าง

ฟู่อวิ๋นเซินกวาดตามองแล้วเดินตามเข้าไป

“เดี๋ยวก่อน!” มู่เฉินโจวอดไม่ได้ “คุณรู้จักปู่ผมเหรอ เขาให้บัตรเชิญคุณมาได้ยังไง”

พอคำพูดนี้ออกไป คนที่อยู่แถวนั้นต่างก็ตะลึง รวมถึงจงมั่นหวากับอิ๋งเย่ว์เซวียน

ชื่อเสียงอันโด่งดังของมู่เฮ่อชิง มีใครในประเทศจีนไม่รู้จักบ้าง

อิ๋งจื่อจินรู้จักกับมู่เฮ่อชิงเลยเหรอ!

ถ้าเธอรู้จักมู่เฮ่อชิง ยังจะอยู่ที่ฮู่เฉิงไปทำไม

ใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับตระกูลมู่ได้ย่อมไปแสวงหาความก้าวหน้าที่ตี้ตูแน่นอน

อิ๋งจื่อจินไม่หยุดเดิน เธอไปที่เคาน์เตอร์เช็กอินแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา “จองไว้เมื่อวานค่ะ ห้องเพรซซิเดนสวีท 908 แซ่อิ๋งค่ะ”

พนักงานเคาน์เตอร์ก็สังเกตดูกลุ่มคนตรงหน้าประตูทางเข้าอยู่ตลอด พอเห็นเด็กสาวเดินเข้ามาเธอก็ลุกขึ้นทันที “สวัสดีค่ะ จะจัดการให้เดี๋ยวนี้ค่ะ”

เธอกวาดสายตาตรวจสอบข้อมูลบนใบจองอย่างรวดเร็วแล้วรีบหยิบคีย์การ์ดยื่นให้

พอเห็นอิ๋งจื่อจินไม่สนใจ มู่เฉินโจวก็เม้มริมฝีปากเบาๆ

“แม่คะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนก็สงสัย “น้องเอาบัตรเชิญมาจากไหนคะ”

ตระกูลจงปฏิเสธงานเต้นรำครั้งนี้ และก็ไม่ได้มีใครมา

“ผู้เฒ่าฟู่กับนายใหญ่ที่บารมีสูงส่งท่านนั้นของตระกูลมู่ถือเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กัน” จงมั่นหวาครุ่นคิด “ได้ยินว่าเมื่อก่อนผู้เฒ่าฟู่เคยถูกเขาช่วยชีวิตไว้ ได้บัตรเชิญมาสองใบก็ไม่ใช่เรื่องแปลก”

พอได้ยินแบบนี้มู่เฉินโจวก็ถอนหายใจเบาๆ ในขณะเดียวกันก็รู้สึกโล่งอก

ฟู่อวิ๋นเซิน คุณชายเจ็ดตระกูลฟู่

อิ๋งจื่อจิน นี่ก็คือเกียรติทั้งหมดของเธอแล้ว

เหล่าคุณชายเห็นเหตุการณ์วุ่นวายก็แค่คุยสนุกไม่กี่คำแล้วก็แยกย้าย

แต่พอพวกเขาเห็นสายตาของมู่เฉินโจวก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ

แม้แต่บัตรเชิญในมือมู่เฉินโจวยังไม่มีลายเซ็นของมู่เฮ่อชิง

อิ๋งเย่ว์เซวียนเดินเข้างานไปพร้อมกับจงมั่นหวา

ผ่านไปอีกสักพักประตูอัตโนมัติก็เปิดออกอีกครั้ง

มีคนเดินเข้ามา

เป็นอิ๋งเทียนลี่ว์

เขาหอบเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ารีบร้อนมา

“พี่…” พอเห็นอิ๋งเทียนลี่ว์ อิ๋งเย่ว์เซวียนก็ดีใจมาก กวักมือเรียก “พวกเราอยู่ทางนี้ค่ะ”

คล้ายกับได้ยินเสียงของเธอ อิ๋งเทียนลี่ว์ที่กำลังมองไปรอบตัวก็หยุดชะงัก เดินไปทางเธอ

อิ๋งเย่ว์เซวียนไม่ได้เห็นหน้าอิ๋งเทียนลี่ว์มาเกือบครึ่งเดือนแล้ว พอได้เจอก็อดตื่นเต้นดีใจไม่ได้

ใบหน้าของจงมั่นหวามีรอยยิ้ม “เสี่ยวเซวียน แม่บอกแล้วว่าพี่ชายของลูกงานยุ่ง เสร็จงานเขาก็มาเอง”

อิ๋งเย่ว์เซวียนตาดี เห็นอิ๋งเทียนลี่ว์ถือถุงมาตั้งแต่แวบแรก ดีใจยิ่งกว่าเดิม “ทำไมพี่รู้ด้วยว่าฉันชอบกินขนมร้านนี้”

“โทษที” สีหน้าของอิ๋งเทียนลี่ว์ชะงัก แต่เท้าของเขากลับไม่หยุด เดินผ่านอิ๋งเย่ว์เซวียนไปหาอิ๋งจื่อจิน

เขายื่นถุงในมือให้ด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “จื่อจิน ได้ยินคุณตาบอกว่าเธอชอบกินขนมร้านนี้พี่เลยตั้งใจขับรถไปซื้อที่เมืองข้างๆ มาให้ ซื้อมาอย่างละกล่อง ลองดูนะว่าถูกปากเธอไหม”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท