มู่เฉินโจวไม่ได้รู้สึกว่าการกระทำของเขาไม่ถูกต้องอะไร
เดิมทีคนที่จะเข้าร่วมงานเต้นรำครั้งนี้ได้ก็ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าเกิดในตระกูลเศรษฐี
ก่อนงานเลี้ยงจะเริ่มคุณนายมู่ได้เอาใบรายชื่อของตระกูลน้อยใหญ่มาให้เขาโดยเฉพาะ
มีตระกูลอิ๋งจริง
แต่ตระกูลอิ๋งก็มีเพียงจงมั่นหวา อิ๋งเย่ว์เซวียน และอิ๋งเทียนลี่ว์ที่ได้รับเชิญ
อิ๋งเจิ้นถิงไม่อยู่ฮู่เฉิง และก็กลับมาไม่ได้ ตอนร่างรายชื่อจึงไม่นับเขาเข้ามาด้วย
รายชื่อของตระกูลอิ๋งก็ย่อมเป็นจงมั่นหวาที่ส่งไป
ตอนนั้นมู่เฉินโจวยังรู้สึกแปลกใจอยู่ว่า อิ๋งจื่อจินถูกตระกูลจงเอาใจขนาดนั้น ทำไมจงมั่นหวาถึงละเลยเธอเพียงคนเดียว
จากนั้นเขาถึงได้รู้จากปากของจงมั่นหวาว่า ตระกูลอิ๋งขับไล่อิ๋งจื่อจินออกไปแล้ว
เดิมทีมีสถานะเป็นเพียงลูกเลี้ยง พอออกจากตระกูลอิ๋งก็เท่ากับหมดวาสนากับแวดวงระดับสูงของฮู่เฉิงแล้ว
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า ตรงทางเข้าโรงแรมควีนมีป้ายแขวนไว้ ไม่มีทางที่อิ๋งจื่อจินจะไม่เห็นว่าเย็นนี้ที่นี่ถูกเหมาจัดงานไว้แล้ว
แน่นอนว่าถ้าเป็นงานเต้นรำที่ตระกูลเศรษฐีในฮู่เฉิงจัดกันเอง ใครจะเข้ามาก็ไม่ได้เกี่ยวกับเขา
แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตี้ตู ห้ามเกิดเหตุการณ์วุ่นวายเป็นอันขาด
พนักงานโรงแรมมองตามมือของมู่เฉินโจวที่ชี้อยู่ เขาอึ้งไปก่อน ไม่ค่อยแน่ใจ “คุณผู้หญิงคนนั้นเหรอครับ”
“ใช่” มู่เฉินโจวพยักหน้า “ถ้าเธอไม่เข้ามาคุณก็ไม่ต้องสนใจ”
พอพนักงานขานรับเสร็จก็เห็นเด็กสาวเดินมาที่หน้าประตูทางเข้า
ประตูกระจกเป็นแบบอัตโนมัติ เมื่อตรวจจับได้ว่ามีคนมาก็เปิดโดยอัตโนมัติ
พนักงานโรงแรมนึกถึงคำสั่งของมู่เฉินโจวจึงรีบเข้าไปขวางหน้าประตูไว้ “คุณผู้หญิงครับ ที่นี่กำลังจัดงาน มีแต่คนใหญ่คนโตมาทั้งนั้น คุณเข้าไม่ได้นะครับ”
เท้าของอิ๋งจื่อจินหยุดชะงัก เธอมองพนักงานก่อน
จากนั้นสายตาก็เคลื่อนไปยังมู่เฉินโจวที่อยู่ห่างออกไปห้าหกเมตร
ในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาทีเธอก็ละสายตากลับมา
มู่เฉินโจวกลับสังเกตเห็นได้ว่าเด็กสาวส่งสายตาดูถูกมาที่เขา
ราวกับรู้อะไรบางอย่าง
มู่เฉินโจวขมวดคิ้ว เขาเดินออกมา
เขายังคงมีท่าทีสุภาพรักษามารยาท แต่น้ำเสียงกลับเย็นชา “ผมสั่งเขาเอง ถ้าคุณไม่พอใจอะไรก็ว่าผมได้ ไม่จำเป็นต้องไปลงกับคนทำงาน”
เขารู้ว่าอิ๋งจื่อจินเป็นคนที่เอะอะก็ลงไม้ลงมือ
“พูดเกินไปแล้วค่ะ” อิ๋งจื่อจินเงยหน้า เป็นครั้งแรกที่สนใจมู่เฉินโจว น้ำเสียงของเธอยังคงเย็นชาเช่นเคย พูดอย่างใจเย็น “อารมณ์เสียไม่ดีต่อสุขภาพ ไม่จำเป็น”
ไม่มีทางที่มู่เฉินโจวจะตีความคำพูดนี้ไม่ออก
เขายังไม่คู่ควรให้เธอต้องอารมณ์เสีย
ใช้ชีวิตอยู่ในตี้ตูมานานขนาดนี้ มู่เฉินโจวย่อมเคยได้คลุกคลีกับบรรดาคุณหนูไฮโซอยู่ไม่น้อย
แต่ไม่มีสักคนเดียวที่พูดจาเหมือนอิ๋งจื่อจิน
“คุณรู้ใช่ไหมว่าที่นี่จัดงานเต้นรำ” มู่เฉินโจวชี้ป้ายที่ตั้งอยู่ด้านข้าง “ผมขอเชิญคุณออกไปตอนนี้ ผมหวังดี อย่างน้อยตอนนี้คนก็ยังไม่เยอะ”
“เดี๋ยวพองานเริ่มมีการตรวจบัตรเชิญขึ้นมา ถ้าคุณไม่มีจะถูกไล่ออกไป”
มู่เฉินโจวพูดด้วยน้ำเสียงที่ความดังปกติ ทำให้พวกคุณชายที่ก่อนหน้านี้เขาคุยด้วยต่างก็ได้ยิน
พวกเขามองมาด้วยความสงสัย เมื่อสายตามองมาที่อิ๋งจื่อจินต่างก็ตะลึงอย่างอดไม่ได้
หนึ่งในนั้นเดินเข้ามา “คุณชายมู่ มีอะไรเหรอ”
“ก็ไม่ใช่ใครหรอก” น้ำเสียงของมู่เฉินโจวเรียบเฉย “แค่คนที่อยากอาศัยจังหวะที่ตอนนี้ไม่มีใครสนใจมาตีเนียนเข้างานน่ะ”
พอคุณชายคนนั้นได้ฟังก็ส่ายหน้า “น้องสาว งานเต้นรำครั้งนี้ไม่ใช่งานเต้นรำธรรมดา สำคัญมากทีเดียว ถ้าเป็นงานอื่นก็ยังพออนุโลมให้เข้าไปได้อยู่นะ”
พวกคนที่อยู่แถวทางเข้าจะไม่สังเกตเห็นก็คงไม่ได้
“แม่คะ นั่นน้องจื่อจินไม่ใช่เหรอคะ” ที่ด้านนอก ทันใดนั้นอิ๋งเย่ว์เซวียนที่กำลังเดินขึ้นบันไดก็ดึงแขนเสื้อของจงมั่นหวา “ดูเหมือนจะถูกขวางไว้ด้วยค่ะ”
รอยยิ้มบนใบหน้าจงมั่นหวาชะงักในชั่วขณะ “ว่าไงนะ”
พอเธอมองไปก็เห็นคนที่ไม่อยากเจอที่สุด
ใช่ว่าจะไม่มีคนถามเธอเรื่องอิ๋งจื่อจิน ส่วนใหญ่เป็นพวกไฮโซที่อยากรู้อยากเห็น
เธอมีเกียรติ ย่อมไม่มีทางให้ตระกูลอื่นรู้ว่าอิ๋งจื่อจินออกจากตระกูลอิ๋งโดยไม่ไว้หน้าพวกเขาสักนิด
ตอนนี้ไม่ว่าเธอจะใช้วิธีไหน อิ๋งจื่อจินก็ไม่กลับมา
เธอจึงบอกคนอื่นไปว่า ตระกูลอิ๋งไล่อิ๋งจื่อจินออกไปแล้ว
“ถูกขวางก็ถูกขวางไปสิ” จงมั่นหวามีสีหน้าเย็นชา “ลูกจะไปสนใจทำไม”
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ อิ๋งเย่ว์เซวียนก็เร่งฝีเท้าเดินเข้าไปแล้ว
“คุณชายมู่ น้องสาวฉันมากับฉันค่ะ เพียงแต่พวกเราไปซื้อของ เธอก็เลยมาก่อน” อิ๋งเย่ว์เซวียนมองมู่เฉินโจวด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร “ตอนนั้นก็ไม่ได้บอกว่าห้ามพาใครมาด้วยอีกไม่ใช่เหรอคะ แล้วนี่คุณหมายความว่ายังไง”
มู่เฉินโจวอึ้ง “มากับพวกคุณจริงๆ…”
“ไม่ใช่” จงมั่นหวารีบเข้ามาพูดขัดจังหวะเขา “ฉันไม่ได้พาเธอมาด้วย”
อิ๋งเย่ว์เซวียนสีหน้าเปลี่ยน “แม่คะ!”
“เฉินโจว ไม่ต้องเห็นแก่พวกเราหรอกจ้ะ” จงมั่นหวาเอามือห้ามอิ๋งเย่ว์เซวียน “ถ้าฉันพาเธอมาจริงก็คงใส่ชื่อไปตอนส่งรายชื่อให้แล้ว”
“นั่นสินะครับ” มู่เฉินโจวครุ่นคิดเล็กน้อย หันกลับไปมองอิ๋งจื่อจินอีกครั้ง ความหมายชัดเจนมาก
“งั้นเอาบัตรเชิญของหนูให้น้องไป” อิ๋งเย่ว์เซวียนเม้มริมฝีปาก หยิบบัตรเชิญของตัวเอง “ยังไงซะหนูก็เต้นรำไม่ค่อยเป็น งั้นหนูไม่…”
“เด็กน้อย เสน่ห์แรงจริงนะ” มีเสียงพูดแซวดังมาจากด้านหลัง เสียงไม่ดังมาก แต่ก็กลบเสียงพูดของอิ๋งเย่ว์เซวียน เขาอมยิ้ม “เพิ่งแยกกับพี่ชายไม่กี่นาที ดึงดูดทั้งผู้ชายผู้หญิงเข้ามาเยอะเลยนะ”
“อ้าว คุณชายเจ็ด” คุณชายคนก่อนหน้านี้ตะลึง “ไม่เจอกันนานเลยนะ ทำไมครั้งนี้มาด้วยล่ะ”
ฟู่อวิ๋นเซินแค่พยักหน้าให้เขา ไม่ได้ตอบอะไร
เขาเดินเข้าไปหาอิ๋งจื่อจินแล้วยกมือขวาขึ้น “นี่กระเป๋า”
อิ๋งจื่อจินรับกระเป๋าเป้มาจากมือของฟู่อวิ๋นเซินแล้วสะพาย
จากนั้นเธอก็หยิบบัตรเชิญออกมาจากกระเป๋า พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ไม่ต้อง ฉันมีบัตรเชิญ”
สายตาทุกคู่ต่างมองมาที่มือของเธอ
นั่นคือบัตรเชิญของงานเต้นรำครั้งนี้จริง แต่ดูประณีตยิ่งกว่า
ดวงตาของมู่เฉินโจวเบิกโพลง
เขาอยู่ใกล้ ย่อมมองเห็นอักษรที่อยู่ล่างสุดได้อย่างชัดเจน เขียนด้วยมือตวัดเป็นอักษร ‘มู่’
ด้านบนอักษรยังประทับตราสีแดงขนาดเล็ก
ตราแบบนี้ไม่มีบนบัตรเชิญใบอื่น
มู่เฉินโจวไม่เคยเจอมู่เฮ่อชิงก็จริง แต่ไม่มีทางที่เขาจะไม่เคยเห็นลายเซ็นกับตราประทับส่วนตัวของมู่เฮ่อชิง
มู่เฮ่อชิงเป็นคนให้บัตรเชิญใบนี้ในมืออิ๋งจื่อจินด้วยตัวเอง!
สมองของมู่เฉินโจวหยุดทำงานไปชั่วขณะ ยังไม่ได้สติกลับมา
อิ๋งเย่ว์เซวียนก็อึ้ง ผ่านไปสักพักเธอถึงเก็บบัตรเชิญในมือ “ที่แท้น้องจื่อจินก็มีเหมือนกัน”
อิ๋งจื่อจินไม่ตอบเธอ และไม่ได้มองมู่เฉินโจว พอเก็บบัตรเชิญเสร็จเธอก็เดินเลี่ยงไปด้านข้าง
ฟู่อวิ๋นเซินกวาดตามองแล้วเดินตามเข้าไป
“เดี๋ยวก่อน!” มู่เฉินโจวอดไม่ได้ “คุณรู้จักปู่ผมเหรอ เขาให้บัตรเชิญคุณมาได้ยังไง”
พอคำพูดนี้ออกไป คนที่อยู่แถวนั้นต่างก็ตะลึง รวมถึงจงมั่นหวากับอิ๋งเย่ว์เซวียน
ชื่อเสียงอันโด่งดังของมู่เฮ่อชิง มีใครในประเทศจีนไม่รู้จักบ้าง
อิ๋งจื่อจินรู้จักกับมู่เฮ่อชิงเลยเหรอ!
ถ้าเธอรู้จักมู่เฮ่อชิง ยังจะอยู่ที่ฮู่เฉิงไปทำไม
ใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับตระกูลมู่ได้ย่อมไปแสวงหาความก้าวหน้าที่ตี้ตูแน่นอน
อิ๋งจื่อจินไม่หยุดเดิน เธอไปที่เคาน์เตอร์เช็กอินแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา “จองไว้เมื่อวานค่ะ ห้องเพรซซิเดนสวีท 908 แซ่อิ๋งค่ะ”
พนักงานเคาน์เตอร์ก็สังเกตดูกลุ่มคนตรงหน้าประตูทางเข้าอยู่ตลอด พอเห็นเด็กสาวเดินเข้ามาเธอก็ลุกขึ้นทันที “สวัสดีค่ะ จะจัดการให้เดี๋ยวนี้ค่ะ”
เธอกวาดสายตาตรวจสอบข้อมูลบนใบจองอย่างรวดเร็วแล้วรีบหยิบคีย์การ์ดยื่นให้
พอเห็นอิ๋งจื่อจินไม่สนใจ มู่เฉินโจวก็เม้มริมฝีปากเบาๆ
“แม่คะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนก็สงสัย “น้องเอาบัตรเชิญมาจากไหนคะ”
ตระกูลจงปฏิเสธงานเต้นรำครั้งนี้ และก็ไม่ได้มีใครมา
“ผู้เฒ่าฟู่กับนายใหญ่ที่บารมีสูงส่งท่านนั้นของตระกูลมู่ถือเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กัน” จงมั่นหวาครุ่นคิด “ได้ยินว่าเมื่อก่อนผู้เฒ่าฟู่เคยถูกเขาช่วยชีวิตไว้ ได้บัตรเชิญมาสองใบก็ไม่ใช่เรื่องแปลก”
พอได้ยินแบบนี้มู่เฉินโจวก็ถอนหายใจเบาๆ ในขณะเดียวกันก็รู้สึกโล่งอก
ฟู่อวิ๋นเซิน คุณชายเจ็ดตระกูลฟู่
อิ๋งจื่อจิน นี่ก็คือเกียรติทั้งหมดของเธอแล้ว
เหล่าคุณชายเห็นเหตุการณ์วุ่นวายก็แค่คุยสนุกไม่กี่คำแล้วก็แยกย้าย
แต่พอพวกเขาเห็นสายตาของมู่เฉินโจวก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
แม้แต่บัตรเชิญในมือมู่เฉินโจวยังไม่มีลายเซ็นของมู่เฮ่อชิง
อิ๋งเย่ว์เซวียนเดินเข้างานไปพร้อมกับจงมั่นหวา
ผ่านไปอีกสักพักประตูอัตโนมัติก็เปิดออกอีกครั้ง
มีคนเดินเข้ามา
เป็นอิ๋งเทียนลี่ว์
เขาหอบเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ารีบร้อนมา
“พี่…” พอเห็นอิ๋งเทียนลี่ว์ อิ๋งเย่ว์เซวียนก็ดีใจมาก กวักมือเรียก “พวกเราอยู่ทางนี้ค่ะ”
คล้ายกับได้ยินเสียงของเธอ อิ๋งเทียนลี่ว์ที่กำลังมองไปรอบตัวก็หยุดชะงัก เดินไปทางเธอ
อิ๋งเย่ว์เซวียนไม่ได้เห็นหน้าอิ๋งเทียนลี่ว์มาเกือบครึ่งเดือนแล้ว พอได้เจอก็อดตื่นเต้นดีใจไม่ได้
ใบหน้าของจงมั่นหวามีรอยยิ้ม “เสี่ยวเซวียน แม่บอกแล้วว่าพี่ชายของลูกงานยุ่ง เสร็จงานเขาก็มาเอง”
อิ๋งเย่ว์เซวียนตาดี เห็นอิ๋งเทียนลี่ว์ถือถุงมาตั้งแต่แวบแรก ดีใจยิ่งกว่าเดิม “ทำไมพี่รู้ด้วยว่าฉันชอบกินขนมร้านนี้”
“โทษที” สีหน้าของอิ๋งเทียนลี่ว์ชะงัก แต่เท้าของเขากลับไม่หยุด เดินผ่านอิ๋งเย่ว์เซวียนไปหาอิ๋งจื่อจิน
เขายื่นถุงในมือให้ด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “จื่อจิน ได้ยินคุณตาบอกว่าเธอชอบกินขนมร้านนี้พี่เลยตั้งใจขับรถไปซื้อที่เมืองข้างๆ มาให้ ซื้อมาอย่างละกล่อง ลองดูนะว่าถูกปากเธอไหม”