คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 261 มู่เฮ่อชิงจัดการ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 261 มู่เฮ่อชิงจัดการ

เขาอยู่ในชุดเครื่องแบบสีเขียวขี้ม้า ตรงหน้าอกด้านซ้ายมีเข็มกลัดติดอยู่เจ็ดแปดอัน

ถึงแม้จะดูแก่ชราใบหน้ามีรอยเหี่ยวย่น แต่ก็ไม่อาจกลบความน่าเกรงขามที่แผ่ซ่านรอบตัวได้

ดวงตาคู่นั้นจับจ้องไปที่คุณนายมู่ สายตาเฉียบคมดุจใบมีด

แทบจะกลายเป็นของจริง ถึงขั้นที่ว่าปกคลุมไปด้วยความอาฆาต

มู่เฮ่อชิงลงสนามรบตั้งแต่คุณนายมู่ยังไม่เกิด มีเหรอที่คุณนายมู่จะไม่กลัว

คุณนายมู่มือสั่น โทรศัพท์มือถือตก ลืมตัวไปชั่วขณะ

เธอยืนตัวแข็งอยู่ตรงนั้น ท่าทางตะลึง แทบไม่อยากเชื่อว่าตัวเองเห็นใคร

ห้องที่ซิวเหยียนจองห้องนี้เป็นห้องวีไอพีระดับสูงของไดนาสตี้เคทีวี โอ่อ่า เทียบได้กับห้องชุดประธานาธิบดีของโรงแรมห้าดาว นอกจากห้องอาบน้ำกับห้องน้ำแล้ว ยังมีห้องนอน ห้องเล่นพูล เป็นต้น และเพื่อสร้างบรรยากาศที่นี่ก็เหมือนกับห้องคาราโอเกะทั่วไปที่ตกแต่งภายในด้วยแสงสลัว

ตอนคุณนายมู่เข้ามาเธอไม่สังเกตเห็นความผิดปกติอะไร

เธอเห็นแค่อิ๋งจื่อจินซ้อมเฝิงฮว่าอยู่ตรงประตู บนพื้นยังมีคุณชายคนอื่นอีกหลายคน

เธอแทบไม่ได้มองไปตรงจุดอื่นของห้อง และไม่คาดคิดว่าที่นี่ยังมีคนอื่นอีก แถมคนคนนี้ยังเป็นมู่เฮ่อชิง ผู้สืบทอดของตระกูลมู่ต้องผ่านการทดสอบขั้นสุดท้ายโดยมู่เฮ่อชิง

ตราบใดที่มู่เฮ่อชิงไม่เห็นด้วย ต่อให้ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมขนาดไหนในการทดสอบก็ไม่มีประโยชน์ แต่วันนี้ มู่เฮ่อชิงกลับเห็นเรื่องในวันนี้ สมองของคุณนายมู่ระเบิดแล้วระเบิดอีก เธอควบคุมตัวเองไม่อยู่ ตัวสั่น ล้มพิงกำแพง เหงื่อผุดเต็มหลังเต็มหน้าผาก ยังจะมีมาดข่มเหงคนอื่นแบบเมื่อครู่ที่ไหนอีก ตอนนี้หน้าซีดเหมือนกระดาษ

มู่เฉินโจวก็ไม่ได้ดีไปกว่าเธอ

เดิมทีเขาก็อึ้งมากพอแล้วที่ได้ยินอิ๋งจื่อจินบอกว่า ‘ไม่ชอบ ไม่รู้จัก’ แล้วตอนนี้ยังเห็นมู่เฮ่อชิงอีก สมองถึงกับหยุดทำงานไปเลยทีเดียว มู่เฮ่อชิงไม่สนใจเขามองแค่คุณนายมู่ สีหน้าเย็นชายิ่งกว่าเดิม

“เธอเป็นนายของตระกูลมู่แล้วอย่างนั้นเหรอ”

“จะ…จะเป็นไปได้ยังไงกันคะ ฉันกล้าขนาดนั้นที่ไหนกัน” คุณนายมู่ตอบ พยายามฝืนยิ้ม

“ทะ…ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรคะ คุณมู่เฉิงล่ะคะ ไม่อยู่กับท่านเหรอคะ”

“ฉันมาอยู่ตรงนี้ได้ยี่สิบนาทีแล้ว” มู่เฮ่อชิงเหลือบมองเฝิงฮว่าที่สลบอยู่บนพื้น

“โยนคนพวกนี้ออกไปก่อน”

มีบอดี้การ์ดหลายคนเข้ามาทันที จากนั้นก็หามพวกเฝิงฮว่าออกจากห้องไป

ร่างกายของคุณนายมู่โงนเงน หน้าซีดจนน่ากลัว รู้สึกเหลือเชื่อมาก

สรุปว่า มู่เฮ่อชิงนั่งอยู่ตรงนี้ ดูอิ๋งจื่อจินทำร้ายคุณชายพวกนั้น ดูมาแล้วยี่สิบนาทีเต็มๆ เหรอ

บุคลิกของมู่เฮ่อชิงสง่างาม สมัยหนุ่มๆ เคยเป็นที่หมายปองของเหล่าคุณหนูไฮโซอยู่ไม่น้อย เพียงแต่เขาเกษียณตัวเองมานานแล้ว อีกทั้งตอนนี้ก็เริ่มใช้ชีวิตไปตามประสา

คนจำนวนมากรวมถึงบรรดาคนรุ่นหลังของตระกูลมู่ต่างไม่รู้ว่าเมื่อก่อนเขามีสไตล์แบบไหนกันแน่

เขาเป็นคนที่สามารถหยิบมีดออกมาแล้วแทงศัตรูในค่ายทหารได้อย่างโหดเหี้ยม

“ยาหลอนประสาท” มู่เฮ่อชิงหยิบขวดที่อยู่บนโต๊ะรับแขก ฟังจากน้ำเสียงไม่ออกว่าอยู่ในอารมณ์ไหน

“นี่เป็นของที่หลานชายของมู่เฮ่อชิงเอามา”

ยาหลอนประสาทเป็นยาที่มาจากธรรมชาติหรือมนุษย์ทำขึ้น สามารถออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง หรือเรียกอีกอย่างว่าแอลเอสดี

หลังจากที่เสพเข้าไปก็จะเกิดภาพหลอนหรืออยู่ในอาการเพ้อฝันหรืออาจทำให้สติเพี้ยน คิดฟุ้งซ่าน หรือแม้กระทั่งเป็นบ้าไปเลยก็ได้ ถ้าเสพในระยะยาวก็จะติดยาหลอนประสาทนี้อย่างรุนแรง แบบที่เลิกได้ยาก

เคยมีเคสตัวอย่าง เด็กหนุ่มคนหนึ่งเสพยาหลอนประสาทแล้วเกิดภาพหลอนตรงหน้า สมองคิดฟุ้งซ่าน เอามีดแทงพ่อกับอาของตัวเอง แต่ไหนแต่ไรมายาหลอนประสาทเป็นยาที่ห้ามซื้อขาย มีเพียงนักวิทยาศาสตร์เคมีหรือชีววิทยาเท่านั้นที่จะเอามาทำการทดลองได้ หลังจากที่เฝิงฮว่าได้ยาหลอนประสาทมาจากมู่เฉินโจวก็เอามาวางไว้ในห้องนี้

ทั้งนี้ก็เพื่อให้อิ๋งจื่อจินสูดดม เขาจะได้เสพสุข ถึงแม้มู่เฉินโจวจะไม่ได้ถามว่าเฝิงฮว่าเอายาหลอนประสาทไปทำอะไรเขาก็พอจะเดาได้ แต่คุณนายมู่พูดถูก ผลประโยชน์สำคัญที่สุดสำหรับเขา

วันนี้มู่เฉินโจวถึงได้เลี่ยงฟังเรื่องที่เกี่ยวกับอิ๋งจื่อจินอยู่ตลอด แต่คนข้างตัวเฝิงฮว่ากลับส่งข้อความหาเขา บอกว่าเกิดเรื่องแล้ว

เขาสังหรณ์ใจไม่ดีเลยรีบมา พอเห็นอิ๋งจื่อจินไม่เป็นอะไร อันที่จริงมู่เฉินโจวกลับรู้สึกโล่งอกอยู่บ้าง เขาไม่ได้คิดจะทำร้ายเธอจริงๆ ในที่สุดสายตาของมู่เฮ่อชิงก็ไปอยู่ที่มู่เฉินโจว

“คิดว่าตัวเองเป็นนายใหญ่ของตระกูลมู่แล้วงั้นเหรอ”

ริมฝีปากของมู่เฉินโจวขยับ แต่กลับพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว สมองตื้อไปหมด

จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมมู่เฮ่อชิงถึงรู้จักอิ๋งจื่อจิน ทั้งยังปกป้องขนาดนี้

“เดิมทียังเหลือเวลาอีกครึ่งเดือนกว่าจะถึงวันทดสอบ อยากให้เวลาเธอได้ปรับปรุงตัว” สีหน้าของมู่เฮ่อชิงเย็นชา

“ดูจากตอนนี้คงไม่ต้องแล้ว ผู้สืบทอดของตระกูลมู่จะไม่มีอย่างอื่นก็ได้ แต่ห้ามขาดศีลธรรมพื้นฐานของความเป็นคน”

ประโยคนี้ได้ตัดขาดความเป็นไปได้ที่มู่เฉินโจวจะเป็นผู้สืบทอดตระกูลมู่ทันที

“ท่านผู้เฒ่า!” คุณนายมู่สีหน้าเปลี่ยนอย่างรุนแรง ดวงตาแดงก่ำ

“ท่านผู้เฒ่า เธอเป็นแค่ลูกเลี้ยงของตระกูลอิ๋งไม่ใช่เหรอคะ ต่อให้เกี่ยวข้องกับตระกูลฟู่ แต่ระหว่างเธอกับหลานชายแท้ๆ ของท่านผู้เฒ่าใครสำคัญกว่า ท่านไม่รู้เหรอคะ”

แน่นอนว่าเรื่องนี้มู่เฉินโจวทำไม่ถูก แต่เรื่องแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับตระกูลน้อยใหญ่แล้ว

อิ๋งจื่อจินเป็นใครมาจากไหน ทำไมถึงทำให้มู่เฮ่อชิงถึงขั้นตัดสิทธิ์มู่เฉินโจวไม่ให้เข้าร่วมทดสอบหาผู้สืบทอดตระกูลมู่ได้

พอได้ยินแบบนี้ไม่เพียงแต่มู่เฮ่อชิงจะไม่โกรธ กลับยิ้มเสียด้วยซ้ำ

“เธออยากตามหาหมอเทวดาที่รักษาฉันจนหายมาตลอดไม่ใช่เหรอ”

“อยากผูกมิตรกับเธอไว้ แบบนั้นตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลมู่ก็จะตกเป็นของลูกชายเธอ”

คุณนายมู่ตัวสั่นอย่างรุนแรงอีกครั้ง

มู่เฮ่อชิงก็รู้เรื่องพวกนี้!

เธอสืบจากทางฮู่เฉิงมาตลอด ทั้งยังเคยไปที่โรงพยาบาลเซ่าเหริน แต่ก็ไม่ได้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวตนของหมอเทวดาคนนี้

“บังเอิญจริง” มู่เฮ่อชิงพูด “ลูกชายเธอเพิ่งจะใช้ยาหลอนประสาทเล่นงานเสี่ยวอิ๋ง ชีวิตนี้เธอคงผูกมิตรกับเสี่ยวอิ๋งไม่ได้อีกแล้ว”

“เธอควรจะรู้สึกโชคดีนะที่เธอไม่ได้มากระโดดโลดเต้นตรงหน้าเสี่ยวอิ๋ง ไม่อย่างนั้นคนที่อยู่บนพื้นก็คงมีเธอด้วย”

ตูม! หัวคุณนายมู่ระเบิดอีกครั้ง

เธอแทบไม่อาจเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน “ทะ…ท่านว่าไงนะคะ”

หมอเทวดาที่ช่วยชีวิตมู่เฮ่อชิงไว้คืออิ๋งจื่อจิน!

แต่เธอถามจงมั่นหวาแล้วชัดๆ อิ๋งจื่อจินไม่มีความสามารถพิเศษอย่างอื่นอีกนอกจากวาดรูปกับเล่นเปียโน ด้วยสภาพแวดล้อมที่อิ๋งจื่อจินเติบโตมา ไม่มีทางที่จะได้เกี่ยวข้องกับวิชาการแพทย์

แต่ความจริงกองอยู่ตรงหน้า!

คุณนายมู่นึกถึงความบังเอิญมากมายหลายเรื่องอีกครั้ง ต่อให้เธอไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้ว ทว่าเรื่องพวกนี้ยังสร้างแรงสะเทือนได้ไม่เท่ามู่เฮ่อชิงพูดออกมาด้วยตัวเอง

คุณนายมู่ตะลึงนิ่งอยู่กับที่

ฟู่อวิ๋นเซินที่พิงกำแพงอยู่ด้านข้างขมวดคิ้ว หันหน้ามา

ผู้เฒ่ามู่รู้จักซ้ำเติมจริงๆ

ดูท่าจะเป็นเพราะฝึกวิชามาจากเขา

“ท่านผู้เฒ่ามู่” ฟู่อวิ๋นเซินยืดตัวขึ้น พูดเสียงเนือย

“เชิญแสดงอำนาจต่อไป ผมจะพาเด็กน้อยออกไปก่อน”

มู่เฮ่อชิงถึงกับสะอึก เขาอดทน โบกมือไล่

“ไว้ฉันจะไปหาพวกนาย นายพาเสี่ยวอิ๋งกลับไปพักผ่อนก่อน”

ทั้งสองคนออกจากห้องนั้นไป

อิ๋งจื่อจินจับศีรษะ หายใจช้าๆ อยู่หลายที

อัดคนตั้งนานขนาดนั้นแถมยังอยู่ในพื้นที่ปิดสนิท เธอรู้สึกเหมือนขาดอากาศ

รับมือกับคนทั่วไปเธอไม่มีทางใช้วรยุทธ์กำลังภายใน

กลัวว่าจะทำถึงตาย

อิ๋งจื่อจินหมุนข้อมือ รู้สึกร่างกายเบาขึ้น

ชั้นล่างมีร้านนวดพอดี เธอไปนวดได้

ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้นก็มีเสียงพูดอยู่เหนือศีรษะเธอ น้ำเสียงทุ้มต่ำ “เมื่อกี้ซ้อมคนใช้มือข้างไหน”

อิ๋งจื่อจินหาว เธอง่วงมาก “ใช้หมด”

คนเยอะไปมือข้างเดียวจัดการไม่ทัน

ฟู่อวิ๋นเซินขมวดคิ้ว ดวงตาดอกท้อขรึมลง “ให้พี่ชายดูหน่อย”

อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเขา แต่ก็ยกมือให้เขาดู หลังมือของเธอมีรอยแดงหลายจุดแต่ไม่ใหญ่

เพียงเนื่องจากเธอผิวขาวมาก รอยแดงนี้จึงสะดุดตาน่าตกใจ

ดวงตาของฟู่อวิ๋นเซินวูบไหวเล็กน้อย และก็มีแค่ตอนนี้เธอถึงเหมือนเด็กน้อย

เขาหยิบตลับกลมออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วเปิดออก ในนั้นมียาทาสีเขียวใสที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของสมุนไพร ฟู่อวิ๋นเซินใช้ก้านสำลีแตะยาแล้วก้มหน้าทาตรงบาดแผลให้เธอ ไม่มีความเจ็บใดๆ กลับรู้สึกเย็นมาก

สายตาของอิ๋งจื่อจินจับจ้อง

ยาทาแบบนี้ไม่มีตามท้องตลาด ต้องเอามาจากวงการแพทย์แผนโบราณเท่านั้น ต่อให้แผลลึกแค่ไหน ขอเพียงแต่ทายานี้ก็จะหายอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้ต่อให้เป็นในวงการแพทย์แผนโบราณก็ยังมีอยู่น้อยมาก

แต่เธอคำนวณได้ว่ายาตลับนี้น่าจะมีอายุสิบห้าปีแล้ว

ฟู่อวิ๋นเซินทายาให้เธอเสร็จก็วางตลับยาใส่มือเธอ “ให้ เก็บไว้ให้ดี”

อิ๋งจื่อจินก็ไม่ปฏิเสธ เธอรับยาไว้ “เมื่อก่อนใช้เหรอ”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท