คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 356 บ้าไปแล้ว! เยี่ยซีคิดว่าตัวเองสำคัญนักเหรอ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 356 บ้าไปแล้ว! เยี่ยซีคิดว่าตัวเองสำคัญนักเหรอ

ทางด้านทีมงานวัยรุ่นสร้างฝัน 202

เนื่องจากเยี่ยซีโพสต์เวยปั๋วโดยไม่ได้ปรึกษากับทางทีมงานก่อน ทำให้ทีมงานต้องเลื่อนเปิดกล้องไปอีกครั้ง คนอื่นๆ ก็พลอยต้องรอไปด้วย

เสียเวลาไปหนึ่งวันก็เสียหายไปไม่น้อย

อีกทั้งเวลาก็กระชั้นชิดเกินไป

ไม่มีเวลาว่างไปหาดาราคนอื่นมาแทนที่ตำแหน่งนี้ ซึ่งเยี่ยซีก็รู้ถึงจุดนี้ ถึงได้กล้าพูดยกเลิกสัญญา

“เยี่ยซีนะเยี่ยซี!” โปรดิวเซอร์หลี่โมโหมาก ด่าออกมาทันที “คิดว่าตัวเองเป็นดารายอดนิยมในตอนนี้จะเอาแต่ใจยังไงก็ได้งั้นเหรอ จะไม่ถ่ายแล้วงั้นเหรอ”

“คิดจริงเหรอว่าพวกเราต้องขอร้องให้เธอมาถ่าย คิดว่าตัวเองเป็นใคร”

ถึงแม้รายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 จะถูกพูดถึงเพราะเยี่ยซีอยู่ไม่น้อย แต่ก็ยังมีส่วนใหญ่ที่เป็นเพราะโค้ชทั้งสี่

หนึ่งในนั้นยังมีปรมาจารย์ขั้นเทพคนหนึ่งที่โด่งดังไม่น้อยไปกว่าเยี่ยซี

โปรดิวเซอร์หลี่ด่าเสร็จก็ยังคงไม่หายโมโห “ต่อไปมีกิจกรรมอะไรฉันจะไม่เชิญเยี่ยซี เธอถูกฉันเอาขึ้นบัญชีดำแล้ว!”

ผู้กำกับยิ้มเศร้า “พี่หลี่ นี่เป็นเรื่องหลังจากนี้ แต่ตอนนี้จะทำไงดีครับ”

ในเวยปั๋ว พวกแฟนคลับของเยี่ยซีรุมด่าทีมงานรายการจนไม่เหลือชิ้นดีแล้ว

“ทำไงเหรอ ก็คงต้องติดต่อรายชื่อสำรองแล้ว” โปรดิวเซอร์หลี่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดหาเบอร์แล้วเริ่มโทร “สวัสดีครับ นี่ทีมงานรายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 นะครับ พวกเราอยากเชิญอาจารย์ลู่มารับหน้าที่โปรดิวเซอร์ให้ทีมบอยแบนด์ ไม่ทราบว่าอาจารย์ลู่พอจะมีเวลาไหมครับ”

“ขอโทษด้วยครับโปรดิวเซอร์หลี่ ดาราของพวกเราคิวเต็ม จัดสรรเวลาให้ไม่ได้จริงๆ คงช่วยทางรายการไม่ได้ครับ”

โปรดิวเซอร์หลี่ติดต่อไปหาดาราหญิงสามคน แต่ก็ได้รับคำตอบแบบนี้หมด

“พี่หลี่ จนปัญญาแล้ว” ผู้กำกับส่ายหน้า รู้สึกหมดแรง “พวกเธอไม่มีทางรับหรอก ถ้าใครรับต้องถูกด่าแน่”

โปรดิวเซอร์หลี่นิ่งเงียบ

คำพูดนี้เป็นความจริง

เยี่ยซีประกาศออกไปว่าต้องการถอนตัวออกจากรายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 นี่ก็คือการกดดันทีมงาน ใครที่รับงานนี้มาเข้าร่วมรายการอาจถูกบรรดาแฟนคลับของเยี่ยซีด่าจนต้องออกจากวงการได้

“โทรหาเยี่ยซี ให้เธอกลับมา” โปรดิวเซอร์หลี่กัดฟัน “บอกเธอว่าเราไม่มีทางไล่อวิ๋นเหอเย่ว์ออก แต่พวกเรารับรองได้ว่าอวิ๋นเหอเย่ว์จะไม่มีทางได้เดบิวต์”

คงต้องทำแบบนี้แล้ว

ผู้กำกับถอนหายใจ ออกไปโทรศัพท์

เวลานี้ ภายในห้องเล็กของร้านกาแฟแห่งหนึ่ง

อิ๋งจื่อจินนั่งอยู่กับฟู่อวิ๋นเซิน บนโต๊ะมีคอมพิวเตอร์

กำลังวิดีโอคอลคุยกัน

บนหน้าจอเป็นใบหน้าที่ดูเด็กเกินจริง

“ผมบอกแล้วใช่ไหมว่าผมเป็นผู้ใหญ่” ฉินหลิงเยี่ยนถือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “ดูให้ชัดๆ ผมอายุยี่สิบสี่แล้ว”

อิ๋งจื่อจินกวาดตามองใบหน้าของเขา สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่า “หน้าเด็ก”

ฉินหลิงเยี่ยนโมโหควันออกหู “ผมไม่ได้หน้าเด็กนะ!”

น่าแปลกจริงๆ เขาสงสัยขั้นหนักว่าน้องสาวของเขาแย่งเอาสารอาหารไปหรือเปล่า ใบหน้าของเขาถึงได้ดูไม่โตแบบนี้

ฟู่อวิ๋นเซินหันหน้ามามองอิ๋งจื่อจิน “หน้าเด็ก”

ฉินหลิงเยี่ยน “…”

อยู่ๆ เขาก็รู้สึกได้ถึงความเข้าข้างกันของผัวเมีย

“เอาล่ะ ผมไม่เถียงด้วยแล้ว มีข่าวดีมาบอก” ฉินหลิงเยี่ยนวางถ้วยบะหมี่ลง “วันนี้ผมจับสัญญาณที่คราวก่อนโจมตีวีนัสกรุ๊ปได้แล้ว”

คำพูดนี้ทำให้สายตาของอิ๋งจื่อจินกับฟู่อวิ๋นเซินหยุดชะงัก จริงจังขึ้นมาทันที

อิ๋งจื่อจินพูด “อยู่ที่ไหน”

“ห้องปฏิบัติการแห่งหนึ่งในยุโรป” ฉินหลิงเยี่ยนตอบ “น่าจะอยากโจมตีไฟร์วอล หึ แต่น่าเสียดายที่มาเจอผม ผมเลยขัดขวางไว้ได้”

ถึงแม้คราวก่อนเขาจะตามล่าคนที่โจมตีวีนัสกรุ๊ปไม่ได้ แต่อีกฝ่ายก็ทิ้งร่องรอยไว้

เมื่อสัญญาณนี้ปรากฏอีกครั้ง เขาก็สามารถตรวจจับได้อย่างรวดเร็ว

เพียงแต่น่าเสียดาย โจมตีกลับได้สำเร็จ แต่ยังคงหาตัวคนโจมตีไม่ได้ว่าอยู่ที่ไหน

แววตาของอิ๋งจื่อจินขรึมลง “ห้องปฏิบัติการ…”

ก็ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนที่ลักพาตัวเกอร์เวนหรือเปล่า

“อืม ใช้ได้” ฟู่อวิ๋นเซินตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “สืบต่อไป คนพวกนั้นไม่มีทางเลิกราแน่”

“เออๆๆ ฉันกลายเป็นคนทำงานให้นายโดยเฉพาะไปแล้ว” ฉินหลิงเยี่ยนอารมณ์เสีย “ส่งบะหมี่มาให้ฉันด้วย”

เขาชอบบ่นกระปอดกระแปดจนชินแล้ว ก็แค่บ่นไปตามประสา อย่างไรเสียฟู่อวิ๋นเซินก็เคยช่วยเขาไว้ไม่น้อย

ฉินหลิงเยี่ยนจบการวิดีโอคอล กินบะหมี่ถ้วยจนหมดอย่างมีความสุข

เขาเปิดเวยปั๋วแล้วเสิร์ชคำว่าฉินหลิงอวี๋

นี่เป็นงานอดิเรกที่สองของเขานอกจากกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ก็คือดูว่ามีข่าวที่น่าสนุกของน้องสาวเขาหรือเปล่า

ตอนแรกฉินหลิงเยี่ยนไม่เห็นด้วยที่ฉินหลิงอวี๋จะเข้าวงการบันเทิง

แต่เขาเอาชนะน้องสาวไม่ได้ สุดท้ายก็จำต้องยอม

ฉินหลิงอวี๋เด็กกว่าเยี่ยซีสองปี ปีนี้เพิ่งจะอายุยี่สิบสอง

รูปร่างของเธอเป็นที่ยอมรับในวงการบันเทิง อยู่ในระดับที่สูงติดเพดาน

ฉินหลิงเยี่ยนกวาดตามอง โทรวีแชทไปหาฉินหลิงอวี๋ จากนั้นก็ส่งรูปไปให้สองรูป

“น้องสาว สองรูปนี้เธอน่าเกลียดจริงๆ ฉันที่เป็นพี่ชายฝีมือขั้นเทพขนาดนี้ยังไม่รู้เลยนะว่าจะแต่งรูปให้เธอยังไง”

ฉินหลิงอวี๋ที่อยู่ปลายสายกำลังนั่งพิงโซฟาดูหนัง

พอได้ยินแบบนี้ก็บีบกระป๋องเบียร์ในมือจนบู้บี้ แสยะยิ้ม “ฉินหลิงเยี่ยน ไสหัวไปเลยนะ!”

ฉินหลิงเยี่ยนย่อมได้ยินเสียงนี้ เขาไม่แคร์ “น้องสาว กินเบียร์อีกแล้วใช่ไหม พี่ชายจะบอกให้นะ เธอเป็นดารา ติดเหล้ามันไม่ดี แถมกินเบียร์เยอะไม่ดีต่อกระเพาะด้วย”

“หึๆ” ฉินหลิงอวี๋แสยะยิ้ม ตอบอย่างไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย “งั้นถ้านายเก่งนักก็เลิกกินบะหมี่ถ้วยสิ”

ฉินหลิงเยี่ยน “…”

ถ้าเขาเป็นดาวแห่งวงการบะหมี่ถ้วย น้องสาวของเขาก็คือดาวแห่งวงการเบียร์

ไม่ได้ดีไปกว่ากันเลย

“แล้วก็ ยังมีนี่อีก” ฉินหลิงเยี่ยนแคปภาพส่งไปให้ “หน้าเธอเบี้ยวแล้ว”

ฉินหลิงอวี๋แสยะยิ้ม “ฉิน หลิง เยี่ยน!”

“อย่ามาขึ้นเสียงกับพี่ชาย” กว่าจะมีคนให้เขาข่มได้ไม่ใช่ง่ายๆ ฉินหลิงเยี่ยนไม่มีทางปล่อยโอกาสดีแบบนี้ไปแน่นอน “ถ้าไม่มีพี่ชายคนนี้ ไม่รู้ว่าเธอทำเรื่องอื้อฉาวให้เสื่อมเสียชื่อเสียงครอบครัวตั้งกี่ครั้งแล้ว เธอยังจะนั่งสบายใจได้อีกเหรอ”

ถ้าคิดจะอยู่ในวงการบันเทิงได้อย่างราบรื่น หากไม่มีนายทุนคุ้มครองย่อมไม่มีทาง

แต่ฉินหลิงอวี๋ทำได้

เพราะมีฉินหลิงเยี่ยนที่เป็นหัวหน้าใหญ่ของสมาพันธ์แฮกเกอร์นิรนามอยู่

ฉินหลิงอวี๋ติดอันดับคำค้นในแง่ลบเมื่อไรก็ถูกลบทันทีโดยที่ยังไม่ทันแม้แต่จะได้ไต่อันดับ

เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องมหัศจรรย์ของวงการบันเทิงไปแล้ว

“เอ๊ะ น้องสาว ตรงนี้มีการโหวตที่มีเธอด้วย ดูครึกครื้นดีนะ” ฉินหลิงเยี่ยนพูด “พวกเขาบอกว่าเธอไม่มีทางไปเป็นโปรดิวเซอร์ให้วงบอยแบนด์ของรายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 แน่นอน จึ๊ๆ ฉันก็ว่า เธอจะไปร่วมรายการประกวดแบบนี้ได้ยังไง ใช่ไหมล่ะ”

“ฉันก็โหวต ‘ไม่มีทาง’ ไปแล้ว”

ฉินหลิงอวี๋ได้ฟัง มือที่เปิดกระป๋องเบียร์ก็หยุดชะงัก อยู่ๆ ก็หัวเราะออกมาแล้วพูดขึ้น “งั้นก็ขอโทษทีนะ ฉันจะไป”

“…”

ฉินหลิงเยี่ยนโมโหจนสะอึก “เธอจงใจเป็นศัตรูกับพี่ชายใช่ไหม”

“ก็ใช่น่ะสิ” ฉินหลิงอวี๋สวมเสื้อกันหนาวแล้วเดินออก “ยินดีด้วยในที่สุดก็รู้สักที พวกเราน่ะเป็นศัตรูกันตั้งแต่ในท้องแม่แล้ว”

อย่างไรซะเธอก็ว่างอยู่ ไปเป็นโปรดิวเซอร์วงบอยแบนด์เล่นๆ ก็ใช่ว่าจะไม่ได้

อีกทั้งยังทำให้คนสติเพี้ยนบางคนได้อารมณ์เสีย เธอสะใจ

ในเวยปั๋วกำลังด่ากันอยู่

เฉินหลีก็ยิ้มรอทีมงานโทรมา

“ซีซี พี่บอกแล้วว่าทีมงานจะต้องโทรมาแน่นอน” เธอโยกโทรศัพท์อย่างภูมิใจ “ไป พวกเราไปสถานที่ถ่ายรายการกัน”

เยี่ยซีโล่งอก ใบหน้ามีรอยยิ้ม “เป็นผลงานของพี่หลีเลยนะคะ”

เธอรู้อยู่แล้วว่าอย่างไรทีมงานก็จะต้องเชิญเธอกลับไป

“ปล่อยพวกเขารอสักพัก” เฉินหลีวางโทรศัพท์ลง “ไม่ว่ายังไงก็ต้องดึงเกมให้นานหน่อย”

เธอไม่รีบ นอกจากเยี่ยซีแล้วยังจะมีใครเป็นโปรดิวเซอร์ให้วงบอยแบนด์ได้อีก

โปรดิวเซอร์หลี่ไม่อยากให้เยี่ยซีกลับมา แต่ก็จนปัญญา ทว่าเขารออยู่หนึ่งชั่วโมงเยี่ยซีก็ยังไม่มา

เขาร้อนใจมาก ทำได้เพียงอดกลั้นความโกรธไว้แล้วรอต่อไป “โทรอีกครั้ง”

ผู้กำกับพยักหน้า ในขณะที่เขากำลังจะกดโทรก็มีสายโทรเข้ามาก่อน

“พี่หลี่!”ดวงตาของผู้กำกับเบิกโพลง รู้สึกเหลือเชื่อ “นี่เป็นเบอร์ของผู้จัดการส่วนตัวของราชินีภาพยนตร์เซี่ย!”

เท้าของโปรดิวเซอร์หลี่หยุดชะงัก หันขวับ แย่งโทรศัพท์มา พูดเสียงสั่น “ฮัลโหล ว่าไงนะครับ จริงเหรอ อาจารย์เซี่ยจะมาจริงๆ เหรอครับ ได้ครับได้ พวกเราเซ็นสัญญาเมื่อไรดีครับ”

หลังจากยืนยันเรื่องเวลากับผู้จัดการส่วนตัวของเซี่ยมั่นอวี่แล้ว โปรดิวเซอร์หลี่ก็เหงื่อท่วมตัว เขานั่งตัวแข็งบนเก้าอี้ “ฉันจะเป็นบ้าแล้ว”

เซี่ยมั่นอวี่จะมา ยังจะมีธุระอะไรของเยี่ยซีอีกล่ะ

โปรดิวเซอร์หลี่นึกถึงตรงนี้ก็เด้งตัวขึ้นมา “โทรหาเยี่ยซี บอกให้ไสหัวไป ไม่ต้องมาแล้ว บอกให้จ่ายเงินค่าฉีกสัญญาด้วย”

ขณะที่ผู้กำกับจะโทรอีกครั้ง ปรากฏว่าก็มีสายโทรเข้ามาอีก

“พะ พี่หลี่…” ผู้กำกับถือโทรศัพท์มือถือ สายตาแน่นิ่ง “เบอร์ของฉินหลิงอวี๋”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท