คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 366 เผยตัวตน รองศาสตราจารย์!

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 366 เผยตัวตน รองศาสตราจารย์!

ตอนนี้จั่วหลีรู้สึกว่าการที่ตอนนั้นเขาตัดสินใจไปชิงจื้อหลังจากที่รับสายของคณบดีคณะฟิสิกส์เป็นการตัดสินใจที่ฉลาดมาก ถึงได้ดึงอิ๋งจื่อจินมาเข้าคณะฟิสิกส์ของพวกเขาได้

เพื่อเป็นการขอบคุณคณบดีคณะฟิสิกส์ จั่วหลีตัดใจส่งแชมพูสูตรเร่งผมดกไปให้หนึ่งขวด

จั่วหลีเป็นศาสตราจารย์ชื่อดังของมหาวิทยาลัยตี้ตู ยามเฝ้าประตูก็รู้จัก พอเห็นเขาพานักเรียนมาด้วยตัวเองจึงปล่อยเข้าไป

แต่อิ๋งเย่ว์เซวียนไม่เหมือนกัน เธอไม่ใช่นักศึกษาของมหาวิทยาลัยตี้ตู

อีกทั้งตอนนี้ยังเป็นช่วงปิดเทอมหน้าหนาว ทางมหาวิทยาลัยเข้มงวดมาก

ก่อนหน้านี้คณะชีววิทยายังเคยถูกขโมยสัตว์ผสมพันธุ์ที่มูลค่าเกือบล้านไปหลายตัว ด้วยเหตุนี้หากไม่ใช่นักศึกษากับบุคลากรของมหาวิทยาลัยตี้ตูก็ห้ามเข้า

ถึงแม้อิ๋งเย่ว์เซวียนจะได้บัตรประจำตัวชั่วคราวมาจากศาสตราจารย์หลี่แล้ว แต่ก็จำเป็นต้องผ่านขั้นตอนการตรวจต่างๆ ทำได้เพียงต่อแถวที่ประตูด้านข้าง

เมิ่งหรูไม่ได้ให้คนขับรถขับออกไปทันที สายตาของเธอมองไปที่ประตูทางเข้ามหาวิทยาลัยตี้ตู อดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้

ทำไมเธอเหมือนเห็นลูกเลี้ยงที่ไร้มารยาทของตระกูลอิ๋ง

พอความคิดนี้โผล่ขึ้นมาก็ถูกเมิ่งหรูปฏิเสธทันที

มหาวิทยาลัยตี้ตูใช่สถานที่ที่ใครจะเข้าจะออกได้ตามใจเหรอ

เมื่ออิ๋งเย่ว์เซวียนเข้าไปแล้ว เมิ่งหรูถึงสั่งคนขับรถ “กลับบ้าน”

ภายในมหาวิทยาลัยตี้ตู

จั่วหลีพาอิ๋งจื่อจินมาที่ตึกทดลองของคณะฟิสิกส์ เขาหยุด “นักเรียนอิ๋ง เดี๋ยวอาจารย์จะไปเอาบัตรประจำตัวที่ห้องพักครูนะ เธอเดินเล่นอยู่แถวนี้ก่อน อย่าไปไกลล่ะ”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้า

เธอเงยหน้ามองตึกนี้ของคณะฟิสิกส์

สุดท้ายก็แน่ใจว่าคณะฟิสิกส์รวยมาก

ก่อนหน้านี้จั่วหลียังได้อวดกับเธอว่า มีนักศึกษาที่เรียนจบไปแล้วสร้างกิจการจนประสบความสำเร็จได้กลับมาบริจาคเงินให้คณะพวกเขาถึงพันล้าน

เวลานี้มีเสียงเรียกด้วยความไม่แน่ใจดังมาจากด้านหลัง “เทพอิ๋ง?”

อิ๋งจื่อจินหันไป

“ใช่คุณจริงด้วย เทพอิ๋ง” นักศึกษาชายตื่นเต้น “ไม่รู้ว่าคุณยังจำผมได้หรือเปล่า ผมเป็นหัวหน้าห้องของทิงหลาน”

อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว “อืม จำได้ ที่เคยเอาปากกามาเป็นธูปกราบไหว้ฉัน”

“…”

“เทพอิ๋งมาได้ยังไง” หัวหน้าห้องตัดสินใจผ่านคำถามงี่เง่าแบบนี้ไป “ทิงหลานอยู่มหาวิทยาลัยนอร์ตันสบายดีไหมครับ”

“ก็ดีค่ะ” อิ๋งจื่อจินหาว “ฉันไม่ทันระวัง ถูกหลอกมาที่นี่”

หัวหน้าห้องรู้สึกว่าพวกเขาคุยกันต่อไปไม่ได้แล้ว

เขาเกาหัว ขณะที่กำลังจะพูดบางอย่าง ทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปมาก พูดโพล่งออกไป “เทพอิ๋งระวัง!”

นักศึกษาชายคนหนึ่งวิ่งออกมาจากในตึกทดลองที่อยู่ด้านหลัง เขาถือมีดปอกผลไม้ พุ่งตรงมาที่หลังของอิ๋งจื่อจิน

หูของอิ๋งจื่อจินขยับ สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง

จากนั้นร่างกายของเธอก็เคลื่อนไหวในชั่วพริบตา วาดเท้าถีบนักศึกษาชายคนนั้นลงไปกองบนพื้น

ตึง!

อิ๋งจื่อจินไม่ได้มองนักศึกษาชายคนนั้น เธอยกมือคว้ามีดปอกผลไม้ที่หล่นกลางอากาศ

รับมาอย่างง่ายดาย

ในที่สุดหัวหน้าห้องก็เข้าไปกระชากคอเสื้อนักศึกษาชายคนนั้นไว้ จับเขากดไว้กับพื้นทันที ตวาดเสียง “แกเป็นใคร คิดจะทำอะไร!”

“ใครใช้ให้เธอรังแกนางฟ้าของฉัน” นักศึกษาชายพยายามดิ้นรนสุดชีวิต หน้าแดงคอแดง “ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ นางฟ้าของฉันจะถูกด่าขนาดนั้นไหม ฉันต้องให้บทเรียน!”

อิ๋งจื่อจินยังถือมีดปอกผลไม้เล่มนั้นอยู่ แววตาของเธอเรียบเฉย “แฟนคลับเยี่ยซีเหรอ”

เยี่ยซีหน้าตาใสซื่อ มีแฟนคลับผู้ชายอยู่ไม่น้อย

เยี่ยซีโพสต์ขอโทษในเวยปั๋วแล้ว แต่กลับยิ่งทำให้แฟนคลับสงสาร เฉินหลีก็ไม่ลืมให้ทีมประชาสัมพันธ์ล้างสมองแฟนคลับของเยี่ยซี

หัวหน้าห้องรู้สึกงง “เยี่ยซีคือใครเหรอ”

เขาเป็นพวกคลั่งเรียน ไม่เคยสนใจวงการบันเทิงเลย

แม้เยี่ยซีจะเป็นดารายอดนิยมที่เพิ่งแจ้งเกิด เขาก็ไม่รู้จัก

ฉินหลิงอวี๋เขาก็ไม่รู้จัก อย่างไรเสียฉินหลิงอวี๋ก็ไม่เล่นละคร

มีแค่ดาราอย่างซังเย่าจือที่เป็นขวัญใจมหาชน เคยแสดงผลงานฟอร์มยักษ์มามากมาย หัวหน้าห้องถึงจะรู้สึกคุ้นหน้าอยู่บ้าง

“ที่นี่มีกล้องวงจรปิด” อิ๋งจื่อจินเงยหน้า มือข้างหนึ่งชี้ไปที่หลายจุด “ตรงนี้ กับตรงนั้น มีทั้งหมดห้าตัว ถ้าฉันอยากจะขอภาพก็ง่ายมาก”

นักศึกษาชายฟังๆ อยู่ก็เหงื่อท่วมหน้าผาก เขาแสร้งทำเป็นไม่กลัว “ละ แล้วไงล่ะ”

“ไม่ไงหรอก” สีหน้าของอิ๋งจื่อจินเรื่อยเปื่อย “ยินดีด้วย นายได้กลายเป็นตัวถ่วงเส้นทางของนางฟ้าของนายแล้ว”

นักศึกษาชายเริ่มลนลาน “เธอคิดจะทำอะไร เรื่องที่ฉันทำไม่เกี่ยวกับซีซี!”

แต่เขาก็รู้ว่า เขาเป็นแฟนคลับของเยี่ยซี

หากเรื่องนี้ถูกแพร่ออกไป สถานการณ์ของเยี่ยซีก็จะยิ่งแย่ลง

“นักเรียนอิ๋ง ทำอะไรกันเหรอ” จั่วหลีเดินออกมาจากห้องพักครู พอเห็นแบบนี้ก็อดตกใจไม่ได้ เขายื่นเข็มกลัดสี่เหลี่ยมให้ “อะ บัตรประจำตัวเธอ”

อิ๋งจื่อจินพยักหน้าพลางรับมา

เธอดูแล้วก็รู้สึกว่าออกแบบมาไม่ค่อยสวย แต่สุดท้ายก็ติดลงบนเสื้อ

หัวหน้าห้องอยู่ใกล้ เห็นข้อความบนบัตรประจำตัว

เขาช็อกในทันที

ให้ตายเหอะ

เขากับพวกนักเรียนในคลาสเด็กอัจฉริยะคนอื่นๆ เหนื่อยแทบตายอยู่ในคลาสทดลองของคณะฟิสิกส์มหาวิทยาลัยตี้ตู ถูกพวกอาจารย์ที่ปรึกษาทรมานสารพัด แต่เทพอิ๋งของพวกเขาได้เป็นรองศาสตราจารย์เลยเหรอ

นักศึกษาชายคนนั้นก็เห็นแล้ว หน้าซีดในทันที

ถ้าเป็นนักศึกษาด้วยกันก็ยังพอเจรจาได้

ไม่มีใครบาดเจ็บ อาจารย์ฝ่ายดูแลนักศึกษาก็จะพยายามทำให้เรื่องนี้จบๆ ไป อย่างมากเขาก็แค่ถูกตัดคะแนน

แต่ถ้าเป็นกับอาจารย์ สถานการณ์ก็ไม่เหมือนกันแล้ว

แต่อิ๋งจื่อจินไม่ใช่เด็กมัธยมปลายเหรอ!

สมองของเขาตื้อไปหมด รู้สึกสับสน

“ศาสตราจารย์จั่วครับ” หัวหน้าห้องนึกถึงเรื่องสำคัญที่สุด “เมื่อกี้คนคนนี้คิดจะทำร้าย โชคดีที่เทพอิ๋งไหวตัวทันครับ”

“ว่าไงนะ” หลังจากจั่วหลีได้ฟังเรื่องราวก็มีสีหน้าเคร่งขรึม โทรหายามทันที

ยามมาถึงอย่างรวดเร็วและคุมตัวนักศึกษาชายคนนั้นไว้

จั่วหลีพูดเสียงแข็ง “ทุกอย่างทำตามกฎของมหาวิทยาลัย จัดการอย่างเข้มงวด”

นักศึกษาชายหน้าซีดยิ่งกว่าเดิม ลนลานสุดขีด “ไม่…ไม่นะครับศาสตราจารย์จั่ว ผมสำนึกผิดแล้ว ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมไม่ได้อยากทำร้ายคน”

เขาก็แค่อยากขู่อิ๋งจื่อจิน เพื่อให้เธอขอโทษเยี่ยซี

จั่วหลีไม่ฟัง

หลังจากยามพาตัวนักศึกษาชายคนนั้นออกไปแล้ว จั่วหลียังรู้สึกกลัวไม่หาย “นึกไม่ถึงว่าในมหาวิทยาลัยตี้ตูก็มีแฟนคลับสมองเพี้ยน นักเรียนอิ๋ง ตกใจมากไหม”

ถ้าอิ๋งจื่อจินเกิดได้รับบาดเจ็บขึ้นมา เขาไม่มีทางให้อภัยตัวเอง

“หนูไม่เป็นไรค่ะ” อิ๋งจื่อจินพับแขนเสื้อขึ้น “เขาต่างหากที่ตกใจมาก”

จั่วหลีมองหัวหน้าห้อง สีหน้าเปลี่ยนไปทันที ทำหน้ารังเกียจ “ลูกผู้ชาย เจอเรื่องแค่นี้ก็ขวัญหายแล้วเหรอ ใช้ได้ที่ไหนกัน เดี๋ยวกลับไปฉันจะให้อาจารย์ที่ปรึกษาของนายเพิ่มการฝึกสมรรถภาพทางร่างกายอีก”

หัวหน้าห้อง “?”

ที่เขาตกใจเป็นเพราะอิ๋งจื่อจินกลายเป็นรองศาสตราจารย์ของคณะฟิสิกส์ต่างหาก เกี่ยวอะไรกับที่มีคนจ้องจะทำร้ายด้วย

“ไปๆๆ นักเรียนอิ๋ง เธอเข้ามาในมหาวิทยาลัยตี้ตูครั้งแรก อาจารย์จะพาเธอไปเดินชมด้านนอกก่อน” จั่วหลีเอามือไพล่หลัง “อีกเดี๋ยวพวกเราค่อยไปที่ห้องทดลอง”

การเยี่ยมชมห้องทดลองครั้งนี้แบ่งตามคณะ

เขารู้ว่าตอนนี้สาขาคอมพิวเตอร์ไปที่นั่นแล้ว เขาเลยต้องเลี่ยง

ภายในห้องทดลอง

ห้องทดลองชั้นยอดแห่งนี้เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อต้นปีนี้ ใช้เวลาสร้างเกือบสิบปี กินพื้นที่กว้างมาก

เครื่องไม้เครื่องมือที่อยู่ภายใน มูลค่าต่ำสุดอยู่ที่หนึ่งล้าน

หากไม่ได้รับอนุญาตจากศาสตราจารย์ พวกนักศึกษาที่เข้ามาเยี่ยมชมจะไม่สามารถแตะต้องเครื่องมือต่างๆ ได้

นอกจากอิ๋งเย่ว์เซวียน นักศึกษาคนอื่นๆ ก็ล้วนแต่เป็นสิบอันดับแรกของชั้นปีในสาขาคอมพิวเตอร์

หลังจากที่เธอตามศาสตราจารย์หลี่เยี่ยมชมห้องทดลองเสร็จก็ยิ่งแน่วแน่ว่าจะตัดสินใจทำงานวิจัยค้นคว้าวิทยาศาสตร์

ประตูของห้องทดลองเปิดออกอีกครั้ง

อิ๋งเย่ว์เซวียนมองไป พอเห็นก็ตกใจเล็กน้อย “ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่”

พอพูดแบบนี้ออกไปเธอก็พบว่าตัวเองยังคิดว่าอิ๋งจื่อจินเป็นแบบเมื่อก่อนอยู่

เธอเกือบลืมไปแล้วว่าอิ๋งจื่อจินอยู่ในค่ายติวไอเอสซี ที่นั่นมีศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยตี้ตูหลายคน อิ๋งจื่อจินย่อมเข้ามาที่นี่ได้

อิ๋งเย่ว์เซวียนกำมือแน่น

นี่คือความแตกต่าง

ขนาดเธอยังต้องให้เมิ่งหรูช่วยติดต่อศาสตราจารย์หลี่ แต่อิ๋งจื่อจินไม่เหมือนกัน ศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยตี้ตูจะเป็นฝ่ายเชิญเอง

แตกต่างกันมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร

ทั้งๆ ที่เดิมทีไม่ใช่แบบนี้

อิ๋งจื่อจินไม่ได้มองอิ๋งเย่ว์เซวียน เธอเดินเข้าไปที่เครื่องมือชนิดหนึ่ง มองๆ ดูแล้วกดปุ่มเริ่มทำงาน

นี่คือเครื่องชนอิเล็กตรอน-โพซิตรอน เป็นเครื่องที่ขาดไม่ได้ในการค้นคว้าทางด้านฟิสิกส์

ลำพังแค่เครื่องชนอิเล็กตรอน-โพซิตรอนนี้ เงินที่ทางมหาวิทยาลัยตี้ตูลงทุนไปก็เกินหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์แล้ว

นับตั้งแต่อิ๋งจื่อจินเข้ามา อิ๋งเย่ว์เซวียนก็กระวนกระวาย จับตาดูอยู่ตลอด

จนกระทั่งเธอเห็นอิ๋งจื่อจินเปิดเครื่องชนอิเล็กตรอน-โพซิตรอน

“ศาสตราจารย์หลี่คะ ไหนว่านักศึกษาห้ามแตะต้องพวกเครื่องไม้เครื่องมือไงคะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนเม้มริมฝีปาก “ทำไมเธอแตะได้ล่ะคะ”

เมื่อครู่เธออยากลองลูบ แต่ก็ถูกศาสตราจารย์อีกคนของสาขาคอมพิวเตอร์ห้ามไว้

มีกฎข้อนี้อยู่ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรักษาความยุติธรรมหรือเปล่า

ทำผิดกฎก็ต้องไล่ออกจากห้องทดลอง

“ใครเหรอ” พอได้ยินแบบนี้สีหน้าของศาสตราจารย์หลี่ก็เริ่มเครียด เงยหน้าขึ้นทันที

พอเห็นจั่วหลีเขาก็เดินเข้าไปหา

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท