คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 623 ตะลึง! เซี่ยเนี่ยน ยังจะกล้าอวดดีอีกไหม

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 623 ตะลึง! เซี่ยเนี่ยน ยังจะกล้าอวดดีอีกไหม

“เห็นหรือยัง ผู้อาวุโสใหญ่ท่านนี้ หากเขาไม่ได้เข้ามาอยู่ศาลสถิตยุติธรรม อยู่ในตระกูลของตัวเองอย่างสบายใจ เขาก็ไม่มีทางตาย” อวิ๋นซานชี้เอกสาร “ถ้าเขาไม่ตาย มีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ ไม่เก่งกว่าเซี่ยฮ่วนหรานไปแล้วเหรอ”

วินาทีที่เลือกจะเข้ามาอยู่ศาลสถิตยุติธรรม ชีวิตก็ไม่ใช่ของตัวเองอีกต่อไปแล้ว

“แกคิดว่าเขาไม่อยากมีชีวิตอยู่เหรอ เป็นเพราะเขาเอาชีวิตของพวกแกไว้เหนือกว่าชีวิตตัวเองยังไงล่ะ!” อวิ๋นซานก็ตาเริ่มแดง “ทั้งๆ ที่ตายเพราะปกป้องพวกแก แล้วแกกล้าพูดแบบนี้ออกมาได้ยังไง”

ผู้อาวุโสใหญ่ตระกูลฝานกัดฟัน

คำพูดนี้ราวกับเป็นการตบหน้า ทำให้ใบหน้าของเขาแสบร้อน

“ยังมีอีก!” มือข้างหนึ่งของอวิ๋นซานหยิบภาพเหมือนออกมาจากในกล่อง มืออีกข้างก็จับคอของผู้อาวุโสใหญ่ตระกูลฝาน บีบบังคับ “แกดูหน้าของฮู่ฝ่ากู่มู่ไว้ แกยังจะบอกว่าศาลสถิตยุติธรรมเป็นขยะ ไม่ยุติธรรม ไม่ได้เรื่องอีกไหม”

ผู้อาวุโสใหญ่ตระกูลฝานมองภาพนั้น

ชายชราในภาพมีใบหน้าที่ใจดี รอยยิ้มอ่อนโยน

ความทรงจำเมื่อนานมาแล้วปรากฏขึ้นในเวลานี้

มันเป็นเรื่องเมื่อร้อยกว่าปีก่อน

ตระกูลฝานยังเป็นเพียงตระกูลขนาดกลาง ตระกูลหลิน เซี่ย และเย่ว์ยังไม่ได้เลื่อนขึ้นมาเป็นสามตระกูลใหญ่ชั้นแนวหน้า

ตอนนั้นตระกูลที่อยู่อันดับสองและสามร่วมมือกันโจมตีตระกูลอื่นรอบๆ พวกเขาสู้ไม่ได้ จึงไปขอความช่วยเหลือจากอิทธิพลอื่น

แต่อิทธิพลอื่นก็ไม่อยากเดือดร้อนด้วย มีเพียงคนของศาลสถิตยุติธรรมที่มา

ผู้อาวุโสใหญ่ตระกูลฝานจำได้อย่างแม่นยำ ตอนนั้นเขายังเด็กมาก แค่แปดขวบ วรยุทธ์ไม่ต่างกับไม่มี

เพื่อช่วยชีวิตเขา ปกป้องเขาไม่ให้บาดเจ็บ ฮู่ฝ่ากู่มู่คนนี้ยอมให้ศัตรูแทงเข้าที่ท้องเพื่อพาเขาไปยังที่ปลอดภัย

ถึงแม้กู่มู่จะมีวรยุทธ์สูง แต่ถูกศัตรูรุมหนัก สุดท้ายก็ตายในสนามรบ

ศัตรูไม่เหลือศพของเขาไว้ เผาจนเหลือแต่เถ้าถ่าน จากนั้นก็โยนทิ้งแม่น้ำ

กู่มู่คนเดียวช่วยคนได้ร่วมร้อยคน แต่คนในครอบครัวของเขากลับไม่ได้เห็นแม้แต่เถ้ากระดูกของเขา

เรื่องแบบนี้มีมากมายนับไม่ถ้วน

และก็เพราะศาลสถิตยุติธรรม ร้อยกว่าปีที่ผ่านมานี้ถึงไม่มีสงครามใหญ่เกิดขึ้นอีกในโลกจอมยุทธ์

ผู้อาวุโสใหญ่ตระกูลฝานพูดไม่ออก

ในขณะที่เขาอยู่เสวยสุขในบ้าน มีทรัพยากรที่มากพอให้ฝึกฝนเลื่อนระดับ คนคุ้มกันของศาลสถิตยุติธรรมที่ไปปักหลักตามชายแดนอาณาเขตของตระกูลใหญ่กลับมีชีวิตที่อาจตายได้ทุกเมื่อ

เหนื่อยก็ล้มนอนบนพื้น แค่ได้กินหมั่นโถวร้อนๆ ก็มีความสุขแล้ว

ไม่มีใครคิดว่าพวกเขาก็มีครอบครัว มีเพื่อน

“ความสุขสบายของแก ทรัพยากรฝึกวรยุทธ์ของแก ล้วนแลกมาด้วยการตายของคนเหล่านี้ พอถึงเวลากลับโทษศาลสถิตยุติธรรม” อวิ๋นซานแสยะยิ้ม “แกมันหมาป่าตาขาวจริงๆ!”

“เอาล่ะ” สายตาของฟู่อวิ๋นเซินเรียบเฉย “เก็บของให้เรียบร้อย เอาตัวเขาออกไป”

อวิ๋นซานทำเสียงหึ ไม่พูดอะไรมากอีก ช่วยกันกับอวิ๋นอู้เอาตัวผู้อาวุโสใหญ่ตระกูลฝานที่เหมือนวิญญาณหลุดจากร่างไปแล้วออกไป

เกิดความเงียบขึ้นภายในห้องโถง

เห็นได้ชัดว่าบรรดาผู้อาวุโสก็เสียใจเหมือนกัน

“ศาลสถิตยุติธรรมเป็นฝ่ายเสียสละเพื่อโลกจอมยุทธ์ แต่พอออกจากปากของบางคนกลับกลายเป็นสุนัขไร้ค่าที่ไม่ได้เรื่อง” ผู้อาวุโสใหญ่กำมือแน่น “มิน่า คนที่ยินดีจะเข้ามาอยู่ศาลสถิตยุติธรรมถึงได้มีน้อยลงเรื่อยๆ”

ใครจะอยากมาทำเรื่องที่เหนื่อยแทบตายกลับไม่ได้คำชม แถมยังถูกด่า

เป็นคนดีมันช่างยากเหลือเกิน

ต่อให้ทำได้ไม่ดีแค่เรื่องเดียวก็ยังถูกด่า

แค่เพราะจัดการเซี่ยฮ่วนหรานไม่ได้ ผู้เสียสละของศาลสถิตยุติธรรมก็เลยถูกปฏิเสธทั้งหมด

ราวกับเป็นเรื่องตลก

ผู้อาวุโสใหญ่หลับตาลง พูดเสียงสั่น “ฉันล่ะเคืองใจแทนเหล่าผู้อาวุโสที่ล่วงลับไปแล้ว”

ถ้ากู่มู่กับสวี่อวิ๋นเฟิงที่อยู่ในปรโลกรู้ว่าคนรุ่นหลังสมัยนี้ไม่เพียงแต่จะไม่ระลึกถึงการเสียสละของพวกเขา กลับด่าศาลสถิตยุติธรรมด้วยซ้ำว่าไม่มีปัญญาจัดการเซี่ยฮ่วนหราน พวกเขาจะรู้สึกอย่างไร

“ผู้อาวุโสใหญ่อย่าเคืองใจไปเลยครับ” ฟู่อวิ๋นเซินพูด “คนที่พูดแบบนี้ออกมาได้ คนที่มีความคิดแบบนี้ ในสันดานคือคนเห็นแก่ตัว ไม่รู้จักนึกถึงคนอื่น”

“ศาลสถิตยุติธรรมไม่จำเป็นต้องปกป้องเขา และเขาก็ไม่มีค่าพอให้ต้องช่วย”

ผู้กล้าเสียสละ แต่ผู้มีจิตใจต่ำทรามกลับไม่เห็นค่า

โลกจอมยุทธ์จะเสื่อมถอยก็เป็นเรื่องปกติ

“อวิ๋นเซิน” ผู้อาวุโสใหญ่อึ้ง พูดเสียงเบา “ไว้วันไหนพวกเราไปกันหมดแล้ว ก็เหลือแค่นายคนเดียวแล้วนะ”

เขาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “วรยุทธ์ของนายก้าวหน้าไปเร็วมาก ฉันเชื่อว่าไม่เกินสิบปี นายจะต้องฆ่าเซี่ยฮ่วนหรานได้แน่นอน กำจัดเนื้อร้ายให้โลกจอมยุทธ์”

ฟู่อวิ๋นเซินเงียบไปชั่วครู่แล้วยิ้มพลางพูด “สิบปี ตัวแปรเยอะเกินไปครับ”

“ฉันให้ฮู่ฝ่าขวาจับตาดูตระกูลเซี่ยไว้แล้ว” ผู้อาวุโสใหญ่พูด “ถ้ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกก็ให้ตระกูลอื่นย้ายไปอยู่โลกปุถุชน ศาลสถิตยุติธรรมของพวกเราจะปิดตายเส้นทางของโลกจอมยุทธ์ สู้กับตาแก่นั่นให้ตายไปด้วยกัน!”

ที่เซี่ยฮ่วนหรานไม่แตะต้องศาลสถิตยุติธรรมมานานขนาดนี้ก็เพราะกุญแจของเส้นทางโลกจอมยุทธ์อยู่ในมือศาลสถิตยุติธรรม

ไม่มีคนอื่นรู้

หากศาลสถิตยุติธรรมดับสิ้น โลกจอมยุทธ์ก็จะถูกปิดตายไปตลอดกาล

ดังนั้นต่อให้กำลังหลักของศาลสถิตยุติธรรมเสียหายไปครั้งแล้วครั้งเล่า สถานะก็ยังคงไม่สั่นคลอน

“ยังไม่ถึงขั้นนั้นครับ” ฟู่อวิ๋นเซินพูด “พวกเราต้องตามหาคนคนหนึ่ง”

“ใคร”

“เฟิงซิว”

“เฟิงซิว เขาเหรอ” ผู้อาวุโสใหญ่หลุดหัวเราะ “เขาน่าจะตายไปแล้ว ไม่อย่างนั้นไม่มีทางเงียบหายไปนานขนาดนี้”

ผู้อาวุโสรองกลับพูดขึ้น “พี่ใหญ่ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ อวิ๋นเซินพูดถูก ผู้อาวุโสเฟิงซิวอาจยังมีชีวิตอยู่ เอาแบบนี้ ขอทีมคุ้มกันให้ผมหนึ่งทีม ผมกับน้องสามจะไปตามหาเขา”

ผู้อาวุโสสามพยักหน้า “ได้ข่าวมาว่าช่วงนี้เซี่ยฮ่วนหรานไปเก็บตัวฝึกแล้ว อย่างน้อยก็สามเดือน”

ผู้อาวุโสใหญ่ครุ่นคิดสักพัก สุดท้ายก็เห็นด้วย “ได้ นายกับน้องสามพาทีมคุ้มกันไป ฉันจะไปเตรียมของให้”

เขาลุกออกไป ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ก็ทยอยเดินออก

“ทำไมอยู่ๆ ก็ยิ้มล่ะ” ก่อนผู้อาวุโสรองไปได้หันไปมองฟู่อวิ๋นเซิน “ยิ้มอะไร”

ฟู่อวิ๋นเซินไม่เงยหน้า “อ๋อ ส่งข้อความหาแฟนอยู่ครับ”

ผู้อาวุโสรอง “…”

เขานึกถึงลูกชายตัวเองที่อายุเจ็ดสิบแล้วยังเป็นโสดอยู่

โมโหขึ้นมาทันที เดินฮึดฮัดออกไป

ผู้อาวุโสใหญ่แปลกใจ “น้องรอง เป็นอะไร ใครทำ หน้าบูดบึ้งขนาดนี้”

ผู้อาวุโสรองกัดฟันพูด “ผมจะไปซัดไอ้ลูกอกตัญญู!”

เขาจะตายวันไหนก็ยังไม่รู้ ยังไม่ได้เห็นแม้แต่หน้าหลาน เสียเปรียบ

ผู้อาวุโสใหญ่ “…”

สหพันธ์จอมยุทธ์

พออิ๋งจื่อจินมาถึงก็ถูกคนดูแลเรียกไว้ “คุณผู้หญิงโปรดรอสักครู่นะครับ ประธานสหพันธ์ของเราจะออกมาต้อนรับด้วยตัวเองครับ!”

อิ๋งจื่อจินหยุดเดิน

สาเหตุที่เธอมาสหพันธ์จอมยุทธ์ก็เพราะอยากลองดูว่าจะหาเฟิงซิวเจอจากที่นี่หรือเปล่า

ไม่นานเฉิงหย่วนก็ออกมา พาอิ๋งจื่อจินไปที่ห้องหนังสือของตัวเอง

เฉิงจิ่นก็อยู่ด้วย

“ศิษย์น้อง ในที่สุดก็ได้เจอเธออีกแล้ว ฉันเป็นศิษย์พี่ของเธอ” เฉิงหย่วนกระตือรือร้นมาก “นึกไม่ถึงว่าอาจารย์จะรับลูกศิษย์อีกคน แถมยังเป็นผู้หญิง ศิษย์น้องมีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาเลยนะ”

อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้วเล็กน้อย ไหลไปตามน้ำ “สวัสดีค่ะศิษย์พี่”

“ดีๆๆ เกรงใจเกินไปแล้ว” เฉิงหย่วนยิ้มจนหุบปากไม่ลง “ศิษย์น้อง นั่งๆๆ ไอ้ลูกซื่อบื้อ ไปยกน้ำชามา”

เฉิงจิ่นจำต้องเดินออกไปอย่างไม่เต็มใจนัก ยกน้ำชามาสองถ้วย “พ่อบุญธรรม ท่านอา เชิญดื่มชาครับ”

อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด สุดท้ายก็ถอดผ้าปิดปากออก

ฝ่ามือทาบที่หน้า ลบอุปกรณ์แปลงโฉมทั้งหมดออก

พอเห็นใบหน้าที่แท้จริงของอิ๋งจื่อจิน เฉิงจิ่นก็ตะลึงงัน ตะโกนออกมาด้วยความตกใจ “คุณเองเหรอ!”

เฉิงหย่วนตกใจ “แกรู้จักเธอเหรอ”

“คุณเป็น…ทั้งจอมยุทธ์กับแพทย์แผนโบราณเหรอ!” เฉิงจิ่นพูดเสียงหลง “แถมคุณยังเป็นปรมาจารย์จอมยุทธ์แล้วด้วย!”

เป็นที่ทราบกันดีว่าหลินชิงจยาคืออันดับหนึ่งของคนที่เป็นทั้งจอมยุทธ์และแพทย์แผนโบราณ

วรยุทธ์ของเธออยู่ที่ประมาณหกสิบปี

แต่ตอนนี้ คนตรงหน้าเขาเป็นแพทย์แผนโบราณที่มีวรยุทธ์ระดับปรมาจารย์จอมยุทธ์เลยเหรอ

“เพิ่งบรรลุ” อิ๋งจื่อจินพยักหน้า มองเฉิงหย่วน “ศิษย์พี่รู้ไหมคะว่าอาจารย์อยู่ที่ไหน”

เฉิงหย่วนอึ้ง “ศิษย์น้อง คำพูดนี้ควรเป็นศิษย์พี่ที่ถามเธอหรือเปล่า”

แววตาของอิ๋งจื่อจินดูคิดหนัก “ฉันไม่เจออาจารย์นานแล้ว ก็เลยลองถามดูว่าศิษย์พี่ได้เจอบ้างหรือเปล่า”

“ไม่เลย” เฉิงหย่วนส่ายหน้า “ร่องรอยของอาจารย์ไม่แน่นอน อีกทั้งโลกจอมยุทธ์ก็กว้างใหญ่ แต่เขาไม่ได้ปรากฏตัวนานขนาดนี้ น่าสงสัยว่าจะเก็บตัวยาวเพื่อไปอยู่ในขั้นที่สูงกว่า หรืออาจ…”

หรืออาจตายไปแล้วระหว่างเก็บตัวฝึกก็ได้

“เอาแบบนี้” อิ๋งจื่อจินยืนขึ้น “ศิษย์พี่ วันนี้ฉันยังมีเรื่องด่วน ไว้พรุ่งนี้มาใหม่ค่ะ”

เธอจำเป็นต้องกลับไปช่วยฝึกวรยุทธ์ของเวินเฟิงเหมียนให้ก้าวหน้าขึ้น

“ได้ๆ ระยะนี้ศิษย์พี่ไม่เก็บตัวฝึก อยู่ตลอด” เฉิงหย่วนยิ้ม “เฉิงจิ่น เดินไปส่งท่านอาสิ”

เขามองเฉิงจิ่น ความหมายชัดเจนมาก

ห้ามเอาเรื่องนี้ของอิ๋งจื่อจินออกไปพูดข้างนอก

คำพูดของเฉิงหย่วนเปรียบเสมือนพระบัญชาของฮ่องเต้ในสายตาเฉิงจิ่น

เฉิงจิ่นโค้งตัวคารวะอย่างนอบน้อม ส่งอิ๋งจื่อจินกลับ

อิ๋งจื่อจินซื้อของที่ช่วยฝึกวรยุทธ์จากสหพันธ์จอมยุทธ์เสร็จก็เตรียมไปศาลสถิตยุติธรรม

บังเอิญเจอกับเซี่ยเนี่ยนที่มาพร้อมคนคุ้มกันชายสองคน

เซี่ยเนี่ยนสายตาดี จำอิ๋งจื่อจินได้ตั้งแต่แวบแรก

“อิ๋งจื่อจิน เธอนี่มันเก่งเหลือเกินนะ” เซี่ยเนี่ยนหยุดตบมือ “แพทย์แผนโบราณทั้งหมดต่างเชื่อฟังเธอ แม้แต่คนระดับสูงของศาลสถิตยุติธรรมเธอก็ยังรู้จัก เธอยังรู้จักใครอีกล่ะ”

อิ๋งจื่อจินหันไปมองด้วยสายตาเย็นชา

“แต่เธอวางใจได้ ฉันไม่มีทางแตะต้องเธอหรอก” ปากแดงของเซี่ยเนี่ยนยกขึ้น “รอโลกจอมยุทธ์กลายเป็นของตระกูลเซี่ยเมื่อไร พวกเธอก็ไม่มีที่ให้ไปแล้ว”

เธอเชิดหน้าด้วยความยโสแล้วเดินออก

แต่วินาทีถัดมาก็มีแรงมหาศาล กำลังภายในถูกปล่อยมาลากเธอกลับไป

เซี่ยเนี่ยนตกใจ ยังไม่ทันตั้งตัวก็ถูกบีบคอไว้

จากนั้นก็ค่อยๆ ถูกยกขึ้น สองเท้าลอยเหนือพื้น

อากาศเข้ามาได้น้อยลง ใบหน้าของเซี่ยเนี่ยนเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ ตาปรือ “แกกล้า…”

เฉิงหย่วนไม่แม้แต่จะฟัง ง้างมือตบหน้าเซี่ยเนี่ยน

ออกแรงเต็มที่ ไร้ความปรานี

เฉิงหย่วนพูดด้วยเสียงเย็นชา “ยังจะกล้าอวดดีอีกไหม”

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท