คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 685 ใบหน้าร้อนผ่าว กลับตระกูล

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

ตอนที่ 685 ใบหน้าร้อนผ่าว กลับตระกูล

อาจารย์คนนี้เพิ่งเข้ามาอยู่สำนักวิจัยเมื่อห้าปีก่อน ไม่ค่อยคุ้นชื่อซีนายเท่าไร

แต่นามสกุลเรนเกล เขาไม่มีทางไม่รู้จัก

หนึ่งในสองนามสกุลที่ทรงเกียรติที่สุดในเมืองแห่งโลก

แต่เรื่องที่ทำให้อาจารย์ตะลึงที่สุดก็คือ ระดับดับเบิลเอส

สำนักวิจัยพิจารณาการให้ระดับโดยดูจากการสร้างคุณูปการ การคิดค้นผลงาน สติปัญญา เป็นต้น

ใครเก่งก็อยู่ระดับสูง

และในประวัติศาสตร์ที่มีมาหกร้อยกว่าปีของสำนักวิจัย นักวิจัยระดับดับเบิลเอสมีอยู่ไม่เกินสิบคน

ภาพวาดเสมือนจริงของนักวิจัยเหล่านี้ล้วนถูกแขวนอยู่ที่ระเบียงทางเดินด้านนอกสุด

ไซมอน แบรนด์ก็คือหนึ่งในนั้น และเขายังเป็นเพียงคนเดียวที่ยื่นความจำนงขอไปจากเมืองแห่งโลก

สรุปง่ายๆ ก็คือ การได้รับระดับดับเบิลเอสก็คือสามารถมีสิทธิ์มีเสียงเทียบเท่าผู้อำนวยการสำนักวิจัย

คณบดีของสองคณะใหญ่ก็ยังเทียบไม่ได้

อาจารย์มือสั่น

รูปถ่ายนี้คือเมื่อสิบปีก่อน

ตอนนั้นซีนาย เรนเกล ก็ได้เป็นนักวิจัยระดับสูงที่สุดของสำนักวิจัยแล้ว

และที่สำคัญที่สุดคือ ตอนนั้นเธอมีอายุแค่สิบหกปี

เป็นอัจฉริยะด้านการวิจัยเทคโนโลยีที่แท้จริงของตระกูลเรนเกล

บิล เรนเกล ที่อยู่ในรุ่นนี้ของตระกูลก็ยังเป็นบุคคลคนละระดับกับซีนาย

ไม่เพียงเท่านี้ เธอยังต้องเรียกซีนายว่าอาด้วยซ้ำ

แต่ซีนายเลื่อนเป็นนักวิจัยระดับดับเบิลเอสได้ไม่นานก็หายสาบสูญไป

สำนักวิจัยตามหากันให้วุ่น โดยเฉพาะคณบดีนอร์แมน

เขาไปที่บ้านตระกูลเรนเกลด้วยตัวเองหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้ข่าวคราวอะไร

ตระกูลเรนเกลประกาศต่อภายนอกว่า คุณหนูห้าซีนายออกไปท่องเที่ยวแล้ว ส่วนไปที่ไหนพวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน

คณบดีนอร์แมนกลับไม่เชื่อ

แต่เขาตามหาซีนายไม่เจอมาตลอด แค่บางครั้งบางคราวจะได้รับสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ที่ซีนายคิดค้นบ้าง

นี่คือลูกศิษย์ที่เขาภาคภูมิใจมากที่สุด กลับหายสาบสูญไปทั้งแบบนั้น

คณบดีนอร์แมนมองอาจารย์คนนี้แล้วพูดขึ้น

“คุณลองพูดอีกครั้งว่าตอนนี้ยังจะไปจับเธออยู่ไหม เอาไปเข้าห้องทดลองตัดต่อยีนของพวกคุณงั้นเหรอ”

“ไม่กล้าครับ!”

อาจารย์เหงื่อผุดเต็มหน้าผาก ยื่นโทรศัพท์มือถือคืนคณบดีนอร์แมน ถอยหลังด้วยความนอบน้อม

“พวกเราจะกล้าแตะต้องคนที่คุณหนูซีนายส่งเข้ามาได้ยังไงกันครับ”

คนนี้คือนักวิจัยระดับดับเบิลเอสเชียวนะ พวกเขาจะกล้าเป็นศัตรูกับซีนายได้ยังไง

อาจารย์กลับไปในสภาพเหงื่อแตกพลั่ก แข้งขาอ่อนแรง

ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คาดไม่ถึงว่านักวิจัยระดับต้นคนเดียวจะมีนักวิจัยระดับดับเบิลเอสรับรองพาเข้ามา

คณบดีนอร์แมนก็ไม่สนใจเขาอีกต่อไป รีบไปที่หอพัก

ภายในหอพัก อิ๋งจื่อจินกำลังคุยสายกับซิว

มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นในเวลานี้

เธอกดปุ่มปิดเสียงแล้วไปเปิดประตู

“นักศึกษาอิ๋งใช่ไหม ฉันคือคณบดีของคณะวิศวกรรมเครื่องกล และการบิน เธอเรียกฉันว่านอร์แมนก็ได้”

คณบดีนอร์แมนเข้าประเด็นทันที

“ฉันรู้ว่าซีนายเป็นคนรับรองเธอเข้ามา เธอบอกฉันได้ไหมว่าตอนนี้ซีนายอยู่ที่ไหนกันแน่”

สีหน้าของอิ๋งจื่อจินชะงักเล็กน้อย

ซีนายเคยบอกเธอว่าตามหาตัวคนที่จับเธอกรอกยาไม่เจอมาตลอด

เธอจึงแสร้งทำเป็นหายสาบสูญ เพราะกลัวว่าคนพวกนี้จะทำอันตรายคนรอบตัวเธอ

อิ๋งจื่อจินมั่นใจแปดสิบเปอร์เซ็นต์ว่า คนที่จับซีนายกรอกยาก็คือพวกองค์กรที่มีสัญลักษณ์เป็นหัวกะโหลกสีดำ

“ขอโทษด้วยค่ะ” สุดท้ายอิ๋งจื่อจินก็ไม่ได้ตอบตามความเป็นจริง

“หนูก็ไม่เคยเจอเธอเหมือนกันค่ะ เวลาคุยกันทางออนไลน์ก็เธอเป็นฝ่ายติดต่อมา”

แววตามีความหวังของชายชราค่อยๆ มอดลง มือก็ตกลง

“ถ้า…ถ้าเธอได้เจอซีนาย ฝากบอกด้วยว่า พวกเรารออยู่”

อิ๋งจื่อจินเงียบไปชั่วขณะ “ได้ค่ะ”

“งั้นไม่รบกวนแล้ว” คณบดีนอร์แมนยิ้ม

“วางใจได้ พวกนักศึกษาของคณะชีววิทยาจะไม่มีทางมาระรานเธออีก”

เขาหันตัวเดินออก ด้านหลังดูแก่ลงไปมากในชั่วพริบตา

อิ๋งจื่อจินมองส่งชายชราเดินจากไปแล้วถึงปิดประตู กลับมารับโทรศัพท์ต่อ “นายพูดต่อสิ”

“ผมพูดถึงไหนแล้วนะ อ๋อ ใช่” ซิวครุ่นคิด อดบ่นไม่ได้ “ยุ่งยากจริงๆ ที่ผมไม่ใช่ผู้วิเศษประเภทสู้รบ”

อิ๋งจื่อจินพิมพ์ข้อมูลที่ซิวพูดลงคอมพิวเตอร์ส่งให้ฟู่อวิ๋นเซินพลางถาม “ประเภทสู้รบเหรอ”

“อืม คุณก็รู้ความสามารถพิเศษของผม ซ่อนตัวได้แนบเนียน คนละเรื่องกับการต่อสู้เลย” ซิวพูด

“แน่นอนว่าต่อให้ผมไม่ใช่ผู้วิเศษประเภทต่อสู้ แต่ถ้าสู้กับพวกซูเปอร์ทหารที่ผ่านการตัดต่อพันธุกรรมจากคณะชีววิทยาและพันธุศาสตร์ ผมก็จัดการเรียบได้ในหมัดเดียว”

อิ๋งจื่อจินเคยทำความเข้าใจฝีมือการต่อสู้ของพวกซูเปอร์ทหารมาแล้ว

ซูเปอร์ทหารระดับดับเบิลเอสเทียบได้กับจอมยุทธ์ที่มีวรยุทธ์สามร้อยปี และถึงขีดจำกัดสูงสุดของการดัดแปลงพันธุกรรมแล้ว

ถ้าอยากเข้าหน่วยอัศวินทั้งสี่ก็ต้องอยู่ที่ต่ำสุดระดับบี

ซูเปอร์ทหารระดับบียังไม่ถึงขั้นปรมาจารย์จอมยุทธ์

ถ้าแม้แต่ซิวที่ไม่ใช่ผู้วิเศษประเภทต่อสู้ยังสามารถจัดการจอมยุทธ์ที่วรยุทธ์สามร้อยปีได้อย่างสบายๆ

แบบนั้นผู้วิเศษประเภทต่อสู้จะแข็งแกร่งขนาดไหน

ดวงตาหงส์ของอิ๋งจื่อจินหรี่ลงเล็กน้อย “งั้นใครเป็นผู้วิเศษประเภทต่อสู้”

“พลังก็ใช่ ก็ดูฉายาของเขาเสียก่อน ต้องมีกำลังเยอะแน่นอนถูกไหมล่ะ อัศวินรถม้ากับหอคอยก็ใช่” ซิวพูด “อ้อจริงสิ ยังมีเดวิลด้วย ฝีมือต่อสู้ของผู้วิเศษเดวิลต้องเป็นอันดับหนึ่งแน่นอน”

“ถ้าเขาออกโรง พลังกับอัศวินรถม้ารวมกันก็ยังขวางไม่ได้”

ซิวพูดถึงความสามารถของผู้วิเศษแต่ละคนให้ฟังต่อ แต่ผ่านมานานก็ไม่ได้ยินเสียงของปลายสาย เขาแอบงง “คิดอะไรอยู่”

“นายมันอ่อนจริงๆ”

“…”

ซิวกระแอม “ผู้วิเศษก็มีหน้าที่แตกต่างกันไป มีใครบ้างที่เก่งครอบจักรวาล ผมจะบอกให้ สังฆราชอ่อนกว่าผมอีก ความสามารถพิเศษของเขาก็แค่ใช้บารมีข่ม”

“นอกจากขู่ให้กลัวแล้วยังจะทำอะไรได้อีก”

อิ๋งจื่อจินหาวหวอด

“ถ้าใช้บารมีสร้างแรงกดดันได้เด็ดขาด ทำให้อีกฝ่ายสติแตกได้ในชั่วพริบตา แบบนั้นจะอ่อนได้ยังไง”

ซิว “…เอาเถอะ ผมห่วยสุด ผมทำให้คนสติแตกแล้วยังต้องแถมลูกถีบอีกหนึ่งที”

อิ๋งจื่อจินไม่อยากพูดไร้สาระกับผู้วิเศษที่ชอบย้อมผมอีก “วางละ”

เธอกดตัดสาย จัดเก็บเข็มทองกับเข็มเงินของตัวเอง

คุณนายซู่เวิ่นนอนหลับใหลมาเกือบยี่สิบปี ไม่รู้ว่าศาสตร์มือสิบสามเข็มจะใช้ได้ผลหรือเปล่า

วันต่อมา

รถแข่งสีแดงคันหนึ่งจอดอยู่ด้านหลังหอพัก

เป็นรุ่นเดียวกับที่ซิวซื้อ

อวี้เสวี่ยเซิงลดกระจกลง ยิ้มบาง “คุณอิ๋ง”

ตรงที่นั่งด้านหลังมีหญิงสาวคนหนึ่ง ก็คือซีนายที่ร่างกายกลับคืนสภาพ

เธอเปิดประตู กวักมือเรียก “อาอิ๋ง ขึ้นมาสิ”

อิ๋งจื่อจินขึ้นรถ มองสำรวจซีนาย “ไม่ค่อยกล้ายอมรับว่าเป็นเธอ”

แตกต่างกับเด็กหกขวบมากทีเดียว

“คนในตระกูลเลยมีแค่ไม่กี่คนที่รู้ว่าฉันตัวหด” ซีนายพยักหน้าเบาๆ ขมวดคิ้วพลางพูด

“ฉันอ่านอีเมลที่คณบดีนอร์แมนส่งมาแล้ว เกิดอะไรขึ้น คนของคณะพันธุศาสตร์มาหาเรื่องเธอเหรอ”

“เล็กน้อย” อิ๋งจื่อจินไม่แคร์ “ฉันเห็นในเอกสารเธอเรียนฟิสิกส์ด้วย ทำไมยังเกลียดฟิสิกส์อีกล่ะ”

ซีนายเหลือบตาขึ้นทำหน้าเซ็ง “เพราะตอนเรียนฟิสิกส์ผมฉันร่วงไวสุด”

อิ๋งจื่อจิน “…”

ซีนายจับผมตัวเอง แสงแดดสาดส่องผมสีบลอนด์ของเธอ

ซีนายพูดอย่างเศร้าๆ “ดูนะ อย่างน้อยเมื่อก่อนก็มีสองเท่า”

“พอเริ่มเรียนฟิสิกส์ก็ร่วงวันละร้อยเส้น ร่วงเยอะกว่าที่เหลือบนหัวอีก”

แต่พวกขอบเขตที่เธอวิจัยกลับต้องมีฟิสิกส์เป็นพื้นฐานทั้งนั้น

เธอเลยเกลียดฟิสิกส์

ทำไมถึงได้มีวิชาที่ทำให้ผมร่วงแบบนี้นะ

อิ๋งจื่อจินเอามือเท้าศีรษะ สายตาจับจ้อง “ยานั่นส่งผลร้ายต่อร่างกายเธอมากจริงๆ”

ร่างกายถูกบีบให้กลายเป็นร่างเด็ก ถือเป็นการผิดธรรมชาติมากแล้ว

ทั้งยังทำลายเส้นประสาทของซีนาย ทำให้แม้แต่นิสัยก็เปลี่ยนไปมาก

“ช่างมันเถอะ” ซีนายพูด “ตอนนี้ฉันยังมีชีวิตอยู่ จะทำสามเรื่อง หาพี่ใหญ่ให้เจอ ช่วยให้พี่สะใภ้ใหญ่ฟื้น สืบให้แน่ใจว่าหลานสาวของฉันยังมีชีวิตอยู่”

เธอตามหามาสิบปีแล้ว ในใจก็เริ่มหวั่นไหว

อย่างไรเสียเธอก็แค่ได้รับข้อความจากบุคคลนิรนาม

ข้อความนั้นบอกว่า ลูกของซู่เวิ่นยังไม่ตาย แต่ถูกส่งไปยุโรปอย่างลับๆ

แต่ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ คนที่ส่งข้อความนั้นให้เธอก็ไม่เคยปรากฏตัว

ในสุสานตระกูลที่อยู่หลังเขาก็เป็นเครื่องยืนยันว่าคือศพเด็กทารก

ซีนายจำต้องสงสัยว่าเป็นการเล่นพิเรนทร์

“บรื้นนน!”

สองชั่วโมงต่อมารถก็ค่อยๆ หยุดลงที่หน้าคฤหาสน์แห่งหนึ่ง

ตระกูลที่แสดงถึงอำนาจของเมืองแห่งโลก คฤหาสน์ใหญ่ของตระกูลเรนเกล

ในเวลาเดียวกัน รถหรูอีกคันหนึ่งก็เคลื่อนลงมาจากเส้นทางบนฟ้า ตามอยู่ด้านหลัง

“คุณบิลคะ รถของใครกันกล้ามาขวางข้างหน้าคุณ” เทียนเยียนลงจากรถก่อน เปิดประตูให้บิล

“ใครในตระกูลคุณที่ไม่ดูตาม้าตาเรือแบบนี้”

รถแข่งรุ่นใหม่ของเว็บดับบลิวคันนี้เป็นรุ่นที่หนุ่มสาวชอบ พวกผู้ใหญ่มีอายุไม่มีทางขับ

เทียนเยียนอารมณ์เสียมาสองวันสองคืนแล้ว

เธอให้นักศึกษาระดับสูงของคณะชีววิทยาและพันธุศาสตร์ไปจับอิ๋งจื่อจินกับปิงหลานมาทดลอง แต่ไม่สำเร็จ ในใจก็เลยยังแค้นอยู่

อิ๋งจื่อจินสู้เป็นแล้วยังไง

ก็เป็นพลเมืองชั้นต่ำอยู่ดี ไม่มีแม้แต่สิทธิ์ที่จะรู้ว่าบ้านตระกูลเรนเกลอยู่ที่ไหน

หากว่าด้วยเรื่องความรู้ความสามารถก็สู้เธอไม่ได้

บิลที่สวมรองเท้าบู๊ทหนังทรงสูงลงจากรถ คนรับใช้ที่อยู่ข้างๆ ยังได้ปูพรมให้เธอโดยเฉพาะด้วย

เธอถอดแว่นกันแดด มองตามมือของเทียนเยียน

ประตูรถแข่งเปิดออก อิ๋งจื่อจินสวมหมวกเดินลงมา

ซีนายตามหลัง หันหน้ามา

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
ชาตินี้เธอขอแค่ได้ปลูกดอกไม้ เลี้ยงหมู กลายเป็นมอดที่สุขสบายที่สุดก็พอ เพื่อชีวิตวัยเกษียณอันสุขสบายสงสัยงานนี้ต้องลงแรงกันหน่อย!อิ๋งจื่อจิน คือลูกเลี้ยงแห่งตระกูลอิ๋งตระกูลเลื่องชื่อแห่งเมืองฮู่เฉิง พ่วงตำแหน่งคลังเลือดมีชีวิตของอาสาวเธอถูกรังแกสารพัด เป็นเด็กหัวไม่ดีที่แม่แท้ๆ ยังไม่อยากยอมรับแต่นั่นเป็นเรื่องก่อนที่ ‘เธอ’ จะตื่นขึ้นเธอเคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน หลายตัวตน หลายฐานะ ไม่ว่าจะเป็นหมอ แม่มด ผู้บำเพ็ญ ได้รู้จักกับบุคคลในตำนานมากมายแต่นั่นก็เป็นเรื่องนานมาแล้ว…ชาตินี้เธอเลยอยากลองเป็นมอดที่มีความสุขไร้กังวล ใช้ชีวิตวัยเกษียณให้สุขสบายดูบ้างจัดการคนในตระกูล ฟาดหน้าเพื่อนตัวร้าย ขึ้นเป็นหัวโจกโรงเรียนเอาเถอะ อยากสบายก็ต้องลำบากก่อน กวาดมันให้ราบก่อนค่อยว่ากัน!อิ๋งจื่อจิน “มาตกลงกันหน่อย เลิกเรียกฉันว่าเด็กน้อยได้ไหม”“อายุห่างสามปีก็มีช่องว่างระหว่างวัยแล้ว พี่ชายคนนี้โตกว่าเธอห้าปี เธอไม่ใช่เด็กน้อยจะเป็นอะไร”อิ๋งจื่อจินชะงัก ขมวดคิ้ว “พี่ชายเหรอ”ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เรียกพี่ชายให้ฟังอีกครั้งซิ”“ฝันเก่งนะคุณ”“…”ได้ การเจรจาล้มเหลว ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้เด็กน้อยหลอกยากพอตัว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท