ตอนที่ 721 ตัวตนเปิดเผย วางยาจูซา
ต่อให้มืดก็ทำอะไรความสวยของอิ๋งจื่อจินไม่ได้
ยิ่งซูมใกล้ อีกทั้งกล้องยังความละเอียดสูง ถึงขั้นที่เห็นแม้กระทั่งขนตางอนยาวของเธอด้วยซ้ำ
[อิจฉามาก ต่อให้ฉันไปศัลยกรรมให้เหมือนคุณอิ๋ง บุคลิกก็ยังเอาไม่อยู่]
[คิดว่าศัลยกรรมแล้วจะได้แบบนั้นเหรอ]
[พอเถอะ ผู้หญิงหน้าตาสวยทำอะไรได้ ไม่มียศถาบรรดาศักดิ์ สุดท้ายก็ต้องแต่งงานไปดูแลลูกผัว เลิกอวยคนธรรมดาในไลฟ์ของคุณหนูบิลได้แล้ว ไม่คู่ควร]
บิลสีหน้าเรียบเฉย
ระดับชนชั้นในเมืองแห่งโลกแบ่งค่อนข้างแน่นอน ความแตกต่างมีมาก
เรื่องชาติกำเนิด ไม่ว่าอิ๋งจื่อจินจะพยายามแค่ไหนก็สู้เธอไม่ได้
สุดท้ายก็มีคนที่มองออก
แต่ทันใดนั้นก็มีข้อความเด้งขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
[โอ้โห ที่นั่งวีไอพีเหรอ!]
[เห็นกันไหม นั่นที่นั่งวีไอพีไม่ใช่เหรอ!]
[คุณอิ๋งติดบัคอะไรหรือเปล่า ข้ามโซนเอไปที่นั่งวีไอพีเลยเหรอ]
[เอาแค่นี้จะบอกว่าเธอไม่มีสถานะอะไรงั้นเหรอ ฉันไม่เชื่อหรอก]
บิลขมวดคิ้ว
ที่นั่งวีไอพีอะไร
เธอหันไปถึงได้สังเกตเห็นว่าอิ๋งจื่อจินหายไปแล้ว
ส่วนเยี่ยซือชิงที่เมื่อครู่เดินมากับอิ๋งจื่อจินก็เอากระเป๋าวางตรงที่นั่งเอศูนย์ห้า ทั้งยังกวักมือเรียกนักศึกษาคนอื่น
บิลได้แต่มองตาปริบๆ ที่นั่งแถวแรกโซนเอถูกคนที่เธอไม่อยากเห็นหน้ามากที่สุดนั่งกันเต็มแล้ว
เธอมองบัตรที่อยู่ในมือตัวเอง
เบอร์สิบแปดโซนเอ
แถวที่สอง
พวกเยี่ยซือชิงนั่งกันอยู่แถวหน้าเธอ งั้นอิ๋งจื่อจินล่ะ
สมองของบิลหยุดทำงานไปชั่วขณะ
นี่มันเรื่องอะไรกัน!
คนที่เกิดความสงสัยยังมีคณบดีคณะพันธุศาสตร์อีกคน
เขามองคณบดีนอร์แมนเดินเข้ามาด้วยความตะลึงสุดขีด “นายมาได้ยังไงนอร์แมน นี่มันที่นั่งวีไอพีนะ! ทางสำนักวิจัยเอาบัตรวีไอพีปีนี้ให้คณะพันธุศาสตร์หมด!”
“ใช่ๆ ฉันรู้” คณบดีนอร์แมนเอามือไพล่หลัง ยิ้มตาหยี “แต่ฉันดวงดี ได้บัตรวีไอพีมากับเขาด้วย”
คณบดีนอร์แมนค่อยๆ หยิบบัตรสีทองออกมาโชว์ตรงหน้า จากนั้นก็ชะโงกหน้าไปมอง
“ไอ๊หยา นายนั่งเบอร์สิบ ของฉันเบอร์สาม เทียบกันไม่ได้หรอกนะ”
ยิ่งเลขบัตรอยู่ลำดับต้นๆ ก็ยิ่งแสดงถึงสิทธิพิเศษที่มากกว่า
สินค้าประมูลชิ้นไหนที่คณบดีนอร์แมนถูกใจ ไม่ว่าคณบดีคณะพันธุศาสตร์จะอยากได้ขนาดไหนก็ประมูลไปไม่ได้
แม้โปรเจ็กต์ของคณะวิศวกรรมศาสตร์กับคณะพันธุศาสตร์จะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่หินอุกกาบาตที่นักบินอวกาศเก็บมาจากนอกโลกก็ล้วนเป็นของที่สองคณะนี้แย่งชิงกันมาตลอด
คณบดีคณะพันธุศาสตร์จ้องเลขสามเขม็ง น้ำเสียงเปลี่ยนไป “เป็นไปไม่ได้! เบอร์สามเป็นที่นั่งคนในของตลาดประมูลลอเรนท์ นายจะเอาบัตรมาได้ยังไง”
“อ๊ะๆ อยากรู้ใช่ไหมล่ะ” คณบดีนอร์แมนพับบัตรเก็บให้ดี พูดด้วยความภูมิใจ “เฮอะ ฉันไม่บอกหรอก”
พูดจบเขาก็ค่อยๆ สอดบัตรเก็บแล้วนั่งลงหน้าคณบดีคณะพันธุศาสตร์
ดูเอาแล้วกันว่าลูกศิษย์ของเขากตัญญูขนาดไหน
“นอร์แมน!” คณบดีคณะพันธุศาสตร์โมโหเลือดขึ้นหน้า สายตาของเขาดุดัน
“เดือนหน้าคอยดูเถอะ ฉันจะรายงานเรื่องนายที่สำนักผู้วิเศษ คณะวิศวะของนายจะต้องถูกปิดแน่!”
คณบดีนอร์แมนมองบน
ดัดแปลงพันธุกรรมเป็นแล้วไง
ฉันเหาะได้นะเฟ้ย!
…
อีกด้านหนึ่ง
ชั้นบนสุดของตลาดประมูลลอเรนท์
อันที่จริงอิ๋งจื่อจินไม่ได้อยู่ตรงที่นั่งวีไอพี แต่เป็นห้องชุดที่ซีซาร์จัดไว้ให้โดยเฉพาะ
เธอเดินเข้าไป ตรงหน้ามีแต่แสงสีทองระยิบระยับ
อิ๋งจื่อจินนิ่งเงียบ สุดท้ายก็นั่งลง
ซีซาร์บ้าทองคำมาก ทำให้ตอนนี้เวลาเธอเห็นสีทองร่างกายจะรู้สึกไม่ค่อยโอเค
พอเห็นอิ๋งจื่อจินเข้ามาคนเดียว ฉินหลิงอวี๋ก็หันไปถาม “อาอิ๋ง คุณชายฟู่ล่ะ”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “ไปโรงพยาบาลกับพี่ชายเธอ อีกเดี๋ยวถึงจะมา”
“ไปโรงพยาบาลเหรอ”
“วางยาน่ะ”
ฉินหลิงอวี๋พยักหน้า ไม่แปลกใจอะไร
เธอเปิดขวดเบียร์ หันไปก็สบตากับดวงตาที่อ่อนโยนดุจสายน้ำของอวี้เสวี่ยเซิง
นัยน์ตาของเขาไม่ใช่สีดำสนิท หากสังเกตดีๆ จะมีสีน้ำเงินเข้มอยู่นิดหน่อย
ราวกับห้วงมหาสมุทร และคล้ายห้วงเวลาที่ผ่านมานับพันปี สุขุมลุ่มลึก
ฉินหลิงอวี๋กลืนน้ำลายอึกใหญ่ “คุณ…มองฉันแบบนี้ทำไม”
“คุณอวี้กำลังตั้งสมาธิ” อิ๋งจื่อจินหันไป “เขาเป็นนักสะกดจิต หลิงอวี๋เธอก็รู้”
“ขอโทษทีครับที่ทำคุณฉินตกใจ” อวี้เสวี่ยเซิงเหมือนเพิ่งได้สติกลับมา เขายิ้มบาง “แต่เบียร์ไม่ดีต่อสุขภาพ คุณฉินอย่าดื่มเยอะนะครับ”
พูดจบเขาก็ทำสมาธิต่อ
แต่ดวงตาไม่ได้ปิดลง
ต้องยอมรับเลยว่านี่เป็นดวงตาที่สวยงามมาก
มือของฉินหลิงอวี๋ชะงัก วางขวดเบียร์ที่เปิดแล้วลงบนโต๊ะ
จากนั้นเธอก็เคาะโต๊ะเบาๆ ด้วยความเซ็ง
ขนาดแฟนคลับยังห้ามเธอไม่ได้ แล้วนี่ทำไมเธอถึงยอมแพ้
…
ในขณะเดียวกัน
โรงพยาบาลศูนย์กลาง
เวลาหกโมงเย็นมีบริกรเข้ามาส่งอาหาร “อาหารเย็นครับคุณนายใหญ่”
“โอเค ออกไปได้” จูซายิ้ม ยกไวน์แดงที่อยู่บนรถอาหาร
ขณะที่เธอกำลังจะดื่มมือกลับชะงัก
จูซาขมวดคิ้ว เอาแก้วมาวนแถวรอบจมูก
มีแค่กลิ่นไวน์แดง
ของเหลวที่อยู่ในแก้วก็ไม่มีอะไรผิดเพี้ยน
แต่จูซาก็ยังคงไม่วางใจ หยิบเครื่องมือหลายชิ้นมาเริ่มตรวจ
ผ่านไปสามสิบนาทีเต็มๆ คิ้วที่ขมวดอยู่ของจูซาก็คลายออก ค่อยๆ จิบไวน์แดง
การกระทำของเธอถูกจับตาดูอยู่ตลอด
“ผู้หญิงคนนี้ระมัดระวังตัวมาก เซ้นส์ก็แรง” ฉินหลิงเยี่ยนรู้สึกขนลุก
“ถ้าไม่ติดว่าพวกเครื่องมือเทคโนโลยีตรวจสอบอะไรยาของบอสไม่ได้ ก็อาจทำให้ยัยคนนี้ดื่มไม่ได้”
“อืม” มือข้างหนึ่งของฟู่อวิ๋นเซินล้วงกระเป๋า “ถ้าไม่ระวังตัว มีเหรอจะหลอกปั่นหัวคนรอบตัวได้”
จูซาเป็นคนที่ไอคิว อีคิว และฝีมือการต่อสู้สูงมาก สมกับเป็นอดีตคนสนิทของผู้วิเศษจักรพรรดินี
“ก็จริง ตอนแรกที่ฉันเห็นก็คิดว่าผู้หญิงคนนี้จิตใจดีเหมือนกัน” ฉินหลิงเยี่ยนลูบแขนตัวเองที่ขนลุกซู่ “จะว่าไปยาของบอสมีประโยชน์ยังไงเหรอ”
“ช่วงแรกจะไม่เห็นผลอะไร แต่จะค่อยๆ ทำลายประสาทสัมผัสทั้งห้า” ฟู่อวิ๋นเซินลูบคอเสื้อ ยิ้มกึ่งเล่น
“สุดท้ายอวัยวะภายในร่างกายจะค่อยๆ เสื่อมโทรม แต่ก็ตายไม่ได้”
ฉินหลิงเยี่ยนขนลุกอีกรอบ
บอสโหดจริง
“ไปเถอะ” ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบมองหน้าจออีกรอบ “ไปตลาดประมูล”
ฉินหลิงเยี่ยนตามหลังเขาออกไป
ทั้งสองสถานที่อยู่โซนใจกลางเมืองทั้งคู่ ที่นี่ห่างจากตลาดประมูลไม่ไกล ทั้งสองคนจึงไม่ได้ขับรถ
ท้องฟ้าเวลาหกโมงครึ่งได้มืดสนิทแล้ว
“เมืองแห่งโลกไม่มีสี่ฤดูฉันไม่ค่อยชินเท่าไร เวลานี้ควรจะได้กินไอศกรีม กินน้ำแตงโมเย็นฉ่ำ” ฉินหลิงเยี่ยนบ่น
เขาเพิ่งก้าวออกไปหัวกลับกระแทกหลังของฟู่อวิ๋นเซิน
ฟู่อวิ๋นเซินฝึกวิทยายุทธ์มาหลายปี ร่างกายผอมแต่แข็งแกร่ง หลังของเขาดุจกำแพงเหล็ก
ฉินหลิงเยี่ยนร้องซี้ด “เหล่าฟู่ มองทางด้วยสิ”
“ชู่ววว” ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบตาขึ้นเล็กน้อย ยิ้มมุมปาก “มาแล้ว”
“อะไรเหรอ อะไรๆ” ฉินหลิงเยี่ยนงง “อะไรมาเหรอ”
เขามองไปรอบตัว ไม่พบความผิดปกติ “นายอย่าล้อเล่นสิ รู้หรือเปล่าว่าหน้านายมันน่ากลัวขนาดไหน นาย…”
“สวบ!”
มีแสงเลเซอร์พุ่งมาท่ามกลางความมืด ทอดมายังทิศทางของพวกเขา
ฟู่อวิ๋นเซินยกมือพลางพูดด้วยเสียงเย็นชา “หมอบลง!”
“แคว่ก”
เพียงชั่วพริบตาเสื้อของฉินหลิงเยี่ยนถูกไหม้เป็นรูโหว่
กำแพงด้านหลังก็ถูกเลเซอร์ยิงทะลุ
ฉินหลิงเยี่ยนร้องด้วยความตกใจ “เหล่าฟู่ ช่วยด้วย!”
เขาลืมไปได้ยังไงว่าคนที่เขามาด้วยไปที่ไหนก็มีแต่ศัตรู
ถ้าวันไหนไม่มีคนลอบฆ่าฟู่อวิ๋นเซินสิแปลก
เขาไม่ควรตามฟู่อวิ๋นเซินมาเลย
“อย่าแตะฉัน” ฟู่อวิ๋นเซินถีบออกไปอย่างไร้ความปรานี
หันไปมองฉินหลิงเยี่ยนอีกรอบแล้วโยนพวงกุญแจให้ “รับให้ดี”
ฉินหลิงเยี่ยนรับไว้ด้วยความแตกตื่น กดปุ่มที่อยู่บนพวงกุญแจ
“ฟึ้บ” มีแสงเปล่งประกาย
“โอ้โห!” ฉินหลิงเยี่ยนมองร่างกายตัวเองที่ถูกแสงห่อหุ้มไว้ “นี่อะไร โคตรเท่ห์เลย!”
ฟู่อวิ๋นเซินเงยหน้าขึ้น “ชุดเกราะป้องกันที่บอสนายทำ”
“สุดยอด เล่นไงอะ”
“ตามสบาย”
“…”
ไกลออกไปบนตึกสูง
“นั่นใคร” ฉางซานเก็บปืน ชี้ฉินหลิงเยี่ยน ขมวดคิ้วพลางพูด “ทำไมไม่เคยเห็นมาก่อน”
คนสนิทมองดูแล้วส่ายหน้า “น่าจะเป็นคนธรรมดานะครับ”
ข่าวที่สมาพันธ์แฮกเกอร์แต่งตั้งนายน้อยได้แพร่ออกไปนานแล้ว แต่ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ
ในสำนักวิจัยก็มีนักศึกษาบางคนที่เคยเห็นฉินหลิงเยี่ยน แต่ไม่มีคนไหนกล้าเอารูปฉินหลิงเยี่ยนไปลงเน็ต
“ก็จริง” ฉางซานส่ายมือ ไม่สนใจ “ฆ่าให้หมด”
ในเมืองแห่งโลก ถ้าไม่ใช่เพราะมีบารมีของอวี้เซ่าอวิ๋นคุ้มกันอยู่ ฟู่อวิ๋นเซินก็ไม่มีอำนาจไม่มีอิทธิพล
คนข้างกายเขาจะเป็นคนใหญ่คนโตอะไรได้
คนสนิทพยักหน้า “ครับท่าน”
เขากับลูกน้องคนอื่นๆ รีบตั้งอาวุธสีดำที่อยู่ข้างๆ อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เล็งไปยังผู้ชายด้านล่าง
นั่นคือปืนเลเซอร์รุ่นใหญ่