ตอนที่ 807 ผู้วิเศษจักรพรรดิเปลี่ยนภพ
ปีนั้นเป็นปีที่เขาหายตัวไปจากตระกูลซิว
และเป็นตอนที่ซิวอวี่เสียใจจากตระกูลซิวจนออกจากบ้านไป
ปีนั้นเธอยังอายุไม่ถึงสิบห้าด้วยซ้ำ
สูญเสียแม่และยังมาสูญเสียพ่อไปอีกคน
“ผังชะตาผิดปกติ” มือของอิ๋งจื่อจินที่ถือสมุดอยู่กำแน่นขึ้น “เดิมทีผังชะตาแบบนี้ก็แปลกประหลาดอยู่แล้ว ฉันกังวลมาตลอดว่าจะผิดพลาด มิน่าพอฉันเข้าเมืองลองทำนายอีกหลายครั้งก็ได้ผลเหมือนเดิมตลอด”
จากการทำนายหลายครั้งได้พิสูจน์แล้วว่าซิวเซ่าหนิงไม่มีอันตรายใดๆ แต่กลับไม่รู้รายละเอียดอย่างอื่น
สรุปง่ายๆ ว่าดวงชะตาว่างเปล่า
เหมือนไพ่ทาโรต์ว่างเปล่าสามใบนั้นตอนเธอทำนายนอร์ตันที่มหาวิทยาลัยนอร์ตัน
เมื่อว่างเปล่าก็แสดงว่าผู้วิเศษยุติธรรมไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว
หากซิวเซ่าหนิงเป็นเพียงคนธรรมดา ถ้าอย่างนั้นตอนนั้นที่เธอทำนายดวงชะตาของเขาก็ถูกต้องแม่นยำ
แต่ซิวเซ่าหนิงเป็นผู้วิเศษยุติธรรมที่กลับชาติมาเกิด
หากญาณพยากรณ์ของเธอยังไม่ฟื้นกลับมาก็จะทำนายเรื่องใหญ่ๆ อย่างความเป็นความตายของผู้วิเศษคนอื่นไม่ได้
และที่สำคัญที่สุดคือ ซิวบอกว่าไม่ได้เจอผู้วิเศษยุติธรรมกับผู้วิเศษพลังอีกเลยตั้งแต่ปลายศตวรรษที่สิบเก้า
ส่วนจุดเริ่มต้นที่อัลไคด์ไล่ฆ่าผู้วิเศษเปลี่ยนภพก็ปีพันแปดร้อยสี่สิบแปดพอดี
ทุกอย่างลงล็อกแล้ว
ดูท่าตอนนั้นสิ่งที่ทดลองบนเกาะไม่ได้สำคัญมากมายแบบที่คิดไว้
แต่เป็นเพราะในบรรดานักวิจัยกลุ่มนั้นมีผู้วิเศษพลังที่กลับมาเกิด
“เมื่อก่อนเคยร่วมงานกับยุติธรรมเหรอ” ฟู่อวิ๋นเซินลูบหัวเธอ “เขาเป็นไงบ้าง”
อิ๋งจื่อจินรู้ว่าฟู่อวิ๋นเซินถามถึงตอนที่พวกเขาร่วมกันก่อตั้งเว็บบอร์ดเอ็นโอเค เธอหลับตาลง “ก็เหมือนกับฉายาของเขา เป็นคนยุติธรรม”
เธอก้มหน้า “ถ้าตอนนั้นฉันอยู่ต่อได้อีกระยะหนึ่งคงดี”
เห็นได้ชัดว่าอัลไคด์กับหอคอยเริ่มลงมือกับผู้วิเศษยุติธรรมและผู้วิเศษพลังหลังจากที่พวกเขาออกไปต้านภัยพิบัติ
แววตาของฟู่อวิ๋นเซินขรึมลง “เยาเยา นี่ไม่ใช่ความผิดของเธอ อย่าเอาเรื่องนี้มากดดันตัวเอง”
อิ๋งจื่อจินพิงหลังที่กำยำของเขา เงยหน้ามองท้องฟ้า
แสงดาวเริ่มส่องประกาย เกิดแสงสีขาวที่ตรงขอบฟ้า
ช่วงเวลากลางวันกำลังจะมาเยือน
เมื่อดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า แสงสว่างจะปรากฏอีกครั้ง
อิ๋งจื่อจินมองดาวดวงแรกที่โผล่ออกมา แววตาขรึมลง
หลังจากเงียบไปนานเธอก็พูดขึ้น “ฉันแค่กำลังคิดว่า ฉันจะบอกข่าวนี้กับเสี่ยวอวี่ยังไง”
“ยังไม่ต้องบอกเธอ” ฟู่อวิ๋นเซินพูด “เมืองแห่งโลกวุ่นวายเกินไป เธอจะบุ่มบ่าม พวกเราสูญเสียใครไม่ได้อีกแล้ว”
ตั้งแต่ตอนนั้นที่เขากลายเป็นผู้วิเศษ เขาก็รู้แล้วว่าสักวันหนึ่งในอนาคตเขาจะต้องตายเพราะออกไปต้านทานภัยพิบัติ
ผู้วิเศษผู้โง่เขลากับผู้วิเศษเทวทูตก็จากไปเพราะแบบนี้
แต่ผู้วิเศษยุติธรรมกับผู้วิเศษพลังกลับตายด้วยน้ำมือคนกันเอง
น่าตลกสิ้นดี
“คุณพูดถูก ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ ด้านหลังยังมีอีกหน้า” อิ๋งจื่อจินนวดขมับ ค่อยๆ สูดลมหายใจ “ดูต่อเถอะ”
หน้าสุดท้ายเขียนไว้ว่า…
ผู้วิเศษจักรพรรดิ
อิ๋งจื่อจินหรี่ตาลง “พวกเขาไล่ฆ่าผู้วิเศษจักรพรรดิก่อนนานมาก”
ตั้งแต่ศตวรรษที่สิบสองแล้ว
หน้านี้เป็นรายชื่อชาวยุโรปทั้งหมด
อีกทั้งแต่ละรายชื่อก็เป็นจักรพรรดิที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ยุโรป
แต่ส่วนสุดท้าย ไม่มีเขียนข้อมูลใดๆ
พวกกลุ่มสัญลักษณ์หัวกะโหลกสีดำยังหาตัวผู้วิเศษจักรพรรดิในภพสุดท้ายไม่พบ
“โชคดีที่ผู้วิเศษจักรพรรดิยังมีชีวิตอยู่” อิ๋งจื่อจินขมวดคิ้วเล็กน้อย “แต่ฉันก็ทำนายไม่ได้ว่าเขาอยู่ที่ไหน”
“ไม่ต้องคิดมาก” ฟู่อวิ๋นเซินพูด “พวกเขาสามคนถูกพี่ชายจัดการไปแล้ว ออกปฏิบัติการไม่ได้ชั่วคราว”
“ขอแค่ญาณพยากรณ์ของเธอฟื้นกลับมาก็จะพยากรณ์ได้ว่าจักรพรรดิอยู่ที่ไหน”
เขาส่งคนไปเฝ้าประตูทุกบานของเมืองแห่งโลกไว้อย่างเข้มงวด
“ถูกต้อง แต่ยังมีอีกคำถามหนึ่ง” อิ๋งจื่อจินกวาดตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า “หนีรอดจากหอคอยกับโจ้วเหยียนมาได้ยังไง แถมยังเล่นงานพวกเขาเสียน่วม แต่คุณไม่เป็นอะไรเลยงั้นเหรอ”
สภาพของเขาบาดเจ็บสาหัสตอนที่ส่งเธอออกไปนอกเมือง
ฟู่อวิ๋นเซินไม่ได้เล่าเรื่องที่หอคอยเอามีดเสียบบ่าของเขาให้ฟัง เขายิ้มแล้วตอบอย่างสบายๆ “อยู่ๆ ก็กลายเป็นผู้วิเศษเฉย”
“อยู่ๆ เหรอ” อิ๋งจื่อจินกอดอก เลิกคิ้ว “เดวิล พูดโกหกหน้าตาเฉยไม่ใช่เรื่องดีหรอกนะ”
คำเรียกที่คุ้นหู โทนเสียงแบบนี้ ดึงเขากลับไปเมื่อหลายปีก่อน
อิ๋งจื่อจินมองเขาด้วยสายตาสำรวจ “เดวิล คุณโกหก”
“ทำไมเดาได้เร็วจังล่ะ” ฟู่อวิ๋นเซินก้มหน้า กอดเธอไว้ “เธอทำนายพี่ชายไม่ได้หรือเปล่า”
“เรื่องง่ายๆ” อิ๋งจื่อจินเหล่มองเขา “คุณพลังกับคุณยุติธรรมตายไปแล้ว นอร์ตันก็อยู่ที่ตระกูลเรนเกล ฉันคิดว่าเขาไม่มีทางไปไหน”
“แล้วคุณคิดว่าในบรรดาผู้วิเศษยี่สิบสองคนยังจะมีใครสู้พวกเขาที่ผนึกกำลังได้อีกล่ะ”
“โอเค” ฟู่อวิ๋นเซินยอมแพ้ พูดด้วยเสียงกึ่งหัวเราะ “คุณอิ๋ง ตกลงกันก่อน อย่าทำที่หน้านะ”
“อย่ามาเรียกฉันว่าคุณอิ๋ง” อิ๋งจื่อจินตีมือเขาออก มองค้อนใส่ “ฟังดูเหมือนแกล้งแหย่ฉัน ฉันยังโกรธอยู่นะ”
เธอพบว่าไม่ว่าเขาจะเรียกเธอแบบไหนก็ดูทำเป็นเล่นไปเสียหมด
“ได้” ฟู่อวิ๋นเซินไม่ทุกข์ร้อน “เด็กน้อย แฟนสาว คู่หมั้น ชอบคำไหนล่ะ”
“…”
อิ๋งจื่อจินหันตัวเดินออก
ฟู่อวิ๋นเซินจับมือเธอจากด้านหลัง “โกรธจริงเหรอ”
“เปล่า ฉันจะไปยุโรปหน่อย” สายตาของอิ๋งจื่อจินแน่วแน่ “ฉันยังไม่วางใจอยู่ดี จะไปดูอาจารย์หน่อย”
“อืม ไปสิ” ฟู่อวิ๋นเซินไม่ถามมาก “เดี๋ยวไปส่ง”
…
ศูนย์วิจัยเกอร์เวนในยุโรป
ลิซิเนียสพาคณบดีนอร์แมนมาส่งอย่างปลอดภัยแล้ว
โปรเจ็กต์ยานอวกาศข้ามจักรวาลมีคนเก่งๆ ไปเพิ่มอีกคน เกอร์เวนย่อมยินดีต้อนรับอย่างเต็มที่
คณบดีนอร์แมนฟื้นแล้ว ยังคงรู้สึกมึนศีรษะอยู่
เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองออกมาจากเมืองได้ยังไง และมาที่นี่ได้ยังไง
แต่เมื่อเขาเห็นพวกเครื่องมือละลานตา เขาก็ลืมเรื่องทุกอย่างไปหมดสิ้น
ชีวิตนี้คณบดีนอร์แมนไม่เคยไปจากเมืองแห่งโลก จึงไม่รู้ว่าเทคโนโลยีข้างนอกอยู่ระดับไหน
ตอนนี้ได้เห็นแล้วจึงอดร้องออกมาด้วยความตกใจไม่ได้ “ใช้ได้ เยี่ยมเลย”
มิน่าอิ๋งจื่อจินถึงพูดถึงเกอร์เวนให้เขาฟังบ่อยๆ บอกว่าความสามารถของเกอร์เวนไม่แพ้ไซมอน แบรนด์ ในตอนนั้น
“คณบดีนอร์แมน” เกอร์เวนดันแว่นตา “คุณก็คิดว่าฟิสิกส์เป็นสิ่งที่งดงามมากใช่ไหม”
“ใช่ ถูกต้อง!” คณบดีนอร์แมนตอบด้วยความมั่นใจ “ฟิสิกส์ก็คือสิ่งสุดยอดที่สุดบนโลกใบนี้! เรื่องไหนไม่กระจ่าง วิทยาศาสตร์ช่วยได้! มีปัญหายากที่ฟิสิกส์แก้ไม่ได้ด้วยเหรอ”
เขาทำหน้าภาคภูมิใจ สีหน้าบ่งบอกว่า ‘ฟิสิกส์มันเจ๋งที่สุดแล้ว’
เกอร์เวนดวงตาเปล่งประกาย ราวกับได้เจอคนรู้ใจแล้ว “ยินดีที่ได้พบกันครับ คุณนอร์แมน คุณช่างรู้ใจผมจริงๆ ครับ”
ขณะพูดเขากลับถอนหายใจ “เฮ้อ ครั้งก่อนผมเจอสาวน้อยที่มาจากดินแดนเดียวกับคุณ เธอเก่งฟิสิกส์มาก แต่เธอกลับบอกว่าเธอเกลียดฟิสิกส์ที่สุด ผมเสียใจมากเลยครับ”
คณบดีนอร์แมน “…”
ทำไมฟังดูเหมือนสไตล์การพูดของลูกศิษย์คนโตของเขาเลยล่ะ
อิ๋งจื่อจินที่เพิ่งมาถึงศูนย์วิจัย “…”
ชักไม่อยากเข้าไปแล้วสิ
…
อีกด้านหนึ่งที่สำนักผู้วิเศษ
ซาโรห์หวาดผวามาทั้งคืน กลัวว่าผู้วิเศษเดวิลจะบุกเข้ามาที่สำนักผู้วิเศษ
จนกระทั่งดวงอาทิตย์ขึ้น วันใหม่มาเยือน
เนื่องจากหอคอยถูกฟู่อวิ๋นเซินทำร้ายจนหมดสภาพ เขาย่อมใช้พลังพิเศษของตัวเองไม่ได้ สภาพอากาศของเมืองแห่งโลกจึงกลับมาเหมือนเดิม
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ทำให้ซาโรห์หงุดหงิดใจมาก
เธอพบว่านับวันจะมีเรื่องที่เธอควบคุมไม่ได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
“หอคอยล่ะ อัลไคด์ล่ะ” ซาโรห์ขมวดคิ้ว “ทำไมไม่เห็นพวกเขาเลย”
นักมายากลก็สงสัยเหมือนกัน
เมื่อคืนหอคอยเพิ่งมาหาเขา บอกว่าจะไปฆ่าคน
ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาหอคอย อัลไคด์ โจ้วเหยียน ต่างก็ไปมาอย่างไร้ร่องรอย บางครั้งก็หายตัวไประยะหนึ่ง
เขาจึงไม่เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ แค่ตอบส่งเดชว่า “อาจมีธุระก็ได้มั้ง จะไปยุ่งกับพวกเขาทำไม”
เขาแค่มีหน้าที่ปรุงยา เรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับเขา
“คุณหมายความว่าฉันยุ่งเรื่องพวกเขาไม่ได้งั้นเหรอ!” ซาโรห์ระเบิดอารมณ์ขึ้นมาทันที เริ่มโวยวาย “แสดงว่าใครก็ดูถูกฉันได้ขัดคำสั่งฉันได้งั้นเหรอ!”
นักมายากลสะดุ้งตกใจ “ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น ทำไมคุณต้องโกรธขนาดนี้ด้วย”
ประสาท
นักมายากลแค่อยากออกจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด กลับไปปรุงยาต่อ
เขาไม่ว่างมาเสียเวลากับซาโรห์
“รายงานครับ” เวลานี้คนดูแลรีบร้อนเข้ามา “ท่านจักรพรรดินีครับ หัวหน้าตระกูลอวี้ยื่นคำร้องขอไปจากเมืองอีกครั้งแล้ว ท่านจะอนุญาตหรือไม่ครับ”
“หัวหน้าตระกูลอวี้” ริมฝีปากของซาโรห์ฉาบรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “อยากไปจากเมืองนี้ใช่ไหม ดีมาก เอาตัวมา”
อยากออกจากเมืองก็ต้องแลกกันหน่อย
ถอนวิชาต่อสู้ ล้างความทรงจำ