ตอนที่ 832 ผู้นำของผู้วิเศษทั้งหมด เดอะเวิลด์!
“บอสขาดหัวใจไปตั้งแต่กลายเป็นวงล้อแห่งโชคชะตาแล้วงั้นเหรอ” ซีซาร์นึกถึงอดีต “มิน่าเมื่อก่อนบอสถึงเย็นชา ไม่สนใจใคร”
ไม่มีหัวใจก็หมายความว่ารู้สึกไม่ได้ถึงความรักความผูกพันใดๆ
แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ วงล้อแห่งโชคชะตาก็ไม่ได้ทำตัวสุดโต่งเหมือนผู้วิเศษวันพิพากษา
“ฉันรู้ๆ นั่นเพราะคุณโง่เกินไป” ตี้อู่เย่ว์พยักหน้า “ดูอย่างฉันสิ อาจารย์ดีกับฉันจะตาย จริงสิ ตกลงคุณจะเอาทองไปโยนทิ้งที่ไหนเหรอ”
ซีซาร์ “…”
ฆ่าเขาเถอะ
นอร์ตันเช็ดเลือดที่หน้า ดวงตาฉายแววกังวล
เขาพูด “บอสก็ไม่รู้ว่าหัวใจตัวเองอยู่ที่ไหน”
วงล้อแห่งโชคชะตาพยากรณ์ให้ทุกคนได้ยกเว้นตัวเอง
“แต่ถ้าอาอิ๋งมีหัวใจ วันพิพากษาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอแน่” สายตาของหลิงเหมียนซีจับจ้อง “พวกเราลองช่วยกันนึกว่าหัวใจของอาอิ๋งน่าจะไปอยู่ที่ไหนกันแน่”
นี่เป็นวิธีเดียวที่พวกเขาจะพลิกสถานการณ์ได้แล้ว
“ถูกต้อง” ฉินหลิงอวี๋พยักหน้า “หลังจากที่พวกเราฟื้นคืนพลังเคลื่อนที่แล้วรีบไปหากันเถอะ”
ตี้อู่เย่ว์วางค่ายกลต่อ
ทันใดนั้นเธอก็เหมือนนึกอะไรออก ร่างกายเหมือนถูกช็อตไฟฟ้า สั่นขึ้นมาทันที
ตี้อู่เย่ว์พึมพำ “ก็ใช่ว่าจะไม่ได้”
ซีซาร์ได้ยินไม่ชัด เงยหน้าขึ้น “เธอว่าไงนะ”
“อยากรู้เหรอ” ตี้อู่เย่ว์เปิดคิวอาร์โค้ดรับเงิน “คำละพันหยวน”
ซีซาร์ “…”
เหล่าผู้วิเศษฟื้นคืนพลังกลับมาได้โดยอาศัยค่ายกลที่ตี้อู่เย่ว์สร้างขึ้น
ระหว่างนี้สงครามของผู้วิเศษทั้งสามคนยังคงดำเนินต่อ
หูได้ยินแต่เสียงลม
ต่อให้เป็นนอร์ตันก็จับตาดูอิ๋งจื่อจินกับฟู่อวิ๋นเซินไม่ทัน
การต่อสู้ระดับนี้น่ากลัวยิ่งกว่าสงครามศักดิ์สิทธิ์ก่อนหน้านี้เสียอีก
แทบจะสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน
พลั่ก!
เปรี๊ยะ!
บนพื้นเกิดรอยแยกจากการถูกดาบพิพากษาฟันลงมาอีกครั้ง
ในขณะเดียวกันก็มีสองริ้วเงาตกลงมาบนพื้น
เป็นอิ๋งจื่อจินกับฟู่อวิ๋นเซิน
พอเห็นชัดเจน ฉินหลิงอวี๋ก็สีหน้าเปลี่ยน “แย่แล้ว!”
ร่างกายของทั้งสองคนชุ่มไปด้วยเลือด บาดแผลเต็มตัว
เห็นได้ชัดว่าบาดเจ็บสาหัส
แต่พวกเขาก็ยังคงยืนตรง ปกป้องทุกคนอยู่ด้านหน้า
ฟึ่บ
ตรงข้ามพวกเขาเป็นเย่ว์ฝูอีที่กระโดดลงมา
สายตาเย็นชาไร้เยื่อใย
บนตัวเธอก็มีบาดแผล แต่น้อยกว่ามาก
“บอกแล้วว่าต่อให้พวกเธอได้รับพลังจากผู้วิเศษคนอื่นก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันอยู่ดี” เย่ว์ฝูอีหายใจหอบเล็กน้อย พูดเสียงแข็ง “วงล้อแห่งโชคชะตา ฉันบอกแล้วว่าเธอเป็นคู่ต่อสู้เพียงคนเดียวที่ฉันยอมรับ”
“ขอแค่เธอเลือกมายืนอยู่ฝั่งฉัน ช่วยฉันปฏิรูปโลกใบนี้ใหม่ ฉันก็จะปล่อยพวกเขาไป”
ดาบพิพากษาในมือเธอชี้ไปทางพวกหลิงเหมียนซี
ถึงแม้จะพูดแบบนี้ เย่ว์ฝูอีก็ยังหงุดหงิดมาก
เธอนึกไม่ถึงว่าอิ๋งจื่อจินกับฟู่อวิ๋นเซินจะอดทนสู้ได้นานขนาดนี้
ทั้งสองคนไม่มีความกลัวตายเลยสักนิด
ต่อให้เป็นตอนนี้ เย่ว์ฝูอีก็ยังคงไม่คิดจะใช้พลังทั้งหมด
เธอจำเป็นต้องให้เกิดภัยพิบัติอย่างดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนโลกเพื่อให้ทุกอย่างถูกทำลาย แต่เธอก็ต้องเหลือพลังของผู้วิเศษไว้ด้วยเพื่อปกป้องตัวเอง
หลังจากภัยพิบัติผ่านพ้น โลกก็จะต้อนรับการเกิดใหม่
แต่อิ๋งจื่อจินกับฟู่อวิ๋นเซินก็ทำให้เธอปวดหัวจริงๆ
เย่ว์ฝูอีก็กำลังคิดหาวิธีประนีประนอม พยายามเก็บพลังตัวเองไว้ให้ได้มากที่สุด
อิ๋งจื่อจินเช็ดเลือดบนตัว สีหน้าเรียบเฉย “พี่ชาย เริ่มเถอะ”
“อืม” ฟู่อวิ๋นเซินยังคงวางมาดเหมือนคุณชายเสเพล “เปิดการกลับหัว”
อิ๋งจื่อจินก็พูด “เปิดการกลับหัว”
ทั้งสองคนพูดอย่างสบายๆ เหมือนชวนกันไปจิบชายามบ่าย
ฟึ่บ!
เพียงชั่วพริบตาพลังของทั้งสองคนก็เพิ่มเป็นทวีคูณจากก่อนหน้า
แววตาของเย่ว์ฝูอีเปลี่ยนไปทันที
เธอที่เย็นชาก็ชักอยากด่า “เวรเอ๊ย”
“เยี่ยมมาก” เย่ว์ฝูอีเลิกคิ้ว “เพื่อโลกที่แสนเฮงซวยใบนี้ พวกเธอถึงขั้นเลือกเปิดการกลับหัว อยากเป็นฝ่ายร้องหาความตายแล้วเหรอ”
พอพูดถึงตรงนี้เสียงของเธอก็ขรึมลง ในที่สุดก็โมโหแล้ว
ตอนแรกสุดการกลับหัวก็แค่ช่วยเพิ่มพลังให้ผู้วิเศษ
เพื่อรับมือกับภัยพิบัติขนาดใหญ่ที่แม้แต่ผู้วิเศษก็ยังต้านไม่ได้
ผู้โง่เขลากับเทวทูตดับสูญก็เพราะเปิดการกลับหัวไปต้านภัยพิบัติ
เพียงแต่เธอใช้การกลับหัวมาควบคุมผู้วิเศษคนอื่น
วิธีเปิดการกลับหัวมีแค่ผู้วิเศษสี่คนแรกเท่านั้นที่รู้
แต่ตอนนี้อิ๋งจื่อจินก็รู้วิธีเปิดการกลับหัวแล้ว
สมกับเป็นวงล้อแห่งโชคชะตาที่มีพลังหยั่งรู้เด็ดขาด
ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว
ใครจะไปรู้ว่าพอถึงเวลาสำคัญขึ้นมาวงล้อแห่งโชคชะตาจะเจอวิธีพลิกกลับมาเอาชนะหรือเปล่า
“ได้ ดีมาก ดีมาก” เย่ว์ฝูอีพยักหน้า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันจะให้เธอดูว่าฉันทำลายโลกที่พวกเธอปกป้องใบนี้ยังไง”
เธอเลิกโจมตีอิ๋งจื่อจินกับฟู่อวิ๋นเซิน เปลี่ยนเป้าหมาย ถือดาบพิพากษาหันไปทางชาวเมืองแห่งโลก
ฉับ!
ฟันลงไปอีกครั้ง
ร่างกายของอิ๋งจื่อจินสั่น ไอเป็นเลือด
แต่เธอไม่มีรีรอ เข้าไปขวางเย่ว์ฝูอีอีกครั้ง
เธอใช้ร่างกายตัวเองรับดาบพิพากษาไว้
“อาอิ๋ง!” ฉินหลิงอวี๋ร้อนใจ “อาอิ๋ง!”
ด้วยพลังในตอนนี้ของอิ๋งจื่อจินกับฟู่อวิ๋นเซิน พวกเขาสามารถหนีพ้นจากตรงนี้ได้
แต่พวกเขาไม่ทำ
พวกเขาขัดขวางเย่ว์ฝูอีที่มารุกรานแผ่นดินที่พวกเขารักด้วยชีวิต
ตี้อู่เย่ว์ก็เห็นแล้ว ดวงตาแดงก่ำ
“อาจารย์บอกไม่ให้ฉันพยากรณ์อาจารย์” ผ่านไปสักพักเธอก็ก้มหน้า “แต่ตอนนี้มันเป็นนาทีวิกฤติแล้ว ต่อให้เป็นคำสั่งอาจารย์ ฉันก็ขอขัด”
ตี้อู่เย่ว์ไม่ลังเล สร้างผังแปดทิศทันที เริ่มพยากรณ์หาว่าหัวใจของอิ๋งจื่อจินอยู่ที่ไหน
แต่เพิ่งเริ่มเท่านั้น
เอื้อก
ตี้อู่เย่ว์กระอักเลือด
อวัยวะภายในแปรปรวน เจ็บปวดทรมาน
เธอได้รับการเอ็นดูมาตั้งแต่เด็ก ช่วงสองปีมานี้ก็เรียนศาสตร์พยากรณ์โดยมีอิ๋งจื่อจินดูแล ยังไม่เคยสัมผัสกับความเจ็บปวดแบบนี้
มิน่าตอนนั้นที่นักพยากรณ์ในตี้ตูคนนั้นเพิ่งเริ่มพยากรณ์แค่ชื่อของอิ๋งจื่อจินก็ถึงกับหมดสติไปทันที
ซีซาร์มองเลือดสีแดงสด สีหน้าเปลี่ยน “ยักเปี๊ยกพิการระดับสาม เธอทำอะไรน่ะ”
“ฉันพยากรณ์ได้” ตี้อู่เย่ว์ไม่สนใจเขา เธอกัดฟันทน “ฉันต้องพยากรณ์ให้ได้!”
เธอท่องพึมพำไม่หยุด พูดเสียงสั่น “เฉียนเป็นฟ้า คุนเป็นดิน เจิ้นฟ้าร้อง ซวิ่นคือลม ข่านเป็นน้ำ หลีเป็นไฟ เกิ้นเป็นภูเขา ตุ้ยคือหนองน้ำ”
เลือดไหลมาตามปลายนิ้วของเธอ หยดลงบนผังแปดทิศที่อยู่บนพื้น
เป็นภาพชวนสะพรึง
“เย่ว์เย่ว์ ไม่ต้องพยากรณ์แล้ว” หลิงเหมียนซีจับมือตี้อู่เย่ว์ พูดด้วยความร้อนรน “ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปเธอจะตายเอานะ!”
วงล้อแห่งโชคชะตาก็คือเทพพยากรณ์ จะมีคนพยากรณ์เธอได้อย่างไร
“ถ้าฉันไม่ทำแล้วใครจะทำ” ตี้อู่เย่ว์สะบัดหลิงเหมียนซี ร่างกายเธอกำลังสั่น “ปล่อยไว้แบบนี้อาจารย์จะต้องตาย พวกคุณต้องตาย พวกเราทุกคนก็ต้องตาย”
“ยัยเปี๊ยกพิการระดับสาม!”
“คุณเย่ว์!”
ตี้อู่เย่ว์ยังคงไม่ขยับ
ทันใดนั้นเธอก็กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้ดวงตาของเธอกลับเปล่งประกาย “ฉันเห็นแล้ว!”
เธอคว้ามือซีซาร์ทันที ใช้เลือดเขียนพิกัดที่ฝ่ามือเขา “ที่นี่ รีบไป!”
“เดี๋ยวก่อน!” ซีซาร์รีบประคองเธอ “บอส! บอส!”
อิ๋งจื่อจินย่อมสัมผัสได้แล้ว
เธอกลืนก้อนเลือดในลำคอ หลับตาลงแล้วพูดขึ้น “ตี้ อู่ เย่ว์!”
นี่เป็นครั้งแรกที่ตี้อู่เย่ว์สัมผัสได้ถึง ‘ความโมโห’ ที่ออกมาจากเสียงของอิ๋งจื่อจิน
เธอกลับหัวเราะ ยังคงพูดด้วยเสียงอ่อนโยนของสาวน้อย “อาจารย์ เห็นแก่ที่เมื่อก่อนฉันเชื่อฟังอาจารย์มาตลอดเถอะนะ ฉันแค่ขัดคำสั่งนิดเดียวเอง”
“อาจารย์เก่งกว่า สำคัญกว่า ฉันไม่เหมือนกัน เสียฉันไปสักคนไม่เป็นไรหรอก”
“ปู่บอกว่า ตระกูลตี้อู่ของพวกเราเป็นตระกูลนักพยากรณ์ มีความสามารถที่เหนือคนทั่วไป แต่ก็แบกรับภาระที่ไม่เหมือนคนอื่นไว้”
“ปกป้องครอบครัว ปกป้องประเทศ ปกป้องโลกใบนี้”
คำสั่งสอนของตระกูลตี้อู่ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาหลายร้อยปีไม่เคยเปลี่ยน
ตี้อู่เย่ว์ก็โตมากับคำสั่งสอนเหล่านี้ตั้งแต่เด็ก
ตอนเด็กๆ เธอยังไม่เข้าใจ ก็แค่มองเป็นความรู้ท่องจำมันไว้
แต่ตอนนี้เธอเข้าใจแล้ว
คำสั่งสอนเหล่านี้ ในสายตาของเธอเป็นแค่เพียงคำสอนที่เขียนอยู่ในหนังสือประวัติตระกูลตี้อู่
แต่กลับเป็นความกล้าหาญที่แสนสั้นของเหล่าบรรพบุรุษ
เธอแซ่ตี้อู่ สืบทอดภารกิจของตระกูลตี้อู่
“อาจารย์เคยสูญเสียแก่นแท้ของร่างกายไปเพราะช่วยเปลี่ยนดวงชะตาให้ฉัน ถ้าไม่มีอาจารย์ ฉันคงตายไปนานแล้ว” ตี้อู่เย่ว์ไอแล้วพูดต่อ “เดิมทีฉันก็ควรทำอะไรให้อาจารย์บ้างอยู่แล้ว”
“อาจารย์ ดูสิ ฉันเป็นนักพยากรณ์ที่เก่งที่สุดได้แล้วจริงๆ ฉันทำได้แล้ว”
เธอไม่ใช่ตัวขี้เกียจที่เอาแต่กินเที่ยวเล่นอีกแล้ว
เวลานี้เธอเข้าใจความหมายของการเป็นนักพยากรณ์แล้ว
เธอดีใจมาก
ขณะที่พูดประโยคนี้ ใบหน้าของตี้อู่เย่ว์ก็เหี่ยวย่นไปอย่างรวดเร็ว ผมดำกลายเป็นสีขาวเพราะสูญเสียพลังชีวิต
นี่คือการถูกเอาคืนหนักสุดสำหรับนักพยากรณ์แล้ว
ต่อให้เป็นอิ๋งจื่อจินที่มีฝีมือการรักษาล้ำเลิศก็ช่วยไม่ได้
ในบรรดาคนมากมายที่อยู่กันตรงนี้ มีแค่ตี้อู่เย่ว์ที่อายุสิบแปดจริงๆ
เธอยังเด็ก ยังอายุน้อยขนาดนี้
แต่กลับต้องแบกภาระหน้าที่ที่คนทั่วไปยากเกินกว่าจะจินตนาการได้
ตี้อู่เย่ว์หันไปทางด้านบน ค่อยๆ คำนับสามครั้ง
นี่คือการคำนับให้อาจารย์ที่ตอนนั้นยังทำไม่สมบูรณ์
น้ำเสียงของเธอหนักแน่น ไม่รู้สึกเสียดาย
“ศิษย์ขอขอบคุณอาจารย์”
เธอยินดีเสียสละเพื่อโลกนี้
“…”
ราวกับโลกหยุดหมุนลงในเวลานี้ คลื่นลมก็สงบ
ซีซาร์มองมือของเธอที่ตกลง เขาอึ้งสนิท
ในความทรงจำของเขา นี่เป็นสาวน้อยวัยสิบแปดที่ขี้งกมาก ร่าเริงมาก
ถึงขั้นที่ยังดูน่ารำคาญตอนหลอกต้มคน
แต่เขานึกไม่ถึงว่าตี้อู่เย่ว์จะยังคงตัดสินใจแน่วแน่ในสถานการณ์ที่รู้ว่าตัวเองอย่างไรก็ต้องบาดเจ็บ
เธอเพิ่งอายุสิบแปดปี อายุยังน้อย ทำไมถึงรู้จักเสียสละแล้ว
อิ๋งจื่อจินกำมือแน่น ดวงตาของเธอเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงทีละนิด “ฉันบอกแล้วว่าอย่าทำนายฉัน!”
“ยังจะมีเวลาสนคนอื่นอีกเหรอ” เย่ว์ฝูอีกวาดตามองตี้อู่เย่ว์ที่สลบไปแล้ว “แต่ละคนดูมีอุดมการณ์ยิ่งใหญ่เชียวนะ แต่หลังจากมนุษย์สูญพันธุ์ ใครยังจะจดจำพวกเธออีก”
อิ๋งจื่อจินเช็ดเลือดที่ริมฝีปาก “มนุษย์ไม่มีทางสูญพันธุ์ และเธอก็ไม่มีทางชนะ”
ต่อให้เธอต้องตายก็ไม่มีทางปล่อยให้ผู้วิเศษวันพิพากษาได้ใจ
“งั้นก็ลองดู” เย่ว์ฝูอีพูดเสียงเย็นชา “ไม่เปิดการกลับหัวยังพอไหว พอเปิดแล้วฉันก็ฆ่าพวกเธอได้!”
ด้านบนเกิดสงครามอีกครั้ง
บนพื้นเงียบสงัด
“เร็วเข้า ร่วมชีวิต” ทันใดนั้นซีซาร์ก็เหมือนคิดอะไรได้ ไม่มีเวลาเศร้า จับบ่าหลิงเหมียนซีแน่น “แบ่งชีวิตของฉันให้เธอหน่อย!”
หลิงเหมียนซีจับมือตี้อู่เย่ว์ “มีแค่หนทางนี้แล้ว”
ห้ามปล่อยให้ใครตายเด็ดขาด
พวกเขาจะสูญเสียใครไปไม่ได้อีก
หลังรับพลังร่วมชีวิต ถึงแม้ตี้อู่เย่ว์จะยังหมดสติอยู่ แต่อาการก็ดูคงที่
ลมหายใจของเธอแผ่วเบา เส้นผมกับใบหน้าก็ค่อยๆ ฟื้นกลับมาอ่อนเยาว์เหมือนเดิม
ทุกคนถึงโล่งอก
โชคดีที่พวกเขามีผู้วิเศษคู่รักอยู่ ช่วยไว้ได้ในเวลาสำคัญ
“ยังดี” หลิงเหมียนซีเช็ดเหงื่อ “ช่วยให้พวกเธอร่วมชีวิตกันได้ไม่ยากเท่าไร”
เธอเองก็ช่วยผูกชะตาให้อวี้เสวี่ยเซิงกับฉินหลิงอวี๋ด้วย
ยิ่งสองคนรู้ใจกันมากเท่าไรก็ยิ่งร่วมชีวิตกันง่าย
จุดนี้ซีซาร์ก็รู้
“ฉันกับยัยนี่น่ะเหรอ” เขาตกใจ “ไม่มั้ง คิดดูนะ ยัยนี่เอาแต่หาทางปล้นเงินฉัน เอาจากไหนมารู้ใจกัน”
หลิงเหมียนซีครุ่นคิดชั่วขณะ “อาจจะตรง คลั่งเงินเหมือนกันมั้ง”
“…”
“ลำบากเธอแล้วยัยเปี๊ยกพิการระดับสาม” ซีซาร์เบือนหน้าหนี “ต่อไปห้ามมาหลอกเอาทองของฉันอีกนะ”
หากร่วมชีวิตกันก็ต้องผูกติดกันไปตลอดชาติแล้ว
เขาต้องขนทองไปไว้ในที่ปลอดภัย
“หัวใจของอาอิ๋งอยู่ที่สำนักผู้วิเศษเหรอ” ฉินหลิงอวี๋เกาะต้นไม้ ยืนขึ้นอย่างทุลักทุเล “พวกเรารีบไปหากันเถอะ”
พวกเขาอยู่สำนักผู้วิเศษมานานขนาดนี้ยังไม่เคยพบเจออะไร
“พวกเธอไปเถอะ” ซีซาร์ช้อนตัวตี้อู่เย่ว์ขึ้นมา “ฉันจะพาเธอไปอยู่ในที่ปลอดภัย”
พวกเขาแยกกัน
ส่วนอีกด้านหนึ่ง สงครามจบไปอีกหนึ่งรอบ
ยังคงตัดสินแพ้ชนะได้ยาก
“คุณอิ๋ง” ฟู่อวิ๋นเซินหันไป ดวงตาดอกท้อโค้งมน “ตกลงกันหน่อยได้หรือเปล่า”
สายตาของเขายังคงอ่อนโยน เจือด้วยรอยยิ้มลึกซึ้ง
แค่จ้องไม่นานเธอก็ยอมตายเพื่อสายตาคู่นี้ได้
“ทำไม ฟู่อวิ๋นเซิน” อิ๋งจื่อจินมองเขาอย่างใจเย็น “ยังอยากเอาอีกครั้งเหรอ คิดว่าถ้าครั้งนี้อยู่หน้าฉันนายจะยังไหวอีกเหรอ”
“ไม่ไหวหรอก” ฟู่อวิ๋นเซินหัวเราะ สีหน้าเรื่อยเปื่อย “ถึงได้อยากตกลงกันก่อน”
“ไม่ได้ อย่าแม้แต่จะคิด”
หลังจากอิ๋งจื่อจินเห็นตี้อู่เย่ว์ไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว เธอก็โล่งอก
เด็กโง่คนนี้นี่
“เด็กน้อย ไม่ดื้อสิ” ฟู่อวิ๋นเซินกอดเธอ พูดด้วยเสียงอ่อนโยน “ผู้ใหญ่จะสู้กันแล้ว เธอควรกลับบ้านพักผ่อนได้แล้วนะ”
เขายังคงเหมือนเมื่อก่อน เกลี้ยกล่อมเธอด้วยความอดทน ใจเย็นสม่ำเสมอ
ในบรรดาผู้วิเศษยี่สิบสองคน พลังต่อสู้ของผู้วิเศษเดวิลแข็งแกร่งที่สุด แต่พลังโดยรวมก็ยังแพ้ผู้วิเศษสี่คนแรกสุดที่ถือกำเนิดก่อน
แต่พลังที่ฟู่อวิ๋นเซินปล่อยออกมาในชาตินี้ถึงขั้นที่เหนือกว่าผู้วิเศษสี่คนแรกแล้ว
แต่ก็ยังสู้ผู้วิเศษวันพิพากษาที่มีพลังของยมทูตไม่ได้
สาเหตุที่วันพิพากษาเลือกฆ่ายมทูตเป็นเพราะพลังพิเศษของยมทูตเป็นปฏิปักษ์กับเธอพอดี
เมื่อสองพลังนี้รวมกัน วันพิพากษาก็แข็งแกร่งถึงขั้นไม่มีใครสู้ได้
“โทษที” อิ๋งจื่อจินพูด “ฉันไม่ได้ยิน”
“เธอเป็นแบบนี้ฉันจะทำไงได้” ฟู่อวิ๋นเซินจนปัญญา “เชื่อฟังกันสักครั้ง นะ”
ทันใดนั้นเขาก็ก้มหน้า จูบริมฝีปากเธอ
มีเลือดไหลออกจากมุมปากของเขา แต่เขาก็ยังยิ้มอยู่ “เยาเยา รักเธอนะ”
เขาลืมตา ราวกับต้องการมองเธอเป็นครั้งสุดท้าย เก็บรูปลักษณ์ของเธอไว้ในดวงตา
“เธอคือคนที่ฉันรักที่สุดในโลก” ฟู่อวิ๋นเซินพูดเสียงเบา “เธอต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ”
เพราะไปครั้งนี้เขาจะกลับมาไม่ได้อีก
ผู้วิเศษเดวิล พลังพิเศษคือ แสงสุดท้าย
เอาชีวิตแลกพลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า
เขาไม่เคยใช้พลังพิเศษ เพราะไม่มีโอกาสให้ใช้
แต่ครั้งนี้ควรใช้แล้ว
“คนที่อย่าดื้อคือนาย” อิ๋งจื่อจินจับบ่าของเขา อยู่ก็ๆ ใช้วรยุทธ์สกัดจุดผนึกลมปราณของเขา “บอกแล้ว อย่าแม้แต่จะคิด”
ร่างกายของฟู่อวิ๋นเซินหดเกร็ง แววตาเปลี่ยนไปทันที “เยาเยา!”
“สู้ตัวต่อตัวเหรอ” เย่ว์ฝูอีกระอักเลือด “วงล้อแห่งโชคชะตา เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน”
อิ๋งจื่อจินกำมือ “งั้นก็ลองดู”
เย่ว์ฝูอีพูด “ไม่เจียมตัว”
เธอยกดาบพิพากษาฟาดลงไป!
ฉับ
เกิดแผลลึกจนเห็นกระดูกที่หลังของอิ๋งจื่อจิน
แต่เธอไม่หยุด
“ฉันเปิดทางไปจักรวาลได้ยังจะฆ่าเธอไม่ได้อีกเหรอ” อิ๋งจื่อจินค่อยๆ เดินไป “คิดว่าตัวเองเป็นใคร”
ก็แค่ชีวิตเดียว
คุ้มค่า
ในที่สุดสีหน้าของฟู่อวิ๋นเซินก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เรียกชื่อเต็ม “อิ๋งจื่อจิน!”
เวลานี้ราวกับเขาย้อนไปเมื่อหลายสิบศตวรรษก่อน
เธอเหลือลมหายใจไม่มาก แต่กลับจับมือเขาไว้แล้วพูดว่า
‘แต่ฉันแค่อยากให้นายมีชีวิตอยู่ต่อ’
มีเลือดซึมออกจากฝ่ามือของฟู่อวิ๋นเซิน เขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก “เยาเยา ไม่เอาแบบนี้ ได้ไหม”
“มันจะดี” อิ๋งจื่อจินยิ้ม “คุณเด ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น นายเงยหน้าก็จะเห็น ฉันอยู่ตรงหน้านายเสมอ”
เมฆคือฉัน สายลมคือฉัน
ดวงดาวคือฉัน พระจันทร์คือฉัน
ฉันอยู่เสมอ
เมื่อพวกนายตื่นมา ท้องฟ้าก็ยังคงเป็นสีคราม
ดวงอาทิตย์ยังคงโผล่มาให้แสงสว่างในวันรุ่งขึ้น
…
อีกด้านหนึ่ง
ฉินหลิงอวี๋ อวี้เสวี่ยเซิง และนอร์ตันขึ้นไปบนสำนักผู้วิเศษอย่างรวดเร็ว ตามพิกัดที่ตี้อู่เย่ว์ให้มา ไปที่ชั้นยี่สิบสอง
เป็นชั้นของผู้วิเศษเดอะเวิลด์
เมื่อก่อนพวกเขาก็เคยมาที่ชั้นนี้ ไม่มีความพิเศษอะไร
พวกเขาไม่มีใครเคยเจอผู้วิเศษเดอะเวิลด์
เย่ว์ฝูอียังพูดอีกว่าผู้วิเศษเดอะเวิลด์ไม่มีตัวตน
“ตรงนี้” นอร์ตันย่อตัวนั่งลง มือกดไม้กระดานแผ่นหนึ่ง
พลั่ก!
พื้นแตกออก
มีแสงปรากฏ
ฉินหลิงอวี๋มองดู
เป็นก้อนแสงขนาดเล็กมาก
เธอยื่นมือเข้าไปหยิบอย่างไม่ลังเล
ทันทีที่ก้อนแสงก้อนนี้ถูกเอาออกมา…
ครืน!
มีเสียงดังสนั่น สำนักผู้วิเศษเกิดการถล่ม
อาคารลอยฟ้าแห่งนี้ที่ไม่รู้ตั้งอยู่มานานเท่าไร ในที่สุดก็สูญเสียการทรงตัว พังทลายลงอย่างสิ้นเชิง
หลิงเหมียนซีตกใจ “นี่มัน หัวใจของอาอิ๋งก็คือพลังที่ค้ำจุนสำนักผู้วิเศษเหรอ”
แม้แต่เย่ว์ฝูอีก็ยังตกใจ
เธอหันไปมองพวกฉินหลิงอวี๋ “พวกเธอมันวุ่นวายจริงๆ”
“เป็นอันนี้ ต้องเป็นอันนี้แน่” ฉินหลิงอวี๋ถือแสงก้อนนั้นไว้แน่น เธอตะโกน “อาอิ๋ง รับนะ!”
เย่ว์ฝูอียกมือขึ้น ออกคำสั่ง “ตายซะ”
ตูม!
“เสี่ยวอวี๋” อวี้เสวี่ยเซิงคว้าตัวเธอได้ทันเวลา รีบออกจากอาณาเขตของวันพิพากษา
เห็นต้นไม้ใบหญ้าเหี่ยวเฉาพร้อมกัน ฉินหลิงอวี๋แทบหยุดหายใจ “น่ากลัวมาก”
มิน่าผู้วิเศษวันพิพากษาถึงเลือกแย่งชิงพลังของยมทูต
คืนชีพกับตายอยู่ในกำมือ ใครยังจะขวางได้
สายตาของอิ๋งจื่อจินจับจ้อง รับแสงก้อนนั้นไว้
แสงหายไปอย่างรวดเร็ว
และในเวลานี้เองที่ความทรงจำและพลังของอิ๋งจื่อจินฟื้นกลับมาทั้งหมด!
“บอกแล้วว่าฉันไม่ใช่แค่วันพิพากษา ยังเป็นยมทูตด้วย” เย่ว์ฝูอียกมือขึ้นอีกครั้ง “ฉันฆ่าวงล้อแห่งโชคชะตาไม่ได้ แต่ฆ่าพวกเธอมันง่ายเสียยิ่งกว่าง่าย”
แต่ดาบนี้ของเธอทำอันตรายพวกหลิงเหมียนซีไม่ได้แม้แต่น้อย
ราวกับถูกคลื่นพลังที่ไร้รูปร่างรับไว้ ขยับไปด้านหน้าไม่ได้
แววตาของเย่ว์ฝูอีเปลี่ยนไปเล็กน้อย รีบชักดาบกลับ
“นั่นสินะ” อิ๋งจื่อจินกำมือ สมองปรากฏภาพความทรงจำมากมายอีกครั้ง
เป็นอดีตที่ผ่านมานานมาก
ความทรงจำที่เป็นของเธอเพียงคนเดียว
เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้น “ฉันไม่ได้เป็นแค่วงล้อแห่งโชคชะตา”
พอได้ยินแบบนี้เย่ว์ฝูอีก็หันไป แสยะยิ้ม “เธอว่าไงนะ”
ไม่ใช่วงล้อแห่งโชคชะตา ยังจะเป็นใครได้อีก
แต่เธอเพิ่งหันไปก็รู้สึกเหมือนมีคลื่นพลังลงมาปกคลุมดุจฟ้าผ่านับไม่ถ้วน
ครืน!
เย่ว์ฝูอีปักดาบลงพื้นได้ทันเวลา ถึงขัดขวางไม่ให้ตัวเองคุกเข่าไปทางอิ๋งจื่อจินได้
แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนั้นสองขาของเธอก็งอลงแล้ว
สั่นเล็กน้อย
นี่คือบารมีที่ข่มผู้วิเศษทุกคน!
รวมถึงผู้วิเศษที่ถือกำเนิดสี่คนแรก
ไม่อาจต้านทานได้
เย่ว์ฝูอีเงยหน้าขึ้นทันที ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจสุดขีด
เท่าที่เธอรู้จักผู้วิเศษ เธอเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับอิ๋งจื่อจิน
แค่เปิดการกลับหัว พลังไม่ควรมากไปกว่าเธอถึงจะถูก
ก่อนหน้านี้เธอยังกังวลอยู่ว่าฟู่อวิ๋นเซินจะใช้พลังพิเศษ ตายไปพร้อมกันกับเธอ
แต่ตอนนี้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่!
วิ้ง
แสงอาทิตย์ทะลุผ่านท้องฟ้าที่มืดครึ้ม กลบความมืดมนไปหมด
แสงนั้นสว่างเจิดจ้าจนยากที่จะลืมตา
อิ๋งจื่อจินยืนอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์สีทองอ่อนๆ สูงส่ง สง่างาม มิอาจรุกล้ำ
ผู้นำของผู้วิเศษทั้งหมด
เดอะเวิลด์!