ตอนที่ 92 การฝึกภาคสนามของการต่อสู้ชิงตำแหน่งหัวหน้า 4
“บาร์บีคิวคือจิตวิญญาณแห่งการทำอาหารรอบกองไฟ มันจะประดับประดางดงามตาที่สุดในตอนที่พวกนายท่องธรรมชาติ!” สวี่หลิงอวิ๋นนึกถึงวันที่เธอกินบาร์บีคิวที่ร้านแผงลอยและดื่มด่ำแอลกอฮอล์ในชีวิตก่อนหน้านี้ คิดถึงมันมากเกินกว่าจะหาที่เปรียบได้
“มัวรออะไรกันอยู่? ทุกคนยืนขึ้น! ความลับอันแสนอร่อยของบาร์บีคิวนี้ก็อยู่ในขั้นตอนที่ทุกคนช่วยกันเสียบไม้นี่ละ!”
เหล่านักเรียนทั้งหลายไม่ได้พึ่งพาแขนกล ทว่ากลับลงมือทำกันเอง เปลี่ยนพลังดวงดาวให้เป็นมีด ตัดหนังสัตว์ ทำความสะอาดลำไส้และล้างเนื้อ จากนั้นจึงตัดออกเป็นเส้น
นักเรียนอีกกลุ่มหนึ่งกำลังยุ่งอยู่กับการตัดไม้เป็นท่อน ซึ่งจะมีลักษณะบางกว่าตะเกียบเล็กน้อย จากนั้นจึงเอาเนื้อเสียบบนแผ่นไม้นี้
นักเรียนทุกคนทำงานของตนเองตามคำบัญชาการอย่างเป็นระเบียบ
สวี่หลิงอวิ๋นเองก็ไม่ได้ว่างงานเช่นกัน เธอพลิกดูพืชปลอดสารพิษทั้งหลายที่เหล่านักเรียนหาเจอครั้งแล้วครั้งเล่า! รวมถึงเก็บผลไม้ป่าที่ไม่รู้จักชื่อเอาไว้
“รสชาตินี้? อืม เหมือนกับกุยช่าย? เก็บมันเอาไว้แล้วกัน!” สวี่หลิงอวิ๋นวางพืชป่าใบใหญ่ที่คล้ายคลึงกับใบไม้วางด้านข้าง สิ่งนี้สามารถกินเข้าไปได้โดยตรงหลังจากย่างกับเกลือเพียงเล็กน้อย
ลองดูอีกครั้ง เอ๊ะ! รสชาติของสิ่งนี้คล้ายกับผักชีหรือเปล่านะ? ไม่เลว! ผักชีนี้สามารถเอามาย่างได้
“เดี๋ยวก่อนนะ ทำไมรสชาตินี้ถึงคล้ายกับผงชูรสล่ะ?” สวี่หลิงอวิ๋นพบเข้ากับสมบัติล้ำค่าเข้าแล้ว!
“ฮ่า ๆๆๆ! นี่คือสมบัติล้ำค่าจริง ๆ!” สิ่งของที่คล้ายกับมอสส์มีกลิ่นเหมือนกับผงชูรสจริงด้วย ช่างน่าทึ่งมาก!
แทบจะสติแตก!
ลองตรวจสอบเพิ่มอีกหน่อย!
“สิ่งนี้ต้องเป็นพริกไทยแน่ ๆ! เจ้าสมบัติล้ำค่า!” สวี่หลิงอวิ๋นทำเสียง ‘จุ๊ ๆ’ ออกมาด้วยความประหลาดใจ
ผักป่าจำนวนมากมายมีรสชาติที่ใช้ได้เลยทีเดียว พวกมันสามารถนำเอามาห่อกับเนื้อได้ เมื่อล้างทำความสะอาดผักทั้งหมดนี้ แล้วให้นักเรียนบางส่วนห่อผักป่าพวกนี้เอาไว้ด้วยกัน เนื้อและผักพวกนี้สามารถนำมาทำชาบูได้
น่าเสียดายที่ปุ่มมิติกักเก็บของเธอถูกถอดออกไป ไม่เช่นนั้นคงเอาผงพริกทั้งหลายมาทำเป็นหม้อไฟได้
ทั้งเผ็ดทั้งอร่อย! ลงตัวเป็นอย่างมาก!
“ฉันลองกัดแล้ว มันคือมะนาว!” สวี่หลิงอวิ๋นลิ้มลองผลไม้ป่า และเกือบทำให้ฟันของเธอกร่อนเพราะรสเปรี้ยว!
น้ำมะนาวนี้สามารถนำเอามาชำระล้างกลิ่นคาวได้ จากนั้นผสมเกลือ พริกไทย ผงชูรสและอื่น ๆ เข้าด้วยกัน นำเอาเนื้อที่เสียบไม้ไปหมัก รอให้กองไฟลุกโชน เนื้อเสียบไม้อันแสนอร่อยนี้ก็จะสามารถเข้าไปในท้องของเหล่านักเรียนได้ เพื่อเติมเต็มท้องของพวกเขาให้อิ่ม
องค์หญิงสามไม่รีบไม่ร้อน ค่ายที่ควรจะโศกเศร้าเพราะขาดแคลนอาหารกลับเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงเชียร์ ทุกคนยิ้มแย้มอย่างมีความสุข
ตรงกันข้ามกัน สีแดงกลับน่าเวทนายิ่งนัก…
ลูกเทวดาพวกนี้จะรู้จักวิธีการสร้างบ้านได้อย่างไร? ในเมื่ออุปกรณ์หลายไม่สามารถนำมาใช้งานได้ แม้แต่อินเทอร์เน็ตยังถูกระงับ โชคดีที่ทางสถาบันการศึกษาให้เครื่องตรวจจับแก่พวกเขาเพื่อตรวจสอบว่าพืชชนิดไหนสามารถรับประทานได้บ้าง
ทว่าพวกเขาจะต้องการใช้มันเพื่ออะไร? ในเมื่อแต่ละคนทำอาหารไม่เป็นไม่ใช่หรือ?
ฉินหยวนและลุคต่างพาผู้ติดตามของตนเองออกไปล่า เผชิญหน้ากับเหยื่อที่เข้ามา แล้วจึงหันไปมองดูเหล่าผู้ติดตามของตนเอง ราวกับอยากจะถามพวกเขาว่าควรจะทำอย่างไรกับเนื้อชนิดนี้ดี?
ฉินหยวนและลุคต่างตกอยู่ในความเงียบงัน และครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ “ลอกเอาหนังของมันออกก่อนไหม?”
หนังถูกลอกออกอย่างรวดเร็ว ทว่าจะทำอย่างไรกับเนื้อต่อไปดี? พวกเขาไปเก็บฟืนต่อ แต่ทั้งสองกลุ่มเกือบจะต่อสู้กันเพียงเพราะต้องเก็บฟืน ท้องร้องดังต่อเนื่องด้วยความหิวโหย พวกเขาจึงยับยั้งความหงุดหงิดและความโกรธเคืองของตนเองเอาไว้ และแบกฟืนกลับไปยังค่าย
เนื้อทั้งหมดที่ถูกลอกหนังออกถูกโยนลงไปในหม้อ โดยไม่แม้แต่จะชำระล้างภายในลำไส้ และต้มมันภายในคราเดียว ลองจินตนาการดูว่าเนื้อชิ้นนี้จะมีรสชาติอย่างไร พวกเขาไม่มีความคิดแม้แต่จะใส่เกลือลงไปด้วยซ้ำ!
ชาวเน็ตทั้งหลายมองดูการกระทำของทั้งสองฝั่ง ขณะที่ศีรษะของพวกเขาส่ายไปมา
“ดูองค์หญิงสามสิ เธอเปลี่ยนค่ายให้เห็นสรวงสวรรค์แห่งอาหารอันโอชะ หึหึ แล้วมองดูฝั่งสีแดง โธ่เอ๊ย! สงสารผู้ติดตามพวกนั้นจังเลย”
“สงสัยจังว่าองค์หญิงสามจะเปิดแชร์รสชาติอาหารหรือเปล่านะ? เฮ้! ฉันซื่อบื้อเอง! องค์หญิงสามไม่สามารถเปิดแชร์ได้นี่นา”
“ได้โปรดเปิดแชร์รสชาติอาหารให้คนเบื้องหลังด้วย! หรือให้สิทธิ์การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตกับองค์หญิงสาม ให้พวกเราลิ้มลองรสชาติว่าบาร์บีคิวมันมีรสชาติเป็นยังไง!”
“กิน ๆๆ! รู้จักกิน องค์หญิงสามกินเก่งมากจริง ๆ แต่การทำสงครามไม่ได้แก้ด้วยการกิน ฉันคิดว่าฝั่งสีแดงจะชนะ!”
“ฝั่งสีแดง? เธอล้อเล่นหรือเปล่า? ฮ่า ๆๆ! ฉันจะรอพวกเธอตบหน้าตัวเอง!”
“อยากได้รับชัยชนะด้วยคนแค่สองพันคนหรือไง? บ้าน่า! พวกเรามารอดูกัน!”
………
ชาวเน็ตต่างยืนกรานในความคิดเห็นของตนเอง ทั้งสองฝ่ายยังคงยึดมั่นตามวิถีทางของตนเองบนหน้าจอ
สวี่หลิงอวิ๋นขอให้คนจำนวนสิบคนจับกันเป็นกลุ่มเพื่อให้พวกเขาก่อกองไฟ โดยไม่ใช้เครื่องจักรกล เนื่องจากพลังงานมีอยู่อย่างจำกัด พวกเขาจึงต้องประหยัดพลังงานให้มากเท่าที่จะสามารถประหยัดมันได้ และไม่สิ้นเปลือง
เนื้อสำหรับเสียบไม้นั้นมีเพียงพอ ถ้าเกิดมีไม่เพียงพอ ก็ยังคงมีเนื้อเสียบไม้มากมายอยู่ในถังขนาดใหญ่รอเหล่านักเรียนอยู่
กองไฟที่ลุกโชนพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ดังก้อง กลิ่นของบาร์บีคิวลอยตลบอบอวลไปทั่วค่าย ซึ่งเป็นกลิ่นของรสชาติที่แสนอร่อย
ครั้นน้ำมันหยดลงไปในกองไฟ เปลวเพลิงก็ปะทุขึ้นเป็นครั้งคราว ซึ่งทำให้เหล่านักเรียนประหลาดใจ อันเนื่องมาจากไม่มีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน
ราวกับท่องเวลาย้อนกลับไปเมื่อหลายพันปีก่อน เพื่อสัมผัสวิถีชีวิตของมนุษย์ยุคโบราณ
เมื่อเนื้อสุกแล้ว จึงเอาเข้าปาก ถึงแม้ว่าจะไม่มีผงพริกมากระตุ้นต่อมรับรสชาติ แต่บาร์บีคิวนี้กลับทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจเสียจนลืมพูดจา รู้เพียงแต่การเอาสิ่งนี้ใส่เข้าไปในปากอย่างเดียว
“อืม อร่อยมาก!”
เหล่านักเรียนกินกันเต็มปากเต็มคำ ในแต่ละกลุ่มจะมีจำนวนสิบคน พวกเขาทุกคนไม่สามารถหยุดกินได้ และในไม่ช้าเนื้อเสียบไม้ของทีมพวกเขาก็ถูกกินจนหมด
เมื่อมองดูสมาชิกในกลุ่มอื่น พวกเขาวิ่งไปหาถังเพื่อหยิบเนื้อเสียบไม้ที่หมักเกลือเอาไว้ โดยที่ยังไม่กลืนอาหารในกระพุ้งแก้มของตนเองด้วยซ้ำ
“บัดซบ ทำเกินไปแล้ว!” เหล่านักเรียนลุกขึ้นและไปหยิบเนื้อเสียบไม้!
การกระทำลับหลังยังคงดำเนินต่อไป และสวี่หลิงอวิ๋นที่คิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรก็ยังคงไม่สนใจ
เงยหน้ามองดูท้องฟ้า ทางช้างเผือกที่เจิดจรัส เธอกำลังมองหาดาราจักรที่คล้ายคลึงกับชาติที่แล้วของเธอ ไม่มี…ไม่มีอะไรทั้งสิ้น
“ท้องฟ้ายามค่ำคืนเยือกเย็นราวกับสายน้ำ นอนลงและมองดูดาวหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้า”
คงจะไม่ได้เห็นดาวฤกษ์นี้อีกในอนาคต แต่ก็ช่างเถอะ
หลังจากกินและดื่มจนเพียงพอแล้ว เหล่านักเรียนต่างไม่เต็มใจที่จะเข้านอนเร็วนัก พวกเขาจึงขอร้องให้องค์หญิงสามร้องเพลงให้พวกเขาฟัง
“ร้องเพลง?” สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้า “ได้เลย! ฉันจะให้พวกนายได้ฟังเสียงร้องเพลงจากองค์หญิงของพวกนาย แล้วพวกนายจะลืมไม่ลงเลยล่ะ”
สวี่หลิงอวิ๋นครุ่นคิดและเริ่มร้องเพลง ‘ความสะพรั่งลับเลือน’
“เพลงนี้เป็นเพลงประกอบรายการละครโทรศัพท์ที่ฉันชื่นชอบเป็นพิเศษ แน่นอนว่าพวกนายคงไม่เคยดูมันมาก่อน” สวี่หลิงอวิ๋นถอนหายใจ ได้แต่สงสัยว่าป่านนี้พี่หูเกอของเธอจะปลอดภัยหรือไม่? ถ้าเกิดว่าปลอดภัย จะได้เจอเนื้อคู่สมใจไหม?
ยังคงจำได้ว่าใน ‘มหาบุรุษพลิกแผ่นดิน’ หลินซูต้องเผชิญหน้ากับหญิงผู้เป็นที่รัก ทว่าแสร้งทำเป็นไม่รู้จัก ความรักในใจจึงถูกฝังไว้กับความรักและความแค้น